Share

ตอนที่ 3

Author: เพลิงพนา
ภายในห้องผู้ป่วย

หลีเยว่ยังคงเล่าเรื่องที่ฟู่อวี้หานทำตัวเย็นชาเหินห่างกับเสิ่นฝานซิง ในช่วงที่เธอไม่ได้อยู่ในประเทศให้เยี่ยจิงฟังอย่างออกรส

“มีอยู่ปีหนึ่งที่เสิ่นฝานซิงใช้การกรีดข้อมือฆ่าตัวตายเพื่อข่มขู่พี่อวี้หาน แล้วยังถ่ายรูปส่งมาให้พี่อวี้หานดูด้วย พี่ลองเดาดูสิว่าผลออกมาเป็นไง?”

“พี่อวี้หานไม่แม้แต่จะกระพริบตา เขากลับไปที่บ้านแล้วจับเธอโยนออกมาเลย แล้วยังบอกกับเธออย่างไม่ไว้หน้าอีกว่าถ้าอยากตายก็ออกไปตายข้างนอก อย่าทำให้ห้องสกปรก”

เรื่องนี้หลีเยว่ได้ยินมาจากคนอื่นอีกที

เท่าที่ได้ยินมาตอนนั้นข้างนอกหนาวจนอากาศติดลบ เสิ่นฝานซิงที่ถูกโยนออกมาข้างนอกหนาวจนตัวสั่นงันงก เลือดที่กรีดข้อมือถึงกับแข็งเป็นก้อน

พอเล่าถึงตรงนี้ หลีเยว่ก็รู้สึกว่ามันทั้งน่าขำและน่าสงสาร

“พี่อวี้หานปฏิบัติกับเธอแบบไหนทุกคนก็เห็นอยู่ตำตา แล้วลองดูที่พี่อวี้หานทำกับพี่เยี่ยจิงสิ พี่อยู่ต่างประเทศแค่เป็นไข้ธรรมดา พี่อวี้หานก็แทบจะ...”

“พอเถอะ นายพูดมากเกินไปแล้ว”

หลีเยว่ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเสียงเย็นชาของฟู่อวี้หานตัดบทก่อน

“ชิ ยังจะมาทำเป็นเขินอีก”

“พี่เยี่ยจิง ดูพี่อวี้หานเขาข่มขู่ผมสิ พี่จะไม่จัดการหน่อยเหรอ”

หลีเยว่หยอกเย้า

เยี่ยจิงยกมือปิดปากหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร

ฟู่อวี้หานรู้สึกหนักใจแต่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี

ประจวบเหมาะกับตอนนั้นหลีเยว่จองห้องผู้ป่วยวีไอพีได้พอดี ฟู่อวี้หานจึงคว้าบิลขึ้นมาแล้วเดินออกไปจัดการค่าใช้จ่ายโดยไม่พูดจาอะไร

หลีเยว่หันไปทางแผ่นหลังของฟู่อวี้หานแล้วพยักพเยิด ก่อนจะหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้เยี่ยจริง กระซิบว่า “เห็นไหมล่ะ ถ้าเป็นเรื่องของพี่เมื่อไหร่ พี่อวี้หานเขาจะใส่ใจยิ่งกว่าใครเลย”

เขากระซิบเสียงเบามากฟู่อวี้หานเลยไม่ได้ยิน

เขาถือบิลลงมาที่ชั้นล่างและจัดการค่าใช้จ่ายเรียบร้อย แล้วยังหาห้องผู้ป่วยที่มีความเงียบสงบเป็นพิเศษให้เยี่ยจิงด้วย

หลังจัดการทุกอย่างเสร็จก็อดนึกถึงเสิ่นฝานซิงไม่ได้

เขานิ่งคิดเล็กน้อยแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมา ถึงได้เห็นว่าเสิ่นฝานซิงโทรมาหา แล้วยังมีข้อความถูกส่งมาด้วย

[สวัสดีครับญาติของคุณเสิ่นฝานซิง พวกเราคือแพทย์ของโรงพยาบาลพระหฤทัยตระกูลหลี เนื่องจากโทรไปหาคุณหลายสายแต่ไม่มีการตอบรับ จึงส่งข้อความมาเพื่อแจ้งให้ทราบ คุณเสิ่นฝานซิงเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องเซ็นชื่อเพื่อผ่าตัดโดยด่วน หวังว่าหากคุณเห็นข้อความแล้วจะรีบมาที่โรงพยาบาลโดยด่วน!]

