LOGINฉันนั่งซักผ้าที่ระเบียง จะซักมือเฉพาะเสื้อนักศึกษาและชุดชั้นใน นอกนั้นเอาลงไปซักที่เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญข้างล่างตามปกติ
ปัทม์เคลียร์กับคนชื่อแป๋วอยู่ในห้อง ฉันได้ยินแค่เสียงแว่วๆ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน จนฉันซักผ้าเสร็จ กำลังตากผ้า ปัทม์ก็เปิดประตูเดินออกมาที่ระเบียง แป๋วเดินตามมาติดๆ ร้องไห้กอดปัทม์จากด้านหลัง ปัทม์มองมาที่ฉันไม่พูดอะไร หันหน้าไปกอดแป๋วเอามือตบหลังแป๋วเพื่อปลอบใจ
‘ค่อยสมกับเป็นลูกผู้ชายหน่อย รู้จักรับผิดชอบลูกเมีย’ ฉันคิดไปก็รู้สึกเจ็บในใจ เพราะปัทม์เคยเสนอตัวรับผิดชอบฉัน
‘ตัวประกอบอย่างเรา จะสู้นางเอกของเขาได้ยังไง’
ฉันตากผ้าเสร็จก็เดินกลับเข้าห้องอย่างปลงๆ ยืนส่องกระจกดูตัวเอง หน้าตาธรรมดา ไม่ได้เด่นอะไร หุ่นอวบอ้วน แขนใหญ่ขาใหญ่ มีพุงแต่ไม่ได้ย้วยออกมาจนน่าเกลียด ดีที่สูง ไม่งั้นคงตันและดูไม่ได้กว่านี้
‘แบบนี้ใครเขาจะรักเราจริง’
*********************
หลังจากเหมือนดาวเข้าห้องไปแล้ว ผมพาแป๋วมานั่งคุยที่ห้อง เดินนำไปนั่งที่โซฟากลางห้อง
“เมื่อกี๊แป๋วพูดอะไรนะ?” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“เราท้องกับปัทม์”
“ได้ไง? ผมป้องกันตลอด” ผมถามเสียงดัง แป๋วอึกอักไม่ยอมตอบในตอนแรก
“ว่าไง?”
“ไม่รู้สิคะ ถุงยางรั่วมั้ง” แป๋วพูด
“แป๋วรู้ใช่ไหมว่าผมไม่ได้โง่ ....แป๋วต้องการอะไร” ผมพูดตรงๆ
“เราไม่ได้ท้องหรอก เราแค่อยากกลับมาคบกับปัทม์” แป๋วสารภาพ ผมโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
“ผมบอกกับคุณไปแล้ว เราเคลียร์กันจบแล้วนะแป๋ว”
แป๋วร้องไห้ ไม่ยอมพูดอะไรอยู่สักพัก แล้วเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำต่อ ก่อนจะค่อยๆ เงียบไป ได้ยินเสียงเหมือนเปิดน้ำล้างหน้า แล้วแป๋วก็เดินออกมา
“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ เหรอปัทม์” แป๋วเดินมานั่งบนตักเอามือคล้องคอผมไว้
“ผมมีคนที่ผมชอบแล้ว” ผมพูดตรงๆ ไม่อยากให้ความหวังใคร แล้วดันแป๋วออกจากตักให้ลงไปนั่งข้างๆ แทน
“เรารักปัทม์นะ” ผมรู้ว่าแป๋วหมายถึงรักหน้าตาและฐานะของผมมากกว่า
“แป๋วครับ แป๋วเป็นคนสวย จะหาแฟนอีกกี่คนก็ได้ แต่ไม่ใช่ผม.... ผมมีคนในใจแล้ว ผมไม่อยากให้เธอเสียใจ” ที่จริงผมจะไล่เธอออกไปจากห้องตรงๆ เลยก็ทำได้ แต่ไม่อยากให้มีปัญหามาให้แก้ทีหลัง คราวนี้เลยต้องใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
“อีกอย่างแป๋วก็รู้ว่าที่บ้านให้ผมใช้เงินอย่างจำกัด ทุกเดือนนี้ผมแทบจะไม่ได้ออกไปไหน ผมไม่มีปัญญาซื้อความสุขกับคุณได้หรอก”
