วันเสาร์
เวลา 09.30นาที
วันนี้พวกเรานัดรวมตัวกันที่สาขาเครื่องกลเพื่อเตรียมการแสดงในการประกวดดาวเดือนคณะวิศวกรรม เพื่อนๆ เริ่มมากันหลายคนแล้ว
“ไอ้ฟองทำไมสภาพแกเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืนเลยว่ะ”ตอนนี้พวกเราที่มาถึงแล้วก็นั่งรวมกันอยู่ใต้อาคาร ภายในใต้อาคารจะมีโต๊ะชุดยาวเรียงเต็มใต้ตึกเพื่อเอาไว้ให้นักศึกษานั่งรอเข้าเรียนหรือทำกิจกรรมต่างๆภายในสาขา
“ก็เออนะสิคือเมื่อคืนตอนกลับจากร้านนั่งชิวฟองเจอพี่หมอพะนาย”ฉันหันไปตอบติวเตอร์แล้วฟุบหลับลงกับโต๊ะ ง่วงนอนมากแต่ต้องอาบน้ำแต่งตัวตอนเก้าโมงเพื่อมานั่งอยู่ใต้ตึกสาขา ตอนเก้าโมงครึ่งโถชีวิตนักศึกษาวิศวะ
“มันเกี่ยวอะไรกับพี่หมอพะนายวะ”แสตมป์สายเผือก ถามขึ้นแล้วมันก็ตักข้าวเซเว่นที่ซื้อมากินไปจนเต็มปาก
“กะ...ก็คือแบบว่า…” จากที่ง่วงหายเป็นปลิดทิ้งกลายเป็นเขินแทนเลยทีนี้
“ว่าอะไรเล่ามา!” ประสานเสียงพร้อมกันเลยนะเพื่อนติวเตอร์เพื่อนแสตมป์
“คือเมื่อคืนที่เจอพี่หมอพะนายแล้วพี่เขาก็บอกฝันดีฟอง…”เล่าเป็นฉากๆ เลยที่นี่ เขินจนหน้าร้อนไปหมดบิดตัวจนจะตกโต๊ะอยู่แล้ว
“แล้วตกลงเมื่อคืนได้กันยังว่ะ”ไอ้แสตมป์จำเป็นต้องพูดเสียงดังจนเพื่อนที่มาจะครบแล้วหันหน้ามามองฉันด้วยสายตาแบบล้อเลียน บางคนสงสัย บางคนอึ้งไปเลยก็มี เพื่อนๆในสาขาจะมองฟองจันทร์คนนี้เป็นคนยังไงแล้วเนี้ย
“โอ๊ยจะเสียงดังทำไมเนี้ยไอ้แสตมป์ อายเพื่อนๆคนอื่นหน่อย”ลุกขึ้นโวยวายสิ ถึงฟองจันทร์คนนี้จะเป็นคนกล้าไม่ค่อยจะอายเป็นแต่ถามเรื่อง18+ เสียงดังขนาดนี้เป็นใคร ใครก็อายหรือเปล่าวะ
“ฮ่าๆอายทำไมเรื่องปกติ” ยังๆมันยังหน้าด้านต่อไป พอเห็นฉันทำหน้าโกรธจริงจังมันทำเป็นเฉไฉไปกินข้าวต่อ
“เอาละทุกคนมากันครบแล้วนะ เงินที่จะเก็บในการนำมาซื้ออุปกรณ์ด้านต่างๆ เป็นเงินคนละ 150 บาทนะที่เก็บแพงหน่อยเพราะสาขาพวกเราคนน้อย มีใครขัดข้องอะไรไหม”ติวเตอร์ยืนขึ้นแล้วพูดกับพวกเราทุกคน สำหรับฉันถือว่าโอเคอยู่ในระดับที่ไม่แพงเกินไป
“โอเคไม่มีปัญหา”หลังจากนั้นก็มีการแบ่งเงินไปซื้อของและเช่าชุด ส่วนคนที่ไม่ได้ไปซื้อของก็นั่งรอเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง ฉันก็นอนสิขอเวลาดาวสาขาพักผ่อนก่อนนะเพื่อนๆ
“เธอเธอเรานั่งด้วยคนได้ไหม”เสียงผู้ชายทุ่มออกหวานเดินมาสะกิดข้างหลังฉันที่กำลังหลับจนน้ำลายไหล
