ตึกๆ ตึกๆ
เสียงรองเท้าย้ำไปกับพื้นถนน ก่อนที่ร่างบอบบางสวมแว่น จะขึ้นไปยืนบนฟุตบาททันทีที่ข้ามถนนได้ ยืดอกให้ดูผ่าเผยขึ้น มือกำเอกสารสำคัญของตัวเองไว้แน่น สูดลมหายใจลึกๆ จึงก้าวเดินอย่างมาดมั่น เข้าไปในตึกขนาดใหญ่ เพื่อไปสัมภาษณ์งาน
“สวัสดีค่ะ มาตามนัดสัมภาษณ์งานค่ะ”
นิรายกมือไหว้คนที่เคยเจอแล้วตอนมากรอกใบสมัคร
“ตอนนี้ท่านไม่อยู่ มีธุระด่วน เดี๋ยวติดต่อไปใหม่ หรือไม่ก็ไปสมัครที่อื่นเถอะ” คนสวยตรงหน้าพูดด้วยรอยยิ้มเหยียด ใช่ รอยยิ้มเหยียดหยัน! ที่นิรามองเห็นชัดเจน
“แต่พี่คนที่อยู่ข้างๆ เมื่อวานนัดมานะคะ หนูขอรอได้ไหมคะ” เธอเอ่ยขอร้องอีกครั้ง ถ้าเธอกลับไป เธออาจจะพลาดงานนี้ก็ได้ ทั้งที่เมื่อวานพี่คนที่รับเรื่องเธอ พูดเหมือนว่าจะรับเธอเข้าทำงานแล้วด้วยซ้ำ
“ท่านไม่กลับเข้ามาง่ายๆหรอก น่าจะอีกนานอะ” เธอพูดอย่างหงุดหงิด เมื่อยัยเฉิ่มข้างหน้าดูท่าจะเข้าใจอะไรยาก
“งั้นเหรอคะ งั้นหนูลาเลยนะคะ” นิรารีบยกมือไหว้แล้วเดินออกไปทันที เธอเสียเวลามามากแล้ว ไม่ได้ที่นี่ก็ต้องหาที่ใหม่ต่อ แต่ในใจก็นึกโกรธคนเป็นเจ้าของที่นี่ ถ้าไม่พร้อมจะสัมภาษณ์เธอ ไม่รู้จะนัดเธอมาทำไมแต่เช้าแบบนี้
“โอ้ย! !” นิราเดินออกมาตะโกนหน้าตึกขนาดใหญ่ ไม่สนใจรอบข้างเลยสักนิด ตอนนี้เพิ่งจะ 07.50 น. เธอมาก่อนเวลาตั้งชั่วโมง แต่กลับไม่ได้งาน มันทำให้เธอหงุดหงิดมาก
แต่ก่อนที่จะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ เสียงเครื่องมือสื่อสารของนิราก็ดังขึ้น
Tru Tru Tru
[ยัยนิรา~ มาอยู่กรุงเทพทำไมไม่บอกเพื่อนสักคำ] เสียงตะโกนอย่างดีใจดังลอดออกมา จนนิราแทบไม่ต้องแนบโทรศัพท์ไปกับหูเลย
“ก็เพิ่งมา เลยยังไม่ได้บอก” นิรายืมเจื่อนๆ ให้โทรศัพท์ เธอลืมบอกเพื่อนไปเลย
[แล้วนี่มาอยู่คนเดียวเหรอ ได้งานทำหรือยัง มาทำกับเราไหม มีตำแหน่งว่าง เย็นนี้มาเจอกันหน่อยไหม คิดถึง] ปลายสายพูดอย่างอารมณ์ดี
“นิวอยู่กับพี่ที่เคยทำงานด้วยจ้า คอนโดพี่เขาต้องการคนเช่าพอดี นิวกำลังหางานอยู่ แต่คืนนี้นิวไม่ว่างจ้า” บอกเพื่อนสาวไปเสียงเบา ตอนนี้กำลังก้าวเท้าออกเดิน จากหน้าตึกที่มีเจ้าของเฮงซวยนี้
[งั้นวันไหนที่นิว หางานด้วยตัวเองแล้ว แต่ยังไม่ได้ ติดต่อมานะ เรายินดีช่วยเสมอ] ปลายสายพูดด้วยความหวังดี รู้ดีว่าเพื่อนไม่อยากพึงพาเธอ เพราะเกรงใจเธอมาตลอด แต่เธอกลับอยากช่วยด้วยความเต็มใจเสมอ