โรงพยาบาลพระหฤทัยตระกูลหลี

เป็นโรงพยาบาลเดียวกับที่เขาอยู่พอดีเลย

ฟู่อวี้หานเงียบไปสักพัก อดคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของหลีเยว่ไม่ได้

เขาจำได้ว่านับตั้งแต่ผ่านเรื่องฆ่าตัวตายในตอนนั้น เสิ่นฝานซิงก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมากจริงๆ

เมื่อก่อนเสิ่นฝานซิงมักจะโทรหาเขาบ่อยๆ แบบไม่รู้จักเบื่อ แต่พักหลังมานี้เธอติดต่อหาเขาน้อยลงเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด

บางครั้งที่เขาไม่ยอมกลับบ้านตอนมืดค่ำ เสิ่นฝานซิงก็ไม่ออกมาตามหาเขา

ดูมีลับลมคมในจริงๆ นั่นแหละ

ไม่รู้ว่าโดนอะไรสิงหรือเปล่า ฟู่อวี้หานถึงได้กดโทรหาอีกฝ่าย

......

เสิ่นฝานซิงกำลังนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยของโรงพยาบาล เธอเพิ่งจะขอคำปรึกษาเรื่องการหย่าจากทนายเสร็จ

ตอนที่เห็นว่าฟู่อวี้หานโทรมา เธอก็แอบชะงักเล็กน้อย

เธอเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าวันนี้ทั้งวันฟู่อวี้หานจะไม่มีทางติดต่อมาหาเธอแน่นอน จึงไม่คิดไม่ฝันเลยว่าฟู่อวี้หานจะเป็นฝ่ายโทรมาหาเธอก่อนแบบนี้

เมื่อก่อนทุกครั้งที่เยี่ยจิงกลับประเทศ ฟู่อวี้หานแทบจะอยากจะใช้เวลา 24 ชั่วโมงไปกับเรื่องของเยี่ยจิง จะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจเธอล่ะ?

หลังนิ่งเงียบสักพัก เธอก็กดรับสาย

ทันทีที่อีกฝ่ายกดรับสาย ฟู่อวี้หานก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

รวมถึงอดหงุดหงิดไม่ได้ด้วย

อย่างที่คิดเลย เสิ่นฝานซิงก็แค่ใช้แผนเรียกร้องความสนใจเท่านั้นเอง

คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะเผลอหลงกลเธอเข้าจริงๆ?

แต่จะตัดสายทิ้งตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

เขากระแอมไอก่อนจะพูดเสียงเย็นชา “อยู่ที่ไหน?”

“โรงพยาบาล” เสิ่นฝานซิงตอบตามความจริง

ฟู่อวี้หานหัวเราะเยาะเบาๆ

อย่างที่คิดเลย

เสียงของเธอมั่นคงมีน้ำหนัก ไม่เหมือนคนที่เพิ่งจะประสบอุบัติเหตุเฉียดตายมาเลยสักนิด

“ได้ยินว่าเธอเกิดอุบัติเหตุรถชน ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างล่ะ?”

ฟู่อวี้หานลองถามดู

น้ำเสียงของเขาไม่แสดงความยินดียินร้ายเหมือนกับที่ผ่านมา แต่เสิ่นฝานซิงก็ยังอดอึ้งไม่ได้

เขากำลังเป็นห่วงเธออยู่เหรอ?

แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยสนใจใยดีเธอเลย แล้วก็ไม่มีทางโทรหาเธอก่อนด้วย

เธอรู้สึกเหมือนกำลังฝันไปชั่วขณะ

ดวงตาของเธอแสบร้อนอย่างบอกไม่ถูก ในอกเหมือนถูกหินก้อนใหญ่กดทับ

เผลอยกมือขึ้นลูบท้องน้อยโดยอัตโนมัติ

อดคิดไม่ได้เลยว่าเขาก็รู้สึกห่วงใยเธออยู่บ้างเหมือนกันใช่ไหม?

