Home / โรแมนติก / ยิ้งตี้ตระกูลโจว / บทที่ 5 ท่านเจ้าสำนักเสวี่ยจง

Share

บทที่ 5 ท่านเจ้าสำนักเสวี่ยจง

last update Last Updated: 2024-11-20 11:27:57

บทที่ 5 ท่านเจ้าสำนักเสวี่ยจง

ขบวนยิ่งตี้มากมายเกือบร้อยชีวิตเดินหน้ากระดานแถวเรียงห้ายาวเหยียดจนน่าขัน

โจวหมิงเจ๋อมองลงมาจากชั้นเก้าเห็นเพียงกลุ่มคนตัวเล็กดั่งมดตัวน้อยค่อยเดินแถวเป็นระเบียบเข้ามายังเสวี่ยจงโหลว หอเก้าชั้น

“เฉียนฟาน เจ้าให้ซิงเยียนจัดการยิ่งตี้ผู้ชาย ส่วนผู้หญิงให้แยกไปที่โถงกลาง ตั้งแถวเรียงตามอายุ”

“ขอรับ”

เขาวางฝ่ามือลงราวกันตก ต้นยามเฉิน[1]แสงอาทิตย์พ้นขอบฟ้ามาได้สักพักแล้ว

ตระกูลฮุ่ยนับว่าเป็นตระกูลดีร่ำรวยมากด้วยร้านค้าแพรพรรณ ทั้งยังที่นา ไม่นับโรงจำนำตั้งอยู่ยังแคว้นฉี

เสียดายเพียงตระกูลนี้เป็นตระกูลพ่อค้า คิดสิ่งใดก็คิดดั่งพ่อค้า การจัดขบวนยิ่งตี้เอิกเกริกก็เพื่อแสดงว่าตนร่ำรวยมหาศาลราวต้องการข่มตระกูลโจว

แต่แล้วหางคิ้วถึงกับกระตุกเมื่อได้เห็นขบวนแปลกประหลาดด้านล่างล้มลง

บัดนี้ ขบวนสาวงามยิ่งตี้แยกจากขบวนบุรุษ ทอดยาวหน้ากระดานเรียงห้าตามคำสั่ง ทุกสาวงามล้วนงดงามและดวงหน้าตื่นตระหนก ยิ่งเดินเข้าใกล้หอเสวี่ยจงสูงถึงเก้าชั้น ยิ่งพากันส่งเสียงเซ็งแซ่

“เงียบ!!”

ป้าลี่ผู้นำขบวนตะวาดเสียงก้อง ยิ่งตี้ทั้งหลายเงียบเสียงเชื่อฟัง   ไป๋หลินเอ๋อร์มองเบื้องบนยอดสูงสุดของอาคารหลังคาสีเขียวดุจหยกประดับปลายด้วยสัตว์ มองแทบไม่ออกเมื่อมองจากเบื้องล่าง รู้เพียงแสบตายามพระอาทิตย์ส่องยอดจนเกิดแสงสะท้อน

“เอ้า อย่าได้ชักช้า เดิน!!”

หนุ่มฉกรรจ์คนหนึ่งกระชากเสียงใส่เมื่อเห็นว่านางหยุดนิ่ง  ใช้ปลายทวนกระแทกเข้าที่แผ่นหลังจนร่างนางกระเด้งไปด้านหน้า  มือยื่นออกไปไม่รู้ตัวดันแม่นางร่างเล็กคนหนึ่ง  จากนั้นจึงเกิดความโกลาหล ดั่งคลื่นน้ำ เมื่อนางตรงหน้าล้มลงมือเอื้อมไปจับบ่าคนข้างหน้าอีกทอด พาล้มไปด้วยกัน ส่วนคนด้านหน้าจับอีกคนเป็นทอด ๆ ไปดั่งเหวี่ยงแหในคราวเดียวได้ปลาทั้งข้อง เสียเพียงแค่ว่าพวกนางไม่ใช่ปลา

พลั่ก ... โครม ... ตุบ ตุบ

“ว้าย!!”