แป๋วฟังผมอธิบาย นั่งคิดสักพักแล้วถอนหายใจ
“มันเป็นไปไม่ได้แล้วจริงๆ ใช่ไหมค่ะ?” แป๋วน้ำตาไหลอีกรอบ ผมลุกเดินออกไปที่ระเบียง เห็นเหมือนดาวกำลังตากผ้าอยู่ แป๋วเดินตามมากอดผมจากด้านหลัง ร้องไห้เสียใจ ผมตัดสินใจหันไปปลอบแป๋ว เหมือนดาวมองภาพนั้นแล้วเดินเข้าห้องไป
“งั้นแป๋วกลับแล้วนะคะ ขอโทษที่มารบกวน” แป๋วเดินไปแล้วหันหน้ามาลอบมองผมบ่อยๆ เหมือนอยากให้ผมรั้งเอาไว้
“เดี๋ยวผมเดินไปส่ง” แป๋วทำหน้าอาลัยอาวรณ์ ผมเดินไปส่งแป๋วที่หน้าลิฟต์แล้วตัดสินใจไปหยิบถุงบะหมี่มาแล้วเดินไปเคาะห้องเหมือนดาว
สักพักเหมือนดาวก็แง้มดู พอรู้ว่าเป็นผมก็ดันประตูจะปิดแต่ผมเอามือสอดกันเอาไว้เลยโดนหนีบไปเต็มๆ
“โอ้ย!!!” เหมือนดาวเปิดประตูออกแล้วจับมือผมยกขึ้นดู
“เจ็บมากไหม?” เหมือนดาวพลิกมือผมไปมา ก้มหน้าถาม
“....”
“เราถามว่าปัทม์เจ็บมากไหม?” เหมือนดาวเงยหน้าขึ้น สบตาผมที่กำลังยิ้มมองเธอ แล้วทิ้งมือผมลง
“คราวหลังก็อย่าทำอะไรแบบนี้อีก คิดได้ยังไงเอามือมากันประตู” เหมือนดาวเปลี่ยนจากห่วงใยเป็นดุผมทันที
“เราจะมากินบะหมี่ห้องเหมือนดาว” ผมพูดแล้วแทรกตัวเข้าไปในห้อง โดยไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง
“ใครอนุญาตให้เข้ามา?” เหมือนดาวถาม
“เย็นหมดล่ะ เดี๋ยวเวฟให้อุ่นๆ” ผมเปลี่ยนเรื่องแล้วแกะน้ำซุปกับบะหมี่ใส่ถ้วยเข้าตู้ไมโครเวฟ
เหมือนดาวไม่พูดอะไรต่อคงเอือมระอา รู้ว่าผมคงไม่ยอมกลับห้องดีๆ แน่ นี่คือนิสัยน่ารักอีกอย่างของเหมือนดาว เธอจะไม่โวยวายเกินงาม ไม่ชวนต่อปากต่อคำให้ยืดยาว จะประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ววางตัวได้อย่างชาญฉลาด
เหมือนดาวหยิบเอกสารมาอ่านแล้วใช้ปากกาไฮไลท์ข้อความสำคัญไว้ ผมหยิบถ้วยแรกออกจากตู้ไมโครเวฟ แล้วอุ่นถ้วยที่สองต่อ พอถ้วยที่สองอุ่นเสร็จ ผมก็ยกมาวางไว้ที่โต๊ะ เหมือนดาวยังสนใจแต่เอกสารตรงหน้า ไม่ยอมแตะบะหมี่ตรงหน้า
ผมเดินไปหยิบแก้วมาเทน้ำแล้วมาวางไว้ข้างๆ ถ้วยบะหมี่ สักพักเหมือนดาวก็วางเอกสารลง ก้มลงกินบะหมี่ตรงหน้า ผมเลยเริ่มทานบ้าง พอทานเสร็จผมก็ยกถ้วยกับแก้วไปเก็บ และล้างให้ด้วย ถึงตอนนี้เหมือนดาวก็ยังไม่ยอมพูดกับผมสักคำ
“เหมือนดาว กับแป๋วเราเคลียร์จบแล้วนะ”
“อืม” เหมือนดาวตอบ ในมือก็ถือเอกสารชุดเดิมขึ้นมาอ่านต่อ
“คือแป๋วเขาไม่ได้ท้องนะ เขาอ้างไปงั้นแหละ เพราะอยากกลับมาคบกับเรา แต่เราปฏิเสธไปแล้วนะ เราบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว เหมือนดาวเชื่อเรานะ” ผมอธิบาย
เหมือนดาวเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือ ผมแอบสังเกตแววตาดีใจอยู่แวบหนึ่ง หรืออาจจะตาฝาดไปก็ได้
“แล้วมาบอกเราทำไม?”
