นิยายรักจีนโบราณ เรท NC25+ ไป๋หลินเอ๋อร์ : ลูกสาวชาวนา ปลอมตัวเข้ามาในสำนักคุ้มภัยเสวี่ยจง ในฐานะ ยิ่งตี้ เพื่อตามหาชายคนรัก โจวหมิงเจ๋อ : เจ้าสำนักคุ้มภัยเสวี่ยจง รูปงามดั่งเทพ แต่เย็นชา โหดร้าย บิดาของโจวจางหมิ่น ไป๋หลินเอ๋อร์ ลอบเข้ามายังสำนักคุ้มภัยเสวี่ยจงในฐานะยิ่งตี้ สินสอดของเจ้าสาวมอบให้เจ้าบ่าว บุตรชายคนโตของตระกูลโจว เพื่อสืบหาคนรักที่ถูกจับตัวไว้ ทว่าโจวหมิงเจ๋อ เจ้าสำนักผู้เย็นชา ปีศาจร้ายในคราบมนุษย์ บุรุษชั่วข้าสังหารคนรักนางต่อหน้า ประทับตราบนหัวไหล่ กรีดเลือดร่วมสาบาน เป็นตายพรากจาก ผูกสัญญาสองเรา อยู่ร่วมใช้ชีวิตคู่กันนิจนิรันดร์ หากต้องการหนีจากอสูรร้าย มีเพียงความตายเท่านั้น ทว่า...ตระกูลโจวมีความลับซุกซ่อนไว้ นางจะทำเช่นไรเมื่อได้รับรู้บางสิ่ง ปีศาจตนนี้อาจไม่ใช่ปีศาจสำหรับนางอีกต่อไป?
View Moreบทนำ
อว๊ากกกกส์ ..... ควับ .... ควับ .....
ชายร่างสูงใหญ่ส่วนชุดเซินอีสีดำคาดผ้ารัดเอวห้อยหยกแดง เนื้อผ้ามันเงาลวดลายมังกรสลับเสือน่าเกรงขามยืนนิ่ง แผ่นหลังเหยียดตรงแม้ว่ามือกำลังขีดเขียนตัวอักษรฝึกสมาธิด้วยพู่กันขนม้าด้ามไม้กฤษณาอวลกลิ่นหอม
เส้นผมสีดอกเลาแซมปะปนสีดำขลับมัดรวบขึ้นกลางศีรษะประดับด้วยสายรัดพลอยแดงเม็ดใหญ่ ดวงหน้างดงามราวเทพเซียนทว่ารอบกายกลับแผ่รังสีเย็นชาโหดเหี้ยม
แปะ ...
โจวหมิงเจ๋อคิ้วเรียวดุจกระบี่กำลังขมวด เพ่งมองหยดเลือดกระเซ็นออกมาจากตัวนักโทษหล่นลงบนกระดาษสาม้วนยาวเบื้องล่าง เขาเงยศีรษะขึ้นจ้องไปยังหนุ่มร่างสันทัดกรอบหน้าเหลี่ยมตาตี๋ผิวดำคล้ำซึ่งบัดนี้แดงฉานชุ่มด้วยเลือดโชกจนน่าสะอิดสะเอียน มือทั้งสองข้างถูกมัดด้วยโซ่ตรวนใหญ่แขวนบนขื่อคานจนตัวลอยเท้าแทบไม่ติดพื้น
“ระวังด้วย เลือดหยดลงมาบนกระดาษ” โจวหมิงเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชา อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวรวมไปถึงดวงตาสีนิลลึกล้ำจนยากหยั่งถึง ดำมืดดั่งรัตติกาล
“ขอรับ” เฉียนฟานองครักษ์คนสนิทก้มศีรษะรับคำเย็นชาพอกันกับเจ้านาย แล้วรัดแส้สำหรับฟาดม้าพันรอบฝ่ามือหลายทบขึ้นอีกเพื่อลงแรงได้ถนัด สะบัดไปทิศทางตรงข้าม
ควับ ควับ ...