“วี้ดด!!”

ไป๋หลินเอ๋อร์ตื่นตะลึงยกมือตนเองขึ้น  มองมือสลับมองกองหญิงงามเบื้องล่าง - - นี่นางทำสิ่งใดไป

“เจ้า!! ออกมานี่”

นางทิ้งมือลงทันทีแล้วก้าวออกไปหาป้าลี่ที่เพ่งมองนางอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก

“นี่เจ้า ใบหน้าดูไม่ใช่เด็กสาว อายุเท่าไรแล้ว”

“สิบเก้าเจ้าค่ะ” ไป๋หลินเอ๋อร์ตอบเสียงเบาลง

“ตระกูลฮุ่ยบังอาจเกินไปแล้ว สตรีมีมากมายแต่ดันเอาคนแก่มาเป็นยิ่งตี้”

ไป๋หลินเอ๋อร์ขมวดคิ้ว คนแก่เช่นนั้นหรือ นางแก่ที่ตรงใด สิบเก้าแม้เลยวัยออกเรือน หากแต่นางยังแข็งแรงซ้ำทำงานเก่งขยันขันแข็ง

“ข้ายังไม่แก่”

“เอาเถอะ ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้าตอนนี้ นายท่านรออยู่ เจ้าไปอยู่รั้งท้าย ถ้าไม่มีผู้ใดเรียกอย่าได้โผล่หน้าออกมาจากแถว”

“เจ้าค่ะ”

นางตอบเสียงเบาลงแล้วกลับไปยังหางแถวคนสุดท้าย จากนั้นขบวนจึงได้กลับมาตั้งแถวใหม่อีกรอบเดินเข้าไปข้างโถง

เพียงเข้ามาภายในหอเสวี่ยจง  ไป๋หลินเอ๋อร์พลันได้กลิ่นหอมละมุนผ่อนคลายอารมณ์ มองหาแหล่งให้ความหอมจึงได้เห็นกระถางกำยานมุมเสา  มีควันลอยขึ้นบางเบา

ภายในโถงใหญ่หอสูงกว้างกว่าที่เห็นภายนอกนัก ด้านบนเป็นช่องว่างตรงกลางหอทะลุถึงชั้นเก้า แต่ละชั้นตีวงล้อมเป็นรูปหกเหลี่ยมมีระเบียงเชื่อมถึงกับตลอดทั้งชั้น น่าตื่นตาตื่นใจและงดงาม

“เข้าแถวตามอายุ  คนที่อายุต่ำกว่าสิบห้าปียืนฝั่งขวา  มากกว่านั้นให้ยืนฝั่งซ้าย”

ไป๋หลินเอ๋อร์มองตามเสียง  จึงเห็นชายผู้หนึ่งหน้าตาธรรมดาแต่รูปร่างแข็งแกร่ง สวมชุดเซินอีสาบเสื้อคอแหลมเอียงด้านขวาคาดทับด้วยสายรัดแทบผ้า ทั้งชุดล้วนสีดำเช่นเดียวกับบุรุษอื่น นางเดาว่าคงเป็นคนสำนักคุ้มภัย และบุรุษผู้นี้คงอยู่ในตำแหน่งระดับสูงเมื่อมองเห็นหยกห้อยเอว

นางขยับเคลื่อนไปทางหญิงอายุเกินสิบห้าซึ่งมีจำนวนมากกว่า สบตากับจางอวี้ที่เดินไปอีกฝั่งด้วยสีหน้ากังวล

“คุกเข่า!!”