“ก็คนๆ นั้นที่เราชอบก็คือเธอ”
“เอาตรงๆ นะปัทม์ เราจะพูดกันให้จบๆ ไปเลย”
“อืม”
“ถ้าจะจีบเราเพราะความรับผิดชอบอะไรนั่น ไม่จำเป็นนะ เราไม่ต้องการ หรือว่าแค่อยากลองของแปลก อยากเก็บไว้ในคอลเลคชั่นสาวๆ นายก็ได้เราไปแล้วตั้งสองครั้ง หรืออยากให้เราติวให้ก่อนสอบ เราก็ติวให้ได้เสมอนะ เราคิดว่าเราไม่มีอะไรจะให้นายอีกแล้ว นายยังจะเอาอะไรจากเราอีก” ดาวลุกขึ้นวางเอกสารลง เดินออกไปที่ระเบียง ผมเดินตามออกไป
“หัวใจของเหมือนดาวไง”
“เอาให้ปัทม์ไปทำลายเล่นเหรอ?”
“จะให้เราทำยังไงเหมือนดาวถึงจะเชื่อ?”
“....”
“วันนี้เธอพูดเองนะว่าจะคุยให้จบๆ งั้นบอกเรามาสิ มีทางไหนที่ทำให้เธอเชื่อใจเรา”
“....”
ผมจับเหมือนดาวหันมา เธอตาแดงๆ เหมือนกำลังพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ร้องไห้ออกมา
“เราไม่คู่ควรกับปัทม์หรอก เดือนมหา’ลัย กับคนอ้วนๆ คนหนึ่งที่ไม่มีอะไรพิเศษ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ยอมรับความจริง แล้วเลิกล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นได้แล้ว เราไม่อยากโดนหลอกว่ะ เบื่อที่จะต้องเข้มแข็งต่อหน้าทุกคน เบื่อที่จะต้องโดนมองด้วยสายตาดูถูก เบื่อที่จะต้องมานั่งฟังคนอื่นเตือนว่าจะโดนทิ้ง ที่ผ่านมาเราเห็นความมักง่ายและเจ้าชู้ของปัทม์มาตลอด อยู่ดีๆ จะให้เชื่อว่าจะหยุดที่เรา .... ไม่มีทางหรอก”
“เปิดใจให้เราอีกครั้งนะ เราจะพิสูจน์ให้เห็นเองว่าเราชอบเธอจากใจจริง” ผมพูดแล้วเดินออกมาจากห้องของเหมือนดาว กลับมาที่ห้องของตัวเอง เก็บชุดนักศึกษาและเอกสารการเรียนทุกวิชาใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป
*********************
ผมกลับมาที่บ้าน เด็กรับใช้ก็เข้ามาช่วยถือกระเป๋าขึ้นไปเก็บ ตอนนี้ค่ำแล้ว คุณย่าของผมท่านน่าจะขึ้นห้องไปแล้ว ส่วนพ่อแม่ของผมก็คงอยู่ในห้องนั่งเล่น
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่” ผมเดินเข้าไปยกมือไหว้สวมกอดบุพการี
“โอ้ย มีเวลามาเยี่ยมพ่อแม่กับเขาด้วยเหรอ” แม่ผมประชด
“โธ่ แม่ครับ ผมก็มาแล้วนี่ไงครับ”
“แล้วคิดยังไงถึงมาล่ะ เงินเดือนนี้หมดแล้วเหรอ?”