“อ๊ากกกกกกกกก โอ๊ยยยย พอเถิดท่าน ข้า อ๊ากกก ฆ่าข้าให้ตายเสียยังดีกว่า อ๊าชชชชชช”
โจวหมิงเจ๋อชำเลืองหางตาเพียงแวบเดียวแล้วสะบัดพู่กันจุ่มหมึก จดปลายขนลงหยดเลือดลากตวัดเป็นตัว 囍[1]
“ใกล้ถึงวันมงคลลูกชายเราแล้ว”
เฉียนฟานหยุดมือไร้เหงื่อสักหยดแม้ว่าฟาดลงแผ่นหลังสายลับจากโจรภูเขามาถึงสามเค่อ ถอยฉากไปยืนด้านข้างเมื่อโจวหมิงเจ๋อวางพู่กันเอ่ยเสียงราบเรียบ
“น้ำเกลือ”
เด็กในหอเสวี่ยจงอีกคนในห้องซ้อมทรมานยกถังไม้บรรจุน้ำละลายเกลือเข้มข้นวางลงแทบเท้าเจ้าสำนักเสวี่ยจงโหลว
“เจ้าบอกชื่อไปหรือยังนะ ข้าเหมือนว่ายังไม่ได้ยิน”
“อึก อึก ข้า อย่าพอเถิด ข้ายอมสิ้นแล้ว ได้โปรด....ปล่อยข้าเถิดด”
นักโทษชายเสียงอ่อนระโหยแหบพร่าเต็มทนใกล้หมดสติ ตัวเขาห้อยโหนมาได้สามวันแล้วไร้ซึ่งอาหาร น้ำดื่ม ขับถ่ายล้วนปล่อยให้เลอะกางเกงตรงนั้น ดวงตาพร่าเลือนมองทุกอย่างหมุนวน
โจวหมิงเจ๋อเคลื่อนกายอันสูงส่งเข้าไปใกล้ รวบชายแขนเสื้อขึ้นกันเปื้อน ส่งมือไปบนแผ่นหลังอาบเลือดนักโทษ จิกเล็บเข้ารอยแส้ กดจนลึกเกือบถึงกระดูก
“อึก อ๊ากกกกก.. เจ้ามันคนโหดเหี้ยมใจอำมหิตโจวหมิงเจ๋อ หาใช่คน เจ้ามันเป็นปีศาจ อร๊ากกกกก”
มือสีเข้มดูแปลกตาผิดไปจากบุรุษอื่น เรียวยาวแข็งแกร่งด้วยการฝึกยุทธิ์บิดข้อมือไปทางขวาครึ่งส่วนแสยะรอยยิ้มเย็นโหดร้าย
“สิ่งที่เจ้าจะพูด มีแค่นี้หรือ”
เขาชักมือออกสะบัดเลือดและเศษเนื้อทิ้ง จุ่มมือลงในอ่างน้ำเกลือล้างมือ ถอยหลังสามก้าว มองลูกน้องยกถังน้ำสาดเข้ากลางแผ่นหลังนักโทษ
“อ๊ากกกกกก ข้า ข้า”
“เอาเหล็กมา”
เฉียนฟานคุ้นเคยเสียแล้วกับน้ำเสียงเรียบเย็นเยียบเช่นนี้ ตัวเขาเองเป็นองครักษ์ให้เจ้าของหอแห่งนี้มาตั้งแต่เด็ก โจวหมิงเจ๋อเป็นดั่งผู้มีพระคุณ นายจ้าง พ่อ รวมถึงเจ้าชีวิต
เฉียนฟานหยิบเหล็กที่วางอยู่บนเตาไฟรูปเกือกม้า อังไฟจนร้อนฉ่าสีแดงดั่งเปลวเพลิงส่งให้โจวหมิงเจ๋อ แล้วถอยฉากเยื้องหลังไปสองก้าว
“บอกชื่อเจ้ามา”
นักโทษชายยังกัดฟันนิ่งก้มหน้าลงมองพื้นแม้ว่าสติเลอะเลือนใกล้ดับลง
โจงหมิงเจ๋อพ่นลมหายใจ พวกโจรกบฏนอกรีตบนเขา คิดอุบายตื้นเขินลักลอบปลอมตัวเข้ามาในหอ ตีสนิทกับอวี้เจียว หญิงสาวที่เขารับเลี้ยงไว้เพื่อสนองอารมณ์ยามเกิดความคับข้อง