“ดีขึ้นแล้ว แต่ว่า...”

เธอกำลังลังเลว่าจะบอกเขาเรื่องลูกดีไหม

อีกฝ่ายกลับสวนมาว่า “ถ้าไม่เป็นอะไรมากก็กลับบ้านไวๆ หน่อย”

“จิงจิงก็เกิดอุบัติเหตุรถชนเหมือนกัน หมอบอกว่าร่างกายเธออ่อนแอ ช่วงนี้ต้องพักดูแลตัวเองดีๆ ถ้าเธอกลับบ้านแล้วก็ทำซุปบำรุงสักหน่อย ถ้าได้กินอาหารดีๆ จิงจิงน่าจะหายเร็วขึ้นกว่าเดิม”

พอได้ยินแบบนั้น หัวใจที่เพิ่งจะอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อยของเสิ่นฝานซิง ก็ราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่ในพริบตา

เมื่อกี๊เธอยังหลงคิดว่าเขาเป็นห่วงเธออยู่แล้ว ตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องน่าตลกไปแล้ว

ตอนนั้นฟู่อวี้หานเป็นโรคพิษสุรา วันๆ เอาแต่ดื่มจนเมาหัวราน้ำ เธอทนดูต่อไปไม่ไหวจึงสมัครเรียนไปตั้งหลายคลาส ที่ผ่านมาเธอไม่เคยชอบกลิ่นควันไฟและน้ำมันในครัว แต่กลับยอมเข้าครัวเป็นเดือนๆ เพื่อทำซุปบำรุงร่างกายให้เขากิน

เสิ่นฝานซิงไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะประทับใจ

แต่ก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเขาจะมองว่านี่เป็นหน้าที่ที่เธอสมควรจะต้องทำ ถึงขั้นใช้ให้เธอทำอาหารเพื่อผู้หญิงคนอื่น?

เสิ่นฝานซิงหัวเราะเยาะตัวเอง

ชีวิตการแต่งงานหลายปีที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่เรื่องตลก

ฟู่อวี้หานดูแลเอาใจใส่ประคบประหงมเยี่ยจิงไม่ห่างตลอด 24 ชั่วโมง แค่เยี่ยจิงเป็นหวัดเล็กน้อยเขาก็รู้ข่าวเรื่องของเธอในทันที จากนั้นก็จองตั๋วเครื่องบินกลางดึกเพื่อบินไปดูแลเธอ

แต่เธอประสบอุบัติเหตุใหญ่ขนาดนี้ เขากลับมองว่ามันเป็นแค่เนื่องเล็กน้อย

“คุณให้คนอื่นทำเถอะ” เสิ่นฝานซิงตอบเสียงเรียบ

ฟู่อวี้หานบอกว่า “จิงจิงเป็นคนเลือกกิน ของที่คนอื่นทำเธอกินไม่ได้หรอก”

เสิ่นฝานซิงอึ้งไปเล็กน้อย

ก่อนจะหัวเราะออกมา

“ฟู่อวี้หาน ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ ไม่ใช่คนรับใช้”

“เธอหมายความว่ายังไง?” ฟู่อวี้หานขมวดคิ้วแน่น

“หมายความตามที่บอก”

“ฉันไม่ทำซุปนั่นหรอก”

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอปฏิเสธคำขอของฟู่อวี้หาน

ฟู่อวี้หานสีหน้าถมึงทึงยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะเข้าใจบางอย่างและรู้สึกรำคาญขึ้นมาเล็กน้อย

“เสิ่นฝานซิง เธอเลิกหึงหวงแบบไร้เหตุผลจะได้ไหม?”