“ยังครับ ยังไม่หมด ผมแค่จะมาหามุมสงบอ่านหนังสือสอบ อยู่คอนโดเพื่อนมากวนบ่อย ก็แค่นั้นแหละครับ”
“เราเนี่ยนะจะอ่านหนังสือสอบ” พ่อถามอย่างแปลกใจ
“ครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะตั้งใจเรียน เลิกเหลวไหลแล้วครับ” ผมพูดจริงจัง
“ทำไมถึงอยากทำตัวดีขึ้นมาตอนนี้ล่ะ อย่าบอกนะว่ามีความรัก” แม่แซวเล่นแต่ถูกจุดพอดี
“ใช่ครับ” ผมยอมรับตรงๆ
“ห๊ะ!!” พ่อกับแม่อุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน
“แต่ผมบอกไว้ก่อนนะครับ เธอไม่ใช่ลูกเศรษฐีไฮโซที่ไหน เธอไม่สวย หุ่นนี้อ้วนตุ๊ต๊ะเชียวครับ แต่เธอเป็นคนดี ดีมากๆ ครับ ผมอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีพอสำหรับเธอ” ผมพูดจบแล้วลอบสังเกตดูปฏิกิริยาของพ่อกับแม่
“อ้วนเหรอ? ลูกรัก คนอ้วนเนี่ยนะ” พ่อผมถามอีกรอบคงคิดว่าผมล้อเล่น ผมพยักหน้าแววตามั่นคง
“พ่อไม่ชอบเหรอครับ?”
“เปล่า พ่อแค่แปลกใจ ที่คนเจ้าชู้ไปวันๆ สาวๆ แต่ละคนนี้สวยๆ ทั้งนั้น แล้วมาตกม้าตายเพราะสาวอ้วนเนี่ยนะ พ่อชักอยากเจอเธอแล้วสิ”
“พ่อแม่ไม่ได้รังเกียจนะว่าคนรักลูกจะเป็นยังไง ขอให้เขาเป็นคนดี รักลูกของเราจริง แค่นี้ก็พอแล้ว แถมยังทำให้ลูกชายแม่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้อีก แม่ให้ผ่านทันทีเลย พามาหาแม่พรุ่งนี้เลยนะ”
“แต่เขายังไม่รับรักผมนะครับ คงไม่ยอมมาง่ายๆ หรอก รอผมจีบติดเมื่อไหร่ พ่อกับแม่เตรียมตัวรับขวัญลูกสะใภ้ได้เลยครับ”
เราคุยกันต่ออีกสักพักผมก็เดินขึ้นห้องของผม อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วมานั่งที่โต๊ะ เอาหนังสือและเอกสารมาวางเรียงลำดับตามความยากง่าย แล้วเริ่มอ่านจากวิชาที่ง่ายที่สุดก่อน
‘เราจะทำตัวให้ดีพอสำหรับเธอ’
*********************
อีกไม่กี่วันก็จะสอบแล้ว ช่วงนี้ปัทม์หายออกไปจากชีวิตฉัน จนฉันรู้สึกใจหาย ไม่กลับคอนโดมาหลายวันแล้ว วิชาที่เคยเรียนด้วยกันก็นั่งเรียนไม่สนใจหันมามองที่ฉันเลยสักนิด เดินผ่านฉันก็ส่งยิ้มให้แต่ไม่มาขอเลกเชอร์ไปลอกเหมือนแต่ก่อน
‘หรือปัทม์จะถอดใจจากเรา’
‘ทำไมรู้สึกไม่ดีล่ะ ต้องดีใจสิ ก็เราปฏิเสธเขาเองนี่น่า’