“ขอบคุณจ้าทับทิม เดี๋ยวถ้านิวหางานไม่ได้ นิวจะให้ทับทิมช่วยคนแรกเลย” นิรายิ้มแย้มขึ้นมาทันที ทับทิมคือเพื่อนสมัยเด็ก ที่พ่อแม่พาย้ายมาอยู่กรุงเทพตอนเข้ามหาลัย แม้จะเรียนคนละที่ แต่ความรักและหวังดีก็ยังมีให้นิราไม่เปลี่ยนแปรง
[จ้า ว่างๆ เข้ามาหาที่บ้านบ้างนะ คิดถึง พ่อกับแม่ก็บ่นหานิวทุกวันเลย] ทับทิมเจ้าของเสียงหวานๆ ที่เข้ากับใบหน้าพูดอย่างอารมณ์ดี นี่ถ้าเธอไม่อ่านเจอสตอรี่ของนิรา ก็คงไม่มีทางรู้ว่าเพื่อนกำลังลำบากหางานอยู่ในเมืองกรุงคนเดียว
“จ้า โอ้ย!” เพราะมัวแต่คุย นิราเลยสะดุดล้มเพราะพื้นต่างระดับ แว่นตาหลุดกระเด็นไปที่ไหนสักที่ทันที
กร๊อบ!
“อ๊า~ แว่นจ๋า” นิรามองแว่นของตัวเอง อยากจะร้องไห้ออกมาเสียงดัง ให้แว่นสุดรักของตัวเองที่มันไปกองอยู่แทบเท้าของใครสักคน แถมอยู่ในสภาพที่แหลกละเอียดเป็นที่เรียบร้อย
“เป็นอะไรไหมครับ” ชายคนนั้นไม่สนใจแว่นของนิราเลย เพราะเขารีบเข้ามาพยุงร่างของนิราให้ลุกขึ้น ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมามอง
“คุณ ฮือ แว่นฉัน” เธอไม่ได้ด่าแต่คำพูดเหมือนฟ้องผู้ชายรูปหล่อที่เอาแต่ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ผมไม่ได้ตั้งใจ แว่นคุณมันวิ่งเข้ามาใต้เท้าผมเองนะ” เขาทอดสายตาลงมองใบหน้าที่ปราศจากแว่นยิ้มๆ ทำไมคนตรงหน้าเขา ถึงเลือกใส่แว่นอันใหญ่บดบังดวงตาสีสวยขนาดนี้ด้วยนะ
“ฉันสะดุดเถอะ ใครมันจะไปตั้งใจให้แว่นวิ่งไปอยู่ใต้เท้าคุณละ” นิรายังคงเถียงใบหน้าที่อยู่ใกล้ๆ ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าถูกร่างสูงประคองไว้ เพราะมัวแต่เถียงกับเขา เรื่องแว่นของเธอที่ถูกเขาเหยียบจนมันแตกละเอียด
“ท่านค่ะ เดี๋ยวต้องเข้าประชุมแทนท่านประธานนะคะ”
ขณะที่นิรากำลังจะเค้นหาคำมาเถียงคนตรงหน้า ก็ได้ยินเสียงหวานๆ เรียกอยู่ไม่ไกลนัก เห็นผู้ชายคนนี้พยักหน้าหงึกหงัก ทั้งยังปล่อยมือออกจากร่างนุ่มนิ่มของเธอ
“มาสมัครงานที่นี่เหรอ” ชายหนุ่มถามเธอนิ่งๆ เห็นเธอกอดเอกสารไว้แน่น เธอไม่ใช่คนในบริษัทเขาแน่ๆ เขาไม่เคยเห็นเธอ เพราะเขาไม่มีทางพลาดจากของสวยๆ งามๆ ตรงหน้านี้แน่
“อืม แต่ไม่ได้งานหรอก คนที่นัดสัมภาษณ์เทฉันไปแล้ว” นิราแค่อยากบ่นให้ใครสักคนฟัง ถึงความไม่ยุติธรรมที่เธอได้รับ และพอดีชายหนุ่มคนนี้ยืนอยู่ตรงนี้ก็แค่นั้น
“งั้นไปกับผม ผมจะสัมภาษณ์เอง ชดเชยที่ทำแว่นคุณพัง”
พูดจบก็จับมือนิรา เดินเข้าไปในตึกใหญ่นี่ทันที ตามด้วยผู้หญิงสวยๆ ที่ทำหน้าเรียบนิ่ง เดินตามคนทั้งคู่ไป