ทว่าอวี้เจียวจงรักภักดียิ่ง ด้วยเกิดมากำพร้า โดนขายโรงคณิกา ถ้าเขาไม่ช่วยเหลือออกมา ป่านนี้นางคงมีสามีมากหน้าหลายตามิอาจนับได้
เหล็กร้อนจัดจนแดงก่ำ กระไอควันขาวเคลื่อนใกล้ใบหน้าผอมเกร็ง ดวงตาเหม่อลอยไม่อยู่กับศีรษะห้อยต่องแต่ง
“ดึงผมมัน”
เด็กในหอสำนักคุ้มภัยอีกคนกระวีกระวาดทำแทนเฉียนฟาน ปรี่มาถึงดึงกระชากผมจนใบหน้าผอมคล้ำแหงนเงยขึ้นเผยลำคอยาวขึ้นเอ็น
โจวหมิงเจ๋อชายสายตาพิฆาตมองจนเด็กหนุ่มมือสั่น ก่อนเลื่อนสายตากลับมายังนักโทษ
“ปากแข็งเช่นนี้ มิสู้ลองถ่านไฟดู”
เขากระชับแท่งเหล็กในมือแล้วค่อยวางนาบลงแก้มด้านซ้ายอย่างเบามือ - - อ่า รู้สึกกลางลำตัวดีดขึ้น
มุมปากหยักยิ้มยามได้กลิ่นเนื้อไหม้และสีเผาไหม้ร้อนวาบ ควันพวยพุ่งเพียงเหล็กร้อนทาบลงผิวเนื้ออ่อนนุ่ม พร้อมเสียงแผดร้องดังก้องห้องคุมขังนักโทษใต้ดินของหอเสวี่ยจง นักโทษชายสลบเมือดลงทันใด
ซ่า .... เคร้ง ...
เขาทิ้งแท่งเหล็กในถังน้ำที่วางอยู่รับผ้าเช็ดมือมาจากเฉียนฟาน
“หากมันตื่นให้กรอกน้ำจนเต็มท้อง กรอกจนกว่ามันจะยอมพูด”
โจวหมิงเจ๋อสะบัดผ้าเช็ดมือทิ้งลงพื้น เดินกลับไปที่โต๊ะหยิบกระดาษมงคลคลี่ออกก่อนม้วนอย่างดีพลันยิ้มเย็น ตั้งใจนำไปติดหน้าประตูทางเข้าสำนักคุ้มภัย
ร่างสูงใหญ่ลงฝีเท้ามั่นคงหนักแน่นทว่าไร้เสียง กลับขึ้นไปยังชั้นบนสุดของเสวี่ยจงโหลว[2]
“เตรียมน้ำอาบแล้วเรียกอวี้เจียวมารับใช้”
“ขอรับ”
โจวหมิงเจ๋อสลัดอาภรณ์ออกจากร่าง เหลือเพียงชุดด้านในสีดำสนิท รอกระทั่งเด็กรับใช้ภายในหอนำน้ำร้อนมาเติมจนเต็มถัง แล้วพลันได้กลิ่นหอมกรุ่นบุปผาจากร่างอวี้เจียว
“ออกไปให้หมด”
“ขอรับ”
เด็กรับใช้สำนักคุ้มภัยด้านบนล้วนเป็นชาย ส่วนสาวรับใช้แยกเรือนด้านนอกข้างหลังท้ายจวน แบ่งที่ชัดเจนเป็นส่วนสัด
เขาเปิดผ้าออกเผยกายแกร่งงดงามเปลือยทั้งร่าง พาดเสื้อคลุมบนราวพาดแล้วหย่อนร่างลงนั่งในอ่าง แหงนศีรษะพาดขอบไม้ รอกระทั่งอวี้เจียวเปิดเผยเนื้อตัวจนหมดสิ้นอวดเรือนร่างขาวนวลอวบอิ่ม กลิ่นหอมอบอวลเคลื่อนเข้ามาในอ่าง เขาจึงได้คว้าเอวดึงเข้าหา
