Share

ตอนที่ 4

Author: เพลิงพนา
“ว่าไงนะ?”

ตอนแรกที่ได้ยิน ฟู่อวี้หานคิดว่าตัวเองน่าจะหูฝาดไป

เสิ่นฝานซิงทวนคำพูดเมื่อกี๊ให้ฟังอีกรอบ ฟู่อวี้หานก็ยังไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง “เสิ่นฝานซิง เธอคิดจะใช้ลูกไม้อะไรอีก?”

“ฉันพูดจริง”

“ฟู่อวี้หาน ฉันจะช่วยให้นายกับเยี่ยจิงสมหวังเอง ฉันติดต่อทนายไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องผู้ป่วยชั้นบน ถ้านายว่างก็แวะมาหน่อยเถอะ พวกเรามาคุยรายละเอียดเรื่องการหย่า...”

เสิ่นฝานซิงยังพูดไม่ทันจบ ฟู่อวี้หานก็ราวกับเข้าใจบางอย่างกระจ่างแจ้ง

เขาหัวเราะในลำคอแล้วตัดบทเธอว่า “ฉันไม่ว่าง”

พูดจบ ฟู่อวี้หานก็กดตัดสายทิ้งทันที

เขาโกรธจนหลุดหัวเราะออกมา

ช่วงนี้เธอทำตัวผิดไปจากปกติเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจริงๆ ด้วย

เมื่อกี๊อ้างเหตุผลมาตั้งมากมาย สุดท้ายแล้วเป้าหมายของเธอก็คืออยากให้เขาไปหา

ถึงกับเอาเรื่องหย่ามาล่อเขา

เฮอะ เขาเกือบจะเชื่ออยู่แล้วเชียว

หลายปีมานี้ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยกดดันให้เธอหย่าด้วย

เขาเคยสัญญาว่าจะยกทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เธอ สัญญาว่าจะยกทุกอย่างที่สามารถมอบได้ให้กับเธอ เธอยังไม่ยอมเลย

จากนั้นเขาเลยเปลี่ยนแผนเป็นการยั่วยุเธอให้ขอหย่าแทน จงใจพาผู้หญิงคนอื่นมาโอบกอดจู๋จี๋ต่อหน้าเธอ ตอนอยู่ต่อหน้าคนในตระกูลฟู่ก็ไม่ยอมให้เกียรติเธอ ตอนอยู่กับเพื่อนก็เมินเฉยเธอ

หากเป็นผู้หญิงที่รู้ความคนอื่นๆ คงจะยอมหย่าขาดกันตั้งแต่แรกแล้ว แต่เธอกลับไม่ยอมง่ายๆ

ตอนแรกสุดฟู่อวี้หานคิดว่าเธอเป็นพวกโลภมาก อยากได้มากกว่านี้ จนกระทั่งสุดท้ายเขาถึงได้เข้าใจ ว่าตลอดหลายปีมานี้สิ่งที่เธอต้องการก็คือตัวเขา

ฟู่อวี้หานอดยิ้มเยาะไม่ได้

เขาสามารถให้เธอได้ทุกอย่าง สิ่งที่เดียวที่เขาไม่สามารถมอบให้เธอได้ ก็คือตัวของเขาเอง

[ฉันกับจิงจิงไม่อยากเห็นหน้าเธอ เธอจัดการตัวเองให้ดีเถอะ]

หลังส่งข้อความไปให้อีกฝ่าย ฟู่อวี้หานก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกและเดินขึ้นตึกไปโดยตรง

เขาหวังว่าครั้งนี้เสิ่นฝานซิงจะรู้จักเจียมตัวได้สักที

ไม่อย่างนั้น เขาก็พร้อมจะโยนเธออกไปจากโรงพยาบาลต่อหน้าทุกคน

หลังได้รับข้อความจากฟู่อวี้หาน เสิ่นฝานซิงมองดูข้อความที่แสนจะเย็นชาและแฝงไว้ด้วยนัยยะของการตักเตือน ก่อนจะยิ้มเยาะตัวเอง

