3 ชั่วโมงต่อมา
ร่างสูงสง่าดูภูมิฐานของนรสิงค์ หรือคุณสิงค์ ผู้นั่งตำแหน่งรองประธานบริษัทนำเข้าและส่งออกขนาดใหญ่แห่งนี้ เดินอย่างเร่งรีบเข้ามาในห้องทำงานของตัวเอง หลังจากเสียเวลาอยู่ในห้องประชุมนานกว่าปกติ
วันนี้เขาต้องเป็นประธานในการประชุม แทน คุณพยัคฆ์ หรือเสือ พี่ชายที่หนีไปหาคู่หมั่นคนสวยตั้งแต่เช้า หรือบางทีอาจจะตั้งแต่เมื่อคืน
“คุณรอนานไหมครับ”
นรสิงค์ถามผู้หญิงที่นั่งผงกหัวกับโซฟา เธอคงจะง่วงเพราะรอเขาตั้งนาน ไหนจะตาหวานเยิ้มที่มองเขานั่นอีก นี่เธอตื่นรึยังเนี้ย
“ต้องถามด้วยเหรอคุณ คุณก็น่าจะรู้เรื่องเวลาดีที่สุด”
นิราบ่นให้คนที่ดูนาฬิกาก่อนจะถามเธอด้วยซ้ำ
“อ่า งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ คุณมาสัมภาษณ์งานตำแหน่งเลขาของท่านประธานสินะครับ ผมชื่อนรสิงค์ หรือสิงค์ เป็นรองประธานที่นี่ครับ”
นรสิงค์เอ่ยแนะนำตัว ก่อนจะเริ่มสัมภาษณ์เธอทันที
“ชื่อนิรา อายุ 25 จบโทบริหาร พูดได้ 3 ภาษา จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น” นรสิงค์ทวนข้อมูลในเรซูเม่ของเธอช้าๆ การศึกษาเธอดีมากแม้จะจบจากมหาลัยต่างจังหวัดก็เถอะ ถือว่าใช้ได้ทีเดียว
“คุณพร้อมเริ่มงานวันไหน” นรสิงค์ถามนิราที่นั่งเงียบ นี่เขาสัมภาษณ์งานหรือแค่อ่านประวัติเธอกันแน่
“คุณรับฉันทำงานเหรอคะ” นิราถามย้ำอีกครั้ง
“ครับ คนที่คุณต้องทำงานด้วยคือพี่ชายผมที่เป็นประธานของที่นี่ แค่คุณสมบัติคุณผ่านก็พอ พวกความรู้ค่อยเอามาใช้ตอนทำงานแล้วกันนะครับ” นรสิงค์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณให้ฉันนั่งรอเกือบ4ชั่วโมง แล้วพูดกับฉันแค่10 นาทีนี่นะ” นิราไม่รู้จะดีใจหรือโมโหดี ไอ้ประโยคสามภาษาที่เธอเตรียมมาสัมภาษณ์ ไม่ถูกนำออกมาใช้เลยสักนิด
“แต่ผลลัพธ์มันก็ออกมาดีนี่ครับ”นรสิงค์ยิ้มน้อยๆ ชอบใจที่ได้คุยกับเธอ เด็กผู้หญิงผิวสองสีที่มีสีผมดำสนิทล้อมกรอบใบหน้าแสนหวานไว้ โชคดีที่เขาเหยียบแว่นตาเธอพัง จึงได้มีโอกาศได้เห็นใบหน้าเธอชัดๆ และมันก็ถูกใจเขามากเลยละ
“งั้นฉันขอเริ่มงานวันพรุ่งนี้เลยได้ไหมค่ะ แล้วเงินเดือนฉันจะได้ตามที่ยื่นไปรึเปล่า”
นิราเอ่ยถามเบาๆ กับผู้ชายตรงหน้า ที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูดีไปหมด ทั้งรูปหน้าที่เกลี้ยงเกลา จมูกโด่ง แต่ที่โดนเด่นที่สุดคงจะเป็นสีผม ที่เขาย้อมเป็นสีเทาอย่างมั่นใจ และมันก็เขากับใบหน้าเขาเป็นอย่างดี
