หลี่หมิ่นถังถามตนเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ถึงสามวัน เพราะนางยังตั้งสติไม่ได้ก็ผู้ใดมันจะคาดว่าตนเองจะได้รับคำตอบเช่นนี้ 'เจ้าดีเกินไป เพราะเจ้าดีเกินไป หากจะผิดก็ผิดที่เจ้าเป็นคนดีเกินไปหมิ่นถัง' เกิดมาจนถึงวันนี้นางอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ได้หนึ่งเดือนแล้วเพิ่งจะเคยได้ยินว่าการเป็นคนดีเกินไปจึงถูกสามีหมางเมินไม่สติหลุดยังจะเป็นคนปกติได้อย่างไร
และพอตั้งสติได้นางก็รู้สึกโกรธอยู่ไม่น้อย สองปีเศษที่แต่งงานกับอีกเจ็ดเดือนที่อยู่ร่วมจวนนางหลี่หมิ่นถังล้วนทุ่มเททั้งแรงกายและหัวใจทำดีกับเขาทำดีกับทุกคนที่เขารักและเคารพ ทว่าเย่จื่อเฉินกลับตอบคำถามคาใจของนางมาแค่ไม่กี่ประโยคแล้วหายหน้าออกจากจวนเสียร่วมสองเดือนมันออกจะเกินไปแล้ว
ถึงนางจะเป็นคนใจดีมีเหตุมีผลแต่เช่นนี้นางก็โกรธเป็นเช่นกัน เขาสมควรตอบคำถามของนางให้รู้เรื่องเสียก่อน เช่นนี้ไม่สมกับการเป็นแม่ทัพปกป้องเมืองเทียนตูเลยแม้แต่น้อย ทว่าไม่พึงใจอย่างไรหลี่หมิ่นถังก็ทำได้เพียงแค่รอให้เขากลับจวนเท่านั้น
ทว่าอีกหนึ่งเดือนต่อมาเย่จื่อเฉินเขากลับมิได้กลับจวนติ้งอันโหวมาแค่เพียงผู้เดียวหากแต่สามีของนางเขาดันกลับมาพร้อมหลี่เหม่ยหลิน!
ถูกต้องแล้วเขากลับมาพร้อมกับพี่สาวของนางที่แต่งงานออกไปอยู่จวนหนานไห่กั๋วกงที่แคว้นอิ๋งโจวมาสี่ปีเศษ และมิใช่เพียงพาพี่สาวของนางกลับจวนมาเท่านั้นเขากลับเอ่ยปากขอแต่งพี่สาวของนางเป็นเย่ฮูหยินรองอีกด้วย!
"ทะ...ท่านว่าอย่างไรนะ?!"
หลี่หมิ่นถังไม่เคยตกใจหรือเดือดดาลพร้อมกับเจ็บปวดหัวใจเท่ากับวันนี้เวลานี้มาก่อนตลอดชีวิตสิบแปดปีของตนเอง สตรีอื่นเป็นหมื่นเป็นแสนใต้แผ่นดินต้าเซี่ย เหตุใดจะต้องเป็นพี่สาวของนาง ที่สำคัญพี่สาวของนางแต่งงานออกไปกับหนานไห่กั๋วกงซื่อจื่อเกือบสี่ปีแล้วมิใช่หรือจดหมายน้อยนักจะส่งกลับจวนสกุลหลี่แล้ววันดีคืนร้ายก็กลับมาด้วยฐานะว่าที่เย่ฮูหยินรองนี่มันอันใดกัน?!
"จวนหนานไห่กั๋วกงถูกจับและประหารไปบางส่วน บางส่วนถูกเนรเทศ ส่วนสตรีถูกขายโชคดีที่ข้าได้ข่าวก่อนจึงได้ช่วยหลินเอ๋อร์กลับมาได้ แต่เพราะนางเป็นฮูหยินของหนานไห่กั๋วกงซื่อจื่อซึ่งร่วมมีกับโซวอ๋องก่อกบฏ ฐานะนี้นางอาจลำบากได้"
ถึงเรื่องราวที่ได้รับฟังจะทำให้หลี่หมิ่นถังตกใจอย่างยิ่งกับชะตากรรมของพี่สาวแท้ๆ ทว่าเขาก็ไถ่ตัวของพี่สาวนางกลับมาเทียนตูแล้วมิใช่หรือ การช่วยเหลือมีอีกนับร้อยนับพัน เหตุใดต้องช่วยด้วยการแต่งงานรับเอาพี่สาวของภรรยามาเป็นภรรยาอีกคนด้วยเล่า?!