ส่วนนวพลช่วงนี้ก็ยังทำตัวปกติ ไม่ตื้อขอคืนดีกับฉันแล้ว แต่ยังมีแอบส่งสายตาอาลัยอาวรณ์บ้าง แต่ฉันไม่ใจอ่อน ทางด้านของอีฟที่หายหน้าหายตาไปพักหนึ่งก็พยายามทำตัวออกห่างจากฉันและนวพลแปลกๆ คงกลัวนนท์จะจับได้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง
ฉันแอบมองไปทางโต๊ะของปัทม์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่กับเพื่อนๆ ในเอก ดูเขาสนใจกับหนังสือตรงหน้าจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
‘ทำไมคิดถึงแปลกๆ’
“เราว่าแล้วมันต้องมาหลอกดาว พอดาวไม่หลงกลมัน มันก็ล้มเลิกความคิด” จู่ๆ นวพลก็พูดออกมา เขาอาจจะเห็นว่าฉันแอบมองไปทางนั่นบ่อยๆ เพื่อนในกลุ่มที่นั่งติวด้วยกันเงยหน้าขึ้นมาแล้วเริ่มเปิดประเด็นต่อจาก นวพล
“ดีที่ดาวมันฉลาด เลยไม่ได้โดนเดือนสอย”
‘เราโดนสอยไปสองครั้งแล้ว’ ฉันคิดในใจ
“ดีกับผีอะไร นั่นเดือนมหา’ลัยนะ โดนหลอกสอยฉันก็ยอมว่ะ” เพื่อนอีกคนจีบปากจีบคอพูด
“เป็นฉันก็จะยอมโดนหลอกสักครั้ง หุ่นดีเว่อร์ กล้ามท้องคงแน่น”
‘อืม แน่น แน่นทุกตรง’ (*////*)
“ไร้สาระ พวกแกอ่านหนังสือต่อได้แล้ว” ฉันบอกสาวๆ ที่กำลังเพ้อเจ้ออยู่ นวพลมองหน้าฉันเหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
*********************
สอบเสร็จวันสุดท้าย ผมออกจากห้องสอบด้วยความมั่นใจ ยังไงซะคะแนนผมยืนไว้ที่เกรดบีเป็นอย่างต่ำแล้วทั้งห้าวิชาเหมือนดาวเดินออกมาจากห้องสอบก่อนผม นั่งรออยู่ที่ระเบียงหน้าห้อง แล้วลุกเดินไปด้วยกัน ตอนนี้เพื่อนๆ ที่เรียนซัมเมอร์ด้วยกัน รู้แล้วว่าผมจีบเหมือนดาวอยู่ บรรดาสาวๆ ที่ไม่ค่อยเข้ามาเหมือนแต่ก่อน เพราะผมออกตัวแรงว่าชัดเจนกับเหมือนดาวคนเดียวเรานั่งเล่นข้างตึกคณะสังคมฯ สักพัก ยังไม่อยากกลับคอนโดตอนนี้“สอบเสร็จแล้ว ไปเที่ยวไหนกันดี” ผมถาม“เราว่าจะกลับบ้าน อีกตั้งสองสัปดาห์กว่าจะเปิดเทอมอีกรอบ” เหมือนดาวบอก“ไม่กลับมาลงทะเบียนเรียนล่วงหน้าสักอาทิตย์หนึ่งเหรอ?” ผมถาม อยากห้ามไม่ให้กลับด้วยซ้ำ“ไม่อ่ะ ลงที่บ้านก็ได้”“ไม่รอฟังผลสอบด้วยกันเหรอ?”“ไม่อ่ะ รอดูเกรดทีเดียวเลย”“ไม่กลับไม่ได้เหรอ?”“เราคิดถึงพ่อแม่ ยังไงก็ต้องกลับ” เหมือนดาวบอก“แล้วหมูน้อยไม่คิดถึงเราเหรอ?” ผมทำเสียงอ้อน เหมือนดาวหันซ้ายหันขวาแล้วตีแขนผมดังเพี้ยะ“บอกว่าอย่าเรียกแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น” เหมือนดาวกระซิบพูดเบาๆ หน้าแดงด้วยความเขินอายตอนนี้โต๊ะข้างๆ มองเรากันใหญ่ มีหัวเราะคิกคักในความอ้อน(ว่าที่)แฟนของผม แล้วมองเหม