ถึงแม้จะเตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เธอก็ยังอดรู้สึกหนาวเหน็บในใจไม่ได้

ที่แท้เขาก็ไม่เชื่อถือในตัวเธอมากถึงขั้นนี้แล้ว

การแต่งงานห้าปี ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

แต่สิ่งที่เหนือกว่าความคาดหมายของเธอก็คือ เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือทุกข์ใจเหมือนที่ผ่านมา กลับกันยังรู้สึกสงบใจขึ้นมากเลย

อาจเป็นเพราะเรื่องในครั้งนี้ทำให้เธอตาสว่างแล้วจริงๆ

ใช้เวลาไม่ถึงนาที เธอก็ทำใจยอมรับเรื่องที่ว่าฟู่อวี้หานไม่อยากเห็นหน้าเธอได้อย่างง่ายดาย จึงเตรียมจะพักผ่อนนอนหลับเพื่อรักษาสุขภาพของตัวเอง

ทว่าตอนที่ใกล้จะถึงช่วงเย็น พยาบาลกลับมาหาเธอแล้วขอร้องแบบอ้อมๆ ว่าอยากให้เธอย้ายโรงพยาบาล

“คุณหมอหลีบอกว่าคุณจำเป็นจะต้องพักรักษาตัวให้ดี เขาได้ติดต่อโรงพยาบาลที่อื่นเอาไว้ให้คุณแล้วค่ะ หมอหลียังบอกอีกว่าถ้าคุณไม่พอใจเรื่องนี้ ให้ไปพบเขาได้เลยค่ะ”

พอได้ยินชื่อหลีเยว่ เสิ่นฝานซิงก็เข้าใจทันทีว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้คือพ่อของหลีเยว่ ต่อให้หลีเยว่จะเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ฝึกหัดของโรงพยาบาล แต่ก็ไม่มีใครกล้าเมินเฉยต่อคำพูดของเขา

เขากำลังไล่เธอแบบสุภาพแต่กลับทำมันอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง

เสิ่นฝานซิงไม่อยากทำให้พยาบาลทั้งสองคนลำบากใจ จึงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

เธอกอดร่างไร้วิญญาณของลูกน้อยที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกซึ่งได้มาจากคุณหมอ ก่อนจะลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า

พยาบาลคนหนึ่งเห็นท่าทางลำบากลำบนของเธอก็อดใจไม่ไหว

“ถ้าคนไข้ไม่เห็นด้วย คุณหมอก็ไม่มีสิทธิ์โยกย้ายโรงพยาบาลด้วยเหตุผลส่วนตัวนะคะ”

“เรื่องนี้ คุณสามารถร้องเรียนกับทางโรงพยาบาลได้ค่ะ เบอร์ร้องเรียนคือ...”

“ไม่ต้องค่ะ”

เสิ่นฝานซิงฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วตัดบท

เธอรู้ว่าพยาบาลคนนั้นหวังดี แต่เธอเข้าใจดียิ่งกว่าใครว่าคนที่ไล่เธอออกไปคือหลีเยว่ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฟู่อวี้หาน เขาก็คงไม่กล้าทำแบบนี้หรอก

ถึงเธอจะร้องเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์

ฟู่อวี้หานไม่อยากเจอหน้าเธอ เขาย่อมมีวิธีการมากมายเพื่อไล่เธอออกไป

หลังขอบคุณพยาบาลคนนั้น เสิ่นฝานซิงก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานนัก

เธอประคองร่างกายที่เจ็บร้าวไปทุกส่วน ค่อยๆ กะโผลกกะเผลกออกจากโรงพยาบาลไป

......

