และหากหลี่หมิ่นถังคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเลวร้ายอย่างถึงที่สุดแล้วละก็นางคงคิดผิดไปไกลที่เดียว เพราะต่อจากนั้นอีกเพียงเดือนเดียวเย่จื่อเฉินกลับรับอนุภรรยามาเติมเรือนหลังอีกสองคน ผู้หนึ่งเป็นบุตรสาวของนายกองในกองทัพ อีกผู้คือหญิงคณิกาอันดับหนึ่งของหอหลินเซียง
"เรือนหลังก็มีน้องซวงเอ๋อร์แล้ว เหตุใดจึงต้องรับคนมาเพิ่มอีกเจ้าค่ะท่านพี่จื่อเฉิน"
คราวนี้หลี่หมิ่นถังไม่ได้ปิดปากเงียบอีกแล้ว นางต้องถามให้กระจ่าง ว่าเหตุใดต้องแต่งอี้เหนียงมาเพิ่มทั้งที่เขายังมีฉิงซวงและนางที่เป็นฮูหยินอยู่ทั้งคน
"เจ้าอย่าใจแคบไปหน่อยเลยหมิ่นถัง บัดนี้จื่อเฉินเป็นถึงแม่ทัพปกป้องเทียนตู การมีอนุภรรยาเพิ่มนับว่าเป็นการเพิ่มบารมีให้กับสามี"
แต่เย่จื่อเฉินนั้นยังไม่ทันเอ่ยปากเหล่าฮูหยินเย่กลับเอ่ยตัดหน้าเขาเสียก่อน หลี่หมิ่นถังถึงกับหันขวับไปมองมารดาของสามีด้วยสายตากังขาจากใจ
"หากหมิ่นถังใจคอคับแคบเช่นนั้นที่ท่านพ่อไม่เคยรับอนุภรรยามาเพิ่มจะกล่าวว่าอย่างไรดีเล่าเจ้าค่ะท่านแม่?"
จนกระทั่งเขาสิ้นใจจากไปอดีตติ้งอันโหวผู้เป็นบิดาของสามีนางมีเย่ฮูหยินเพียงคนเดียว หากจะกล่าวว่าอดีตติ้งอันโหวรักเดียวใจเดียวเห็นทีจะยาก แต่ที่เรือนหลังไม่เคยรับอนุภรรยาเท่าที่หลี่หมิ่นถังทราบมาจากพ่อบ้านเฉียงมาก็คือมารดาของสามีนางไม่ยินยอมต่างหากแล้วในยามเป็นนางเหตุใดจึงถูกกล่าวหาว่าใจคอคับแคบกันด้วยเล่า?
"นี่เจ้า! หลี่หมิ่นถังเดี๋ยวนี้ชักจะก้าวหน้าเกินไปแล้ว กับมารดาสามีเจ้าก็กล้าเถียงเสียแล้วหรือ"
เหล่าฮูหยินเย่โมโหจนหน้าแดงก่ำลุกขึ้นมาชี้หน้าลูกสะใภ้ด้วยนิ้วชี้อันสั่นระริกแต่หลี่หมิ่นถังกลับมองด้วยแววตาเรียบเฉยไร้ความหวาดเกรง
"ท่านแม่กล่าวผิดแล้ว หมิ่นถังมิได้คิดจะโต้เถียงกับท่าน หมิ่นถังก็เพียงสงสัยเท่านั้น"
"นี่! นางตัวดี พอสามีกลับมาเจ้าถึงกับกล้าโต้แย้งข้า เฉินเอ๋อร์เจ้าตัวเมียของเจ้านะ นางช่างไร้การอบรมสิ้นดี!"
หลี่หมิ่นถังกำหมัดแน่น ดวงตาที่มองไปยังมารดาของสามีแสนจะแข็งกร้าว นางต้องกัดเนื้อภายในปากจนได้รสของเลือด จึงพอจะข่มโทสะลงไปได้
"ก็ตามใจท่านพี่ก็แล้วกัน"
สุดท้ายหลี่หมิ่นถังก็กล่าวออกไปเช่นนั้น นางพยายามท่องคำว่าอดทนและอดทนนับหมื่นนับแสนครั้ง แต่ใจของคนเรามันจะอดทนได้มากขนาดไหนกันเล่า สักวัน...