ไป๋หลินเอ๋อร์อยู่รั้งท้ายสาวงาม คุกเข่านิ่งมองตรงไปยังเบื้องหน้าจึงเพิ่งสังเกตเห็นอีกบุรุษสูงใหญ่สง่านั่งบนเก้าอี้พื้นยก ดวงหน้างดงามราวหยกเนื้อดี อายุต้นสี่สิบ ผมขาวเป็นหย่อมเกล้าขึ้นกลางศีรษะประดับด้วยพลอยสีแดงสดดั่งสีเลือด

“เงยหน้าขึ้น”

บุรุษผู้นั้นออกคำสั่งแม้ไม่ทำเสียงดังแต่กลับส่งกระแสคลื่นกังวานจนทุกนางหวาดกลัว รังสีอำมหิตแผ่ออกรอบข้าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นนายท่าน เจ้าสำนักคุ้มภัยเสวี่ยจง โจวจางหมิ่นที่นางเห็นเมื่อคืน

อาภรณ์สีดำห่มหุ้มร่างกายแบบเดียวกับคนสำนักคุ้มภัยเพียงทว่ามีลวดลายสีเข้มอมดำมังกรและเสืออ้าปากต่อสู้กัน เอวห้อยหยกสีแดง สวมแหวนปานจื่อบนนิ้วโป้งเห็นได้ชัดเจน

ดวงตารีดุจเหยี่ยวกวาดมองหาสองนางเมื่อคืน แต่ยังไม่เห็นจุดผิดสังเกต อาจเพราะความมืดในป่าไผ่ทำให้ไม่อาจแยกแยะพวกนางได้ - - ข้าอาจหมกหมุ่นเกินไป

โจวหมิงเจ๋อพยักหน้าส่งสัญญาณ เฉียนฟานจึงหันหน้าไปทางหญิงงามทั้งหมด เอ่ยด้วยเสียงอันดังกว่าคราแรก

“ฝั่งขวาไม่เกินสิบห้าปี เดินตามป้าลี่เพื่อทำทะเบียน เข้าพักยังเรือนเล็กข้างจวนหลัก ทำหน้าที่มอบความสำราญแก่นายน้อยและรับรองแขกที่มาเยือน ส่วนฝั่งซ้ายเดินตามคนสำนักคุ้มภัย เก็บของ นำไปขายซ่อง”

“อะไรนะ ไม่นะ ไม่”

[1] 07.00-08.59

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 29 บทพิเศษ จบบริบูรณ์

    บทที่ 29 บทพิเศษยามเหม่าในทุกวัน โจวหมิงเจ๋อมักลุกขึ้นเพื่อลงไปฝึกยุทธิ์กับคนของสำนักคุ้มภัยด้วยตนเองไป๋หลินเอ๋อร์พลิกกายโอบลำแขนอ่อนนุ่มรัดเขาไว้เอ่ยเสียงเบา“ท่านพี่ ยามเหม่าแล้ว”โจวหมิงเจ๋อตวัดรัดท่อนแขนให้ร่างเล็กบอบบางเกยขึ้นมานอนบนแผ่นอก ลูบฝ่ามือร้อนลงแผ่นหลังเปล่าเปลือยไร้อาภรณ์“เนื้อเจ้านุ่มมือ” ฝ่ามือใหญ่กางออกลูบแผ่นหลังรั้งนางให้ถดขึ้นกระทั่งริมฝีปากจดกันขยับแผ่วเบา“ป่านนี้เด็ก ๆ คงตื่นกันหมดแล้ว”“แล้วอย่างไร ตื่นแล้วก็ให้ยืนรอหน้าห้องไปก่อน”“ท่านพี่”“ยามเช้าเช่นนี้ ควรอยู่กันแต่ในผ้าห่มดีหรือไม่ กกกอดก่ายรัดร่าง”“ฮะ ฮ่า ท่านพี่ หลินเอ๋อร์ลูกสามแล้วเจ้าค่ะ ไม่อยากท้องอีก”“ถ้าเช่นนั้น พี่จะไม่หลั่งน้ำพิสุทธิ์ข้างในเจ้า เช่นนี้หลินเอ๋อร์ยินยอมหรือไม่”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปากดันร่างตนเองออกแต่ถูกรั้งลงใต้ร่างทันควัน จับนางพลิกคว่ำ จูบขบลงฟันบนแผลเป็นรูปเสือ“คำกล่าวนี้ ท่านพี่บอกข้าเป็นพันครั้ง จนข้าขี้เกียจจดจำจะใส่ใจ”“ฮึ ในเมื่อหลินเอ๋อร์ไม่ใส่ใจ เช่นนั้นพี่จะถือว่าเจ้าอนุญาต” โจวหมิงเจ๋ออมยิ้มขณะพรมจูบไต่ลงแผ่นหลังนวลเนียน มือก่อกวนวนเวียนไม่ห่างทั้งลูบคลำ ทั้งล้