“ได้ๆตามสบาย”ฉันที่ฟุบหลับอยู่ตอบด้วยเสียงที่ติดจะอู้อี้ แล้วหลับต่อไม่สนใจคนที่มาขอนั่งด้วย ตอนนี้ทั้งโต๊ะน่าจะมีฉันที่ฟุบหลับอยู่คนเดียว ติวเตอร์กับแสตมป์ไปซื้อของ นิดหน่อยป๋องแป้งไปเช่าชุด ฟองจันทร์นอนรอซ้อมบททองกวาว
“เธอไปอดหลับอดนอนมาจากไหนเนี้ย” เสียงผู้ชายคนนั้นยังคงถามฉันที่สติกำลังจะลืมเลือนไปเฝ้าพระอินทร์คนจะนอนยังจะมาพูดรบกวนอีกใครวะเนี้ย ไหนขอดูหน้าหน่อยเดี๋ยวจะด่าให้ไม่กล้าเข้าใกล้เลย
“นี่นายคนจะ…”'หลับจะนอนมีมารยาทหน่อย' ประโยคนี้ถูกกลืนไปในลำคอเลย หยุดพูดไม่จบประโยคค้างกลางอากาศ ผู้ชายรูปร่างสูงหุ่นดี ผิวขาว หน้าตาลูกครึ่งฝรั่ง ใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนขาดนิดๆสีเข้ม นั่งยิ้มหน้าทะเล้นให้กับฉันอยู่
“ไงฟองจันทร์ว่าที่ดาววิศวะปีนี่” ผู้ชายที่พูดอยู่เขาคือไบเลย์เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษเป็นเดือนของสาขาปิโตรเลียมเคมี ไบเลย์จัดว่าเป็นตัวเก็งในการเป็นเดือนคณะวิศวกรรมปีนี้เลยเพราะถือว่าเป็นผู้ชายลูกครึ่งที่มีครบทั้งหน้าตาและความสามารถแถมบ้านรวยมากทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน เห็นเพื่อนๆ เขาเล่าลือกันมา (เพื่อนคนนั้นก็คือป๋องแป้งกะเทยคนเดียวของสาขาเครื่องกล เรื่องผู้ชายหล่อๆ นางรู้หมด)
“สวัสดีมาทำอะไรที่นี่เหรอ” เราเคยเจอกันตอนที่ไปถ่ายรูปโปรโมทดาวเดือนของแต่ละสาขา ไบเลย์จัดว่าเป็นคนที่อัธยาศัยดีมากคนหนึ่งเขาชอบมานั่งคุยกับฉันและแสตมป์
“ไอมาหาแสตมป์ ไลน์หามันบอกให้มารอที่นี่”
“อ่อไปซื้อของทำอุปกรณ์กับติวเตอร์ เดี๋ยวก็กลับมา” จากที่ง่วงก็ไม่ได้นอนต่อละนั่งคุยกับไบเลย์จนไอ้แสตมป์กับติวเตอร์มันกลับมา จากนั้นไบเลย์ก็นั่งคุยกับแสตมป์ต่อ แต่ทำไมรู้สึกว่าไบเลย์หันหน้ามามองฉันบ่อยๆ นะ อะไรติดหน้าหรือเปล่าเนี้ย
“คุณลูกสาวของขุนแม่มาลองชุดเร็วๆ นี่เจ้ออมเจ้าของร้านให้เอามาลองก่อนได้ค่อยตัดสินใจเช่า ขุนแม่เอามา3ชุดน่าจะถูกใจสักชุด” ป่องแป้งตอนนี้เปลี่ยนจากเลือกชื่อฉันเป็นขุนแม่กับลูกสาวแล้วไม่แอ๊บแมนแล้วเขารู้กันหมดแล้วว่ามันเป็นกะเทย เลยจัดเต็ม
“โอเคๆ ไปกัน” จากคนที่ได้เป็นนักแสดงก็ไปลองชุดที่ขุนแม่ป๋องแป้งจัดหามา ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น ทั้งบางคนใส่ไม่ได้เพราะตัวเล็กไปบางคนใส่ไม่ได้เพราะตัวใหญ่ไปกว่าจะลงตัววุ่นวายกันใหญ่
“.....Trrrrrrrrrr.....” เสียงโทรศัพท์ของฉันที่วางอยู่โต๊ะดังขึ้น ใครโทรมานะกำลังวุ่นวายอยู่กับการลองเสื้อที่มันหลวมไปเนี้ย