ฉันนอนอยู่บนโซฟาในห้องนอนของปัทม์ เล่นโทรศัพท์ในมือ ยังไม่อยากนอนหลับตอนนี้ กลัวปัทม์จะเกิดหายใจลำบากตอนกลางดึกแล้วฉันไม่รู้ตัวปัทม์กินยาแก้แพ้แล้วนอนหลับไปนานแล้ว ฉันวางมือถือลงมองใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่วางตา เดือนมหา’ลัยสุดหล่อบ้านรวย นอนห่างจากฉันแค่ไม่กี่ก้าวตอนนี้หัวใจฉันหวั่นไหวกับปัทม์จนกลัวว่าจะหลงรักเขาจนหมดหัวใจ แล้วจะเจ็บในภายหลัง‘แต่เขาดีขึ้นมาก’‘แต่แค่สามเดือน มันน้อยไป’‘แต่เขาชัดเจนเปิดตัวกับครอบครัวเลยนะ’ความคิดด้านบวกด้านลบของฉันกำลังต่อสู้กัน ถ้าใช้สมองคิด ฉันเลือกที่จะเผื่อใจไว้รักตัวเอง และระวังใจจากคนคนนี้ แต่ถ้าใช้หัวใจถาม ฉันคิดว่าตอนนี้ รักปัทม์แล้วแน่นอนปัทม์ขยับตัวไปมานอนกระสับกระส่าย ฉันเลยลุกเดินไปนั่งขอบเตียง สะกิดไหล่ปัทม์ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง“ปัทม์ หายใจไม่สะดวกเหรอ”“เปล่า เราคันหลัง” ปัทม์พูดอย่างคนที่สะลึมสะลือฉันลุกไปหยิบคารามายด์ จับปัทม์พลิกนอนคว่ำ แล้วเลิกเสื้อขึ้นทาคารามายด์ที่หลังให้ ก่อนจะดึงเสื้อลงแล้วปล่อยให้นอนคว่ำอยู่แบบนั้นสักพักฉันเดินกลับไปนอนที่โซฟา ตั้งนาฬิกาปลุกแบบตั้งสั่นอย่างเดียวให้ปลุกทุก30นาทีเพื่อตื่นขึ้นมาดูปัทม์แล้วยัดไ
ปัทม์ตั้งใจเรียนขึ้นมาก ตั้งแต่ฉันยอมเปิดใจก็ทำตัวดีเป็นคนละคน ฉันเองตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอมาเจอการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของปัทม์ ฉันก็ดีใจที่ทำให้คนคนหนึ่งอยากทำดีเพื่อฉันตลอดเวลาที่เรียนด้วยกัน ฉันได้เห็นปัทม์พัฒนาตัวเองมากขึ้น และมั่นใจเรื่องความเจ้าชู้และสาวๆ ที่ยังไม่มีให้เห็น เพราะปัทม์ประกาศชัดเจนว่ากำลังดูใจกับฉันอยู่ ถึงยังไม่ได้เป็นแฟน แต่ก็ไม่อยากให้ฉันเข้าใจผิดส่วนปัทม์เองก็คงเห็นฉันในอีกหลายๆ มุม โดยเฉพาะเวอร์ชั่นใจร้ายในเวลาที่ปัทม์ขี้เกียจอ่านหนังสือ“ปัทม์ถ้าไม่อ่าน เราจะกลับห้องแล้วนะ”“หมูน้อย