สักวันมันต้องมีวันที่หมดลง หลี่หมิ่นถังก็ได้แต่คาดหวังว่าเย่จื่อเฉินจะหันกลับมาเห็นใจ เหลียวกลับมามองเห็นถึงความจริงใจที่นางมีให้กับเขา หวังใจเหลือเกินว่าเขาจะแลเห็นมันก่อนวันที่นางจะหมดความอดทนและหมดสิ้นซึ่งความรักที่ตนเองมีให้กับเขามาหลายปี...
แล้วนับจากวันนั้นหลี่หมิ่นถังก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่พบหน้ากับมารดาของสามีหากไม่จำเป็นแต่ชีวิตของฮูหยินเอกของติ้งอันโหวกลับยิ่งไม่ง่าย ทุกวันนอกจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำการค้าและดูแลจวนติ้งอันโหวแล้วในแต่ละวันหลี่หมิ่นถึงยังต้องคอยห้ามทัพและตัดสินถูกผิดระหว่างอี้เหนียงทั้งสามคนอีกด้วย เหน็ดเหนื่อยไม่ว่า หากสามีใส่ใจ แน่นอนหญิงสาวย่อมอดทนผ่านไปได้
ทว่ากลับจากชายแดนมาครึ่งปี อี้เหนียงทั้งสามต่างตั้งครรภ์ไปทั้งหมด แต่นางที่เป็นฮูหยินเอกของติ้งอันโหว สามีกลับไม่เคยเหลียวแลไม่พอ ยังไม่เคยร่วมหอกันแค่เพียงครึ่งชั่วยาม เหล่าฮูหยินเย่เมื่อพบหน้าก็มักจะแดกดันหลี่หมิ่นถังเรื่องนี้อยู่ทุกครั้ง
หลี่หมิ่นถังถามใจตนเองอยู่ทุกวัน ตนเองผิดอันใด บกพร่องที่ตรงไหน เย่จื่อเฉินจึงไม่แม้แต่จะแตะต้องตนเอง คิดอยากถามเขาออกไปตรงๆ เย่จื่อเฉินก็ไม่เคยปฏิบัติไม่ดีกับนางเลยตรงกันห้ามนับจากครึ่งปีก่อนที่เย่จื่อเฉินกลับจากชายแดนนอกจากขยันแต่งอนุภรรยาเข้าจวนกับไม่ยอมแตะต้องนางที่เป็นภรรยาเอก แล้วเย่จื่อเฉินภายนอกจวนให้เกียรตินางอย่างมากภายในจวนยิ่งเกรงใจ แต่นางเป็นภรรยาเป็นคู่ชีวิตหลี่หมิ่นถังไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้นนางต้องการความจริงใจ แค่ความรัก นางต้องการเท่านั้น หากเขารักนางสักนิด จะไม่เกรงใจ ที่เขาเกรงว่าเพราะนางเป็นผู้หาเงินเข้าจวนต่างหากมิใช่ความรัก
"พี่จื่อเฉิน วันนี้พี่พอจะมีเวลาให้หมิ่นถังสักครู่หรือไม่"
ในที่สุดหลี่หมิ่นถังทนเก็บความในใจเอาไว้ไม่ไหวสามีภรรยามีเรื่องใดสมควรเปิดใจพูดคุย นางสงสัยจึงคิดว่าตนเองสมควรถามเขาออกไป เก็บเอาไว้ก็เอาแต่คิดเองเออเองมีแต่ปวดใจ เจ็ดเดือนมันนานเกินไปแล้ว นางอดทนไม่พูดไม่ถามมาเจ็ดเดือน นางจะไม่เก็บมันเอาไว้แค่ในใจคนเดียวอีกต่อไปเขาคิดสิ่งใด นางจะต้องรู้ให้กระจ่างหากนางผิดไปย่อมยินดีแก้ไข แต่หากเขาไม่อาจหันกลับมารักนางได้นางก็จะปล่อยมือแล้ว ไม่ไหว นางกำมันเอาไว้ไม่ไหวแล้ว นางหมดกำลังใจที่จะอดทน หมดแรงที่จะต่อสู้โดยมองไม่เห็นหนทางที่จะชนะ