“ได้ครับ เงินเดือนสองหมื่นห้า ผมว่าไม่น้อยนะกับการเพิ่งเริ่มงาน แต่ถ้าคุณมีความสามารถมากพอ ผมเชื่อว่าไม่นานเราได้ปรับเงินเดือนให้คุณแน่ สู้ๆ นะครับ” นิราได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา พร้อมกับคำพูดแสนอ่อนโยนของคุณนรสิงค์
“เอ่อ คุณนรสิงค์ ชุดที่ฉันใส่มันน่าเกียจสำหรับงานของพวกคุณรึเปล่า” นิราไม่มั่นใจเลย สงสัยมันคงดูไม่เหมาะกับบริษัทใหญ่ขนาดนี้นั่นแหละ ถึงได้มีแต่สายตาดูแคลนส่งมาให้
“คุณไม่มั่นใจเหรอ งั้นไปกับผมสิ” นรสิงค์เดินมาจับมือนิรา เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“คุณเจนครับ ไปกัน ไปช่วยผมเลือกชุดให้เลขาคนใหม่ของพี่เสือที” นรสิงค์ยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้เลขาสาวที่มองมาอย่างสงสัยภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยที่ไม่แสดงความรู้สึก
“เชิญนำไปก่อนเลยค่ะ เจนขอหยิบกระเป๋าก่อน” เจนจิราพูดด้วยเสียงนิ่งๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินตามไป รวมทั้งเอกสารหลังการประชุมเมื่อครู่ด้วย
คนขับรถของนรสิงค์ พาคนทั้งสามมาที่ห้างขนาดใหญ่ นิราที่นั่งตัวเกร็งมาตลอดทาง เพิ่งจะได้หายใจหลังจากลงรถมายืนที่พื้นทางเดินของห้าง
“ไม่เคยมาเหรอ” นรสิงค์ถามนิราที่ยืนด้วยท่าทางประม่า เธอเป็นคนสวยที่ไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย เหมือนเด็กน้อยที่โตแต่ตัว
“ไม่เคยหรอกค่ะ เคยไปแต่โลตัส” นิราบอกความจริงก่อนจะเดินตามนรสิงค์เข้าไปในห้าง โดยมีเจนจิราเดินตามหลังคนทั้งคู่
“แว่นตาผมไม่ซื้อให้นะ ไม่ต้องใส่หรอก สายตาก็ไม่ได้สั้นไม่รู้จะใส่ทำไม ผมชดเชยเป็นเสื้อผ้าพวกนี้แล้วกันนะ คุณเจนรบกวนด้วยนะครับ ช่วยเลือกแบบที่พี่เสือน่าจะชอบ”นรสิงค์พูดยิ้มๆ
ที่จริงก็นึกชอบนิราอยู่หรอก แต่เขามีคนในใจอยู่แล้ว
แต่ที่ถูกใจนิรานั้น เพราะเธอเป็นสเปกของพี่ชายต่างหาก ถ้าหาของสวยๆ งามๆ ใส่พานไปถวายให้พี่ชายได้ พี่เขาจะได้ดุน้อยลง สักนิดก็ยังดี
“ตามมาทางนี้เลยค่ะ”
เจนจิราเอ่ยพนักงานใหม่บอกเบาๆ ตามแบบฉบับของเธอ เดินนำไปทางโซนที่เธอมาบ่อยๆ ไม่ใช่ว่าเธอจะทำแต่งานเลขา งานที่ไม่ต่างจากสไตลิสต์ เธอก็ทำให้ผู้หญิงของเจ้านายบ่อยๆ และทำออกมาได้ดีมากด้วย ครั้งนี้ก็คิดว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น
“ท่านจะให้เลือกกี่ชุดค่ะ”