“ฉันเป็นญาติเพียงคนที่เดียวที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ของจิงจิง ถ้าฉันไม่ดูแลเธอ บนโลกใบนี้ก็จะไม่มีใครคอยเป็นห่วงเป็นใยเธออีกแล้ว”

“อีกอย่าง เธออย่าลืมนะว่าตอนแรกเธอเป็นคนแย่งตำแหน่งของเธอมา ถ้าเธอไม่ได้แต่งเข้ามาในตระกูล ตอนนี้ตำแหน่งคุณนายฟู่ก็คงเป็นของจิงจิงไปแล้ว”

สิ้นเสียงของเขา เสิ่นฝานซิงก็รู้สึกเหมือนถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับในชั่วพริบตา

นี่เป็นคำพูดที่ฟู่อวี้หานใช้ตอกหน้าเธออยู่บ่อยๆ

ทุกครั้งที่เขาพูดแบบนั้น เธอจะจุกจนพูดอะไรไม่ออกเสมอ

ตอนนั้นพ่อของฟู่อวี้หานที่เป็นผู้นำตระกูลฟู่ป่วยเป็นโรคไตวาย จำเป็นต้องหาไตที่แข็งแรงมาปลูกถ่ายอวัยวะ

แต่กรุ๊ปเลือดของเขาหายากมาก สุดท้ายแล้วมีเพียงแม่ของเสิ่นฝานซิงที่ตรงตามเงื่อนไขทุกอย่าง แม่ของเสิ่นฝานซิงยอมตกลงบริจาคอวัยวะให้ภายใต้เงื่อนไขการทำสัญญา

ใครจะไปคิดว่าระหว่างผ่าตัดจะเกิดข้อผิดพลาด ทำให้ชีวิตของแม่อยู่ในภาวะวิกฤต

ก่อนจะจากโลกนี้ไป เธอประกาศคำขอต่อหน้าสื่อมวลชนว่าต้องการให้เสิ่นฝานซิงแต่งงานกับฟู่อวี้หาน

แต่ฟู่อวี้หานในตอนนั้นกำลังคบหาดูใจกับเยี่ยจิงอยู่ ตระกูลฟู่ถูกกดดันอย่างหนักจึงต้องแยกคู่รักทั้งสองออกจากกัน เพื่อให้ฟู่อวี้หานกับเสิ่นฝานซิงได้หมั้นหมายกัน

เยี่ยจิงเสียใจมากจึงย้ายไปต่างประเทศ

แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น ต่อมาตอนที่จัดการสมบัติของแม่เสิ่นฝานซิง คนตระกูลฟู่กลับพบประวัติรักษาโรคมะเร็งของเธอ รวมถึงพินัยกรรมที่เขียนเอาไว้ล่วงหน้า

เพราะฉะนั้นทุกคนจึงคิดไปในทางเดียวกันว่า มารดาของเสิ่นฝานซิงรู้ตัวว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน จึงวางแผนจะให้เสิ่นฝานซิงแต่งงานกับฟู่อวี้หานตั้งแต่แรกแล้ว

เสิ่นฝานซิงถูกผู้คนมากมายสาปแช่ง เธออยากจะหลีกหนีและปฏิเสธการแต่งงานอยู่หลายครั้ง

แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ถอดใจยอมแพ้ เพราะถ้าเธอปฏิเสธจริงๆ การตายของแม่เธอก็จะสูญเปล่า

เธอพยายามบอกตัวเองให้อดทนเอาไว้

แต่ตอนนี้ เธอไม่มีเหตุผลให้ต้องอดทนอีกต่อไปแล้ว

เธอคิดว่าถ้าแม่ของเธอได้มาเห็นสภาพเธอในตอนนี้ ก็คงจะปวดใจอยู่ไม่น้อยเลย

“งั้นฉันยกตำแหน่งคุณนายฟู่ให้เธอแล้วกัน”

เสิ่นฝานซิงกำสัญญาหย่าที่เซ็นชื่อเรียบร้อย บอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ฟู่อวี้หาน พวกเราหย่ากันเถอะ”
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 30