“สวัสดีค่ะ ฟองจันทร์พูดค่ะ” ฉันกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้ดูก่อนว่าเป็นเบอร์ใครที่โทรเข้ามา
“รู้แล้วครับว่าเป็นน้องฟองจันทร์พูด” เฮ้ยเสียงพี่หมอพะนายนี่หน่า รีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอคนที่โทรเข้ามาทันทีเบอร์ที่หมอพะนายจริงๆ
“พี่หมอพะนายมธุระอะไรกับฟองจันทร์เหรอคะ” กลั่นใจถามออกไปพยายามไม่ให้เสียงสั่น ตั้งสติเข้าไว้ไอ้ฟอง
“อยู่ไหนครับ ทำไมไม่อยู่ห้อง” เสียงเข้มมาเชียวนะคะพี่หมอ
“ฟองมาซ้อมดาวเดือนที่จะประกวดดาวเดือนคณะอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าค่ะ”
“หะว่าไงนะฟองจันทร์ประกวดดาวคณะเหรอ”
พี่หมอพะนายตะโกนเสียงโหดมากจนฉันเกือบทำโทรศัพท์หลุดออกจากมือเขาเป็นอะไรเนี้ยแค่ประกวดดาวคณะมันแปลกตรงไหน ก็คนมันสวย (มั่นใจในตัวเองม๊ากกกก)
“ค่ะฟองประกวดดาวคณะ ได้แสดงละครมนต์รักลูกทุ่งด้วยนะคะพี่หมอพะนาย” ใจดีสู้เสือไว้ก่อนถึงเขาจะทำเสียงโหดมาแต่ฉันกับตอบเขาอย่างภาคภูมิใจที่ได้เล่นเป็นนางเอกมนต์รักลูกทุ่ง
“อะไรนะมนต์รักลูกทุ่งมันคืออะไรนะครับ” เสียงพี่หมอพะนายเหมือนได้ยินสิ่งมหัศจรรย์ของโลกสิ่งใหม่อะไรแบบนั้น
“นี่พี่หมอพะนายไม่รู้จักมนต์รักลูกทุ่งเหรอคะ” อึ้งมากละครเข้าดังมากแถมมีร้องเพลงลูกทุ่งด้วยนี้เขาไม่รู้จักจริงๆ เหรอ
“ไม่อะพี่ไม่เห็นเคยได้ยินเลย”
“งั้นวันประกวดอีกสองอาทิตย์ถ้าพี่หมอพะนายว่างมาดูฟองแสดงก็ได้นะคะ” ไอ้ฟองไม่ได้อ่อยนะแค่บอกว่าถ้าว่างแค่นั้นเองนะ
“แต่พี่ว่างวันนี่น้องฟองจันทร์อยู่ไหนพี่จะไปหาแล้วเรากินข้าวยังครับ”
“ฟองอยู่ที่มอค่ะอยู่ตึกสาขาเครื่องกล ส่วนข้าวยังไม่ได้กินลองชุดสำหรับแต่งตัวแสดงอยู่ค่ะ” ฉันนั่งคุยกับพี่หมอพะนายจนลืมไปแล้วว่าอยู่ห้องน้ำกำลังลองชุดอยู่
“ลูกสาวลองสุดเป็นไงโอเคหรือยัง ติวเตอร์ให้มาตามไปซ้อมบทเร็วๆ เดี๋ยวองค์ลงท่านประธานสาขาค่ะ” เสียงป๋องแป้งตะโกนมาจากหน้าห้องน้ำ
“เอ่อพี่หมอพะนายงั้นฟองวางสายก่อนนะคะ”
“ครับเดี๋ยวไปซื้อข้าวไปให้”
“ไม่เป็นไรดีกว่านะคะ แค่นี้นะคะพี่หมอ”
“ครับ” หลังจากวางสายจากพี่หมอพะนายฉันก็เดินเอาชุดไปให้ป๋องแป้ง แล้วก็ไปซ้อมบทกับแสตมป์ที่ซ้อมกับนิดหน่อยอยู่ก่อนแล้ว
“ไงฟองจันทร์กินข้าวเที่ยงหรือยัง มีสปาร์เก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเลของโปรดแกด้วยนะ ไอ้ไบเลย์ไปซื้อมาให้ ไม่รู้มันใจป๋ามาจากไหนสาขาตัวเองไม่ไปเลี้ยง แต่กลับมาเลี้ยงพวกเราฮ่าๆ”