เจนจิราหยิบชุดไปให้นิราลอง และตอนนี้นิรากำลังเข้าไปลองชุดพวกนั้น อยู่ข้างในห้องลองชุด เธอจึงเดินกลับมาถามเจ้านายที่รออยู่ ด้วยอยากรู้ว่าเขาตั้งงบครั้งนี้ไว้มากน้อยแค่ไหน
“เอาสัก 10 ชุด ไปก่อน ที่เหลือพี่เสือคงจัดการเอง มานี่หน่อย” นรสิงค์พูดยิ้มๆ ก่อนจะเรียกเลขาสาวให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ
“อะไรคะ” เจนจิราถามด้วยใบหน้าหวาดระแวง ตรงนี้ไม่มีใครเลย เพราะพนักงานไปช่วยหาชุดในแบบที่เจนจิราสั่งอยู่อีกด้านของร้าน
“เปล่าไม่มีอะไร ผมแค่เห็นอะไรติดอยู่บนหน้าคุณเจนนะครับ แต่ตอนนี้มันหลุดไปแล้ว” นรสิงค์พูดความจริง เขาเห็นเธอมีสีหน้าไม่พอใจนิดๆ ตอนเดินมาถามเขา แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วจนเขานึกเสียดาย
เขาต้องทำมากกว่านี้สินะ
“เอ่อ …. คุณค่ะ ฉันว่ามันไม่น่าจะเหมาะกับฉันเท่าไหร่” นิราเดินออกมาโดยสวมชุดเดรสรัดรูปสีดำด้านใน ส่วนด้านนอกเป็นสูทสีดำทับไว้อีกที ดูเรียบร้อยดีแต่มันสั้นมากเลยในความรู้สึกเธอ
“เข้ากับผิวขาวๆ ของคุณมากเลยครับ”
นรสิงค์เอ่ยชมจากใจจริง เพิ่งเห็นว่าภายใต้เสื้อผ้า ผิวของเธอขาวมากขนาดนี้ ต่างจากผิวที่พ้นออกมาจากร่มผ้าลิบลับ ที่มันคล้ำแดดจนเกือบจะเรียกว่าดำ
“แต่ฉันอายค่ะ ผิวฉันมันสีไม่เหมือนกัน ฉันขอใส่เป็นกางเกงได้ไหมคะ”
นิราอายจริงๆ ผิวด้านในเธอขาวสะอาดตา เพราะเวลาไปช่วยงานของแม่ เธอจะใส่ชุดมิดชิด ผิวด้านในจึงไม่โดนแดดเผา ต่างจากมือและข้อมือที่มันคล้ำกว่าผิวจริงมาก ที่ผ่านมาเธอจึงใส่แต่เสื้อแขนยาวปกปิดให้เห็นแค่มือกับผิวหน้าที่หมองคล้ำเท่านั้น มันจะได้ไม่ดู ด่างๆ ดำๆ
“ไม่เห็นต้องอายเลยครับ คนเราดำได้ก็ขาวได้ ไปซื้อครีมบำรุงผิวกันเถอะ”
พูดจบก็เดินไปจ่ายเงินทันที ก่อนจะถือชุดทั้งหมดไว้เอง โดยมีนิราที่อยู่ในชุดรัดรูปสีดำเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
หมับ! “ว๊าย! พี่คินเดี๋ยวตก!” ทิพย์วารีร้องเสียงหลง มองหน้าสามีที่อุ้มขึ้นจากโซฟาตาเขียวปัด เธอไม่ได้ตัวเล็กๆเลยนะ ถ้าทำเธอตกลงไป เธอจะหยิกให้เนื้อเขียวเลย “กอดคอไว้สิ นอนตรงนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวคนนั้นคนนี้เดินเข้ามา มันวุ่นวาย” พูดจบก็ก้าวเดิน มือเล็กยกโอบรอบลำคอหนาไว้แน่นอย่างช่วยไม่ได้ ดื้อดึงไปคงไม่ได้อะไร หลับตาแน่น ปล่อยให้คนตัวโตพาไปในที่ๆเขาอยากจะไป อคินวางคนหลับลงบนเตียงแผ่วเบา