ตลอดทางที่ชายคนนี้กับนิราเดินผ่านจนกระทั่งขึ้นลิฟไปชั้นบนสุด มีแต่คนทักทายและก้มหัวให้ เขาทำแค่พยักหน้ารับ ส่วนนิราตัวลีบตัวหดหมดแล้ว เขาคนนี้เป็นใครกันแน่
“เอ่อ ท่านรองค่ะ จะพาเด็กคนนั้นไปไหน” หญิงสาวที่ยืนอยู่โต๊ะก่อนถึงหน้าห้องที่เขียน ‘ว่ารองประธาน’ พูดขึ้น
ผู้หญิงที่นิราเพิ่งเจอ
“ผมจะสัมภาษณ์เธอเอง หลังจากประชุมเสร็จแล้ว หาน้ำไปให้เธอด้วย อย่าให้คนไล่เธอไปไหน คุณเจน ผมขอเอกสารการประชุมด้วยครับ” ชายหนุ่มสั่งเลขาชั่วคราวของท่านประธาน ก่อนจะหันมายิ้มให้เลขาตัวเอง แล้วรับเอกสารที่เธอยื่นมาให้
“ไปรอผมในห้องนั้น แล้วเตรียมตัวให้ดี หวังว่าผมจะไม่ผิดหวังที่พาคุณมาด้วยตัวเอง” เขาชี้มือบอกนิราไปรอที่ห้องของรองประธาน ก่อนจะยิ้มนิดๆ แล้วเดินจากไปทางห้องประชุมที่เธอกับเขาเพิ่งเดินผ่านมา
“เข้าไปสิ จะยืนเช่อทำไม ยัยบ้านนอก” พูดเสียงดังให้ได้ยิน ก่อนจะเหยียดปากใส่เด็กสาวตรงหน้า ดูยังไงก็บ้านนอกชัดๆ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เชยแสนเชย แถมผิวก็คล้ำกว่าเธอมาก
“เห้อ!”
นิราเดินเข้าไปนั่งรอในห้องทันที ไม่หวังน้ำดื่มอย่างที่ชายคนนั้นบอก แค่ไม่โดนไล่ออกไปตอนนี้ก็ดีแล้ว นิรานั่งอยู่เงียบๆ เธอไม่ต้องเตรียมตัวอะไรหรอก เพราะเตรียมมาแล้วนั่นเอง
นิราก้มมองร่างกายตัวเองอีกครั้ง สภาพเธอไม่ได้แย่สักหน่อย เธอใส่เสื้อสีขาวกับกางเกงสีดำ ซึ่งมันก็ดูเหมาะสมกับการสัมภาษณ์งานนี่นา แล้วเธอบ้านนอกตรงไหน หรือเพราะไอ้สีผิวของเธอที่มันโผล่พ้นเสื้อแขนยาวสีขาวนี่เหรอ มันคล้ำกว่าคนอื่นๆที่อยู่ในนี้ เลยดูบ้านนอกเหรอ นิราคิดอย่างสงสัยในคำพูดของผู้หญิงคนนั้น
เธอยอมรับว่าตัวเองมาจากต่างจังหวัด ไม่ได้มีผิวสีขาวเนียนละเอียดเหมือนคนในกรุงเทพ แต่เธอคิดว่าถ้าเธออยู่กรุงเทพนานกว่านี้ เธอต้องขาวขึ้นแน่นอน บางทีเธออาจจะขาว และสวยกว่าผู้หญิงที่ดูถูกเธอด้วยซ้ำ
นิรามองมือตัวเองที่มันคล้ำ เพราะตากแดดช่วยแม่ทำงาน แต่ไม่เคยนึกรังเกียจความดำของมันสักนิด ยิ่งมองดูมัน ยิ่งคิดถึงคนเป็นแม่ ถ้าไม่ใช่เพราะหนี้ก้อนโต เธอคงไม่ต้องทิ้งแม่มาหางานทำในกรุงเทพคนเดียว