    ฟู่หร่านเมินเฉยเสิ่นฝานซิงและทิ้งอีกฝ่ายเอาไว้คนเดียว แล้วยังจงใจพูดคุยกับเยี่ยจิงอย่างมีความสุข เธอคิดว่าเสิ่นฝานซิงจะเป็นฝ่ายเอาของขวัญมาให้เหมือนทุกครั้งเธอยังวางแผนไว้ดิบดีว่าจะรับของขวัญมาแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ เพื่อใช้โอกาสนี้แสดงให้พี่เยี่ยจิงเห็นว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าเสิ่นฝานซิงแต่ผ่านไปหลายนาทีแล้ว เสิ่นฝานซิงก็ยังไม่ยอมขยับสักทีเธอทนไม่ไหวจึงใช้หางตาลอบมองเสิ่นฝานซิง แต่กลับเห็นว่าสองนาทีต่อมาเสิ่นฝานซิงกลับเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเธอยังเห็นอีกว่าครั้งนี้เสิ่นฝานซิงมีของขวัญติดไม้ติดมือมาแค่ชิ้นเดียวดูยังไงก็ไม่เหมือนของขวัญที่เตรียมมาให้เธอเลยฟู่หร่านถึงกับงงไปสักพักเลยหรือว่าของขวัญที่จะให้มันชิ้นเล็กมาก? เสิ่นฝานซิงเลยใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง?ไม่ใช่สิ วันนี้เธอใส่ชุดเดรสมานี่นา จะไปมีกระเป๋าได้ยังไงฟู่หร่านทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงหันไปถามเธอว่า “เสิ่นฝานซิง ของขวัญของฉันล่ะ?”เสิ่นฝานซิงไม่คิดว่าจู่ๆ เธอจะถามกันแบบนี้ จึงชะงักไปเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ฉันไม่ได้เตรียมมา”“ไม่ได้เตรียมมา?”ฟู่หร่านรู้สึกโมโหจนเก็บอาการไม่อยู่คล้ายจะมองสีหน้าของอีกฝ่า

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 29

    ความจริงเสิ่นฝานซิงชินกับเรื่องนี้แล้วล่ะฟู่หร่านกับฟู่อวี้หานเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันดีมาก ดังนั้นพอฟู่อวี้หานเกลียดเธอ ฟู่หร่านก็มักจะชอบพูดจาแดกดันต่อหน้าเธออยู่ประจำฟู่หร่านมักจะถากถางเธอว่าไม่เหมาะสมกับฟู่อวี้หาน เป็นมือที่สามแทรกกลางระหว่างฟู่อวี้หานกับเยี่ยจิงตอนแรกเสิ่นฝานซิงค่อนข้างเก็บมาคิดมากเลยล่ะเพื่อทำให้ฟู่หร่านยอมรับในตัวเธอ เธอพยายามสืบหาความชอบของฟู่หร่าน หาซื้อของขวัญให้อีกฝ่าย ไปต่างประเทศเพื่อรวบรวมของออฟฟิเชียลและลายเซ็นคนดังที่ฟู่หร่านชอบซึ่งฟู่หร่านก็ยอมรับไปทุกครั้ง แต่หลังจากได้ของไปแล้วนอกจากจะไม่รู้สึกขอบคุณกัน ยังหัวเราะเยาะแล้วบอกเธออีกว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้แผนการในใจเธอนะ”“แล้วก็อย่าคิดว่าจะใช้วิธีการแบบนี้มาซื้อใจฉันได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามเอาอกเอาใจฉันสักแค่ไหน ก็ยังเป็นมือที่สามของพี่ชายฉันกับพี่จิงจิงอยู่ดี ฉันไม่มีทางช่วยเธอหรอก”เสิ่นฝานซิงเคยเสียใจอย่างมากเพราะเรื่องพวกนี้แต่พอถึงท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ค่อยๆ ปล่อยวางตอนนี้ถึงจะได้ยินสิ่งที่ฟู่หร่านพูด เธอก็ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไปเสิ่นฝานซิงเดินเข้าไปในห้องอย่างสง่าผ่าเผย ก่อนจะเอ่ยทักท