แล้วบอกไม่เหนื่อยนะ แต่หลับทันทีที่เขาอุ้มขึ้นมาถึงด้านบน ไม่รู้เป็นแผนการหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากเอาแต่ใจตัวเองมาก จึงปล่อยให้เธอนอนพักผ่อนไปก่อน ยังไงคืนนี้ก็ต้องได้ทำอยู่แล้ว จะอดทนรอต่อไปอีกหน่อยแล้วกัน 16:45 น. @โรงแรมที่จัดงานเลี้ยง รถยนต์คันหรูจอดลงบริเวณหน้าโรงแรมที่จัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ทิพย์วารีปิดริมฝีปากหาวไปฟอดใหญ่ ทั้งที่เพิ่งตื่นนอนเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน “ค่อยไปนอนต่อช่วงที่ช่างแต่งตัวให้นะ” “พี่คินจะไปไหนต่อเหรอคะ?” ทิพย์วารีถามคนที่ไม่ยอมดับเครื่องยนต์รถ เหมือนว่าเขาจะไปที่ไหนต่อ ไม่เข้าไปข้างในพร้อมกับเธอ “ไปรับแอล” “ค่ะ ให้วาวขึ้
21:45 น. ร่างสูงค่อยๆย่องออกมาจากห้องนอนของตัวเอง ได้ยินเสียงประตูห้องข้างๆดังขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน รอจนมั่นใจว่าคนที่อยู่ในห้องนั้นทำอะไรเสร็จหมดแล้ว จึงได้ย่องออกจากห้องของตัวเอง ประตูห้องที่ทิพย์วารีใช้หลับนอน ถูกเปิดออกแผ่วเบา ร่างสูงก้าวผ่านประตูไปอย่างเงียบเชียบ ปิดลงอย่างเบามือ เดินฝ่าความมืดไปที่เตียงนอน มองร่างที่คดคู้กายอยู่ในผ้าห่ม แสงไฟจากหัวเตียง ส่องให้เห็นใบหน้ายามหลับใหลของว่าที่ภรรยา พรึ่บ! ร่างสูงขึ้นคร่อมทับร่างเย้ายวนไว้อย่างรวดเร็ว สัมผัสเมื่อคืนทำให้ร่างกายเกิดความต้องการอยู่ตลอด ให้รอไปจนถึงคืนพรุ่งนี้ เขารอไม่ไหวหรอก ต้องทำอะไรสักอย่างกับความต้องการของตัวเอง จุ๊บ! สัมผัสมาก่อนเสียง ทิพย์วารีที่เพิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา สะดุ้งตื่นเต็มตา ดวงตาทั้งคู่เบิกโพลงเมื่อเห็นใบหน้าคนที่คร่อมทับตัวเองอยู่ “ตื่นแล้วเหรอ” “พี่คินจะทำอะไรคะ?” “นอนอยู่เงียบๆเถอะน่า!” “ไม่เอานะ วาวเหนื่อย พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” “นิดเดียวน่า!” อคินไม่สนใจเสียงห้ามปรามสักนิด ปิดริมฝีปากเล็กไว้แน่น ไม่ให้เธอโต้แย้งอะไรได้อีก เลื่อนมือดึงชายชุ