“ปลดเปลื้องข้า อวี้เจียว” นายท่านเจ้าของหอน้ำเสียงเข้มข้นขึ้นอีกหลายส่วน
“ท่านไปห้องนักโทษมา”
“เจ้าช่างรู้ใจข้านัก” โจวหมิงเจ๋อพิงศีรษะทิ้งลงขอบอ่าง อาการร้อนรุ่มชีพจรรัวแรงใกล้ถึงจุดหักห้ามได้
นางข้ารับใช้คนสนิทย่อมรู้ใจเจ้าของสำนักคุ้มภัยดี ยามนายท่านลงมือด้วยตนเอง ลมปรารณพลังชีวิตปั่นป่วนจนยากควบคุม ยิ่งกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งติดตัวมามากเท่าไร ความรุนแรงยามผนึกกายยิ่งแข็งกร้าว อวี้เจียวขยับร่างอ่อนนุ่ม เอื้อมมือออกนอกอ่างหยิบเชือกแดงผูกรอบคอตนเองอย่างรู้งาน ก่อนส่งแส้ม้าขนอ่อนนุ่มยื่นให้เจ้าสำนัก
“ข้าเป็นของนายท่าน เป็นข้าทาส เป็นม้า เป็นทุกสิ่งสุดแล้วแต่ท่านจะบัญชาข้า ท่านเจ้าสำนัก”
อวี้เจียวแหงนเงยดวงหน้าเผยลำคอระหง ยามมือแกร่งลงแรงบีบจนแน่น กระตุกเชือกขึงตึง ต้นคอแอ่นโค้งปรากฏปื้นแดงทันตา ดวงหน้าเจ้าสำนักเผยรอยยิ้มมุมปากกระหาย ต้องการขับเคลื่อนปลดปล่อยปีศาจร้ายภายในออกจนสิ้น ด้วยเสียงหวีดร้อง กลิ่นคาวเลือด และความเจ็บปวดของหญิงใต้อาณัติ
[1] (สี่ แปลว่ายินดี ดีใจ มักใช้เขียนประดับงานแต่งงาน)
[2] อาคารหอสูง
บทที่ 29 บทพิเศษยามเหม่าในทุกวัน โจวหมิงเจ๋อมักลุกขึ้นเพื่อลงไปฝึกยุทธิ์กับคนของสำนักคุ้มภัยด้วยตนเองไป๋หลินเอ๋อร์พลิกกายโอบลำแขนอ่อนนุ่มรัดเขาไว้เอ่ยเสียงเบา“ท่านพี่ ยามเหม่าแล้ว”โจวหมิงเจ๋อตวัดรัดท่อนแขนให้ร่างเล็กบอบบางเกยขึ้นมานอนบนแผ่นอก ลูบฝ่ามือร้อนลงแผ่นหลังเปล่าเปลือยไร้อาภรณ์“เนื้อเจ้านุ่มมือ” ฝ่ามือใหญ่กางออกลูบแผ่นหลังรั้งนางให้ถดขึ้นกระทั่งริมฝีปากจดกันขยับแผ่วเบา“ป่านนี้เด็ก ๆ คงตื่นกันหมดแล้ว”“แล้วอย่างไร ตื่นแล้วก็ให้ยืนรอหน้าห้องไปก่อน”“ท่านพี่”“ยามเช้าเช่นนี้ ควรอยู่กันแต่ในผ้าห่มดีหรือไม่ กกกอดก่ายรัดร่าง”“ฮะ ฮ่า ท่านพี่ หลินเอ๋อร์ลูกสามแล้วเจ้าค่ะ ไม่อยากท้องอีก”“ถ้าเช่นนั้น พี่จะไม่หลั่งน้ำพิสุทธิ์ข้างในเจ้า เช่นนี้หลินเอ๋อร์ยินยอมหรือไม่”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปากดันร่างตนเองออกแต่ถูกรั้งลงใต้ร่างทันควัน จับนางพลิกคว่ำ จูบขบลงฟันบนแผลเป็นรูปเสือ“คำกล่าวนี้ ท่านพี่บอกข้าเป็นพันครั้ง จนข้าขี้เกียจจดจำจะใส่ใจ”“ฮึ ในเมื่อหลินเอ๋อร์ไม่ใส่ใจ เช่นนั้นพี่จะถือว่าเจ้าอนุญาต” โจวหมิงเจ๋ออมยิ้มขณะพรมจูบไต่ลงแผ่นหลังนวลเนียน มือก่อกวนวนเวียนไม่ห่างทั้งลูบคลำ ทั้งล้