"เอาสิ เย็นนี้ข้าจะไปกินข้าวที่เรือนของเจ้า"
พอเห็นว่าหลี่หมิ่นถังดูอัดอึดและทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส เย่จื่อเฉินจึงยอมรับปากกับสตรีที่เขาแต่งกับนางเพื่อใช้นางเป็นตัวแทนของใครอีกคนออกไปพอข้ารับใช้เมื่อได้ทราบว่านายท่านเย่หรือติ้งอันโหวจะไปกินข้าวยังเรือนฮูหยินเอกเย่ล้วนยินดียิ่ง เพราะผ่านมานานขนาดนี้เย่ฮูหยินยังไม่ตั้งครรภ์แต่อี้เหนียงทั้งสามกลับมีครรภ์ไปก่อน เรื่องนี้ทำเอาเหล่าฮูหยินเย่ไปพอใจมากถึงกับออกปากอยากให้นายท่านเย่แต่งเย่ฮูหยินรองมาให้กับติ้งอันโหวในเร็ววันนี่อยู่แล้ว
สำหรับบ่าวไพร่ชายหญิงไม่ว่าเด็กหรือผู้สูงวัยล้วนรักและเคารพหลี่หมิ่นถังกันทุกชีวิต เพราะร่วมสามปีที่นางมาเป็นนายหญิงล้วนดีกับทุกชีวิตมาโดยตลอด ดังนั้นย่อมไม่คิดอยากได้ฮูหยินรองมาสร้างความวุ่นวายเพราะแค่อี้เหนียงทั้งสามกับคุณชายรองคุณหนูสามและเหล่าฮูหยินเย่พวกเขาก็ปวดหัวมากพอแล้ว
เช่นนั้นพอวันนี้นายท่านเย่จะไปเรือนฮูหยินเย่ทุกชีวิตจึงยินดีปรีดาเหลือล้น เรือนครัวตั้งใจปรุงอาหารเริศรส บ่าวในเรือนฝูเล่อก็รีบตกแต่งประดับประดาสร้างบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็น ธูปหอม กำยานผ่อนคลาย ดอกไม้ ต้นไม้ประดับ
"เอาละ เจ้ามีเรื่องใดอยากพูดกับข้าก็พูดเถิดหมิ่นถัง"
หลังจบมื้ออาหารสาวใช้มาเก็บออกไป จากนั้นก็นำป้านน้ำชามาให้ทั้งสองสามีภรรยาดื่มล้างปากกับผลไม้อีกสองชนิด เย่จื่อเฉินในวัยยี่สิบห้าปีจึงเปิดปากถามฮูหยินโฉมงามขึ้น ถามนางโดยที่ไม่อาจมองนางอย่างเต็มตาได้เลย
เพราะสำหรับเขาแล้วหลี่หมิ่นถังนี้ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นภาพทับซ้อนของพี่สาวของนางราวกับเป็นฝาแฝด พอคิดมาถึงตรงนี้เย่จื่อเฉินก็อดจะรู้สึกจะละอายใจตนเองอยู่หลายส่วนเสียมิได้ เพราะแท้จริงที่สู่ขอและแต่งงานกับนางเพราะเขาเห็นนางเป็นตัวแทนของพี่สาวนางจริงๆ ดังนั้นจนถึงวันนี้จึงมิอาจแตะต้องนางได้แม้แต่ปลายเส้นผมด้วยความรู้สึกละอายใจมันมากเกินไปนั่นเอง
"หมิ่นถังขอพูดตามตรงไม่อ้อมค้อมนะเจ้าค่ะ"
"กล่าวมาเถอะ"
"เหตุใดพี่จื่อเฉินจึงไม่เคยแตะต้องข้าหรือเจ้าค่ะ ในวันที่เราแต่งงานกันก็แล้วกันไป แต่นี่ท่านพี่กลับมาร่วมหนึ่งปีกลับไม่เคยแตะต้องหมิ่นถังแม้แต่จับมือ แต่ท่านพี่กลับรับอี้เหนียงเข้าจวนไม่ขาด มันหมายความว่าอย่างไรเจ้าค่ะ? "
"!!!"