“วาวขอออกไปข้างนอกนะคะ” “อยู่นี่แหละ ไม่ทำอะไรแบบเมื่อคืนหรอกน่า” พูดอย่างหงุดหงิด เพราะทำอะไรอย่างที่อยากทำไม่ได้ มองอาหารในจานที่วางอยู่อีกโต๊ะ สลับกับอาหารในมือคนที่นั่งทับอยู่บนตัก จานนั้นของโปรดเขาจริงๆ แต่แปลกที่เขาเลือกกินอาหารของทิพย์วารี แทนที่จะเป็นอาหารที่ตัวเองโปรดปราน กว่าทิพย์วารีจะถูกปล่อยให้เดินออกมาจากห้องทำงานของผู้บริหาร ก็เป็นตอนที่เขาถูกแพรวิภาโทรตามให้เข้าประชุม แน่นอนว่ามันเลยเวลาประชุมไปหลายนาที เพราะเขามัวแต่ลวนลามเธอ มากกว่าจะเสียเวลาในการกินอาหาร ร่างเพียวระหงเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง ไม่สนใจผู้หญิงอีกคนที่นั่งทำหน้าเหม็นเบื่อส่งมาให้ ทิพย์วารีเองก็เห็นใจมะนาวนะ ที่พยายามอย่างหนักเพื่อครอบครองหัวใจเขา รู้สึกเห็นใจและสมเพช เพราะเหมือนเห็นตัวเองในอดีตซ้อนทับกับภาพเธอ “ถ้าแต่งงานแล้ว ฉันจะคุยเรื่องการทำงานของคุณกับพี่อคินนะคะ” ทิพย์วารีบอกสิ่งที่ตัวเองจะทำ มองใบหน้าสวยนิ่งๆ ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรต่อเธอเลย เพราะคิดว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว มะนาวทำงานไม่คุ้มเงิน ถ้าเพียงแค่ฝึกงานเฉยๆ และเธอมีใจที่จะเรียนรู้งานจริงๆมันคงไม่มีเหตุผ
“เที่ยงแล้วนะคะ คุณอคินน่าจะทานเลย เพราะบ่ายมีประชุม” “ไม่หิว” “ทานหน่อยนะคะ นี่ของโปรดพี่คินเลยนะ” ใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างสวยงามแย้มยิ้ม เดินเข้ามาใกล้ทอดสายตามองอย่างคะยั้นคะยอ หวังให้คนตัวโตลุกจากเก้าอี้มาทานอาหารที่ตัวเองยกเข้ามาให้ หวังทำคะแนนเต็มที่ เพราะมั่นใจว่าเขาจะหลงเสน่ห์ตัวเอง เพราะหน้าตาที่เหมือนกันกับคนที่เขารักมากที่สุด “แพรอยู่ข้างนอกไหม?” “อยู่ค่ะ แต่น้องวาวไม่อยู่” แอบยิ้มนิดๆ เมื่อคำตอบของตัวเอง ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาตึงขึ้น มุมปากหนาคว่ำลงบ่งบอกว่าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก “พี่คินให้นาวป้อนไหมคะ” “ไม่เป็นไร ออกไปเถอะ” “แต่…” “ออกไปครับ ผมจะทำงาน” น้ำเสียงห่างเหินมาพร้อมกับแววตาเฉยชา มะนาวรีบหมุนตัวเดินหนีออกไป เธอจะทำให้เขาอารมณ์เสียตอนนี้ไม่ได้ ช่วงนี้พยายามอย่างมากที่จะไม่ทำอะไร แม้จะร้อนใจมากเหลือเกิน เพราะใกล้จะถึงวันงานของเขาแล้ว แต่เธอมีแผนการสำรองไว้อยู่ คิดว่าไม่สามารถพังงานแต่งของเขาได้แน่ แต่คิดว่าตัวเองสามารถทำให้เขาหย่าได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ทิพย์วารีมองกล่องข้าวในมือ เธอเห็นตอนที่มะนาวถืออาหารเข้าไ