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 28

    หลังอาบน้ำเสร็จแล้วเธอก็ยังเหลือเวลาว่างอีกเยอะเลยพออยู่ว่างๆ แล้วเธอก็คิดไม่ออกว่าควรจะทำอะไรดี ดังนั้นจึงปล่อยตัวเองเหม่อลอยคิดโน่นคิดนี่อยู่พักใหญ่ ขณะนอนแผ่อยู่บนเตียงบางทีอาจเป็นเพราะสองวันมานี้มีอะไรเกิดขึ้นหลายอย่าง พอเสิ่นฝานซิงหลับตาก็ผล็อยหลับอย่างรวดเร็วกว่าเธอจะตื่น เวลาก็ล่วงเข้าสู่เที่ยงของอีกวันแล้วเสิ่นฝานซิงลงจากเตียงแบบสะลึมสะลือ ทว่าเพิ่งจะลุกขึ้นยืนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ขาเธอถึงได้รู้ตัวว่ารอยแผลจากการเดินซุ่มซ่ามไปชนขอบกำแพงเมื่อคืนก่อน ตอนนี้กลับบวมแดงขึ้นมาเสียอย่างนั้นแต่คืนนี้เธอมีกำหนดการต้องไปที่บ้านตระกูลฟู่ จะไปโรงพยาบาลตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วพอเห็นแบบนั้น เสิ่นฝานซิงจึงหยิบกล่องยาออกมาทำแผลคร่าวๆ แล้วออกจากห้องปกติฟู่อวี้หานไม่ค่อยอยากจะกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่พร้อมกับเธอหรอก แต่ตอนนี้ทั้งสองคนตัดสินใจหย่ากันแล้ว เสิ่นฝานซิงจึงคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องรอไปพร้อมกับเขาเธอตัดสินใจไปเอาของขวัญที่เตรียมไว้ให้คุณย่าฟู่ก่อน จากนั้นก็ไปที่ศูนย์ซ่อมรถเพื่อรับรถคันที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นคันที่แม่ของเธอซื้อให้สมัยก่อน ตอนนี้มันซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงขับร

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 27

    เสิ่นฝานซิงลองคิดทบทวนดูเธอกับฟู่อวี้หานหย่ากันแล้วก็จริง แต่ยังอยู่ในช่วงสงบสติอารมณ์ ตามหลักแล้วเธอยังเป็นสะใภ้ของตระกูลฟู่อยู่เหมือนเดิมคำขอของฟู่อวี้หานจึงไม่นับว่าไร้เหตุผลอีกอย่างคุณย่าฟู่ก็ดีกับเธอมากๆ ด้วย เธอควรจะไปทักทายอีกฝ่ายสักหน่อยเสิ่นฝานซิงไม่ได้ปฏิเสธคำขอของเขา “ได้ ฉันจะไป”ฟู่อวี้หานได้ยินเธอตอบอย่างว่านอนสอนง่าย สายตาก็เหลือบมองเอกสารที่อยู่ข้างๆเอกสารที่หลี่เก๋อเอามาให้เขาระบุไว้อย่างชัดเจนว่าอพาร์ทเม้นท์ของเสิ่นฝานซิงตั้งอยู่ในพื้นที่แออัดที่ย่ำแย่มาก นอกจากจะเป็นชุมชนแออัดที่ยากจนแล้ว สภาพความเป็นอยู่ของห้องก็แย่ด้วยตอนที่เห็นข้อมูลในเอกสาร เขาถึงกับโกรธจนหลุดหัวเราะเขาให้เลขาฯส่งค่าใช้จ่ายให้เธอทุกเดือนเป็นเงินเกือบหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท แต่เธอกลับย้ายออกไปอยู่ในพื้นที่ชุมชนแออัดแบบนั้นกำลังจงใจอยู่หรือไง?อยากจะเรียกร้องความเห็นใจจากเขาเหรอ? หรือว่าอยากให้คนอื่นเขาติฉินนินทาลับหลัง ว่าภรรยาของเขาฟู่อวี้หานต้องทนอยู่ในสถานที่โกโรโกโสแบบนี้?ไม่ว่าจะเป็นข้อไหน ฟู่อวี้หานก็รู้สึกว่ามันน่าสมเพชทั้งนั้นแต่เขาก็ยังตัดสินใจว่าจะยอมให้ทางลงกับเธอเขา