เย่จื่อเฉินไม่คิดว่าหลี่หมิ่นถังนั้นจะเอ่ยถามตนเองตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมไม่เขินอาย หากเป็นหลี่เหม่ยหลินที่เป็นพี่สาวของนางให้ตายคงไม่ใจกล้าถามออกมาเช่นนี้แน่นอน
"พี่จื่อเฉินพูดออกมาได้ตามที่คิดเลยเจ้าค่ะ ข้ายอมรับได้ หากตนเองบกพร่องสิ่งใด ยังขาดเหลืออันใดเชิญพี่จื่อเฉินชี้แนะหมิ่นถังคนนี้ได้เลย หมิ่นถังยินดีแก้ไข ข้าผิดอันใด หรือท่านพี่ไม่ชอบสิ่งใด หมิ่นถังยินดีทำเพื่อท่านทุกสิ่ง"
นางกล่าวออกไปจากใจ หากเขาบอกแก่นาง หลี่หมิ่นถังยินดีปรับปรุง นางกับเขาอายุห่างกันอยู่พอสมควรไหนจะยังไม่ได้สนิทสนมก็มาแต่งงานกันแล้ว ความรักของนางอาจยังไม่มากพอ นางอาจต้องปรับปรุงอีก
"ข้า..."
เย่จื่อเฉินไม่รู้ว่าตนเองจะตอบสตรีตรงหน้าไปว่าอย่างไร บกพร่องตรงไหนนะหรือ อยู่ร่วมจวนกับนางมาเจ็ดเดือน นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกเลย เพราะหลี่หมิ่นถังถึงปีนี้นางจะเพิ่งเต็มสิบแปดปีไปไม่นาน ทว่ากลับจัดการทุกสิ่งได้ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะภายในจวน นอกจวน หญิงสาวคนนี้ไม่เคยบกพร่องเลยน้องสาวกับน้องชายของเขาที่อายุมากกว่านางยังไม่เก่งกาจและมีความรับผิดชอบเท่ากับหลี่หมิ่นถังเลยด้วยซ้ำเขายังจะเอาความผิดหรือสิ่งไม่ดีใดไปบอกแก่นางได้อีกเล่า
"พี่จื่อเฉินบอกมาเถอะหมิ่นถังยอมรับได้ทั้งหมด และจะรีบแก้ไขไม่ทำให้พี่จื่อเฉินลำบากใจแน่นอน ขอเพียงท่านเอ่ยปากมาเท่านั้นแค่ท่านเอ่ยปากหมิ่นถังล้วนแก้ไขเพื่อท่านได้หมดเจ้าค่ะ"
เขาจะบอกกับนางได้อย่างไรว่าที่เขาไม่กล้าแตะต้องนางเช่นสตรีอื่นเพราะนางเป็นคนดี เป็นฮูหยินที่ดี เป็นนายหญิงที่ประเสริฐ เป็นลูกสะใภ้ที่ยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าหลี่หมิ่นถังนี้ดีไปหมด แต่เพราะนางดีเกินไปเขาจึงแตะต้องนางไม่ลง เขาไม่สามารถหลับหูหลับตาร่วมรักกับนางแทนหลี่เหม่ยหลินได้ ทั้งที่ในยามตัดสินใจสู่ขอเขาคิดว่าตนเองคงไม่คิดอันใดมาก