ห้องผู้ป่วย SVIP

“อวี้หาน กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”

เยี่ยจิงมองชายหนุ่มสูงศักดิ์ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่าง

ตั้งแต่กลับเข้ามาในห้องผู้ป่วย เขาก็เอาแต่เงียบอยู่พักใหญ่แล้ว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

“ไม่มีอะไรหรอก”

ฟู่อวี้หานได้สติกลับมา

เขายกสองขาเรียวยาวก้าวตรงไปทางด้านข้างของห้องผู้ป่วย

ชั่วพริบตาที่เขาดึงสายตากลับมา ก็บังเอิญคลาดกับเงาร่างผอมแห้งบอบบางที่อยู่ด้านล่างตึกพอดี

ฟู่อวี้หานเดินไปที่ข้างเตียงของเธอแล้วช่วยจัดชายผ้าห่มให้

เยี่ยจิงยิ้มออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนดุจใยไหม

ผ้าห่มผืนนี้เป็นผ้าห่มใยไหมที่ฟู่อวี้หานสั่งให้คนรีบไปซื้อมาจากห้างสรรพสินค้า เพราะกลัวว่าเธออยู่โรงพยาบาลแล้วจะอึดอัด ฟู่อวี้หานยังสั่งให้คนเอาโทรทัศน์มาติดตั้งในห้องผู้ป่วยให้ด้วย

พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

ภายในสมองปรากฏภาพที่เพิ่งเห็นมาก่อนหน้านี้ไม่นาน เสิ่นฝานซิงยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยอย่างน่าสมเพช ใบหน้าซีดขาวราวกับคนใกล้ตาย

เยี่ยจิงพยายามกลั้นยิ้มที่มุมปาก เผลอยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว คิดจะสัมผัสใบหน้าของฟู่อวี้หาน

ทว่าฟู่อวี้หานกลับเหมือนคาดเดาความคิดของเธอได้ เขาจึงก้าวถอยหลังหนี

มือของเธอค้างอยู่กลางอากาศ

แอบกระอักกระอ่วนนิดหน่อย

ฟู่อวี้หานกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ “ครั้งนี้คิดจะอยู่ในประเทศนานแค่ไหนล่ะ?”

ได้ยินแบบนั้นเยี่ยจิงก็รู้สึกพ่ายแพ้เล็กน้อย

เธอไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไร ฟู่อวี้หานทำทุกอย่างเพื่อเธอมาตลอด เขาใส่ใจทุกรายละเอียดถึงขั้นจำวันมีรอบเดือนของเธอได้ แต่กลับปฏิเสธไม่ยอมให้เธอเข้าใกล้โดยที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ

เธอพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้แล้วยิ้มหยอกเขาว่า

“นายอยากให้ฉันกลับตอนไหนล่ะ?”

ฟู่อวี้หานไม่ได้ตอบ

เยี่ยจิงกลับเข้าใจว่าเขาหมายความอย่างไร จึงหัวเราะเบาๆ “กลับมาครั้งนี้ ฉันไม่คิดจะกลับไปแล้วล่ะ”

“ก็แหม ใครใช้ให้คนที่ฉันชอบยังอยู่ในประเทศล่ะ”

เธอจ้องฟู่อวี้หานแบบไม่ละสายตาไปไหน

สีหน้าของฟู่อวี้หานดูอึดอัดเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนแล้วเบนสายตาไปทางอื่น “อย่าเล่นแบบนี้สิ ฉันแต่งงานแล้วนะ”

“แต่นายไม่ได้รักเธอไม่ใช่เหรอ?”

เยี่ยจิงไม่รอคำตอบจากเขา เธอถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งแล้วพูดด้วยท่าทางจริงจัง “อวี้หาน ในเมื่อนายไม่ชอบเสิ่นฝานซิง แล้วนายเคยคิดที่จะหย่ากับเธอบ้างไหม?”

นัยน์ตาของฟู่อวี้หานหม่นเสียงลง

ความหงุดหงิดกระแสหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง

เขาอดนึกถึงเรื่องที่เสิ่นฝานซิงขอหย่ากับเขาเมื่อครู่นี้ไม่ได้

พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ฟู่อวี้หานก็นึกขำขึ้นมา

“ฉันหย่ากับเธอแน่ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”

เล่นมาทำลายชีวิตเขาจนปั่นป่วนไม่เหลือชิ้นดี จะหย่ากับเธอเฉยๆ แบบนี้ มันก็ง่ายกับเธอมากเกินไปน่ะสิ

อีกอย่างหนึ่ง เธอตัดใจหย่ากับเขาได้เหรอ?