"ช่วยเหลือก็ส่วนช่วยเหลือ พี่สาวของข้ามิใช่สิ้นไร้หนทาง สกุลหลี่ไม่เคยทอดทิ้งลูกหลานเผื่อท่านไม่ทราบเย่จื่อเฉิน ท่านกล่าวมาให้ตรงไปตรงมาสักหน่อย ที่จะแต่งเหม่ยหลินมาเป็นฮูหยินรองนี้ท่านมิได้คิดช่วยเหลือ แต่ท่านไม่เคยตัดใจจากพี่สาวของข้าเลยต่างหาก ทำไมกัน หากท่านไม่เคยตัดใจและลืมรักเก่าได้เหตุใดจึงแต่งงานกับข้า"
ดวงตาคู่งามของหลี่หมิ่นถังพลันแดงก่ำ แต่กลับไม่มีน้ำตาสักหยดเพราะเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมานางร้องไห้มามากแล้วบัดนี้น้ำตาของหลี่หมิ่นถังจึงไม่เหลือแล้ว แต่ภายในใจของนางนั้นแน่นอนย่อมเจ็บปวดจนได้กลิ่นคาวเลือด มือไม้ของนางก็สั่นเทาไปหมดแล้ว แต่น้ำตาของนางกลับไม่ไหลออกมาจริงๆ ทว่าที่ไม่ไหลออกมานั้นไม่ใช่ว่ามันหมดดังที่หลี่หมิ่นถังเข้าใจในคราวแรกหากแต่น้ำตานั้นกลับกำลังไหลลงไปท่วมหัวใจของนางต่างหากเล่า
"เสี่ยวถัง เจ้าเห็นใจพี่สาวเถิดนะ"
หลี่เหม่ยหลินกล่าวออกมาบ้างแล้ว แต่คำกล่าวนี้ทำเอาหัวใจของหลี่หมิ่นถังยิ่งแตกสลาย เห็นใจพี่สาวเช่นนั้นหรือ เห็นใจพวกเขาสองคน แล้วนางเล่า?
"แล้วข้าเล่าวันเวลาร่วมสี่ปีที่ข้าเสียไปโดยไร้สิ่งใดตอบกลับมา ไม่สิหากจะกล่าวว่ามีก็มีตอบกลับมาเช่นกัน ทว่าเป็นแต่ความเหนื่อยยากและความเย็นชาจากสามี บอกข้าสักหน่อยเถิด ผู้ใดเห็นใจของข้าบ้าง"
นางถามออกไปด้วยน้ำเสียงแสนจะเจ็บปวดและหัวใจแตกสลาย กลิ่นคาวโลหิตพุ่งขึ้นที่โพรงจมูก เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด ทั้งโกรธและแค้นแทบขาดใจเป็นเช่นไรหลี่หมิ่นถังเพิ่งซาบซึ้งในวันนี้
"หมิ่นถังเจ้าอย่าเห็นแก่ตัวและใจแคบได้หรือไม่ หลินเอ๋อร์ขอเพียงฐานะฮูหยินรอง ส่วนเจ้าก็ยังเป็นภรรยาเอก เป็นนายหญิงมีอำนาจที่สุดภายในจวนติ้งอันโหว นี่พี่สาวแท้ๆ ของเจ้านะ นางลำบากเจ้าไม่คิดช่วยเหลือเจ้าจะใจดำเกินคนไปหน่อยกระมัง"
เหมือนถูกกระบี่แทงลงมาซ้ำ ที่กลางหัวใจครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกคำที่เย่จื่อเฉินกล่าวมา ทั้งอย่าใจแคบ ทั้งฐานะภรรยาเอก และทั้งอำนาจใหญ่ที่สุดในจวน ทั้งหมดนี้นางไม่เคยต้องการ ที่หลี่หมิ่นถังต้องการที่สุดก็แค่ความรักจากสามี ความรักแสนเรียบง่ายจากบุรุษที่นางรักเท่านั้น แต่นอกจากเขาจะไม่มอบให้นางแถมยังด่าทอว่านางใจดำ ใครกันแน่ที่ใจดำ!!!