หมับ! “ว๊าย! พี่คินเดี๋ยวตก!” ทิพย์วารีร้องเสียงหลง มองหน้าสามีที่อุ้มขึ้นจากโซฟาตาเขียวปัด เธอไม่ได้ตัวเล็กๆเลยนะ ถ้าทำเธอตกลงไป เธอจะหยิกให้เนื้อเขียวเลย “กอดคอไว้สิ นอนตรงนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวคนนั้นคนนี้เดินเข้ามา มันวุ่นวาย” พูดจบก็ก้าวเดิน มือเล็กยกโอบรอบลำคอหนาไว้แน่นอย่างช่วยไม่ได้ ดื้อดึงไปคงไม่ได้อะไร หลับตาแน่น ปล่อยให้คนตัวโตพาไปในที่ๆเขาอยากจะไป อคินวางคนหลับลงบนเตียงแผ่วเบา แล้วบอกไม่เหนื่อยนะ แต่หลับทันทีที่เขาอุ้มขึ้นมาถึงด้านบน ไม่รู้เป็นแผนการหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากเอาแต่ใจตัวเองมาก จึงปล่อยให้เธอนอนพักผ่อนไปก่อน ยังไงคืนนี้ก็ต้องได้ทำอยู่แล้ว จะอดทนรอต่อไปอีกหน่อยแล้วกัน 16:45 น. @โรงแรมที่จัดงานเลี้ยง รถยนต์คันหรูจอดลงบริเวณหน้าโรงแรมที่จัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ทิพย์วารีปิดริมฝีปากหาวไปฟอดใหญ่ ทั้งที่เพิ่งตื่นนอนเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน “ค่อยไปนอนต่อช่วงที่ช่างแต่งตัวให้นะ” “พี่คินจะไปไหนต่อเหรอคะ?” ทิพย์วารีถามคนที่ไม่ยอมดับเครื่องยนต์รถ เหมือนว่าเขาจะไปที่ไหนต่อ ไม่เข้าไปข้างในพร้อมกับเธอ “ไปรับแอล” “ค่ะ ให้วาวขึ้
21:45 น. ร่างสูงค่อยๆย่องออกมาจากห้องนอนของตัวเอง ได้ยินเสียงประตูห้องข้างๆดังขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน รอจนมั่นใจว่าคนที่อยู่ในห้องนั้นทำอะไรเสร็จหมดแล้ว จึงได้ย่องออกจากห้องของตัวเอง ประตูห้องที่ทิพย์วารีใช้หลับนอน ถูกเปิดออกแผ่วเบา ร่างสูงก้าวผ่านประตูไปอย่างเงียบเชียบ ปิดลงอย่างเบามือ เดินฝ่าความมืดไปที่เตียงนอน มองร่างที่คดคู้กายอยู่ในผ้าห่ม แสงไฟจากหัวเตียง ส่องให้เห็นใบหน้ายามหลับใหลของว่าที่ภรรยา พรึ่บ! ร่างสูงขึ้นคร่อมทับร่างเย้ายวนไว้อย่างรวดเร็ว สัมผัสเมื่อคืนทำให้ร่างกายเกิดความต้องการอยู่ตลอด ให้รอไปจนถึงคืนพรุ่งนี้ เขารอไม่ไหวหรอก ต้องทำอะไรสักอย่างกับความต้องการของตัวเอง จุ๊บ! สัมผัสมาก่อนเสียง ทิพย์วารีที่เพิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา สะดุ้งตื่นเต็มตา ดวงตาทั้งคู่เบิกโพลงเมื่อเห็นใบหน้าคนที่คร่อมทับตัวเองอยู่ “ตื่นแล้วเหรอ” “พี่คินจะทำอะไรคะ?” “นอนอยู่เงียบๆเถอะน่า!” “ไม่เอานะ วาวเหนื่อย พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” “นิดเดียวน่า!” อคินไม่สนใจเสียงห้ามปรามสักนิด ปิดริมฝีปากเล็กไว้แน่น ไม่ให้เธอโต้แย้งอะไรได้อีก เลื่อนมือดึงชายชุ