วันรุ่งขึ้น 11:25 น. ทิพย์วารีขยับกายหนีจากอ้อมกอดคนเอาแต่ใจ เพียงแค่แรงขยับน้อยนิดของเธอ คนตัวโตก็ลืมตาขึ้นมองดุๆ แล้วรัดเธอไว้แน่นเหมือนเดิม “พี่คิน วาวเมื่อยค่ะ” เธอกับเขานอนอยู่ท่านี้มานานหลายชั่วโมงแล้ว ไม่รู้ว่าบทเรียนเมื่อคืนจบลงตอนไหน แม้จะมึนเมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ก็ไม่ได้เมามากขนาดจำอะไรไม่ได้ เธอจำได้ทุกอย่างว่าเขาทำอะไรกับร่างกายเธอบ้าง ส่วนเขาไม่รู้จำได้หรือเปล่า เพราะตั้งแต่เขาปล่อยให้เธอนอน เขาก็ยังไม่ตื่นอีกเลย มีเพียงแค่เมื่อกี้ที่ลืมตามอง และตอนนี้ก็หลับลงไปอีกแล้ว “พี่คิน… วาวจะไปห้องน้ำ” ใบหน้าสวยบิดเบี้ยว เธอตื่นมาสักพักแล้วเพราะรู้สึกปวดปัสสาวะ พยายามหนีจากอ้อมกอดนี้แล้ว แต่ขยับทีไร ก็ถูกรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม และตอนนี้มันเริ่มจะอั้นไม่ไหวแล้ว “พี่คินค่ะ วาวขอไปห้องน้ำหน่อยค่ะ” คำออดอ้อนอ่อนหวานดังชิดแผ่นอก กดริมฝีปากลงเบาๆ ลากไล้ลิ้นผ่านผิวเนื้อสีเข้มกว่า หวังให้การกระตุ้นทางร่างกายปลุกคนตัวโตจากห้วงนิทรา ตื่นเถอะนะได้โปรด ไม่งั้นมันจะอั้นต่อไปไม่ไหวจริงๆ! “อืม…ไม่พอเหรอ?” “พอแล้ว วาวจะไปห้องน้ำ วาวปวดฉี่” เงยหน้าม
“อ๊ะ อ๊า พี่คิน ตรงนั้น ไม่ อ๊ะ อื้อ” เสียงหวานครางลั่น จุดหวงแหนกำลังโดนมือใหญ่รุกรานอย่างหนัก สะโพกถอยหนีจากสัมผัสเพราะความเจ็บ แต่โดนมืออีกข้างกดสะโพกไว้แน่น ใบหน้าส่ายไปมา ก่อนจะรีบยกใบหน้าขึ้น ก้มลงมองบริเวณนั้นของตัวเอง เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรชื้นๆแตะลงไปเบาๆ “กรี๊ด!” ทิพย์วารียกมือปิดหน้าด้วยความอาย หุบขาเข้าหากันแน่น เพื่อไม่ให้คนตัวโตทำเรื่องน่าอายกับร่างกายของตัวเอง เขาลงไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้ว….แล้ว เขากำลังก้มหน้าทำอะไรอยู่ตรงนั้น น่าอายที่สุดเลย! “อืม” อคินครางแผ่ว เขาไม่เคยทำแบบนี้ให้ผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง ไม่เคยคิดอยากจะซุกไซร้ใบหน้า อยู่ตรงนี้ของผู้หญิงคนไหนเลย แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่อยากหนีไปไหน กลีบเนื้อสีชมพูสวยกำลังล่อลวงสายตา กลิ่นกายสาว หอมหวานคล้ายขนม สัมผัสเปียกชื้นของน้ำหวานกลางกาย ทุกอย่างมันน่าสนใจไปหมด จนเขาไม่สนแรงบีบของท่อนขาเรียวยาว ยังคงปัดป่ายลิ้นไปทั่วจุดซ่อนเร้นแสนหวาน นิ้วมือแหวกกลีบเนื้อออกจากกัน ให้ลิ้นได้สัมผัสอย่างถนัดถนี่ “อ๊ะ อ๊า! พี่คิน” “อือ” นิ้วมือเรียวยาวหายเข้าไปในร่องรักคับแน่น ขยับ