"ใจแคบเช่นนั้นหรือฐานะภรรยาเอกเช่นนั้นหรือไหนจะยังใจดำนั่นอีก แล้วยังจะมีอำนาจที่สุดในจวน เย่จื่อเฉิน ท่านเคยถามข้าสักคำหรือไม่ว่าตลอดมาร่วมสี่ปีข้า หลี่หมิ่นถังผู้นี้ต้องการหรือไม่ ข้าไม่เคยต้องการ!"
เป็นครั้งแรกที่เย่จื่อเฉินถูกภรรยาตะโกนใส่หน้า เขาพลันใบหน้าชาหนึบ โกรธนางขึ้นมาจนลืมตัว
ผลัวะ!
"!!!" หลี่หมิ่นถัง ถูกฝ่ามือของเย่จื่อเฉินฟาดเปรี้ยงลงมา ร่างเล็กถึงปลิวลงไปกองกับพื้นนาง ดวงตาเรียวกะพริบงุนงงมิคาดว่าตนเองจะถูกสามีตบหน้า หญิงสาวคาดไม่ถึงจริงๆ
"!!!" หลี่เหม่ยหลิน เองก็ถึงกับยกมือกุมหน้าอกไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษที่ตลอดมาสุภาพและใจดีจะลงมือตบหน้าน้องสาวของนางที่เป็นสตรีแสนจะเพียบพร้อมผู้หนึ่งได้ลงคอ
"!!!" อย่าเอ่ยถึงสองพี่น้องที่ตกใจและคาดไม่ถึงแม้แต่ตัวของเย่จื่อเฉินเองเขาก็ยังแทบไม่เชื่อว่าตนเองจะพลั้งมือตบตีหลี่หมิ่นถังไปได้ ชายหนุ่มยกมือขึ้นมามองจ้องราวกับมันไม่ใช่มือของเขาเองอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งบัดนี้อาการของทุกคนคือต่างคนต่างตกใจ แต่ที่ทั้งตกใจและทั้งเจ็บปวดจนแทบกระอักโลหิตออกหลังจากแน่ใจแล้วว่าตนเองถูกสามีในนามตบหน้ากลับมีเพียงหลี่หมิ่นถังเท่านั้น ก็หากมาเจอเช่นนางคงยากนักที่จะไม่ตกใจ ไม่เสียใจและสุดท้ายไม่เจ็บปวดหัวใจแหลกสลายแต่ใครไม่มาเป็นนางคงไม่กระจ่างว่านางเจ็บปวดและโกรธแค้นเพียงใด
เคยเอ่ยปากถามว่าตนเองผิดตรงไหนบกพร่องอย่างไรสามีจึงไม่ยอมแตะต้องนาง คำตอบคือเจ้าดีเกินไป หากจะผิดก็คือผิดที่นางดีเกินไป หากไม่รักนางจะทำดีไปทำไม เหตุผลเพียงเท่านี้เหตุใดเย่จื่อเฉินจึงคิดไม่ได้และไม่เข้าใจ การรักใครสักคนไม่ใช่ว่าเราต้องทำดีกับทั้งเขาและคนที่เขารักไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา พี่น้องและสหาย
แต่การที่นางเป็นคนดีและดีเกินไปแล้วได้รับการตอบแทนเช่นนี้หรือ? ...
"ตบข้า ท่านตบข้าหรือเจ่จื่อเฉิน ท่านตบข้าด้วยเหตุอันใด?!"
อดีตเขาเคยรักมั่นคงอยู่กับพี่สาวของนาง แต่พอพี่สาวของนางแต่งงานออกไปเย่จื่อเฉินกลับสู่ขอนางแทน ร่วมสี่ปีผ่านมา หลี่หมิ่นถังจึงได้รู้แจ้งถึงตัวของเขาอยู่กับนางเป็นสามีในนามของนาง แต่หัวใจของเขาไม่เคยลืมพี่สาวของนางเลย สารเลวเอ๊ย ไอ้คนสารเลวจิตใจเขาทำด้วยอันใดจึงทำร้ายนางเช่นนี้?!