คิดเพียงว่าในยามเข้าหอดื่มสุราให้หนักสักหน่อย พอเมามายเขาก็พอจะหลอกตนเองได้ว่าตนเองได้เข้าหอกับอดีตคนรักได้ แต่พอทราบกำหนดเคลื่อนกำลังทหารไปสมทบกับกองทัพใหญ่ของชินอ๋องซ่างกวนไท่เขาก็มีความคิดว่าดีเช่นกัน แต่กลับเห็นแก่ตัวไม่ยอมเปิดปากบอกกับหลี่หมิ่นถังอย่างตรงไปตรงมาว่าตนเองจะต้องไปชายแดนไม่รู้วันกลับ และเพราะรู้ว่านางรักเขาเย่จื่อเฉินจึงยิ่งเห็นแก่ตัวใช้คำสัญญาผูกหลี่หมิ่นถังเอาไว้
ใช่เขาทำได้เพราะเห็นแก่ตัวและแค้นใจหลี่เหม่ยหลินล้วนๆ …
แล้วตลอดเวลาที่เขาอยู่ชายแดนข่าวจากพ่อบ้านเฉียงที่คอยส่งไปรายงานนั้นก็มีแต่เรื่องดี น้องสาวกับมารดาของเขานิสัยอย่างไรร้ายกาจขนาดไหนแน่นอนเขาย่อมทราบดี ไหนจะเรื่องเงินทองภายในจวนติ้งอันโหวที่ก่อนจะเคลื่อนทัพบิดาของเขาได้ไปกู้เงินมาตั้งมากโดยใช้จวนกับที่ดินอีกหลายผืนไปจำนองนั่นก็อีก เพียงปีเดียวหลี่หมิ่นถังไม่ใช่แค่ใช้หนี้สินมากมายจนหมด กิจการต่างๆ ของสกุลเย่นางก็กอบกู้และทำให้มันงอกงามไปด้วยกำไรอีกด้วย นอกจากกิจการเดิมจะรุ่งเรืองกิจการใหม่ยังดีวันดีคืนจนบัดนี้สกุลเย่นับว่าร่ำรวยอาจเป็นอันดับต้นๆ ของเทียนตูแล้วด้วยซ้ำ
ยิ่งพอบิดาของเขาตายที่สนามรบหากแค่มารดากับน้องสาวเกรงว่าแม้แต่จวนก็อาจรักษาเอาไว้มิได้เพราะเขากับน้องชายก็อยู่ชายแดนคนย่อมไม่เกรงใจอีกต่อไป แต่ทุกสิ่งเพราะมีหลี่หมิ่นถังจวนติ้งอันโหวจึงผ่านมาได้อย่างมั่นคง หรือแม้แต่น้องชายของเขาจากที่เกือบพิการ บัดนี้ยังกลับมาเดินเหินได้อีกครั้งถึงไม่อาจกลับไปเป็นทหารเช่นในอดีต แต่แค่ไม่พิการก็ประเสริฐมากล้น ซึ่งจะเป็นเช่นนี้มิได้เลยหากไม่ใช่เพราะหลี่หมิ่นถังทุ่มเทเงินทองมากมายจ้างหมอฝีมือดีและหาตัวยาซึ่งทั้งหายากและแสนจะแพงแสนแพงมาใช้ในการรักษา
"พี่จื่อเฉิน..."
เห็นว่าสามีเอาแต่มองหน้านางนิ่ง ไม่พูดไม่จาออกมา หลี่หมิ่นถังกลับยิ่งร้อนใจคิดไปในทางด้านเลวร้ายว่าตนเองอาจบกพร่องจนเย่จื่อเฉินบรรยายไม่ถูกก็เป็นไปได้
"เจ้าดีเกินไป เพราะเจ้าดีเกินไป หากจะผิด ก็ผิดที่เจ้าเป็นคนดีเกินไปหมิ่นถัง"
"......."
กล่าวจบก็ไม่ให้โอกาสหลี่หมิ่นถังตั้งสติเรือนกายสูงใหญ่รีบร้อนลุกจากไปทันที หลี่หมิ่นถังราวกับถูกไม้ท่อนใหญ่ฟาดเข้าที่ศีรษะ นางนั่งมึนงงกับประโยคที่เย่จื่อเฉินบอก
'เจ้าดีเกินไป เพราะเจ้าดีเกินไป หากจะผิดก็ผิดที่เจ้าเป็นคนดีเกินไปหมิ่นถัง'
นี่มันคำตอบประเภทใดกัน?