“อ้าวจริงดิแล้วไบเลย์ไปไหนแล้วเหรอ” บอกแล้วว่าไบเลย์รวยจริงอะไรจริง
“เพื่อนสาขามันโทรเรียกไปซ้อมละครแล้ว เอาไงจะกินก่อนหรือจะซ้อมต่อบทก่อน” แสตมป์เดินเข้ามาถามฉันที่นั่งอยู่โต๊ะเดิมที่นอนไปเมื่อเช้า
“ต่อบทก่อนแล้วกันก็ได้ เสร็จพึ่งกินขนมไปตอนพวกแกออกไปซื้อของยังไม่ค่อยหิวมาก” จากนั่งพวกเราก็เริ่มซ้อมโดยมีติวเตอร์ควบคุมและด่าพวกเราเมื่อเล่นไม่ถูกใจมัน บางทีอยากเดินไปตบหัวมันชักที คนเล่นนี้ร้องเพลงคิดว่าเพาะแล้วมันบอกร้องใหม่รอบที่สามแล้วไอ้เพื่อนเลว
“ไงทุกคนเตรียมการแสดงไปถึงไหนแล้ว” เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่หน้าโจรป่าพี่รหัสเขาไงจะใครละเดินนำเพื่อนๆ เขามา แต่เดี๋ยวนะผู้ชายที่เดินถือถุงอะไรชักอย่างมาสองสามถุงเดินมาเป็นคนสุดท้ายเลย
“ตอนนี้เรื่องเครื่องแต่งตัวนักแสดงได้ครบหมดแล้วครับ แล้วก็กำลังซ้อมบทละคร ส่วนฉากพวกไอ้บิ๊กกำลังทำอยู่ตรงนู้นครับเฮียคิง” ไม่รู้ติวเตอร์ไปสนิทกับพี่คิงตอนไหนเรียกเฮียชะสนิทสนมกันเชียว
“เอ่อๆ ดีๆ แล้วนี่ก็กะจะมาดูเผื่อมีอะไรให้พวกพี่ช่วยในฐานะรุ่นพี่สาขาเดียวกัน” พี่คิงพูดแล้วก็เดินไปนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่พร้อมรุ่นพี่สาขาของฉัน
“ฟองจันทร์กินข้าวหรือยังครับ พี่ซื้อก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวผัดกุ้ง แล้วก็มีโดนัทมาหนึ่งกล่อง” พี่หมอพะนายชูถุงอาหารที่ซื้อมาในมือให้ฉันดูในขนาดที่ฉันยืนอึ้งไม่คิดว่าเขาจะซื้อมาจริงๆ
“อะเอ่อยังไม่ได้กินค่ะ งั้นติวเตอร์ฟองขอพักกินข้าวก่อนนะ” ฉันตอบพี่หมอพะนายไป แล้วหันหน้ากลับไปบอกติวเตอร์ที่ยืนคุยกับพี่คิงอยู่
“โอเคงั้นทุกคนพักกินน้ำกันก่อนร้องเพลงมานานแล้ว” จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายไปดื่มน้ำ ส่วนฉันก็เดินตามหลังพี่หมอพะนายไปนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ ก่อนที่จะเดินไปถึงไอ้แสตมป์เดินมากระซิบฉัน
“เอาไงดีมีแต่ลูกครึ่ง ทั้งฮ่องกงทั้งฝรั่งฮอตจริงว่าที่ดาวคณะวิศวะ” กระซิบฉันเสร็จก็เดินไปหาติวเตอร์เลยแหม่ล้อกันจังเลยนะไอ้เพื่อนบ้า
“ฟองจันทร์จะกินอะไรระหว่างข้าวผัดกุ้งกับก๋วยเตี๋ยวเรือหรือจะกินทั้งสองอย่างเลย” พี่หมอพะนายถามฉันขนาดที่เขากำลังก้มหน้าก้มตาแกะถุงก๋วยเตี๋ยวใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ สงสัยจัง ไปเตรียมมาจากไหนพร้อมเชียวฉันกำลังจะตอบว่าจะกินอะไร อยู่ๆ แสตมป์มันก็เดินถือกล่องอาหารเข้ามาหาฉัน