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 28 ความลับ

    บทที่ 28 ความลับไป๋หลินเอ๋อร์ดีดตัวออกจากโจวจางหมิ่นทันทีแล้วโผเข้าหาบุรุษตรงหน้า ให้เขาโอบรัดนางไว้ด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ซบดวงหน้าเปื้อนหยาดน้ำลงอกกระเพื่อมไหวจากแรงสูดลมหายใจไร้เสียงร้องใด ๆ จากโจวจางหมิ่น คมลูกธนูปักลงหัวไหล่ขวาที่รัดลำคอนางไว้ สีหน้าโจวจางหมิ่นปวดร้าว มองโจวหมิงเจ๋อด้วยดวงตากล่าวหา มาดร้าย และคล้ายไม่ต้องการเชื่อในที่โจวหมิ่งเจ๋อทำลงไปนางโอบร่างแกร่งไว้แน่นไม่ยอมให้เขาเข้าไปใกล้โจวจางหมิ่น“จางหมิ่น...” น้ำเสียงระห้อยโหยแรงเอ่ยชื่อในลำคอ ดวงตาแสบร้อนแดงก่ำ แต่ไร้น้ำตา เขามองร่างสูงเกร็งคล้ายเขาถอยหลังไปอีกสองก้าวในยามนี้โจวจางหมิ่นสีหน้าสงบลงแล้วราวกับว่ายอมรับบางอย่าง ริมฝีปากบิดโค้งคล้ายรอยยิ้มก่อนจะทิ้งร่างลงเหวลึกด้วยป่ารกทึบด้านล่าง“จางหมิ่น จางหมิ่น!!! จางหมิ่นนน”บุรุษแกร่งเช่นโจวหมิงเจ๋อ ชั่วชีวิตกระทำการทารุณคน สังหาร มองเลือดและความตายด้วยความเยือกเย็นไร้ความรู้สึก แต่มาบัดนี้โจวจางหมิ่นที่เขาอุ้มชูเลี้ยงมากับมือทิ้งร่างอัตวิบากกรรมต่อหน้าเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงคุกเข่าเท้าฝ่ามือลงพื้นท่ามกลางใบไม้ร่วงหล่นสีส้มแดงในต้นฤดูหนาว“

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 27 โจวจางหมิ่น

    บทที่ 27 โจวจางหมิ่น“เข้าใจผิด!! ข้าไม่ได้มีเรื่องอะไรบาดหมางกับเจ้า ยิ่งตี้หรือฮูหยินท่านเจ้าสำนัก” โจวจางหมิ่นเดินเข้าใกล้โน้มหน้าลงต่ำ กระชากผมจนดวงหน้าของนางแหงนขึ้น“เจ้าไม่มีสิ่งใดผิด ผิดแค่ว่าเจ้ามาอยู่ผิดที่ผิดทาง ท่านพ่อต่างหากที่ข้าต้องการให้เขาทุกข์ทรมาน และข้ารู้ว่าท่านพ่อรักเจ้า”“โจวหมิงเจ๋อไม่ได้รักข้า ท่านเข้าใจผิด”“เจ้าไม่รู้จักนิสัยของพ่อข้าดี ท่านพ่อเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ อวี้เจียวจงรักภักดีรับใช้มาเนิ่นนาน เขายังยกให้เฉียนฟานโดยง่ายดาย แต่กับเจ้า..”มือนุ่มดั่งหญิงสาวเชยปลายคางนางขึ้นแล้วบีบ“พบเพียงไม่กี่หนกับยกย่องร่วมชีวิต สัญญาผูกพันนิจนิรันดร์ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้ามีดีอะไร หน้าตาไม่ได้สะสวย ทั้งรูปร่างไม่ได้เสี้ยวหญิงงามเมือง แต่เอาเถิด อย่างไรเสียเจ้าต้องตาย”โจวจางหมิ่นกดริมฝีปากนางล้วงนิ้วเข้า แล้วเผยอปากตัวเองคล้ายแสยะยิ้ม “ให้เขาได้ทุกข์ทนเช่นแม่ข้า ลุกขึ้น บอกลาชีวิตของเจ้าได้แล้ว”แรงบุรุษกระชากดึงนางขึ้นจากพื้น สาบเสื้อหลุดรุ่ยจนพ้นเนินทรวงหนึ่งข้าง โจวจางหมิ่นหลุบตามองก่อนใช้มือบีบขยำลงแรง“ทว่า เจ้าเองก็น่าลิ้มลอง บางคราวข้าก็เคยคิดว่าถ้าได้ร่วมเ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 26 โจวจางหมิ่น

