LOGINสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ ฉันออกจากห้องสอบมายืนบิดตัวที่ระเบียง ฉันทำข้อสอบเสร็จก่อนหมดเวลาเสมอ
วันนี้สอบวันสุดท้ายแล้ว ฉันเลยรอฉลองพร้อมเพื่อนๆ เพราะจะปิดเทอมยาวเกือบสามเดือนที่จะไม่ได้เจอกันอีก
ฉันตัดสินใจไม่ลงเรียนซัมเมอร์ เพราะคำนวณดูหน่วยกิจที่ลงไปแต่ละเทอม ฉันคิดว่าสามารถจบได้ในสามปีครึ่งแต่จะเรียนแน่นๆ หน่อย แต่ถ้าอยากเรียนแบบสบายๆ ก็จบสี่ปีตามปกติ
ซัมเมอร์เปิดแต่วิชาเลือกเสรีทั่วไป ไม่มีวิชาของคณะ บางคนถือโอกาสเก็บหน่วยกิจในช่วงนี้ เพื่อให้สบายขึ้นในเทอมต่อๆ ไป
ฉันกับเพื่อนในเอกส่วนหนึ่งรวมถึงนวพลกับอีฟ มานั่งฉลองกันที่ร้านหมูกระทะแถวมอที่เปิดตั้งแต่เที่ยงจนดึก ชีวิตนักศึกษาฉลองวันเกิด ฉลองมีแฟน หรืออะไรก็แล้วแต่ พวกเราจะนึกถึงร้านหมูกระทะเป็นอันดับแรก ถูก อิ่ม อร่อย ตัวเลือกแรกที่นึกถึง
“อีฟ แกไม่ไปกับแฟนล่ะ” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น
“นนท์สอบวิชาเอกน่าจะเสร็จบ่ายๆ” อีฟตอบมองหน้านวพลเล็กน้อยแล้วคีบหมูพลิกไปมา
“เออ กะนึกว่าเลิกกัน จะได้เสียบ”
“เสียบบ้านแกสิ ดูหน้าแกด้วย”
“เออ แล้วแกสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ ก็ดีเนาะ” นัทพูดถึงฉันกับนวพลบ้าง
“เราก็ไม่อยากเป็นหรอก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอหน้าดาวอีก” นวพลพูดหยอดเล็กน้อย
“หูยยยย” เพื่อนๆ แซว
“แต่มีคนเคยบอกว่าการที่เราเป็นเพื่อนกับแฟนเก่า มี2เหตุผลคือ รักมากจนยอมเป็นเพื่อนเพราะไม่อยากเสียอีกฝ่ายไป เหมือนไอ้พลพูด ส่วนเหตุผลที่สองคือหมดรักไปแล้วแต่ไม่อยากเสียเพื่อนไป” เพื่อนคนออกความเห็น
“ฉันว่ามีเหตุผลที่สาม เจอคนอื่นที่รักมากกว่า เลยลดสถานะแฟนเก่าให้เหลือแค่เพื่อน” นัทพูดแล้วหันมามองหน้าฉัน
“ดาว ของแกเหตุผลไหนว่ะ”
ฉันอ้ำอึ้ง ไม่ยอมตอบ แล้วเนียนกินหมูที่คีบมาเข้าปากไป นวพลมองมาสายตาเต็มไปด้วยคำถาม ส่วนอีฟก็เขี่ยผักในจานไปมาอย่างเซ็งๆ
พอกินเลี้ยงกันเสร็จฉันก็แยกตัวกลับ เห็นอีฟแอบขึ้นรถกลับกับนวพล ฉันรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย ไม่ใช่หึงหวงนวพล แต่รู้สึกแย่ที่สองคนนี้ยังไม่หยุดแอบมีสัมพันธ์กัน ทั้งๆ ที่ตอนนี้ชานนท์เหมือนจะระแวงอีฟหนักขึ้นทุกที และฉันรู้สึกหมดความน่าเชื่อถือในตัว นวพล ปากก็ยังหยอดฉัน แต่ก็ยังไปกับอีฟเหมือนเดิม
‘ดีแล้วที่เราตัดใจจากนายได้’
ฉันขับรถกลับคอนโด จะอยู่รอฟังผลสอบสัก6-7วัน ก่อนจะกลับบ้านต่างจังหวัด เผื่อมีเพื่อนคนไหนตก จะได้อยู่ช่วยในการสอบแก้ตัว ก่อนอาจารย์จะนำคะแนนไปออกเกรดจริงในเดือนถัดไป
นี่แหละข้อดีของฉัน ฉันมักช่วยเหลือเพื่อนๆ เสมอ จะสนิทหรือไม่สนิทถ้าขอร้องมาฉันก็ช่วยทุกคน เพราะเป็นการทวนให้ตัวเองไปในตัวด้วย รวมถึงปัทม์
‘จู่ๆ ทำไมต้องคิดถึงปัทม์ด้วยนะ’
‘แล้วหายหน้าไปไหน ทำไมไม่กลับมานอนที่ห้อง’
‘คงไปอยู่กับสาวๆ แหละ เฮ้อ!’
ฉันเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง แล้วเดินออกไปเก็บเสื้อผ้าที่ระเบียง ก็เจอกับปัทม์ที่ยืนเล่นอยู่ตรงนั้น ฉันตกใจเล็กน้อย ปัทม์หันมามองฉันแล้วส่งยิ้มให้ ฉันยิ้มตอบแล้วเก็บผ้าใส่ตะกร้า เตรียมยกเข้าห้องไป
“เหมือนดาว!” ปัทม์เรียกฉัน ฉันใจเต้นแปลกๆ เขาหายไปหลายวัน เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำให้ดีใจยังไงก็ไม่รู้
“ว่าไง”
“เราขอไปคุยที่ห้องนะ”
ฉันนิ่งคิดสักพักแล้วพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต แล้วเดินไปเปิดประตูห้องให้ปัทม์เข้ามา ปัทม์เดินมานั่งที่โซฟา ฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“คือเรากลับบ้านมา เพราะอยู่ห้องแล้วไอ้เขตไอ้ยูมันชอบชวนไปข้างนอก..” ปัทม์เล่าให้ฟัง โดยที่ฉันไม่ได้ถาม
“แล้วบอกเราทำไม?” ฉันถาม ถึงอยากรู้อยู่หน่อยๆ ก็เถอะ
“ก็เราอยากให้เหมือนดาวรู้ เรากลับบ้านไปอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ เราตั้งใจเรียนจดเลกเชอร์เองโดยไม่รบกวนเธอ เรารู้แล้วว่าถ้าเราตั้งใจเราก็ทำได้ เรากลับบ้านอ่านหนังสืออย่างเดียว ไม่ออกไปเที่ยวหรือคุยกับใครเลย เราทำทุกอย่างเพื่อเธอนะเหมือนดาว” ปัทม์อธิบายยาวๆ ฉันดีใจลึกๆ เหมือนกำแพงสองชั้นที่สร้างไว้กำลังค่อยๆ ร้าวไปทีละชั้น
“อืม ก็ดีแล้ว แต่ทำเพื่ออนาคตของตัวเองเถอะ อย่ามาทำเพื่อเราเลย เราไม่มีค่าพอให้ใครสักคนทำเพื่อเราหรอก” ฉันก็พูดให้ดูดีไปงั้นแหละ ในใจก็ดีใจอยู่ อย่างที่เพื่อนบอกตอนกินหมูกระทะ รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง
‘เดี๋ยวนะ สติมาค่ะ สติ’
‘เขาพูดจริงรึเปล่า เรายังไม่รู้เลย’
“ตอนนี้เธอเปิดใจให้เราได้รึยัง ไม่ต้องตัดสินใจคบเราตอนนี้ แค่เปิดใจให้โอกาสเราได้พิสูจน์ต่อไป” ปัทม์พูดจริงจังมาก
‘ถ้าเราสวยเหมือนนางเอก เราคงยอมเป็นแฟนนายไปแล้วล่ะ แต่เรามันแค่ตัวประกอบอ้วนๆ คนหนึ่ง ที่ไม่มีวันลงเอยกับพระเอกอยู่แล้ว’
“พอเถอะปัทม์”
“.....” ปัทม์นิ่งเงียบไปสักพัก
“ดาว วันนี้ออกไปกินข้าวเย็นกับเราได้ไหม?”
ปัทม์เปลี่ยนเรื่อง
“ห๊ะ!!”