"ข้าทำดีกับท่าน กับคนที่ท่านรัก แต่เพียงแค่ข้าไม่ยินยอมใช้สามีร่วมกับพี่สาวนอกจากจะกลายเป็นสตรีใจแคบ ใจดำ ข้ายังถูกตบหน้า นี่หรือคือสิ่งที่ท่านสัญญากับข้าก่อนจะไปเป่ยฉีว่าจะกลับมาชดเชยให้ ชดเชยได้ดี ดีจริงๆ ท่านชดเชยได้ดียิ่ง"
คนถูกตบหัวเราะปิดท้ายประโยคดังกล่าวเพราะนางหมดสิ้นแล้ว หมดสิ้นความอดทนที่ตนเองพากเพียรล้วนก็เพื่อเขา เพื่อเย่จื่อเฉิน นางไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขานั้นยังไม่เคยมีใจรักตนเอง แต่เพราะเขาตัดสินใจส่งแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอหลี่หมิ่นถังย่อมคิดว่าเขาจะตัดใจจากหลี่เหม่ยหลินแล้วมาเริ่มต้นใหม่กับนาง ทว่าแท้จริงกลับไม่ใช่เลย เพียงแต่ได้ข่าวว่าพี่สาวของนางกำลังตกยากลำบากก็รีบไปหาไม่ช่วยบอกนางหรือครอบครัวของนางแม้เพียงครึ่งคำล้วนไม่มี ครั้งพระราชโองการนางยอมให้อภัยเขามาหนึ่งครั้ง คราวที่เขาพาฉิงซวงเอ๋อร์กลับมาจากเป่ยฉีคือการให้อภัยครั้งที่สองของนาง จนมาถึงคราวที่เย่จื่อเฉินนั้นรับอีกสองคนเขามานั่นคือการให้อภัยครั้งสุดท้ายที่หลี่หมิ่นถังตั้งเอาไว้ในใจ
"หมิ่นถังคือข้า..." เย่จื่อเฉินนั้นเพิ่งจะค้นพบเสียงตนเองเจอจึงคิดจะเอ่ยปากขอโทษอีกฝ่าย เพราะถึงจะอย่างไรสตรีผู้เป็นภรรยาที่เขาไม่กล้าแตะต้องก็เป็นคนดีและไม่มีสิ่งใดผิด หากจะผิดก็คงเป็นเขามือไวเกินไปจึงเผลอตบหน้าจนใบหน้าของหลี่หมิ่นถังบวมและเห็นรอยนิ้วมือชัดเจนแค่เวลาผ่านไปครู่เดียวเช่นนี้
"หุบปาก!"
คนปวดแก้มน้อยกว่าปวดใจตวาด หากหลี่หมิ่นถังอยู่นิ่งเฉยอยู่ได้อีกทั้งที่โดนเย่จื่อเฉินตบจนตัวปลิวนางก็คงไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว นางคงเป็นพระโพธิสัตว์แล้วเป็นแน่
"หุบปากแล้วตั้งใจฟังคำถามของข้าให้ดีเย่จื่อเฉิน!"
นางต้องถามความจริงให้กระจ่าง ไม่คิดเองเออเองเข้าข้างเขาอย่างตัวโง่งมอีกแล้ว หากครั้งนี้เขายืนยันว่าจะรับหลี่เหม่ยหลินเป็นฮูหยินรองเย่ให้จงได้ นางก็จะยอมหลีกทางจากไปเองพอกันทีกับการอดทนทำดีกับคนไม่มีใจ สามีไม่รักนางยังจะหน้าด้านอยู่ได้อย่างไร แผ่นดินกว้างใหญ่คงไม่สิ้นบุรุษดี ที่อาจรักนางอย่างจริงใจสักคน และยอมรับสตรีมีตำหนิผ่านการแต่งงานและหย่าร้างได้สักคนกระมัง
"แท้จริงท่านเคยรักข้าบ้างหรือไม่ หรือแท้จริงท่านใช้ข้าเป็นตัวแทน เป็นดังเงาของเหม่ยหลินเท่านั้น ตอบ!"