“วาวขอออกไปข้างนอกนะคะ” “อยู่นี่แหละ ไม่ทำอะไรแบบเมื่อคืนหรอกน่า” พูดอย่างหงุดหงิด เพราะทำอะไรอย่างที่อยากทำไม่ได้ มองอาหารในจานที่วางอยู่อีกโต๊ะ สลับกับอาหารในมือคนที่นั่งทับอยู่บนตัก จานนั้นของโปรดเขาจริงๆ แต่แปลกที่เขาเลือกกินอาหารของทิพย์วารี แทนที่จะเป็นอาหารที่ตัวเองโปรดปราน กว่าทิพย์วารีจะถูกปล่อยให้เดินออกมาจากห้องทำงานของผู้บริหาร ก็เป็นตอนที่เขาถูกแพรวิภาโทรตามให้เข้าประชุม แน่นอนว่ามันเลยเวลาประชุมไปหลายนาที เพราะเขามัวแต่ลวนลามเธอ มากกว่าจะเสียเวลาในการกินอาหาร ร่างเพียวระหงเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง ไม่สนใจผู้หญิงอีกคนที่นั่งทำหน้าเหม็นเบื่อส่งมาให้ ทิพย์วารีเองก็เห็นใจมะนาวนะ ที่พยายามอย่างหนักเพื่อครอบครองหัวใจเขา รู้สึกเห็นใจและสมเพช เพราะเหมือนเห็นตัวเองในอดีตซ้อนทับกับภาพเธอ “ถ้าแต่งงานแล้ว ฉันจะคุยเรื่องการทำงานของคุณกับพี่อคินนะคะ” ทิพย์วารีบอกสิ่งที่ตัวเองจะทำ มองใบหน้าสวยนิ่งๆ ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรต่อเธอเลย เพราะคิดว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว มะนาวทำงานไม่คุ้มเงิน ถ้าเพียงแค่ฝึกงานเฉยๆ และเธอมีใจที่จะเรียนรู้งานจริงๆมันคงไม่มีเหตุผ
“เที่ยงแล้วนะคะ คุณอคินน่าจะทานเลย เพราะบ่ายมีประชุม” “ไม่หิว” “ทานหน่อยนะคะ นี่ของโปรดพี่คินเลยนะ” ใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างสวยงามแย้มยิ้ม เดินเข้ามาใกล้ทอดสายตามองอย่างคะยั้นคะยอ หวังให้คนตัวโตลุกจากเก้าอี้มาทานอาหารที่ตัวเองยกเข้ามาให้ หวังทำคะแนนเต็มที่ เพราะมั่นใจว่าเขาจะหลงเสน่ห์ตัวเอง เพราะหน้าตาที่เหมือนกันกับคนที่เขารักมากที่สุด “แพรอยู่ข้างนอกไหม?” “อยู่ค่ะ แต่น้องวาวไม่อยู่” แอบยิ้มนิดๆ เมื่อคำตอบของตัวเอง ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาตึงขึ้น มุมปากหนาคว่ำลงบ่งบอกว่าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก “พี่คินให้นาวป้อนไหมคะ” “ไม่เป็นไร ออกไปเถอะ” “แต่…” “ออกไปครับ ผมจะทำงาน” น้ำเสียงห่างเหินมาพร้อมกับแววตาเฉยชา มะนาวรีบหมุนตัวเดินหนีออกไป เธอจะทำให้เขาอารมณ์เสียตอนนี้ไม่ได้ ช่วงนี้พยายามอย่างมากที่จะไม่ทำอะไร แม้จะร้อนใจมากเหลือเกิน เพราะใกล้จะถึงวันงานของเขาแล้ว แต่เธอมีแผนการสำรองไว้อยู่ คิดว่าไม่สามารถพังงานแต่งของเขาได้แน่ แต่คิดว่าตัวเองสามารถทำให้เขาหย่าได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ทิพย์วารีมองกล่องข้าวในมือ เธอเห็นตอนที่มะนาวถืออาหารเข้าไ