“ได้รึเปล่า?” ปัทม์ถามทำหน้าจริงจัง
“อืม ได้ ไม่เอาร้านหรูนะ” ฉันบอกปัทม์
“อืม เรารู้” ปัทม์ยิ้มบอก
“เดี๋ยวตอนเย็นเราจะมาเรียกนะ” ปัทม์บอกแล้วลุกเดินออกไป
*********************
ใกล้ถึงเวลาฉันเลือกชุดที่จะใส่ไปกินข้าวกับปัทม์ เป็นชุดสุภาพธรรมดา แต่งหน้าอ่อนๆ เหมือนทุกวัน ไม่อยากใส่ชุดสวยๆ เพราะอยากให้มันเป็นแค่การทานข้าวธรรมดา ไม่ใช่การเดทกัน
สักพักปัทม์ก็มาเคาะประตูเรียก ฉันเปิดออกไปปัทม์มองชุดฉันแล้วยิ้มเล็กน้อย
“มีชุดสวยกว่านี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ใส่”
“ก็ไปกินข้าวกันธรรมดานี่ ไม่ได้ไปเดทกันสักหน่อย”
“อืม แบบนี้ก็เป็นตัวของตัวเองดี” ปัทม์ยิ้มแล้วเดินนำหน้าไปเข้าลิฟต์เพื่อลงไปลานจอดรถ
ปัทม์ขับรถไปเรื่อยๆ ฉันสังเกตว่าผ่านร้านอาหารมาหลายร้านแล้วแต่ปัทม์ก็ไม่แวะจอดที่ไหนสักที่
“จะพาไปกินไหน?”
“ไม่พาไปขายหรอกน่า” ปัทม์บอกแล้วขับรถต่อ เปิดเพลงฟังอย่างอารมณ์ดี
ปัทม์จอดรถที่บ้านหลังหนึ่ง ใหญ่โตมาก แทบจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็ว่าได้
“บ้านเราเอง” ปัทม์จอดรถแล้วหันมาบอก
“ห๊ะ!!” ฉันตกใจ พอจะตั้งคำถามก็มีคนมาเปิดประตูเชิญลงจากรถ
“คุณปัทม์พาเพื่อนมาทานข้าวกับคุณท่านเหรอคะวันนี้”
“ครับป้าอิ่ม” ปัทม์บอก ป้าอิ่มหันมามองฉันยิ้มๆ แล้วพาเข้าบ้านไป ฉันอยากพูดแต่ก็พูดอะไรไม่ออก ตื่นเต้นสุดๆ
“เดี๋ยวคุณท่านก็ลงมาค่ะ ส่วนคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงออกไปงานเลี้ยงที่สโมสร ป้าขอตัวไปตั้งโต๊ะก่อนนะคะ” ป้าอิ่มพามานั่งที่ห้องรับแขก เฟอร์นิเจอร์สุดหรูจนฉันไม่กล้านั่ง แต่ก็ต้องนั่งตามมารยาทสักพักคุณท่านที่ป้าอิ่มพูดถึงก็เดินลงมานั่งที่เก้าอี้ใหญ่ ฉันยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท
“คุณย่าครับ” ปัทม์โผกอดย่าของตัวเอง
“แล้วนั่นใคร?” คุณย่าของปัทม์เอ่ยถาม
“เหมือนดาวครับคุณย่า” ปัทม์แนะนำ คุณย่ายิ้มให้ฉัน
“คนนี้เหรอที่พ่อแม่เราเล่าให้ย่าฟัง”
“คนนี้แหละครับคุณย่า”
‘เดี๋ยวนะ ปัทม์เล่าถึงฉันให้ที่บ้านฟัง???’