    บทที่ 26 โจวจางหมิ่นยามเว่ยในช่วงต้นฤดูหนาวชานเมืองหลวงของสำนักคุ้มกันภัยเสวี่ยจง ที่โอบล้อมด้วยป่าไผ่ ยิ่งพาให้อากาศเย็นขึ้นอีกหลายเท่าตัวไป๋หลินเอ๋อร์กระชับเสื้อคลุมตัวยาวที่ชางซิงเยียนกำชับเป็นหนักหนาให้นางสวมมาด้วย แม้ว่านางบอกแล้วว่ามาแค่เรือนหลักเท่านั้นนางเดินผ่านสวนกลางเรื่อยจนมาถึงเรือนหลัก ไม่ทันได้เอ่ยแจ้งเด็กในเรือนพลันเห็นโจวจางหมิ่นยืนนิ่งตรงโค้งประตูวงเดือนทางออกสวนด้านหลังทุกคราที่นางพบหน้าโจวจางหมิ่น ขนแขนนางมักลุกชันอย่างน่าประหลาด และยามนี้ก็เช่นกัน นางมองสีหน้ากระหยิ่มและมุมปากโค้งขึ้นละม้ายโจวหมิงเจ๋อ แต่ก็แค่ละม้าย เพราะส่วนใหญ่บนใบหน้าของชายร่างเกร็งคนนี้ไม่เหมือนโจวหมิงเจ๋อแม้แต่น้อยนางขยับเข้าไปใกล้วางสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ใจเต้นรัวดั่งกลองศึก ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นความแตกต่าง โจวหมิงเจ๋อแม้ว่าการกระทำเย็นชารุนแรง ทว่ากลับมีความเมตตาต่อผู้อื่น ผิดไปจากบุตรชายที่แผ่กลิ่นอายโฉดชั่วทวีคูณ ยิ่งเห็นรอยแผลบนร่างฮุ่ยหรู ยิ่งรับรู้ว่าชายผู้นี้กระทำต่อสตรีเพศราวกับเป็นสัตว์สิ่งของ“ท่านแม่”นางมองร่างสูงของโจวจางหมิ่นโค้งลงคำนับนางราวกับว่าเป็นบุตรชายแท้จริงของนาง ทว