ตอนที่5||ที่ใดจะสุขใจเท่าบ้านเราพอคิดตกและตัดสินใจจนแน่วแน่วันนั้นหลี่หมิ่นถังจึงเซซังออกจากจวนติ้งอันโหวตรงกลับเมืองเสียนหยางบ้านเดิมสกุลหลี่มาราวกับคนบาดเจ็บสาหัสใกล้สิ้นใจ แต่กลับไม่มีน้ำตาสักเพียงหยดเดียวตลอดการเดินทางสามชั่วยาม เพราะนางคิดตกแล้วว่าน้ำตาของตนเองสูงค่าราวกับไข่มุกเช่นนั้นจะมาเสียมันให้กับคนเช่นเย่จื่อเฉินนางคิดว่าไม่คู่ควร ที่เสียมาตลอดเกือบสี่ปีนับว่ามากพอแล้วยังดีที่นางยังมีท่านแม่ ท่านย่า ท่านพ่อและน้องชายกับน้องสาว นางยังมีคนในครอบครัวและบ่าวไพร่ที่จริงใจห่วงใยนางอย่างแท้จริงรออยู่ที่จวนสกุลหลี่ หนังสือหย่านางส่งไปแล้วหลังจากกลับถึงจวนสกุลหลี่ได้หนึ่งวัน ส่งไปโดยบิดาของนางเองแต่ทางฝ่ายนั้นกลับดึงดันไม่ยอมลงนาม ทว่าเรื่องนี้หลี่หมิ่นถังยังไม่รีบร้อน นางอยากขอเวลาเยียวยาจิตใจตนเองให้กล้าแกร่งเสียก่อนเพราะเจ็บในคราวนี้นางบาดเจ็บสาหัสนักเหลือเกินนางบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ...แต่มิใช่ทางกายที่ได้บาดแผลยับเยินมา ทว่าเป็นทางใจ สินเดิมของนางหมดไปนานแล้วจึงมิได้นำกลับมาด้วย แต่กิจการของนางเองก็มีไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นกิจการร้านขายข้าวสารฝูเล่อที่มีอีกสาขาในเมืองเสียนหยา
ตอนที่4||หมดแล้ว ข้าหมดใจกับท่านแล้วหลี่หมิ่นถังถามตนเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ถึงสามวัน เพราะนางยังตั้งสติไม่ได้ก็ผู้ใดมันจะคาดว่าตนเองจะได้รับคำตอบเช่นนี้ 'เจ้าดีเกินไป เพราะเจ้าดีเกินไป หากจะผิดก็ผิดที่เจ้าเป็นคนดีเกินไปหมิ่นถัง' เกิดมาจนถึงวันนี้นางอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ได้หนึ่งเดือนแล้วเพิ่งจะเคยได้ยินว่าการเป็นคนดีเกินไปจึงถูกสามีหมางเมินไม่สติหลุดยังจะเป็นคนปกติได้อย่างไรและพอตั้งสติได้นางก็รู้สึกโกรธอยู่ไม่น้อย สองปีเศษที่แต่งงานกับอีกเจ็ดเดือนที่อยู่ร่วมจวนนางหลี่หมิ่นถังล้วนทุ่มเททั้งแรงกายและหัวใจทำดีกับเขาทำดีกับทุกคนที่เขารักและเคารพ ทว่าเย่จื่อเฉินกลับตอบคำถามคาใจของนางมาแค่ไม่กี่ประโยคแล้วหายหน้าออกจากจวนเสียร่วมสองเดือนมันออกจะเกินไปแล้วถึงนางจะเป็นคนใจดีมีเหตุมีผลแต่เช่นนี้นางก็โกรธเป็นเช่นกัน เขาสมควรตอบคำถามของนางให้รู้เรื่องเสียก่อน เช่นนี้ไม่สมกับการเป็นแม่ทัพปกป้องเมืองเทียนตูเลยแม้แต่น้อย ทว่าไม่พึงใจอย่างไรหลี่หมิ่นถังก็ทำได้เพียงแค่รอให้เขากลับจวนเท่านั้นทว่าอีกหนึ่งเดือนต่อมาเย่จื่อเฉินเขากลับมิได้กลับจวนติ้งอันโหวมาแค่เพียงผู้เดียวหากแต่สามีของนางเขาดันกลับมาพร้อมห