บทที่ 28 ความลับไป๋หลินเอ๋อร์ดีดตัวออกจากโจวจางหมิ่นทันทีแล้วโผเข้าหาบุรุษตรงหน้า ให้เขาโอบรัดนางไว้ด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ซบดวงหน้าเปื้อนหยาดน้ำลงอกกระเพื่อมไหวจากแรงสูดลมหายใจไร้เสียงร้องใด ๆ จากโจวจางหมิ่น คมลูกธนูปักลงหัวไหล่ขวาที่รัดลำคอนางไว้ สีหน้าโจวจางหมิ่นปวดร้าว มองโจวหมิงเจ๋อด้วยดวงตากล่าวหา มาดร้าย และคล้ายไม่ต้องการเชื่อในที่โจวหมิ่งเจ๋อทำลงไปนางโอบร่างแกร่งไว้แน่นไม่ยอมให้เขาเข้าไปใกล้โจวจางหมิ่น“จางหมิ่น...” น้ำเสียงระห้อยโหยแรงเอ่ยชื่อในลำคอ ดวงตาแสบร้อนแดงก่ำ แต่ไร้น้ำตา เขามองร่างสูงเกร็งคล้ายเขาถอยหลังไปอีกสองก้าวในยามนี้โจวจางหมิ่นสีหน้าสงบลงแล้วราวกับว่ายอมรับบางอย่าง ริมฝีปากบิดโค้งคล้ายรอยยิ้มก่อนจะทิ้งร่างลงเหวลึกด้วยป่ารกทึบด้านล่าง“จางหมิ่น จางหมิ่น!!! จางหมิ่นนน”บุรุษแกร่งเช่นโจวหมิงเจ๋อ ชั่วชีวิตกระทำการทารุณคน สังหาร มองเลือดและความตายด้วยความเยือกเย็นไร้ความรู้สึก แต่มาบัดนี้โจวจางหมิ่นที่เขาอุ้มชูเลี้ยงมากับมือทิ้งร่างอัตวิบากกรรมต่อหน้าเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงคุกเข่าเท้าฝ่ามือลงพื้นท่ามกลางใบไม้ร่วงหล่นสีส้มแดงในต้นฤดูหนาว“
บทที่ 27 โจวจางหมิ่น“เข้าใจผิด!! ข้าไม่ได้มีเรื่องอะไรบาดหมางกับเจ้า ยิ่งตี้หรือฮูหยินท่านเจ้าสำนัก” โจวจางหมิ่นเดินเข้าใกล้โน้มหน้าลงต่ำ กระชากผมจนดวงหน้าของนางแหงนขึ้น“เจ้าไม่มีสิ่งใดผิด ผิดแค่ว่าเจ้ามาอยู่ผิดที่ผิดทาง ท่านพ่อต่างหากที่ข้าต้องการให้เขาทุกข์ทรมาน และข้ารู้ว่าท่านพ่อรักเจ้า”“โจวหมิงเจ๋อไม่ได้รักข้า ท่านเข้าใจผิด”“เจ้าไม่รู้จักนิสัยของพ่อข้าดี ท่านพ่อเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ อวี้เจียวจงรักภักดีรับใช้มาเนิ่นนาน เขายังยกให้เฉียนฟานโดยง่ายดาย แต่กับเจ้า..”