คุณย่าของปัทม์หันมามองที่ฉันอย่างละเอียด คงสงสัยว่าทำไมไม่สวยหุ่นดีมารยาทงามตามแบบฉบับลูกคุณหนูที่คู่ควรกับหลานชายของท่าน สักพักท่านก็ยิ้มออกมา แล้วป้าอิ่มเข้ามาเชิญไปโต๊ะรับประทานอาหาร
พอนั่งลงตามตำแหน่งที่ป้าอิ่มจัดให้แล้ว คุณย่าก็พยักหน้าให้ทุกคนออกไป เหลือแค่เราสามคนที่นั่งทานอาหารบนโต๊ะ ปัทม์ตักอาหารให้คุณย่าและฉันสลับไปมา
“เหมือนดาว คบกับตาปัทม์นานรึยังลูก” คุณย่าถามฉัน
“เอ่อ หนูไม่ได้คบกับปัทม์ค่ะ”
“คุณย่าครับ ผมกำลังจีบเหมือนดาวอยู่ครับ”
“เหมือนดาวจ๊ะ” คุณย่าของปัทม์เรียกชื่อฉัน
“ค่ะ” ฉันกลัวไปหมดแล้ว ไม่ทันตั้งตัวในการมาครั้งนี้
“ตาปัทม์ไม่เคยจริงจังกับใครแบบนี้มาก่อน ย่าหวังว่าเหมือนดาวจะให้โอกาสปัทม์ได้ศึกษากันแหละกัน ถ้าปัทม์เค้าดีขึ้นเพราะหนูจริงๆ ย่าก็ดีใจที่หนูทำให้หลานชายของย่าเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้ ย่าฝากปัทม์ไว้พิจารณาด้วยนะ” คุณย่าพูดออกมาส่งยิ้มมาให้ฉัน
“เอ่อ ค่ะ” ฉันรับปากอย่างเสียไม่ได้ ทั้งเขิน ทั้งตื่นเต้น
‘โอ้ย ผู้ชายพามาเปิดตัวที่บ้าน’
“เธอรับปากคุณย่าแล้วนะว่าจะเปิดโอกาสให้เรา ขอบใจนะเหมือนดาว” ปัทม์ดีใจเกินเหตุจนคุณย่าต้องตีหลังมือเบาๆ ให้เก็บอาการ
‘ก็เล่นให้ผู้ใหญ่มาถามแบบนี้ มัดมือชกชัดๆ’
“แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ หนูขอปิดโอกาสนะคะ หนูรู้ตัวว่าไม่ได้สวย ไม่ได้คู่ควรกับปัทม์ เป็นหน้าเป็นตาควงไปอวดใครเขาไม่ได้ แต่หนูอยากเลือกคนที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เหมือนกับผู้หญิงทุกคนที่อยากมีคู่ชีวิตที่ดี เงินอย่างเดียวมันไม่ได้ทำให้มีความสุขเท่าคู่ชีวิตที่ดี หนูคิดแบบนี้ค่ะ” ฉันพูดจบ ปัทม์หน้าหงอยลง คุณย่ามองมาที่ฉันยิ้มอย่างพอใจ
“ย่าไม่เคยมองใครที่ภายนอก ตอนนี้ย่ามองเห็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้หลานย่าอยากเปลี่ยนไปในทางที่ดี....ยิ่งมาได้ยินแบบนี้ ย่ายิ่งวางใจได้ว่าปัทม์เลือกคนไม่ผิด”
ฉันรู้สึกดีใจที่คุณย่าของปัทม์ดีกับฉันขนาดนี้ ทั้งเปิดตัวกับครอบครัว ให้คุณย่าช่วยพูดขนาดนี้ กำแพงสองชั้นที่สร้างไว้พังลงมาเรียบร้อยแล้วในตอนนี้
“หนูจะให้โอกาสปัทม์ได้พิสูจน์ค่ะ จะช่วยปัทม์เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ” ฉันรับคำหญิงชราตรงหน้าอย่างมั่นคง
“งั้นเทอมนี้ ดาวลงซัมเมอร์กับเรานะ จะได้เห็นว่าเราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้มากแค่ไหน” ปัทม์เสนอต่อหน้าคุณย่า มัดมือชกกันอีกแล้ว
“ได้ไหมเหมือนดาว ถือว่าย่าขอนะ ย่าจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด” คุณย่าของปัทม์ถามน้ำเสียงนุ่มนวลแต่น่าเกรงขาม
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูออกเองได้ค่ะ”