หลี่หมิ่นถังถามเขาออกไปจากใจจริงอีกครั้ง นางอยากรู้ร่วมสี่ปีที่ผ่านมา เขารักนาง หรือแท้จริงเห็นนางเป็นเพียงตัวแทนของพี่สาวเท่านั้น ฝ่ายของเย่จื่อเฉินนั้นหลังจากผ่านมาจนถึงวันนี้ที่ร่วมจะสี่ปีผ่านมา จากที่คิดว่าตนเองคงอาจจะรักหลี่หมิ่นถังที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับหลี่เหม่ยหลินได้ แต่จนถึงวันนี้เขายังมิอาจทำใจแตะต้องหลี่หมิ่นถังเช่นสามีภรรยาปกติทั่วไปได้ ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกนางป้อนคำถาม โดยเฉพาะในยามนี้หลี่หมิ่นถังตรงหน้าเปลี่ยนไปเป็นใครอีกคนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ยิ่งใจคอไม่ดีและพูดไม่ออกเลยจริงๆ
"……"
ดังนั้นที่หลี่หมิ่นถังได้รับจึงมีเพียงความเงียบเท่านั้น แต่มันเป็นความเงียบที่แสนจะเจ็บปวดปวด เนื่องจากเจ้าความเงียบนี้กลับเป็นคำตอบที่ดังที่สุดดังเสียยิ่งกว่าเย่จื่อเฉินตะโกนใส่หน้าของนางเสียอีก บัดนี้นางเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าการถูกสามีตบหน้านับหมื่นนับล้านเท่า!
"เข้าใจแล้ว หากท่านยังคงคิดจะรับเอาเหม่ยหลินมาเป็นฮูหยินรองให้ได้เช่นนี้ก็เอาตามนั้นได้เลย!"
ถึงเจ็บปวดหัวใจเจียนจะขาดแต่หลี่หมิ่นถังก็ยังมีศักดิ์ศรีของตนเองเช่นกัน ร่วมสี่ปีนางทำเต็มที่แล้ว ดีกับเขา ดีกับมารดาของเขา หรือน้องสาวจอมเอาแต่ใจ แม้แต่อี้เหนียงทั้งสามนางก็ใส่ใจอย่างดีแม้พวกนางจะแสดงสีหน้าว่าไม่เคยเคารพกันเลยก็ตาม ทว่าคนเขาไม่รัก ให้ทำดีจนตายเขาย่อมมิอาจรักได้ พอแล้ว พอกันที เกือบสี่ปีมันนานเกินไปแล้ว นานเกินไปสำหรับบุรุษเห็นแก่ตัวเช่นเย่จื่อเฉิน
"ได้! ในเมื่อผู้หนึ่งร้องผู้หนึ่งรับข้ายินดีหลีกทางให้ ข้ายอมถอยเปิดทางให้ท่านกับเหม่ยหลินที่รักกันมั่นคงถึงเพียงนี้ ข้าก็จะหย่าให้ เช่นนี้เหม่ยหลินของท่านก็จะได้ไม่ต้องฝืนทนเป็นภรรยารองอีกต่อไปวาสนารักนี้ข้าหลี่หมิ่นถังจะส่งเสริมให้พวกท่านเอง"
ลาก่อน ลาตลอดไป ความรักที่ทุ่มเทเพียงฝ่ายเดียวหลี่หมิ่นถังพอแล้ว…
สี่ปีเป็นคนโง่เป็นกระบือมาพอแล้ว นางขอไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ คำสอนของท่านย่าพลันย้อนมาตีเข้ากลางแสกหน้า คนดีกับคนโง่มันมีเส้นกันเพียงบางเบาเท่านั้นจำเอาไว้นะเสี่ยวถัง นางซาบซึ้งแล้วว่ามันจริงแท้ ความดีทำถูกคนนางย่อมกลายเป็นคนดีแต่ทำผิดคนชั่วชีวิตถึงทำจนตัวต้องตาย นางก็ตายไปพร้อมกับฐานะ คนโง่ ตามติดไปในโลกวิญญาณอยู่ดี ดังนั้นนางสมควรเลือกได้แล้วว่าจะเป็นคนดี หรือเป็นแค่คนโง่! ให้เขาหลอกใช้ไปจนตัวตายกันแน่
“ลาขาด! ขออวยพรให้พวกท่านรักกันให้ดี รักกันไปจนวันตายก็แล้วกัน!”
เป็นคนดีแล้วมันเจ็บปวด เช่นนั้นหลี่มิ่นถังก็จะเป็นคนเห็นแก่ตัวบ้างแล้ว นางจะเห็นแก่ตัวด้วยการไม่เริ่มต้นชีวิตใหม่สี่ปีที่ผ่านมาก็ถือว่านางซื้อประสบการณ์ร้ายมาสั่งสอนใจตนเอง...