มือนุ่มดั่งหญิงสาวเชยปลายคางนางขึ้นแล้วบีบ“พบเพียงไม่กี่หนกับยกย่องร่วมชีวิต สัญญาผูกพันนิจนิรันดร์ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้ามีดีอะไร หน้าตาไม่ได้สะสวย ทั้งรูปร่างไม่ได้เสี้ยวหญิงงามเมือง แต่เอาเถิด อย่างไรเสียเจ้าต้องตาย”โจวจางหมิ่นกดริมฝีปากนางล้วงนิ้วเข้า แล้วเผยอปากตัวเองคล้ายแสยะยิ้ม “ให้เขาได้ทุกข์ทนเช่นแม่ข้า ลุกขึ้น บอกลาชีวิตของเจ้าได้แล้ว”แรงบุรุษกระชากดึงนางขึ้นจากพื้น สาบเสื้อหลุดรุ่ยจนพ้นเนินทรวงหนึ่งข้าง โจวจางหมิ่นหลุบตามองก่อนใช้มือบีบขยำลงแรง“ทว่า เจ้าเองก็น่าลิ้มลอง บางคราวข้าก็เคยคิดว่าถ้าได้ร่วมเ
บทที่ 26 โจวจางหมิ่นยามเว่ยในช่วงต้นฤดูหนาวชานเมืองหลวงของสำนักคุ้มกันภัยเสวี่ยจง ที่โอบล้อมด้วยป่าไผ่ ยิ่งพาให้อากาศเย็นขึ้นอีกหลายเท่าตัวไป๋หลินเอ๋อร์กระชับเสื้อคลุมตัวยาวที่ชางซิงเยียนกำชับเป็นหนักหนาให้นางสวมมาด้วย แม้ว่านางบอกแล้วว่ามาแค่เรือนหลักเท่านั้นนางเดินผ่านสวนกลางเรื่อยจนมาถึงเรือนหลัก ไม่ทันได้เอ่ยแจ้งเด็กในเรือนพลันเห็นโจวจางหมิ่นยืนนิ่งตรงโค้งประตูวงเดือนทางออกสวนด้านหลังทุกคราที่นางพบหน้าโจวจางหมิ่น ขนแขนนางมักลุกชันอย่างน่าประหลาด และยามนี้ก็เช่นกัน นางมองสีหน้ากระหยิ่มและมุมปากโค้งขึ้นละม้ายโจวหมิงเจ๋อ แต่ก็แค่ละม้าย เพราะส่วนใหญ่บนใบหน้าของชายร่างเกร็งคนนี้ไม่เหมือนโจวหมิงเจ๋อแม้แต่น้อยนางขยับเข้าไปใกล้วางสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ใจเต้นรัวดั่งกลองศึก ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นความแตกต่าง โจวหมิงเจ๋อแม้ว่าการกระทำเย็นชารุนแรง ทว่ากลับมีความเมตตาต่อผู้อื่น ผิดไปจากบุตรชายที่แผ่กลิ่นอายโฉดชั่วทวีคูณ ยิ่งเห็นรอยแผลบนร่างฮุ่ยหรู ยิ่งรับรู้ว่าชายผู้นี้กระทำต่อสตรีเพศราวกับเป็นสัตว์สิ่งของ“ท่านแม่”นางมองร่างสูงของโจวจางหมิ่นโค้งลงคำนับนางราวกับว่าเป็นบุตรชายแท้จริงของนาง ทว