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 25 ฮุ่ยหรู

    บทที่ 25 ฮุ่ยหรูเพียะ เพียะ!!ฮุ่ยหรูล้มคว่ำลงทันทีเมื่อฝ่ามือของโจวจางหมิ่นกระทบใบหน้าเป็นครั้งที่สอง ร่างอ่อนแออย่างหญิงตั้งครรภ์สามเดือนกองบนพื้นน้ำตานองหน้า“ข้าบอกเจ้าให้ทำเช่นไรฮุ่ยหรู”“ฮื้ออ ขะ ข้า ข้ายัง พบ นางไม่ได้”เพล้ง!!โจวจางหมิ่นปัดกระถางกำยานล้มคว่ำเฉียดใบหน้าฮุ่ยหรูจนนางผงะออก ดวงตาหวาดกลัวไหวระริก เหลือบมองสามีที่นางแต่งเข้ามายังตระกูลโจวอันร่ำรวยและมากยศฐา“ยามนี้นางอยู่แต่บนหอ ท่านพ่อไม่ยอมให้นางลงมา อร้าย!! อย่า ข้ากลัวแล้ว”ฮุ่ยหรูยกมือไหว้ประลก ๆ น้ำตาไหลนองจนมองไม่เห็นสีหน้าสามี แต่นางรู้ว่าใบหน้าหล่อราวหยกกำลังบิดเบี้ยวจากแรงโกรธ เขากระชากผมนางดึงขึ้นมาจากพื้นเพียะ!!ใช้หลังฝ่ามือฟาดลงใบหน้าอีกครั้งแล้วผลักนางให้ล้มลงกับพื้น ยกเท้าเหยียบนางไว้“เวลาข้าสั่ง ไม่มีข้ออ้างฝ่าฝืน เข้าใจหรือไม่ภรรยารัก”นางพยักหน้ารับ ดวงหน้าแนบพื้นเย็นเยียบ สะอื้นขึ้นแรงก่อนที่โจวจางหมิ่นจะประคองนางขึ้นมาโอบกอดแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยนผิดไปจากคราแรก“วันพรุ่ง เจ้าจงไปหานาง คุยกับนางให้นางคลายใจ ชักชวนนางดั่งที่ข้าบอกไว้ เข้าใจหรือไม่ฮุ่ยหรู”มือร้อนลูบผมนางประคองนางไปนั่งที่เตียง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 24 nc

    บทที่ 24 nc“แผลหายสนิทแล้ว”“หายแค่ภายนอก แต่จิตใจข้าไม่”นางกระชากเสียงใส่ ดึงดันจะลุกขึ้นแต่มือใหญ่รวบนางไว้ให้นั่งลงซ้อนด้านหน้า“ไหน จิตใจเจ้าที่ตรงใดกัน ข้าจะทำความสะอาดให้หมดจด ขจัดความขุ่นมัวออกไปให้เอง”ไม่เพียงเอ่ยด้วยเสียงกระเส่า มือรั้งร่างเล็กพร้อมผ้าในมือ เช็ดถูแผ่นหน้าท้อง ซบหน้าลงหัวไหล่ เลื่อนผ้านุ่มขึ้นหาทรวงอก นางสะดุ้งทันที“ข้ามือหนักไปหรือ?”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปาก มือจับขอบอ่างไว้ไม่กล้าขยับตัว ผ้านุ่มค่อยถูทำความสะอาดเนื้อนุ่มอวบอิ่มแผ่วเบา ในยามนี้นางรู้ตัวแล้วว่าคงหนีไม่พ้นบุรุษด้านหลังเป็นแน่ หากยังขืนตัวไม่อ่อนลงคงเป็นนางเองที่เจ็บตัว“ท่าน จะเบามือกับข้าสักหน่อยได้หรือไม่”โจวหมิงเจ๋อชะงักไปครู่ เอียงหน้าไปมองดวงหน้างาม ปากกระจับเม้มแน่น พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อ นางเอี้ยวกลับมาจ้องตอบ“เหตุใดไม่ตอบข้า”“ไม่ได้”ไป๋หลินเอ๋อร์สะอึกแล้วนิ่งงัน ก่อนจะเอ่ยถามอีก “ถ้าเช่นนั้น สอนข้าให้ ... ให้ข้าเจ็บน้อยที่สุด”โจวหมิงเจ๋อปล่อยผ้าออกจากมือ แล้วแทนที่ด้วยฝ่ามือร้อนจัดกอบกุมเนินทรวง “เจ้าอาจเริ่มจากผ่อนคลาย และสนุกกับสิ่งที่ข้าทำ”“สนุกงั้นหรือ”“ใช่แล้ว ถ้าข้าทำเช่นนี้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status