พูดเรื่องตลกอะไรกัน?

นอกจากเธอจะเกิดอุบัติเหตุรถชนจนสมองกลับด้าน ไม่งั้นเธอไม่มีทางยอมหย่ากับเขาแน่

อุบัติเหตุเหรอ?

ความคิดนี้ลอยขึ้นมาในหัว รอยยิ้มของฟู่อวี้หานก็แข็งค้างอยู่บนริมฝีปาก

พอลองคิดดูดีๆ ท่าทางของเธอที่มีต่อเขาก็เหมือนจะแตกต่างไปจากทุกที

หรือว่าเธอจะบาดเจ็บหนักมากจริงๆ กระทบกระเทือนถึงสมองเลย?

พอคิดแบบนี้แล้วฟู่อวี้หานก็รู้สึกปั่นป่วนใจแบบแปลกๆ เขาจึงหาข้ออ้างส่งเดชเพื่อออกจากห้องผู้ป่วยของเยี่ยจิง

เขาเดินตรงขึ้นไปบนตึกจนกระทั่งหาเบอร์ห้องผู้ป่วยที่เสิ่นฝานซิงบอกเขาทางโทรศัพท์เจอ ตอนที่ชะโงกหน้าเข้าไปมองด้านใน เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของเสิ่นฝานซิง

ภายในห้องผู้ป่วยว่างเปล่า มีเพียงพยาบาลสองคนกำลังจัดข้าวของ

“ห้องนี้มีคนไข้พักหรือเปล่า?” ฟู่อวี้หานถาม

พอหันมาเห็นเขา พยาบาลก็ตอบด้วยท่าทางงุนงง “เหมือนจะออกจากโรงพยาบาลไปแล้วนะคะ”

ออกจากโรงพยาบาล?

ดูเหมือนบาดแผลจะไม่สาหัสสินะ

ฟู่อวี้หานคิดในใจ

เขาอดขำตัวเองไม่ได้ที่วิ่งขึ้นมาชั้นบนเพราะเป็นห่วงเธอราวกับถูกผีเข้าสิง

ตอนที่กำลังจะหันหลังกลับ

พยาบาลที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “คนไข้คนนี้น่าสงสารมากเลยล่ะ”

“เกิดอุบัติเหตุรถยนต์จนแท้งลูก เพิ่งจะมีชีวิตรอดจากประตูผีไม่ทันไร กลับถูกคนไล่ออกจากโรงพยาบาลซะงั้น”

ฟู่อวี้หานชะงักฝีเท้ากึก ดวงตาดำขลับหันกลับไปมองพยาบาลคนนั้นแน่นิ่ง

“เธอว่ายังไงนะ? แท้งลูกอะไร?”
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 30