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 26

    เธอพนมมือไหว้เพราะกลัวว่าหลี่เก๋อจะปฏิเสธคำขอ ปากก็พูดซ้ำๆ ว่า “ขอร้องล่ะค่ะ ขอร้องล่ะค่ะ”หลี่เก๋อเองก็จนปัญญาจึงพยักหน้าแล้วบอกว่า “เดี๋ยวผมเอาไปส่งเอง คุณกลับไปเถอะ”เลขาฯสาวเหมือนรอดพ้นจากโทษทัณฑ์ ก่อนจะวิ่งหนีไปทางช่องทางเดินแคบๆ ด้วยรองเท้าส้นสูงอย่างเร่งรีบ ราวกับกลัวว่าหลี่เก๋อจะเปลี่ยนใจทีหลังหลี่เก๋อส่ายหน้าอย่างจนใจ ก่อนจะหันหลังกลับมาเผชิญหน้าประตูห้องทำงานอีกครั้ง ตอนที่กำลังจะเคาะประตูก็นึกถึงคำสั่งของฟู่อวี้หานขึ้นมาฟู่อวี้หานบอกเขาว่า เรื่องของตระกูลเสิ่นยกให้เขาเป็นคนจัดการทั้งหมดพอคิดได้แบบนี้ หลี่เก๋อก็คิดว่าตัวเองอย่าทำให้คุณฟู่อารมณ์เสียไปมากกว่านี้จะดีกว่าเขาลดมือที่เตรียมจะเคาะประตูลง แล้วเดินจากไปอีกทาง......ณ บ้านตระกูลเสิ่น“จริงเหรอ? ตระกูลฟู่ยอมลงทุนให้เราแล้ว?”หลังจากได้รับข่าวว่าโครงการสามารถหาเงินลงทุนได้แล้ว เสิ่นฉงที่นั่งอยู่บนโซฟาก็แทบจะกระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจ“เยี่ยมไปเลย ขอบคุณมากครับ ฝากไปขอบคุณประธานฟู่ด้วยนะครับ คราวนี้โครงการของตระกูลฟู่จะต้องประสบความสำเร็จแน่ จะไม่ทำให้คุณฟู่ผิดหวังอย่างแน่นอน”หลังจากขอบคุณซ้ำๆ อยู่หลายครั้

  • ยามความรักมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี   ตอนที่ 25

    พอได้ยินฟู่อวี้หานพูดแบบนั้น หลี่เก๋อก็เข้าใจได้ทันทีว่าท่านประธานฟู่ของตนเองอารมณ์ไม่ดีเพราะสาเหตุใดดูเหมือนท่านประธานฟู่กับคุณเสิ่นจะทะเลาะกันอีกแล้วแต่เขาชินกับเรื่องนี้แล้วล่ะฟู่อวี้หานยังคงติดใจเรื่องการแต่งงานในตอนนั้นไม่เลิก เพราะงั้นจึงไม่เคยทำตัวดีๆ กับเสิ่นฝานซิงเลยสักครั้งแต่ไม่ว่าฟู่อวี้หานจะทำตัวแย่สักแค่ไหน เสิ่นฝานซิงก็ไม่เคยอาละวาดใส่เขาเลย หนำซ้ำยังพยายามทำให้เรื่องราวมันจบลงด้วยดีเพราะฉะนั้นต่อให้พวกเขาสองคนทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหน อีกไม่กี่วันพวกเขาก็จะกลับมาคืนดีกันเหมือนเดิมการแต่งงานของพวกเขาดำเนินมาจนถึงจุดที่สมดุลอย่างลงตัวมากเลยล่ะคนภายนอกอาจจะสงสัยและคิดในแง่ไม่ดี แต่เขากลับแอบรู้สึกว่าการแต่งงานของพวกเขาจะมั่นคงและยั่งยืนอีกอย่าง เขาก็รู้จักนิสัยของท่านประธานฟู่เป็นอย่างดี ถ้าหากฟู่อวี้หานไม่เต็มใจกับการแต่งงานครั้งนี้จริงๆ เกรงว่าคงจะเลิกรากันไปตั้งนานแล้ว“เรื่องห้องใหม่ของจิงจิงจัดการไปถึงไหนแล้ว?”ขณะจมกับความคิด หลี่เก๋อก็ได้ยินฟู่อวี้หานถามขึ้นมาเขารีบตอบกลับว่า “หาห้องแบบที่คุณเยี่ยต้องการได้แล้วครับ ผมจัดการซื้อห้องดังกล่าวและโอนเป็นช

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status