“ผู้ใหญ่ให้ อย่าปฏิเสธสิจ๊ะ” คุณย่าพูดเชิงตำหนิเบาๆ แต่ไม่จริงจัง
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้
ปัทม์ยิ้ม แล้วเราก็ลงมือทานอาหารตรงหน้ากัน แล้วคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ จนได้เวลากลับ เราก็กราบลาคุณย่ากลับออกมา
พอถึงบนรถฉันก็บ่นออกมาทันที
“ทำไมมัดมือชกเรามาแบบนี้”
“เราอยากให้เหมือนดาวรู้ว่าเราจริงใจ”
“อืม เชื่อแล้ว แต่คราวหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะ คุณย่าขอร้องเองแบบนี้ ฉันก็ไม่กล้าปฏิเสธนะสิ” ฉันบอกตามความจริง แต่ก็ใจเต้นลิงโลดดีใจ เพราะพามาแนะนำตัวขนาดนี้มันคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
‘นาทีนี้รู้สึกว่าตัวเองสวยกว่านางเอกเลยล่ะ’
“แต่....แค่ให้โอกาสพิสูจน์นะ เรายังไม่ตกลงคบกับปัทม์” ฉันบอก
“อืม แค่นี้เราก็ดีใจแล้ว” ปัทม์พูดโน้มหน้าจะเข้ามาจูบ ฉันเอามือดันหัวออกไป
“และห้ามทำตัวรุ่มร่ามกับเรา” ฉันบอกแววตาจริงจัง ปัทม์มองอย่างเสียดาย
“อืม ก็ได้ แต่ขอแค่จับมือกับหอมแก้มได้ป่ะ?” ปัทม์ต่อรอง ฉันขึงตาใส่ ปัทม์ยิ้มออกมา แล้วขับรถออกไปจากบ้านหลังงามนี้
*********************
หลังจากแยกจากเพื่อนๆ ในเอก ผมพาอีฟมานั่งเคลียร์กันที่ห้อง
“อีฟ เราว่าเราเลิกแอบคบกันแบบนี้เถอะ”
“อืม เราก็อยากเลิกทำแบบนี้แล้ว” อีฟคิดแบบเดียวกันกับผม
“ครั้งที่แล้วนนท์สงสัยเกือบตาย แต่ดีที่เขายังเชื่อเราอยู่” อีฟบอก
“เราอยากจีบดาวอีกครั้ง แต่คงต้องให้เวลาผ่านไปสักพักก่อน เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนก่อนก็ดีเหมือนกัน” ผมเล่าความในใจให้อีฟฟัง
“อืม งั้นเรากลับก่อนนะ พลไม่ต้องไปส่งเราหรอก” อีฟลุกขึ้น ผมก็ลุกขึ้นยืนกอดลากันด้วยมิตรภาพ
“ปั้ง!!!!” เสียงพังประตูเข้ามาแล้วกระแทกปิดกลับอย่างแรง คนที่เข้ามามีทั้งหมด3คน
“พี่นาฟ!!!” อีฟอุทานชื่อนั้นอย่างตกใจ หนึ่งในสามที่แต่งตัวดูดีกว่าเพื่อนก้าวออกมาข้างหน้าดึงแขนของอีฟออกจากผม
“พวกแกเป็นใครว่ะ?”
“กูเป็นพี่ชายของคนที่มึงพาแฟนมันมานอนกกไง!”
‘พี่ชายไอ้นนท์ ตายห่าแล้วกู’
“ผมพาอีฟมาเคลียร์กัน ไม่ได้มากกกัน” ผมพูดสุภาพขึ้น แม่งเล่นพาลูกน้องมาบุกห้องขนาดนี้ เป็นใครๆ ก็กลัวละว่ะ
“เออ กูได้ยินสิ่งที่พวกมึงคุยกันหมดแล้ว จากเครื่องติดตามที่กูใส่ไว้ในมือถืออีฟ” อีฟตกใจหน้าถอดสี
“น้องกูสอบอยู่ กูเลยต้องมาเคลียร์ให้มันแทน”
“พี่ก็ได้ยินผมพูดแล้วนี่ เราจบกันแล้ว” ผมพูด
“ใช่มึงจบแล้ว แต่ที่ผ่านมาพวกมึงสวมเขาให้น้องกู กูไม่จบ” นาฟพูดกับผมแล้วหันไปบอกลูกน้อง
“พาอีฟกลับไปเคลียร์กับนนท์ จะเอาไว้หรือจะเลิกกันก็แล้วแต่พวกมัน กูไม่ยุ่ง”
อีฟตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ยอมเดินตามสองคนนั่นออกไป ก่อนที่พวกมันจะกดล็อกแล้วปิดประตูให้พวกผมคุยกันสองคน
“มึงรู้ไหม กูเกลียดคนที่ชอบมายุ่งกับแฟนชาวบ้านที่สุด”
“....” เสียงนาฟน่ากลัวสุดๆ
“แต่ผมกับอีฟเราเลิกกันแล้วนะ พี่ก็ได้ยินผมคุยกัน” ผมย้ำ
“กูบอกแล้วไงกูไม่สน กูสนแค่ตอนที่มึงทำให้น้องกูเจ็บ”
พี่ชายของนนท์ค่อยๆ เดินมาทางผม นาทีนี้กลัวที่สุดถูกเขาฆ่าหมกห้อง แล้วเขาก็ยื่นมือไปล้วงอะไรบางอย่างจากด้านหลัง
“พี่จะทำอะไรผม” ผมพูดพลางถอยออกมา
“กูจะสั่งสอนให้มึงรู้ ว่าการยุ่งกับคนมีเจ้าของมึงต้องเจอกับอะไร”
*********************
สอบเสร็จวันสุดท้าย ผมออกจากห้องสอบด้วยความมั่นใจ ยังไงซะคะแนนผมยืนไว้ที่เกรดบีเป็นอย่างต่ำแล้วทั้งห้าวิชาเหมือนดาวเดินออกมาจากห้องสอบก่อนผม นั่งรออยู่ที่ระเบียงหน้าห้อง แล้วลุกเดินไปด้วยกัน ตอนนี้เพื่อนๆ ที่เรียนซัมเมอร์ด้วยกัน รู้แล้วว่าผมจีบเหมือนดาวอยู่ บรรดาสาวๆ ที่ไม่ค่อยเข้ามาเหมือนแต่ก่อน เพราะผมออกตัวแรงว่าชัดเจนกับเหมือนดาวคนเดียวเรานั่งเล่นข้างตึกคณะสังคมฯ สักพัก ยังไม่อยากกลับคอนโดตอนนี้“สอบเสร็จแล้ว ไปเที่ยวไหนกันดี” ผมถาม“เราว่าจะกลับบ้าน อีกตั้งสองสัปดาห์กว่าจะเปิดเทอมอีกรอบ” เหมือนดาวบอก“ไม่กลับมาลงทะเบียนเรียนล่วงหน้าสักอาทิตย์หนึ่งเหรอ?” ผมถาม อยากห้ามไม่ให้กลับด้วยซ้ำ“ไม่อ่ะ ลงที่บ้านก็ได้”“ไม่รอฟังผลสอบด้วยกันเหรอ?”“ไม่อ่ะ รอดูเกรดทีเดียวเลย”“ไม่กลับไม่ได้เหรอ?”“เราคิดถึงพ่อแม่ ยังไงก็ต้องกลับ” เหมือนดาวบอก“แล้วหมูน้อยไม่คิดถึงเราเหรอ?” ผมทำเสียงอ้อน เหมือนดาวหันซ้ายหันขวาแล้วตีแขนผมดังเพี้ยะ“บอกว่าอย่าเรียกแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น” เหมือนดาวกระซิบพูดเบาๆ หน้าแดงด้วยความเขินอายตอนนี้โต๊ะข้างๆ มองเรากันใหญ่ มีหัวเราะคิกคักในความอ้อน(ว่าที่)แฟนของผม แล้วมองเหม
ฉันนอนอยู่บนโซฟาในห้องนอนของปัทม์ เล่นโทรศัพท์ในมือ ยังไม่อยากนอนหลับตอนนี้ กลัวปัทม์จะเกิดหายใจลำบากตอนกลางดึกแล้วฉันไม่รู้ตัวปัทม์กินยาแก้แพ้แล้วนอนหลับไปนานแล้ว ฉันวางมือถือลงมองใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่วางตา เดือนมหา’ลัยสุดหล่อบ้านรวย นอนห่างจากฉันแค่ไม่กี่ก้าวตอนนี้หัวใจฉันหวั่นไหวกับปัทม์จนกลัวว่าจะหลงรักเขาจนหมดหัวใจ แล้วจะเจ็บในภายหลัง‘แต่เขาดีขึ้นมาก’‘แต่แค่สามเดือน มันน้อยไป’‘แต่เขาชัดเจนเปิดตัวกับครอบครัวเลยนะ’ความคิดด้านบวกด้านลบของฉันกำลังต่อสู้กัน ถ้าใช้สมองคิด ฉันเลือกที่จะเผื่อใจไว้รักตัวเอง และระวังใจจากคนคนนี้ แต่ถ้าใช้หัวใจถาม ฉันคิดว่าตอนนี้ รักปัทม์แล้วแน่นอนปัทม์ขยับตัวไปมานอนกระสับกระส่าย ฉันเลยลุกเดินไปนั่งขอบเตียง สะกิดไหล่ปัทม์ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง“ปัทม์ หายใจไม่สะดวกเหรอ”“เปล่า เราคันหลัง” ปัทม์พูดอย่างคนที่สะลึมสะลือฉันลุกไปหยิบคารามายด์ จับปัทม์พลิกนอนคว่ำ แล้วเลิกเสื้อขึ้นทาคารามายด์ที่หลังให้ ก่อนจะดึงเสื้อลงแล้วปล่อยให้นอนคว่ำอยู่แบบนั้นสักพักฉันเดินกลับไปนอนที่โซฟา ตั้งนาฬิกาปลุกแบบตั้งสั่นอย่างเดียวให้ปลุกทุก30นาทีเพื่อตื่นขึ้นมาดูปัทม์แล้วยัดไ