เราเหนื่อยแล้ว ขอพักแป๊บนึงสิ” ปัทม์งอแง ฉันอนุญาตให้เรียกฉายานี้เฉพาะตอนไม่มีคนเท่านั้น ส่วนฉายาของปัทม์ฉันแค่แกล้งเรียกเล่นๆ ไปแค่ครั้งเดียว แต่ดูเหมือนปัทม์จะชอบมาก“อีกสองสัปดาห์ก็จะสอบแล้วนะ” ฉันเตือน“เราพอเข้าใจบ้างแล้ว นะ ขอพักก่อน” ปัทม์ขอร้องเสียงอ่อย“อืม พักก็พัก งั้นเรากลับห้องนะ” ฉันทำท่าจะลุกขึ้น“หมูน้อย อย่าพึ่งกลับสิ”“เราให้ปัทม์อ่านแค่วิชาละครึ่งชั่วโมง พักหนึ่งชั่วโมง แต่นี่เล่นแค่อ่านสิบนาที แล้วขอพัก คิดว่าจะทำข้อสอบได้ไหม” ฉันดุปัทม์“เรามั่น
ผ่านไปสองสัปดาห์แล้วที่ฉันกับปัทม์ใช้เวลาเรียนร่วมกัน วันนี้วันพฤหัสบดีฉันมีเรียนบ่าย แต่ฉันต้องออกไปหาซื้อของมาทำงานกลุ่ม ปัทม์พาขับรถออกมาหาซื้อของแต่เช้าฉันมองไปข้างทางเจอนวพลที่หน้าหอพักของเขากำลังเดินขึ้นรถเก๋งคันเดิมด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ลงเรียนซัมเมอร์แต่เขาทำไมไม่กลับบ้านต่างจังหวัด ปัทม์ก็เห็นนวพลเหมือนที่ฉันเห็น แล้วก็ถามขึ้นมา“ห่วงมันเหรอ?”“อืม”“พรุ่งนี้เราพามาหามันดีไหม?”“ก็ดีนะ” ฉันบอก“....”ปัทม์เงียบ รึว่าเมื่อกี๊เขาประชดเหรอ“ปัทม์ หิวรึยัง?”“....” ปัทม์ยังเงียบ“แวะซื้อน้ำเต้าหู้หน้าตลาดให้หน่อยสิ เราอยากกิน”“....” ปัทม์เงียบ แต่ก็เลี้ยวแวะจอดแล้วลงไปซื้อให้ น้ำเต้าหู้สี่ถุง ปาท่องโก๋แบบมีไส้นมอีก6ชิ้นปัทม์ขับรถต่อ ฉันเอาหลอดเจาะถุงน้ำเต้าหู้ดูดกินแล้วกัดปาท่องโก๋ไปหนึ่งชิ้นสลับกัดดูน้ำเต้าหู้ในมือจนหมด แล้วเจาะถุงที่สองยื่นใส่ปากคนที่ขับรถอยู่“อ้าปากสิ” ฉันบอกปัทม์ ปัทม์ไม่พูดแต่ก็ยอมอ้าปากคาบหลอดแล้วดูดไปอึกใหญ่ๆ ฉันป้อนปาท่องโก๋ปัทม์ ปัทม์ก็อ้าปากกัดเคี้ยวอย่างเงียบๆฉันป้อนปัทม์จนน้ำเต้าหู้ถุงแรกหมดไปและปาท่องโก๋หมดไปสองชิ้น“เงียบจัง”
ตลอดเกือบทั้งสัปดาห์ที่ฉันกลับบ้าน ปัทม์ส่งไลน์มาหาฉันตลอด บางทีฉันก็ลองแกล้งไม่ตอบไลน์ ทั้งๆ ที่ก็ยิ้มได้ทุกครั้งที่มีเสียงเตือนเด้งขึ้นมา ปัทม์ก็จะเปลี่ยนเป็นโทรมาหาแทน แต่ฉันก็ไม่ได้รับสายเพราะอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ แม่มองแล้วแซวว่าฉันมีหนุ่มๆ โทรหาแล้วไม่กล้ารับ ฉันลุกขึ้นห้องยิ้มๆโทรมาทำไม : DooDaoPat MK : หมูน้อยไม่อ่านไลน์เมื่อกี๊ไม่ว่าง : DooDaoใครหมูน้อย : DooDaoPat MK : เหมือนดาวไงล้อเราว่าอ้วนเหรอ : DooDaoPat MK : เปล่า อยากเรียกPat MK : น่ารักดีสนิทกันเหรอ : DooDaoมาตั้งฉายาให้ : DooDaoPat MK : ก็อยากเรียกอ่ะPat MK : ตั้งฉายาให้เราบ้างสิคาสโนว่าหน้าหยก : DooDaoPat MK : ไม่เอาหนุ่มเจ้าชู้ : DooDaoPat MK : เลิกเจ้าชู้แล้วแค่นี้แหละ : DooDaoPat MK : คุยกันก่อนจะเก็บของกลับ : DooDaoPat MK : งั้นบายครับฉันยิ้มไปพิมพ์ไป ตั้งแต่เริ่มเปิดใจก็รู้สึกดีกับปัทม์ขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยั้งใจไว้ส่วนหนึ่ง เผื่อปัทม์จะล้มเลิกความพยายามขึ้นมากลางครัน คนเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองง่ายๆ ในแค่ไม่กี่วันคงเป็นไปไม่ได้ คงต้องดูในระยะยาว*********************เปิดเทอมซัมเมอร์วันแรก ปัทม์มารอ
“พี่จะทำอะไรผม” ผมถอยออกจากอีกฝ่ายที่กำลังเดินก้าวมาหาพร้อมกับหยิบอะไรบางอย่างจากด้านหลัง“กูจะสั่งสอนให้มึงรู้ ว่าการยุ่งกับคนมีเจ้าของมึงต้องเจอกับอะไร” พี่ชายของนนท์พูดแล้วหยิบมือถือขึ้นมา ผมโล่งใจที่มันไม่ใช่อาวุธ นาฟเปิดกล้องโหมดถ่ายวีดีโอ ตั้งมือถือตั้งพิงไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือผมเคยเห็นวีดีโอซ้อมคนบ่อยๆ ไม่คิดว่าวันนี้จะเจอกับตัวเอง“พี่อย่าทำอะไรนะ นี่มันห้องผม ผมแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายและบุกรุกได้นะ”“แล้วไง” นาฟพูดพลางถอดเสื้อสูทออก พาดไว้ที่เก้าอี้ ปลดกระดุมข้อมือเตรียมพร้อม“ผมก็สู้คนนะ อย่าคิดว่าผมไม่กล้า” ผมพูดความจริง แต่ในใจแอบคิดว่าถ้าสู้กันจริงๆ จะตายรึเปล่า นาฟตัวสูงใหญ่ มีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรง ผมว่าอัดผมหมัดเดียวก็คงจะน็อค“ก็ดี กูชอบคนสู้ กูไม่ชอบทำคนฝ่ายเดียว” นาฟพูดแล้วแสยะยิ้มน่ากลัว เดินเข้ามาหาผม จังหวะนี้ผมตัดสินใจป้องกันตัวสวนหมัดไปก่อนทีหนึ่งผลั่ก!! หมัดผมก็หนักไม่ใช่เล่น ผมมั่นใจเพราะตอนนี้นาฟถึงกับหน้าหันไปอีกทางจากแรงต่อยของผม“มึงเริ่มก่อนนะ” นาฟหันกลับมา แล้วต่อยเข้าที่ท้องผม ผมถึงกับจุกนอนลงไปกองที่พื้น ‘แรงเยอะฉิบหาย’นาฟถอดเสื้อออก ผมมองกล้าม