บทที่ 25 ฮุ่ยหรูเพียะ เพียะ!!ฮุ่ยหรูล้มคว่ำลงทันทีเมื่อฝ่ามือของโจวจางหมิ่นกระทบใบหน้าเป็นครั้งที่สอง ร่างอ่อนแออย่างหญิงตั้งครรภ์สามเดือนกองบนพื้นน้ำตานองหน้า“ข้าบอกเจ้าให้ทำเช่นไรฮุ่ยหรู”“ฮื้ออ ขะ ข้า ข้ายัง พบ นางไม่ได้”เพล้ง!!โจวจางหมิ่นปัดกระถางกำยานล้มคว่ำเฉียดใบหน้าฮุ่ยหรูจนนางผงะออก ดวงตาหวาดกลัวไหวระริก เหลือบมองสามีที่นางแต่งเข้ามายังตระกูลโจวอันร่ำรวยและมากยศฐา“ยามนี้นางอยู่แต่บนหอ ท่านพ่อไม่ยอมให้นางลงมา อร้าย!! อย่า ข้ากลัวแล้ว”ฮุ่ยหรูยกมือไหว้ประลก ๆ น้ำตาไหลนองจนมองไม่เห็นสีหน้าสามี แต่นางรู้ว่าใบหน้าหล่อราวหยกกำลังบิดเบี้ยวจากแรงโกรธ เขากระชากผมนางดึงขึ้นมาจากพื้นเพียะ!!ใช้หลังฝ่ามือฟาดลงใบหน้าอีกครั้งแล้วผลักนางให้ล้มลงกับพื้น ยกเท้าเหยียบนางไว้“เวลาข้าสั่ง ไม่มีข้ออ้างฝ่าฝืน เข้าใจหรือไม่ภรรยารัก”นางพยักหน้ารับ ดวงหน้าแนบพื้นเย็นเยียบ สะอื้นขึ้นแรงก่อนที่โจวจางหมิ่นจะประคองนางขึ้นมาโอบกอดแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยนผิดไปจากคราแรก“วันพรุ่ง เจ้าจงไปหานาง คุยกับนางให้นางคลายใจ ชักชวนนางดั่งที่ข้าบอกไว้ เข้าใจหรือไม่ฮุ่ยหรู”มือร้อนลูบผมนางประคองนางไปนั่งที่เตียง
บทที่ 24 nc“แผลหายสนิทแล้ว”“หายแค่ภายนอก แต่จิตใจข้าไม่”นางกระชากเสียงใส่ ดึงดันจะลุกขึ้นแต่มือใหญ่รวบนางไว้ให้นั่งลงซ้อนด้านหน้า“ไหน จิตใจเจ้าที่ตรงใดกัน ข้าจะทำความสะอาดให้หมดจด ขจัดความขุ่นมัวออกไปให้เอง”ไม่เพียงเอ่ยด้วยเสียงกระเส่า มือรั้งร่างเล็กพร้อมผ้าในมือ เช็ดถูแผ่นหน้าท้อง ซบหน้าลงหัวไหล่ เลื่อนผ้านุ่มขึ้นหาทรวงอก นางสะดุ้งทันที“ข้ามือหนักไปหรือ?”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปาก มือจับขอบอ่างไว้ไม่กล้าขยับตัว ผ้านุ่มค่อยถูทำความสะอาดเนื้อนุ่มอวบอิ่มแผ่วเบา ในยามนี้นางรู้ตัวแล้วว่าคงหนีไม่พ้นบุรุษด้านหลังเป็นแน่ หากยังขืนตัวไม่อ่อนลงคงเป็นนางเองที่เจ็บตัว“ท่าน จะเบามือกับข้าสักหน่อยได้หรือไม่”โจวหมิงเจ๋อชะงักไปครู่ เอียงหน้าไปมองดวงหน้างาม ปากกระจับเม้มแน่น พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อ นางเอี้ยวกลับมาจ้องตอบ“เหตุใดไม่ตอบข้า”“ไม่ได้”ไป๋หลินเอ๋อร์สะอึกแล้วนิ่งงัน ก่อนจะเอ่ยถามอีก “ถ้าเช่นนั้น สอนข้าให้ ... ให้ข้าเจ็บน้อยที่สุด”โจวหมิงเจ๋อปล่อยผ้าออกจากมือ แล้วแทนที่ด้วยฝ่ามือร้อนจัดกอบกุมเนินทรวง “เจ้าอาจเริ่มจากผ่อนคลาย และสนุกกับสิ่งที่ข้าทำ”“สนุกงั้นหรือ”“ใช่แล้ว ถ้าข้าทำเช่นนี้