และหากหลี่หมิ่นถังคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเลวร้ายอย่างถึงที่สุดแล้วละก็นางคงคิดผิดไปไกลที่เดียว เพราะต่อจากนั้นอีกเพียงเดือนเดียวเย่จื่อเฉินกลับรับอนุภรรยามาเติมเรือนหลังอีกสองคน ผู้หนึ่งเป็นบุตรสาวของนายกองในกองทัพ อีกผู้คือหญิงคณิกาอันดับหนึ่งของหอหลินเซียง"เรือนหลังก็มีน้องซวงเอ๋อร์แล้ว เหตุใดจึงต้องรับคนมาเพิ่มอีกเจ้าค่ะท่านพี่จื่อเฉิน"คราวนี้หลี่หมิ่นถังไม่ได้ปิดปากเงียบอีกแล้ว นางต้องถามให้กระจ่าง ว่าเหตุใดต้องแต่งอี้เหนียงมาเพิ่มทั้งที่เขายังมีฉิงซวงและนางที่เป็นฮูหยินอยู่ทั้งคน"เจ้าอย่าใจแคบไปหน่อยเลยหมิ่นถัง บัดนี้จื่อเฉินเป็นถึงแม่ทัพปกป้องเทียนตู การมีอนุภรรยาเพิ่มนับว่าเป็นการเพิ่มบารมีให้กับสามี"แต่เย่จื่อเฉินนั้นยังไม่ทันเอ่ยปากเหล่าฮูหยินเย่กลับเอ่ยตัดหน้าเขาเสียก่อน หลี่หมิ่นถังถึงกับหันขวับไปมองมารดาของสามีด้วยสายตากังขาจากใจ"หากหมิ่นถังใจคอคับแคบเช่นนั้นที่ท่านพ่อไม่เคยรับอนุภรรยามาเพิ่มจะกล่าวว่าอย่างไรดีเล่าเจ้าค่ะท่านแม่?"จนกระทั่งเขาสิ้นใจจากไปอดีตติ้งอันโหวผู้เป็นบิดาของสามีนางมีเย่ฮูหยินเพียงคนเดียว หากจะกล่าวว่าอดีตติ้งอันโหวรักเดียวใจเดียวเห็นทีจะยาก แต่
สองปีผ่านไป…ในที่สุดข่าวจากแคว้นเป่ยฉีก็มาถึงมหานครเสียนหยางและจวนติ้งอันโหวในเทียนตูตามลำดับอีกครั้งซึ่งคราวนี้มิใช่ข่าวร้ายเช่นครั้งก่อนๆ แต่เป็นข่าวดี ข่าวที่บอกเล่าว่ากองทัพของชินอ๋อง ซ่างกวนไท่ ได้ชัยชนะเหนือฝ่ายกบฏอ๋องเผ่ากั๋วเซาพร้อมขับไล่เผ่าต่างๆ อีกสามเผ่า ที่ร่วมมือกับเผ่ากั๋วเซาให้แตกฝ่ายถอยร่นขึ้นไปทางเหนือกว่าห้าร้อยลี้สำเร็จแล้ว"ฮูหยินเจ้าค่ะ ฮูหยิน"เพ่ยเจียว สาวใช้คนสนิทของหลี่หมิ่นถัง รีบร้อนนำข่าวที่ได้ยินมาจากเรือนของเหล่าฮูหยินเย่มารายงานผู้เป็นนายของตนเองทันทีที่ได้ฟังว่ากองทัพของชินอ๋องคว้าชัยชนะศึกยาวนานสามปีสักครา"เอะอะอันใดกันเพ่ยเจียว"ผิงเซียง สาวใช้อีกคนของหลี่หมิ่นถังที่กำลังเช็ดฝุ่นตรงมุมห้องอดจะถามสหายของตนเองออกไปก่อนผู้เป็นนายเสียมิได้ ส่วนหลี่หมิ่นถังกำลังตรวจบัญชีกองสูงท่วมศีรษะด้วยใบหน้าอ่อนโยน"ข่าวดีเจ้าค่ะ เป็นข่าวดี"เพ่ยเจียวใบหน้าแดงก่ำ คาดว่าคงวิ่งมาเต็มกำลัง หลี่หมิ่นถังจึงปิดสมุดบัญชีที่ตรวจเสร็จเป็นเล่มสุดท้ายลงทันทีเพราะนางเองก็คาดหวังว่าจะเป็นข่าวดีจากชายแดนเสียที"ข่าวดีอันใด" เสียงหวานถามออกไป ถึงภายนอกของนางดูค่อนข้างใจเย็นแต่ใครเ