    ฟู่หร่านเมินเฉยเสิ่นฝานซิงและทิ้งอีกฝ่ายเอาไว้คนเดียว แล้วยังจงใจพูดคุยกับเยี่ยจิงอย่างมีความสุข เธอคิดว่าเสิ่นฝานซิงจะเป็นฝ่ายเอาของขวัญมาให้เหมือนทุกครั้งเธอยังวางแผนไว้ดิบดีว่าจะรับของขวัญมาแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ เพื่อใช้โอกาสนี้แสดงให้พี่เยี่ยจิงเห็นว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าเสิ่นฝานซิงแต่ผ่านไปหลายนาทีแล้ว เสิ่นฝานซิงก็ยังไม่ยอมขยับสักทีเธอทนไม่ไหวจึงใช้หางตาลอบมองเสิ่นฝานซิง แต่กลับเห็นว่าสองนาทีต่อมาเสิ่นฝานซิงกลับเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเธอยังเห็นอีกว่าครั้งนี้เสิ่นฝานซิงมีของขวัญติดไม้ติดมือมาแค่ชิ้นเดียวดูยังไงก็ไม่เหมือนของขวัญที่เตรียมมาให้เธอเลยฟู่หร่านถึงกับงงไปสักพักเลยหรือว่าของขวัญที่จะให้มันชิ้นเล็กมาก? เสิ่นฝานซิงเลยใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง?ไม่ใช่สิ วันนี้เธอใส่ชุดเดรสมานี่นา จะไปมีกระเป๋าได้ยังไงฟู่หร่านทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงหันไปถามเธอว่า “เสิ่นฝานซิง ของขวัญของฉันล่ะ?”เสิ่นฝานซิงไม่คิดว่าจู่ๆ เธอจะถามกันแบบนี้ จึงชะงักไปเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ฉันไม่ได้เตรียมมา”“ไม่ได้เตรียมมา?”ฟู่หร่านรู้สึกโมโหจนเก็บอาการไม่อยู่คล้ายจะมองสีหน้าของอีกฝ่า

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 29

    ความจริงเสิ่นฝานซิงชินกับเรื่องนี้แล้วล่ะฟู่หร่านกับฟู่อวี้หานเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันดีมาก ดังนั้นพอฟู่อวี้หานเกลียดเธอ ฟู่หร่านก็มักจะชอบพูดจาแดกดันต่อหน้าเธออยู่ประจำฟู่หร่านมักจะถากถางเธอว่าไม่เหมาะสมกับฟู่อวี้หาน เป็นมือที่สามแทรกกลางระหว่างฟู่อวี้หานกับเยี่ยจิงตอนแรกเสิ่นฝานซิงค่อนข้างเก็บมาคิดมากเลยล่ะเพื่อทำให้ฟู่หร่านยอมรับในตัวเธอ เธอพยายามสืบหาความชอบของฟู่หร่าน หาซื้อของขวัญให้อีกฝ่าย ไปต่างประเทศเพื่อรวบรวมของออฟฟิเชียลและลายเซ็นคนดังที่ฟู่หร่านชอบซึ่งฟู่หร่านก็ยอมรับไปทุกครั้ง แต่หลังจากได้ของไปแล้วนอกจากจะไม่รู้สึกขอบคุณกัน ยังหัวเราะเยาะแล้วบอกเธออีกว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้แผนการในใจเธอนะ”“แล้วก็อย่าคิดว่าจะใช้วิธีการแบบนี้มาซื้อใจฉันได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามเอาอกเอาใจฉันสักแค่ไหน ก็ยังเป็นมือที่สามของพี่ชายฉันกับพี่จิงจิงอยู่ดี ฉันไม่มีทางช่วยเธอหรอก”เสิ่นฝานซิงเคยเสียใจอย่างมากเพราะเรื่องพวกนี้แต่พอถึงท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ค่อยๆ ปล่อยวางตอนนี้ถึงจะได้ยินสิ่งที่ฟู่หร่านพูด เธอก็ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไปเสิ่นฝานซิงเดินเข้าไปในห้องอย่างสง่าผ่าเผย ก่อนจะเอ่ยทักท