ตอนที่5||ที่ใดจะสุขใจเท่าบ้านเราพอคิดตกและตัดสินใจจนแน่วแน่วันนั้นหลี่หมิ่นถังจึงเซซังออกจากจวนติ้งอันโหวตรงกลับเมืองเสียนหยางบ้านเดิมสกุลหลี่มาราวกับคนบาดเจ็บสาหัสใกล้สิ้นใจ แต่กลับไม่มีน้ำตาสักเพียงหยดเดียวตลอดการเดินทางสามชั่วยาม เพราะนางคิดตกแล้วว่าน้ำตาของตนเองสูงค่าราวกับไข่มุกเช่นนั้นจะมาเสียมันให้กับคนเช่นเย่จื่อเฉินนางคิดว่าไม่คู่ควร ที่เสียมาตลอดเกือบสี่ปีนับว่ามากพอแล้วยังดีที่นางยังมีท่านแม่ ท่านย่า ท่านพ่อและน้องชายกับน้องสาว นางยังมีคนในครอบครัวและบ่าวไพร่ที่จริงใจห่วงใยนางอย่างแท้จริงรออยู่ที่จวนสกุลหลี่ หนังสือหย่านางส่งไปแล้วหลังจากกลับถึงจวนสกุลหลี่ได้หนึ่งวัน ส่งไปโดยบิดาของนางเองแต่ทางฝ่ายนั้นกลับดึงดันไม่ยอมลงนาม ทว่าเรื่องนี้หลี่หมิ่นถังยังไม่รีบร้อน นางอยากขอเวลาเยียวยาจิตใจตนเองให้กล้าแกร่งเสียก่อนเพราะเจ็บในคราวนี้นางบาดเจ็บสาหัสนักเหลือเกินนางบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ...แต่มิใช่ทางกายที่ได้บาดแผลยับเยินมา ทว่าเป็นทางใจ สินเดิมของนางหมดไปนานแล้วจึงมิได้นำกลับมาด้วย แต่กิจการของนางเองก็มีไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นกิจการร้านขายข้าวสารฝูเล่อที่มีอีกสาขาในเมืองเสียนหยา
ตอนที่4||หมดแล้ว ข้าหมดใจกับท่านแล้วหลี่หมิ่นถังถามตนเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ถึงสามวัน เพราะนางยังตั้งสติไม่ได้ก็ผู้ใดมันจะคาดว่าตนเองจะได้รับคำตอบเช่นนี้ 'เจ้าดีเกินไป เพราะเจ้าดีเกินไป หากจะผิดก็ผิดที่เจ้าเป็นคนดีเกินไปหมิ่นถัง' เกิดมาจนถึงวันนี้นางอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ได้หนึ่งเดือนแล้วเพิ่งจะเคยได้ยินว่าการเป็นคนดีเกินไปจึงถูกสามีหมางเมินไม่สติหลุดยังจะเป็นคนปกติได้อย่างไรและพอตั้งสติได้นางก็รู้สึกโกรธอยู่ไม่น้อย สองปีเศษที่แต่งงานกับอีกเจ็ดเดือนที่อยู่ร่วมจวนนางหลี่หมิ่นถังล้วนทุ่มเททั้งแรงกายและหัวใจทำดีกับเขาทำดีกับทุกคนที่เขารักและเคารพ ทว่าเย่จื่อเฉินกลับตอบคำถามคาใจของนางมาแค่ไม่กี่ประโยคแล้วหายหน้าออกจากจวนเสียร่วมสองเดือนมันออกจะเกินไปแล้วถึงนางจะเป็นคนใจดีมีเหตุมีผลแต่เช่นนี้นางก็โกรธเป็นเช่นกัน เขาสมควรตอบคำถามของนางให้รู้เรื่องเสียก่อน เช่นนี้ไม่สมกับการเป็นแม่ทัพปกป้องเมืองเทียนตูเลยแม้แต่น้อย ทว่าไม่พึงใจอย่างไรหลี่หมิ่นถังก็ทำได้เพียงแค่รอให้เขากลับจวนเท่านั้นทว่าอีกหนึ่งเดือนต่อมาเย่จื่อเฉินเขากลับมิได้กลับจวนติ้งอันโหวมาแค่เพียงผู้เดียวหากแต่สามีของนางเขาดันกลับมาพร้อมห