แต่ที่เทียนตูนี้นั้นเมืองรองของต้าเซี่ยแห่งนี้นั้นหลี่หมิ่นถังหรือบัดนี้กลายเป็นเย่ฮูหยินคนใหม่แทนมารดาสามีที่ขยับฐานะขึ้นไปเป็นเหล่าฮูหยินเย่เพราะสามีของนางตายจากไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเองชีวิตก็ไม่ได้ง่ายเช่นกัน ยิ่งมารดาของสามีและน้องสาวของสามีเช่นคุณหนูสามเย่ เย่จื่ออิง ที่วันทั้งวันไม่ทำอันใดนอกจากเรื่องสิ้นเปลืองจับจ่ายฟุ่มเฟือยราวกับจวนติ้งอันโหวผติตั๋วเงินออกมาเองได้กับคอยแต่จะก่อเรื่องเดือดร้อนมาให้นางแก้ไขไม่ว่างเว้นแล้วบัดนี้พอคุณชายรองเย่ เย่จิ่เว่ยถูกส่งกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บหนักนั้นต้องใช้ยาทั้งตัวยาดีและท่านหมอที่เก่งกาจมาเพิ่มเป็นภาระหนักให้นางต้องแบกรับซึ่งย่อมแน่นอนว่าอาการบาดเจ็บหนักนี้ต้องใช้เงินมากตามไปด้วยนั้นยิ่งทำให้ชีวิตของหญิงสาววัยสิบเจ็ดปีนี้ไม่ง่ายยิ่งขึ้น"ถังถัง ลำบากมากหรือไม่"ดังนั้นในยามเมื่อนางกลับมาเยี่ยมมารดาและบิดากับเหล่าฮูหยินหลี่ผู้เป็นท่านย่าของตนเองที่จวนสกุลหลี่นางจึงมักจะถูกมารดาและท่านย่าสอบถามด้วยความห่วงใยเสียทุกครั้งไป"ดูสิเจ้าผ่ายผอมลงอีกแล้วกลับมาเสียนหยางยามใดเจ้าก็มีแต่ผอมลง ข้ากับท่านพ่อและท่านย่าของเจ้าเห็นแล้วปวดใจนักถังถังเ
สามเดือนผันผ่านชีวิตภายในจวนติ้งอันโหวนั้นไม่ได้ง่ายดายเลย คนมาก แต่กลับไม่มีเงินทองเช่นสกุลหลี่ของหลี่หมิ่นถังแม้แต่หนึ่งส่วนนอกจากไม่มีทรัพย์แล้วติดลบมีแต่หนี้มากมายอีกด้วย เนื่องจากผู้นำตระกูลรุ่นนี้หรือก็คือพ่อสามีของนางไม่ถนัดทำการค้า หรือแม้แต่บริหารที่ดินในมือของสกุลเย่ที่มีมานานสามชั่วอายุคนหลังจากได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ติ้งอันโหวมา จนมาถึงรุ่นของเย่จื่อเฉินกับน้องชายและน้องสาวก็ยิ่งไม่ชำนาญเช่นกันจึงไม่ต่างกับตัวของติ้งอันโหวคือไม่เคยใส่ใจกิจการและที่ดินในปกครองเอาแต่ยกให้เย่ฮูหยินที่ก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้านการค้าเช่นเหล่าฮูหยินเย่ที่จากไปนานวันเข้าทั้งกิจการและที่ดินจึงมีแต่ยิ่งถดถอยมากกว่าทำกำไรทรัพย์ที่มีน้อยในรุ่นของติ้งอันโหวผู้เฒ่าจึงมีแต่ขาดทุนและขาดทุนติ้งอันโหวนั้นไม่เก่งกาจด้านการค้านับว่าไม่แปลก ซึ่งก็นับว่าปกติในตระกูลขุนนางและทหาร เพราะท่านเสนาหลี่บิดาของหมิ่นถังเองก็ไม่เก่งด้านทำการค้าอีกหลายตระกูลใหญ่ที่บุรุษรับราชการส่วนใหญ่ในต้าเซี่ยก็เป็นเช่นกัน แต่มารดาของหมิ่นถังนั้นเก่งกาจบริหารสิ่งที่มีในมือจนงอกเงยเป็นเงินเป็นทองมาเลี้ยงดูจนในจวนได้สบายหลังจากท่านย