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 28

    หลังอาบน้ำเสร็จแล้วเธอก็ยังเหลือเวลาว่างอีกเยอะเลยพออยู่ว่างๆ แล้วเธอก็คิดไม่ออกว่าควรจะทำอะไรดี ดังนั้นจึงปล่อยตัวเองเหม่อลอยคิดโน่นคิดนี่อยู่พักใหญ่ ขณะนอนแผ่อยู่บนเตียงบางทีอาจเป็นเพราะสองวันมานี้มีอะไรเกิดขึ้นหลายอย่าง พอเสิ่นฝานซิงหลับตาก็ผล็อยหลับอย่างรวดเร็วกว่าเธอจะตื่น เวลาก็ล่วงเข้าสู่เที่ยงของอีกวันแล้วเสิ่นฝานซิงลงจากเตียงแบบสะลึมสะลือ ทว่าเพิ่งจะลุกขึ้นยืนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ขาเธอถึงได้รู้ตัวว่ารอยแผลจากการเดินซุ่มซ่ามไปชนขอบกำแพงเมื่อคืนก่อน ตอนนี้กลับบวมแดงขึ้นมาเสียอย่างนั้นแต่คืนนี้เธอมีกำหนดการต้องไปที่บ้านตระกูลฟู่ จะไปโรงพยาบาลตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วพอเห็นแบบนั้น เสิ่นฝานซิงจึงหยิบกล่องยาออกมาทำแผลคร่าวๆ แล้วออกจากห้องปกติฟู่อวี้หานไม่ค่อยอยากจะกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่พร้อมกับเธอหรอก แต่ตอนนี้ทั้งสองคนตัดสินใจหย่ากันแล้ว เสิ่นฝานซิงจึงคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องรอไปพร้อมกับเขาเธอตัดสินใจไปเอาของขวัญที่เตรียมไว้ให้คุณย่าฟู่ก่อน จากนั้นก็ไปที่ศูนย์ซ่อมรถเพื่อรับรถคันที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นคันที่แม่ของเธอซื้อให้สมัยก่อน ตอนนี้มันซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงขับร

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 27

    เสิ่นฝานซิงลองคิดทบทวนดูเธอกับฟู่อวี้หานหย่ากันแล้วก็จริง แต่ยังอยู่ในช่วงสงบสติอารมณ์ ตามหลักแล้วเธอยังเป็นสะใภ้ของตระกูลฟู่อยู่เหมือนเดิมคำขอของฟู่อวี้หานจึงไม่นับว่าไร้เหตุผลอีกอย่างคุณย่าฟู่ก็ดีกับเธอมากๆ ด้วย เธอควรจะไปทักทายอีกฝ่ายสักหน่อยเสิ่นฝานซิงไม่ได้ปฏิเสธคำขอของเขา “ได้ ฉันจะไป”ฟู่อวี้หานได้ยินเธอตอบอย่างว่านอนสอนง่าย สายตาก็เหลือบมองเอกสารที่อยู่ข้างๆเอกสารที่หลี่เก๋อเอามาให้เขาระบุไว้อย่างชัดเจนว่าอพาร์ทเม้นท์ของเสิ่นฝานซิงตั้งอยู่ในพื้นที่แออัดที่ย่ำแย่มาก นอกจากจะเป็นชุมชนแออัดที่ยากจนแล้ว สภาพความเป็นอยู่ของห้องก็แย่ด้วยตอนที่เห็นข้อมูลในเอกสาร เขาถึงกับโกรธจนหลุดหัวเราะเขาให้เลขาฯส่งค่าใช้จ่ายให้เธอทุกเดือนเป็นเงินเกือบหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท แต่เธอกลับย้ายออกไปอยู่ในพื้นที่ชุมชนแออัดแบบนั้นกำลังจงใจอยู่หรือไง?อยากจะเรียกร้องความเห็นใจจากเขาเหรอ? หรือว่าอยากให้คนอื่นเขาติฉินนินทาลับหลัง ว่าภรรยาของเขาฟู่อวี้หานต้องทนอยู่ในสถานที่โกโรโกโสแบบนี้?ไม่ว่าจะเป็นข้อไหน ฟู่อวี้หานก็รู้สึกว่ามันน่าสมเพชทั้งนั้นแต่เขาก็ยังตัดสินใจว่าจะยอมให้ทางลงกับเธอเขา