ปัทม์ตั้งใจเรียนขึ้นมาก ตั้งแต่ฉันยอมเปิดใจก็ทำตัวดีเป็นคนละคน ฉันเองตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอมาเจอการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของปัทม์ ฉันก็ดีใจที่ทำให้คนคนหนึ่งอยากทำดีเพื่อฉันตลอดเวลาที่เรียนด้วยกัน ฉันได้เห็นปัทม์พัฒนาตัวเองมากขึ้น และมั่นใจเรื่องความเจ้าชู้และสาวๆ ที่ยังไม่มีให้เห็น เพราะปัทม์ประกาศชัดเจนว่ากำลังดูใจกับฉันอยู่ ถึงยังไม่ได้เป็นแฟน แต่ก็ไม่อยากให้ฉันเข้าใจผิดส่วนปัทม์เองก็คงเห็นฉันในอีกหลายๆ มุม โดยเฉพาะเวอร์ชั่นใจร้ายในเวลาที่ปัทม์ขี้เกียจอ่านหนังสือ“ปัทม์ถ้าไม่อ่าน เราจะกลับห้องแล้วนะ”“หมูน้อย เราเหนื่อยแล้ว ขอพักแป๊บนึงสิ” ปัทม์งอแง ฉันอนุญาตให้เรียกฉายานี้เฉพาะตอนไม่มีคนเท่านั้น ส่วนฉายาของปัทม์ฉันแค่แกล้งเรียกเล่นๆ ไปแค่ครั้งเดียว แต่ดูเหมือนปัทม์จะชอบมาก“อีกสองสัปดาห์ก็จะสอบแล้วนะ” ฉันเตือน“เราพอเข้าใจบ้างแล้ว นะ ขอพักก่อน” ปัทม์ขอร้องเสียงอ่อย“อืม พักก็พัก งั้นเรากลับห้องนะ” ฉันทำท่าจะลุกขึ้น“หมูน้อย อย่าพึ่งกลับสิ”“เราให้ปัทม์อ่านแค่วิชาละครึ่งชั่วโมง พักหนึ่งชั่วโมง แต่นี่เล่นแค่อ่านสิบนาที แล้วขอพัก คิดว่าจะทำข้อสอบได้ไหม” ฉันดุปัทม์“เรามั่น
ผ่านไปสองสัปดาห์แล้วที่ฉันกับปัทม์ใช้เวลาเรียนร่วมกัน วันนี้วันพฤหัสบดีฉันมีเรียนบ่าย แต่ฉันต้องออกไปหาซื้อของมาทำงานกลุ่ม ปัทม์พาขับรถออกมาหาซื้อของแต่เช้าฉันมองไปข้างทางเจอนวพลที่หน้าหอพักของเขากำลังเดินขึ้นรถเก๋งคันเดิมด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ลงเรียนซัมเมอร์แต่เขาทำไมไม่กลับบ้านต่างจังหวัด ปัทม์ก็เห็นนวพลเหมือนที่ฉันเห็น แล้วก็ถามขึ้นมา“ห่วงมันเหรอ?”“อืม”“พรุ่งนี้เราพามาหามันดีไหม?”“ก็ดีนะ” ฉันบอก“....”ปัทม์เงียบ รึว่าเมื่อกี๊เขาประชดเหรอ“ปัทม์ หิวรึยัง?”“....” ปัทม์ยังเงียบ“แวะซื้อน้ำเต้าหู้หน้าตลาดให้หน่อยสิ เราอยากกิน”“....” ปัทม์เงียบ แต่ก็เลี้ยวแวะจอดแล้วลงไปซื้อให้ น้ำเต้าหู้สี่ถุง ปาท่องโก๋แบบมีไส้นมอีก6ชิ้นปัทม์ขับรถต่อ ฉันเอาหลอดเจาะถุงน้ำเต้าหู้ดูดกินแล้วกัดปาท่องโก๋ไปหนึ่งชิ้นสลับกัดดูน้ำเต้าหู้ในมือจนหมด แล้วเจาะถุงที่สองยื่นใส่ปากคนที่ขับรถอยู่“อ้าปากสิ” ฉันบอกปัทม์ ปัทม์ไม่พูดแต่ก็ยอมอ้าปากคาบหลอดแล้วดูดไปอึกใหญ่ๆ ฉันป้อนปาท่องโก๋ปัทม์ ปัทม์ก็อ้าปากกัดเคี้ยวอย่างเงียบๆฉันป้อนปัทม์จนน้ำเต้าหู้ถุงแรกหมดไปและปาท่องโก๋หมดไปสองชิ้น“เงียบจัง”