และหากหลี่หมิ่นถังคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเลวร้ายอย่างถึงที่สุดแล้วละก็นางคงคิดผิดไปไกลที่เดียว เพราะต่อจากนั้นอีกเพียงเดือนเดียวเย่จื่อเฉินกลับรับอนุภรรยามาเติมเรือนหลังอีกสองคน ผู้หนึ่งเป็นบุตรสาวของนายกองในกองทัพ อีกผู้คือหญิงคณิกาอันดับหนึ่งของหอหลินเซียง"เรือนหลังก็มีน้องซวงเอ๋อร์แล้ว เหตุใดจึงต้องรับคนมาเพิ่มอีกเจ้าค่ะท่านพี่จื่อเฉิน"คราวนี้หลี่หมิ่นถังไม่ได้ปิดปากเงียบอีกแล้ว นางต้องถามให้กระจ่าง ว่าเหตุใดต้องแต่งอี้เหนียงมาเพิ่มทั้งที่เขายังมีฉิงซวงและนางที่เป็นฮูหยินอยู่ทั้งคน"เจ้าอย่าใจแคบไปหน่อยเลยหมิ่นถัง บัดนี้จื่อเฉินเป็นถึงแม่ทัพปกป้องเทียนตู การมีอนุภรรยาเพิ่มนับว่าเป็นการเพิ่มบารมีให้กับสามี"แต่เย่จื่อเฉินนั้นยังไม่ทันเอ่ยปากเหล่าฮูหยินเย่กลับเอ่ยตัดหน้าเขาเสียก่อน หลี่หมิ่นถังถึงกับหันขวับไปมองมารดาของสามีด้วยสายตากังขาจากใจ"หากหมิ่นถังใจคอคับแคบเช่นนั้นที่ท่านพ่อไม่เคยรับอนุภรรยามาเพิ่มจะกล่าวว่าอย่างไรดีเล่าเจ้าค่ะท่านแม่?"จนกระทั่งเขาสิ้นใจจากไปอดีตติ้งอันโหวผู้เป็นบิดาของสามีนางมีเย่ฮูหยินเพียงคนเดียว หากจะกล่าวว่าอดีตติ้งอันโหวรักเดียวใจเดียวเห็นทีจะยาก แต่
สองปีผ่านไป…ในที่สุดข่าวจากแคว้นเป่ยฉีก็มาถึงมหานครเสียนหยางและจวนติ้งอันโหวในเทียนตูตามลำดับอีกครั้งซึ่งคราวนี้มิใช่ข่าวร้ายเช่นครั้งก่อนๆ แต่เป็นข่าวดี ข่าวที่บอกเล่าว่ากองทัพของชินอ๋อง ซ่างกวนไท่ ได้ชัยชนะเหนือฝ่ายกบฏอ๋องเผ่ากั๋วเซาพร้อมขับไล่เผ่าต่างๆ อีกสามเผ่า ที่ร่วมมือกับเผ่ากั๋วเซาให้แตกฝ่ายถอยร่นขึ้นไปทางเหนือกว่าห้าร้อยลี้สำเร็จแล้ว"ฮูหยินเจ้าค่ะ ฮูหยิน"เพ่ยเจียว สาวใช้คนสนิทของหลี่หมิ่นถัง รีบร้อนนำข่าวที่ได้ยินมาจากเรือนของเหล่าฮูหยินเย่มารายงานผู้เป็นนายของตนเองทันทีที่ได้ฟังว่ากองทัพของชินอ๋องคว้าชัยชนะศึกยาวนานสามปีสักครา"เอะอะอันใดกันเพ่ยเจียว"ผิงเซียง สาวใช้อีกคนของหลี่หมิ่นถังที่กำลังเช็ดฝุ่นตรงมุมห้องอดจะถามสหายของตนเองออกไปก่อนผู้เป็นนายเสียมิได้ ส่วนหลี่หมิ่นถังกำลังตรวจบัญชีกองสูงท่วมศีรษะด้วยใบหน้าอ่อนโยน"ข่าวดีเจ้าค่ะ เป็นข่าวดี"เพ่ยเจียวใบหน้าแดงก่ำ คาดว่าคงวิ่งมาเต็มกำลัง หลี่หมิ่นถังจึงปิดสมุดบัญชีที่ตรวจเสร็จเป็นเล่มสุดท้ายลงทันทีเพราะนางเองก็คาดหวังว่าจะเป็นข่าวดีจากชายแดนเสียที"ข่าวดีอันใด" เสียงหวานถามออกไป ถึงภายนอกของนางดูค่อนข้างใจเย็นแต่ใครเ