“อ่ะสปาเกตตีผัดขี้เมาทะเลของโปรดแกที่ไอ้ไบเลย์ซื้อมาฝาก” สะตั้นไปเลย มองหน้าพี่หมอพะนายที่ทำหน้านิ่งมาก เอาไงดีไอ้ฟอง
“ตกลงจะกินอะไรดีครับ” พี่หมอพะนายพูดเสียงต่ำแล้วเหมือนกดดันฉันทางอ้อมเลยอ่ะไอ้ตัววางระเบิดมันเอาสปาเกตตีผัดขี้เมาทะเลของโปรดฉันมาวางไว้ข้างๆ ถ้วยก๋วยเตี๋ยวเรือ แล้วก็เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฟะฟองจะกินทุกอย่างเลยค่ะ” เพื่อตัดปัญหากินทุกอย่างเลยแล้วกันเนอะ น่าอร่อยทุกอย่างเลย
“งั้นกินดิ๊!” ทำไมต้องทำเสียงโหดใสเขาด้วย ไอ้ฟองกลัวแล้วนะฉันทำหน้าหวาดๆ แล้วเลือกตักก๋วยเตี๋ยวเรือเข้าปากเป็นทำแรก
“พะพี่หมอกินด้วยกันนะคะ” ยิ้มหวานให้ไปก่อนแล้วกัน
“ครับกินเยอะๆ นะยัยขี้เมาของเฮียยิ่งผอมอยู่ด้วย” เขาเรียกฉันเหมือนวันที่บอกฝันดีอีกแล้ว และดูท่าจะอารมณ์ดีขึ้นมากๆ กว่าเมื่อกี้ สงสัยจะโมโหหิวที่ฉันชักช้าละมั้ง
“รับทราบค่ะเฮียหมอพะนาย” ฉันพูดกวนๆ กลับไปขนาดที่เริ่มตักสปาเกตตีผัดขี้เมาทะเลของโปรดเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“แหมไปนั่งกินข้าวอยู่สองคนมุ้งมิ้งกันเชียวนะไอ้พะนาย นี่แกไปกุ๊กกิ๊กกับน้องรหัสฉันตั้งแต่เมื่อไรว่ะ” หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ฉันก็เดินมารวมตัวกับเพื่อนๆ เพื่อจะซ้อมละครมนต์รักลูกทุ่งต่อ ส่วนพี่หมอเขาก็เดินไปนั่งกับพี่คิง พี่หน้าโจรป่าของฉันก็เริ่มแซวเพื่อนเขาเลย
“ไม่ได้กิ๊กอะไรทั้งนั้นแหละแกเงียบไปเลยน้องๆ เขาจะซ้อมละครกันอย่ารบกวนคนอื่นเขา” พี่หมอพะนายพูดปรามให้พี่คิงหยุดแซว แต่ทำไมหูเขามันแดงๆ เหมือนคนเขินเลย
“หึทำเป็นเฉไฉนะไอ้เสือ!” พี่คิงยังคงพูดเหน็บแนมพี่หมอว่าแต่ ‘เสือ’ เหรอมันหมายความว่าไงนะ ทำไมพี่คิงเรียกพี่หมอพะนายแบบนั้น
จากนั้นฟองจันทร์คนนี้ก็ซ้อมละครมนต์รักลูกทุ่ง ที่พี่หมอพะนายเหมือนเคยดูเป็นครั้งแรกในชีวิตแต่ทำไมพี่หมอเล่นจ้องแต่ไอ้ฟองคนเดียวเนี้ยเขินนะ
“มีสติหน่อยไอ้ฟองแกร้องผิดอีกแล้วนะ ตั้งใจหน่อยสิเพื่อนจะได้เลิกก่อนทุ่มหนึ่ง” เสียงไอ้ติวเตอร์ตะโกนมาในขนาดที่ฉันกำลังร้องเพลงอยู่ คนบ้าอะไรหน้าตาก็ว่าหวานเหมือนผู้หญิงแล้วพอได้พูดนี่ปากจัดชะมัด
“เอ่อๆ เข้าใจแล้วค่ะท่านประธานสาขาเพื่อนจะพยายาม!”
...............................................................................................
เม้นเป็นกำลังใจให้ไรต์เตอร์หน่อยนะเขาคือใครนะมาลุ้นกัน