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 26

    เธอพนมมือไหว้เพราะกลัวว่าหลี่เก๋อจะปฏิเสธคำขอ ปากก็พูดซ้ำๆ ว่า “ขอร้องล่ะค่ะ ขอร้องล่ะค่ะ”หลี่เก๋อเองก็จนปัญญาจึงพยักหน้าแล้วบอกว่า “เดี๋ยวผมเอาไปส่งเอง คุณกลับไปเถอะ”เลขาฯสาวเหมือนรอดพ้นจากโทษทัณฑ์ ก่อนจะวิ่งหนีไปทางช่องทางเดินแคบๆ ด้วยรองเท้าส้นสูงอย่างเร่งรีบ ราวกับกลัวว่าหลี่เก๋อจะเปลี่ยนใจทีหลังหลี่เก๋อส่ายหน้าอย่างจนใจ ก่อนจะหันหลังกลับมาเผชิญหน้าประตูห้องทำงานอีกครั้ง ตอนที่กำลังจะเคาะประตูก็นึกถึงคำสั่งของฟู่อวี้หานขึ้นมาฟู่อวี้หานบอกเขาว่า เรื่องของตระกูลเสิ่นยกให้เขาเป็นคนจัดการทั้งหมดพอคิดได้แบบนี้ หลี่เก๋อก็คิดว่าตัวเองอย่าทำให้คุณฟู่อารมณ์เสียไปมากกว่านี้จะดีกว่าเขาลดมือที่เตรียมจะเคาะประตูลง แล้วเดินจากไปอีกทาง......ณ บ้านตระกูลเสิ่น“จริงเหรอ? ตระกูลฟู่ยอมลงทุนให้เราแล้ว?”หลังจากได้รับข่าวว่าโครงการสามารถหาเงินลงทุนได้แล้ว เสิ่นฉงที่นั่งอยู่บนโซฟาก็แทบจะกระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจ“เยี่ยมไปเลย ขอบคุณมากครับ ฝากไปขอบคุณประธานฟู่ด้วยนะครับ คราวนี้โครงการของตระกูลฟู่จะต้องประสบความสำเร็จแน่ จะไม่ทำให้คุณฟู่ผิดหวังอย่างแน่นอน”หลังจากขอบคุณซ้ำๆ อยู่หลายครั้

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 25

    พอได้ยินฟู่อวี้หานพูดแบบนั้น หลี่เก๋อก็เข้าใจได้ทันทีว่าท่านประธานฟู่ของตนเองอารมณ์ไม่ดีเพราะสาเหตุใดดูเหมือนท่านประธานฟู่กับคุณเสิ่นจะทะเลาะกันอีกแล้วแต่เขาชินกับเรื่องนี้แล้วล่ะฟู่อวี้หานยังคงติดใจเรื่องการแต่งงานในตอนนั้นไม่เลิก เพราะงั้นจึงไม่เคยทำตัวดีๆ กับเสิ่นฝานซิงเลยสักครั้งแต่ไม่ว่าฟู่อวี้หานจะทำตัวแย่สักแค่ไหน เสิ่นฝานซิงก็ไม่เคยอาละวาดใส่เขาเลย หนำซ้ำยังพยายามทำให้เรื่องราวมันจบลงด้วยดีเพราะฉะนั้นต่อให้พวกเขาสองคนทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหน อีกไม่กี่วันพวกเขาก็จะกลับมาคืนดีกันเหมือนเดิมการแต่งงานของพวกเขาดำเนินมาจนถึงจุดที่สมดุลอย่างลงตัวมากเลยล่ะคนภายนอกอาจจะสงสัยและคิดในแง่ไม่ดี แต่เขากลับแอบรู้สึกว่าการแต่งงานของพวกเขาจะมั่นคงและยั่งยืนอีกอย่าง เขาก็รู้จักนิสัยของท่านประธานฟู่เป็นอย่างดี ถ้าหากฟู่อวี้หานไม่เต็มใจกับการแต่งงานครั้งนี้จริงๆ เกรงว่าคงจะเลิกรากันไปตั้งนานแล้ว“เรื่องห้องใหม่ของจิงจิงจัดการไปถึงไหนแล้ว?”ขณะจมกับความคิด หลี่เก๋อก็ได้ยินฟู่อวี้หานถามขึ้นมาเขารีบตอบกลับว่า “หาห้องแบบที่คุณเยี่ยต้องการได้แล้วครับ ผมจัดการซื้อห้องดังกล่าวและโอนเป็นช

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status