แต่ที่เทียนตูนี้นั้นเมืองรองของต้าเซี่ยแห่งนี้นั้นหลี่หมิ่นถังหรือบัดนี้กลายเป็นเย่ฮูหยินคนใหม่แทนมารดาสามีที่ขยับฐานะขึ้นไปเป็นเหล่าฮูหยินเย่เพราะสามีของนางตายจากไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเองชีวิตก็ไม่ได้ง่ายเช่นกัน ยิ่งมารดาของสามีและน้องสาวของสามีเช่นคุณหนูสามเย่ เย่จื่ออิง ที่วันทั้งวันไม่ทำอันใดนอกจากเรื่องสิ้นเปลืองจับจ่ายฟุ่มเฟือยราวกับจวนติ้งอันโหวผติตั๋วเงินออกมาเองได้กับคอยแต่จะก่อเรื่องเดือดร้อนมาให้นางแก้ไขไม่ว่างเว้นแล้วบัดนี้พอคุณชายรองเย่ เย่จิ่เว่ยถูกส่งกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บหนักนั้นต้องใช้ยาทั้งตัวยาดีและท่านหมอที่เก่งกาจมาเพิ่มเป็นภาระหนักให้นางต้องแบกรับซึ่งย่อมแน่นอนว่าอาการบาดเจ็บหนักนี้ต้องใช้เงินมากตามไปด้วยนั้นยิ่งทำให้ชีวิตของหญิงสาววัยสิบเจ็ดปีนี้ไม่ง่ายยิ่งขึ้น"ถังถัง ลำบากมากหรือไม่"ดังนั้นในยามเมื่อนางกลับมาเยี่ยมมารดาและบิดากับเหล่าฮูหยินหลี่ผู้เป็นท่านย่าของตนเองที่จวนสกุลหลี่นางจึงมักจะถูกมารดาและท่านย่าสอบถามด้วยความห่วงใยเสียทุกครั้งไป"ดูสิเจ้าผ่ายผอมลงอีกแล้วกลับมาเสียนหยางยามใดเจ้าก็มีแต่ผอมลง ข้ากับท่านพ่อและท่านย่าของเจ้าเห็นแล้วปวดใจนักถังถังเ
สามเดือนผันผ่านชีวิตภายในจวนติ้งอันโหวนั้นไม่ได้ง่ายดายเลย คนมาก แต่กลับไม่มีเงินทองเช่นสกุลหลี่ของหลี่หมิ่นถังแม้แต่หนึ่งส่วนนอกจากไม่มีทรัพย์แล้วติดลบมีแต่หนี้มากมายอีกด้วย เนื่องจากผู้นำตระกูลรุ่นนี้หรือก็คือพ่อสามีของนางไม่ถนัดทำการค้า หรือแม้แต่บริหารที่ดินในมือของสกุลเย่ที่มีมานานสามชั่วอายุคนหลังจากได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ติ้งอันโหวมา จนมาถึงรุ่นของเย่จื่อเฉินกับน้องชายและน้องสาวก็ยิ่งไม่ชำนาญเช่นกันจึงไม่ต่างกับตัวของติ้งอันโหวคือไม่เคยใส่ใจกิจการและที่ดินในปกครองเอาแต่ยกให้เย่ฮูหยินที่ก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้านการค้าเช่นเหล่าฮูหยินเย่ที่จากไปนานวันเข้าทั้งกิจการและที่ดินจึงมีแต่ยิ่งถดถอยมากกว่าทำกำไรทรัพย์ที่มีน้อยในรุ่นของติ้งอันโหวผู้เฒ่าจึงมีแต่ขาดทุนและขาดทุนติ้งอันโหวนั้นไม่เก่งกาจด้านการค้านับว่าไม่แปลก ซึ่งก็นับว่าปกติในตระกูลขุนนางและทหาร เพราะท่านเสนาหลี่บิดาของหมิ่นถังเองก็ไม่เก่งด้านทำการค้าอีกหลายตระกูลใหญ่ที่บุรุษรับราชการส่วนใหญ่ในต้าเซี่ยก็เป็นเช่นกัน แต่มารดาของหมิ่นถังนั้นเก่งกาจบริหารสิ่งที่มีในมือจนงอกเงยเป็นเงินเป็นทองมาเลี้ยงดูจนในจวนได้สบายหลังจากท่านย