วันรุ่งขึ้น 11:25 น. ทิพย์วารีขยับกายหนีจากอ้อมกอดคนเอาแต่ใจ เพียงแค่แรงขยับน้อยนิดของเธอ คนตัวโตก็ลืมตาขึ้นมองดุๆ แล้วรัดเธอไว้แน่นเหมือนเดิม “พี่คิน วาวเมื่อยค่ะ” เธอกับเขานอนอยู่ท่านี้มานานหลายชั่วโมงแล้ว ไม่รู้ว่าบทเรียนเมื่อคืนจบลงตอนไหน แม้จะมึนเมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ก็ไม่ได้เมามากขนาดจำอะไรไม่ได้ เธอจำได้ทุกอย่างว่าเขาทำอะไรกับร่างกายเธอบ้าง ส่วนเขาไม่รู้จำได้หรือเปล่า เพราะตั้งแต่เขาปล่อยให้เธอนอน เขาก็ยังไม่ตื่นอีกเลย มีเพียงแค่เมื่อกี้ที่ลืมตามอง และตอนนี้ก็หลับลงไปอีกแล้ว “พี่คิน… วาวจะไปห้องน้ำ” ใบหน้าสวยบิดเบี้ยว เธอตื่นมาสักพักแล้วเพราะรู้สึกปวดปัสสาวะ พยายามหนีจากอ้อมกอดนี้แล้ว แต่ขยับทีไร ก็ถูกรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม และตอนนี้มันเริ่มจะอั้นไม่ไหวแล้ว “พี่คินค่ะ วาวขอไปห้องน้ำหน่อยค่ะ” คำออดอ้อนอ่อนหวานดังชิดแผ่นอก กดริมฝีปากลงเบาๆ ลากไล้ลิ้นผ่านผิวเนื้อสีเข้มกว่า หวังให้การกระตุ้นทางร่างกายปลุกคนตัวโตจากห้วงนิทรา ตื่นเถอะนะได้โปรด ไม่งั้นมันจะอั้นต่อไปไม่ไหวจริงๆ! “อืม…ไม่พอเหรอ?” “พอแล้ว วาวจะไปห้องน้ำ วาวปวดฉี่” เงยหน้าม
“อ๊ะ อ๊า พี่คิน ตรงนั้น ไม่ อ๊ะ อื้อ” เสียงหวานครางลั่น จุดหวงแหนกำลังโดนมือใหญ่รุกรานอย่างหนัก สะโพกถอยหนีจากสัมผัสเพราะความเจ็บ แต่โดนมืออีกข้างกดสะโพกไว้แน่น ใบหน้าส่ายไปมา ก่อนจะรีบยกใบหน้าขึ้น ก้มลงมองบริเวณนั้นของตัวเอง เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรชื้นๆแตะลงไปเบาๆ “กรี๊ด!” ทิพย์วารียกมือปิดหน้าด้วยความอาย หุบขาเข้าหากันแน่น เพื่อไม่ให้คนตัวโตทำเรื่องน่าอายกับร่างกายของตัวเอง เขาลงไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้ว….แล้ว เขากำลังก้มหน้าทำอะไรอยู่ตรงนั้น น่าอายที่สุดเลย! “อืม” อคินครางแผ่ว เขาไม่เคยทำแบบนี้ให้ผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง ไม่เคยคิดอยากจะซุกไซร้ใบหน้า อยู่ตรงนี้ของผู้หญิงคนไหนเลย แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่อยากหนีไปไหน กลีบเนื้อสีชมพูสวยกำลังล่อลวงสายตา กลิ่นกายสาว หอมหวานคล้ายขนม สัมผัสเปียกชื้นของน้ำหวานกลางกาย ทุกอย่างมันน่าสนใจไปหมด จนเขาไม่สนแรงบีบของท่อนขาเรียวยาว ยังคงปัดป่ายลิ้นไปทั่วจุดซ่อนเร้นแสนหวาน นิ้วมือแหวกกลีบเนื้อออกจากกัน ให้ลิ้นได้สัมผัสอย่างถนัดถนี่ “อ๊ะ อ๊า! พี่คิน” “อือ” นิ้วมือเรียวยาวหายเข้าไปในร่องรักคับแน่น ขยับ