ตลอดเกือบทั้งสัปดาห์ที่ฉันกลับบ้าน ปัทม์ส่งไลน์มาหาฉันตลอด บางทีฉันก็ลองแกล้งไม่ตอบไลน์ ทั้งๆ ที่ก็ยิ้มได้ทุกครั้งที่มีเสียงเตือนเด้งขึ้นมา ปัทม์ก็จะเปลี่ยนเป็นโทรมาหาแทน แต่ฉันก็ไม่ได้รับสายเพราะอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ แม่มองแล้วแซวว่าฉันมีหนุ่มๆ โทรหาแล้วไม่กล้ารับ ฉันลุกขึ้นห้องยิ้มๆโทรมาทำไม : DooDaoPat MK : หมูน้อยไม่อ่านไลน์เมื่อกี๊ไม่ว่าง : DooDaoใครหมูน้อย : DooDaoPat MK : เหมือนดาวไงล้อเราว่าอ้วนเหรอ : DooDaoPat MK : เปล่า อยากเรียกPat MK : น่ารักดีสนิทกันเหรอ : DooDaoมาตั้งฉายาให้ : DooDaoPat MK : ก็อยากเรียกอ่ะPat MK : ตั้งฉายาให้เราบ้างสิคาสโนว่าหน้าหยก : DooDaoPat MK : ไม่เอาหนุ่มเจ้าชู้ : DooDaoPat MK : เลิกเจ้าชู้แล้วแค่นี้แหละ : DooDaoPat MK : คุยกันก่อนจะเก็บของกลับ : DooDaoPat MK : งั้นบายครับฉันยิ้มไปพิมพ์ไป ตั้งแต่เริ่มเปิดใจก็รู้สึกดีกับปัทม์ขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยั้งใจไว้ส่วนหนึ่ง เผื่อปัทม์จะล้มเลิกความพยายามขึ้นมากลางครัน คนเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองง่ายๆ ในแค่ไม่กี่วันคงเป็นไปไม่ได้ คงต้องดูในระยะยาว*********************เปิดเทอมซัมเมอร์วันแรก ปัทม์มารอ
“พี่จะทำอะไรผม” ผมถอยออกจากอีกฝ่ายที่กำลังเดินก้าวมาหาพร้อมกับหยิบอะไรบางอย่างจากด้านหลัง“กูจะสั่งสอนให้มึงรู้ ว่าการยุ่งกับคนมีเจ้าของมึงต้องเจอกับอะไร” พี่ชายของนนท์พูดแล้วหยิบมือถือขึ้นมา ผมโล่งใจที่มันไม่ใช่อาวุธ นาฟเปิดกล้องโหมดถ่ายวีดีโอ ตั้งมือถือตั้งพิงไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือผมเคยเห็นวีดีโอซ้อมคนบ่อยๆ ไม่คิดว่าวันนี้จะเจอกับตัวเอง“พี่อย่าทำอะไรนะ นี่มันห้องผม ผมแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายและบุกรุกได้นะ”“แล้วไง” นาฟพูดพลางถอดเสื้อสูทออก พาดไว้ที่เก้าอี้ ปลดกระดุมข้อมือเตรียมพร้อม“ผมก็สู้คนนะ อย่าคิดว่าผมไม่กล้า” ผมพูดความจริง แต่ในใจแอบคิดว่าถ้าสู้กันจริงๆ จะตายรึเปล่า นาฟตัวสูงใหญ่ มีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรง ผมว่าอัดผมหมัดเดียวก็คงจะน็อค“ก็ดี กูชอบคนสู้ กูไม่ชอบทำคนฝ่ายเดียว” นาฟพูดแล้วแสยะยิ้มน่ากลัว เดินเข้ามาหาผม จังหวะนี้ผมตัดสินใจป้องกันตัวสวนหมัดไปก่อนทีหนึ่งผลั่ก!! หมัดผมก็หนักไม่ใช่เล่น ผมมั่นใจเพราะตอนนี้นาฟถึงกับหน้าหันไปอีกทางจากแรงต่อยของผม“มึงเริ่มก่อนนะ” นาฟหันกลับมา แล้วต่อยเข้าที่ท้องผม ผมถึงกับจุกนอนลงไปกองที่พื้น ‘แรงเยอะฉิบหาย’นาฟถอดเสื้อออก ผมมองกล้าม