บทที่ 23 อาบน้ำ“เจ้ามันคนบ้า”ถ้อยคำแรกที่ไป๋หลินเอ๋อร์ได้ยินจากเสียงทุ้มก้องต่ำและดวงหน้าแกร่งคมสันหน้าบึงตึ้งจ้องนางราวกินเลือดกินเนื้อ“ข้าชนะแล้วใช่ไหม” เสียงที่เคยหวานนุ่มแหบเครือ ยิ้มมุมปาก ดวงตาดอกท้อขยับปิดอีกครั้ง“ฮึ” โจวหมิงเจ๋อแค่นเสียงก่อนจะขยับผ้าห่มขึ้นให้จนมิดถึงคอ “ท่านหมอสุยฉวูเพิ่งจะกลับไป โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร”นางจับมือเขาไว้ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ส่งรอยยิ้มอ่อนระโหย“ข้า..ขอบคุณท่าน โจวหมิงเจ๋อ”บุรุษปีศาจตรงหน้านางกำลังใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นทีละน้อย“รอไว้ให้ข้าอยู่เฝ้าไข้เจ้าเองก่อนเถิด แล้วเจ้าจะถอนคำพูด”“หมายความว่าอะไร”“ท่านหมอสุยฉวูกำชับให้เจ้าพักผ่อนให้มาก และข้าไม่ไว้ใจใครให้เฝ้าไข้เจ้าอีกแล้ว จึงอาสาตนเองมาเป็นทาสรับใช้เจ้าไง”“ทาสรับใช้?”“อย่ามัวพูดมาก นอนเสียก่อน พรุ่งนี้เช้าข้าสั่งโจ๊กปลาไว้แล้ว”โจวหมิงเจ๋อดึงมือออกแล้วเดินไปดับเทียนในห้องจนเหลือเพียงหนึ่งดวง ยังไม่ทันเดินกลับมาไป๋หลินเอ๋อร์ก็หลับสนิทไปแล้ว จึงนั่งลงขอบเตียงดั่งเก่า ใช้ปลายนิ้วปัดปอยผมออก“เจ้ามันคนบ้า หลินเอ๋อร์” เสียงทุ้มกระซิบในลำคอ นัยน์ตาล้ำลึกมองดวงหน้าหวานที่มีร่อง
บทที่ 22 นายท่านกลับมาแล้วซ่า...โครม!! เฮือก!!“อะไรกัน!!”ไป๋หลินเอ๋อร์สะดุ้งเฮือกสุดตัวลืมตาเบิกโพลงตกตะลึงยามแหงนดวงหน้าเปียกโชกด้วยน้ำเห็นนายท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยยืนค้ำร่างดวงตาวาวแสงลุกโชนด้วยไฟโทสะ“มัดพวกนาง ลากกลับสำนัก”สิ้นเสียงพลันข้อมือเล็กทั้งสองข้างถูกรวบพร้อมถูกกระชากร่างขึ้นจากพื้น ดวงตาดอกท้อเหลียวมองจางอวี้ บัดนี้สีหน้าซีดเผือดตื่นกลัว ดวงตาเบิกกว้างระคนสับสน“ไม่ต้องกลัวจางอวี้”“ฮึ” โจวหมิงเจ๋อแค่นเสียง “เก็บไว้ปลอบใจตัวเองดีกว่า ฮูหยิน”นางตวัดสายตากลับมา แล้วผงะถอยหลัง นัยน์ตาสีเข้มยามโพล้เพล้แดงฉานวาวโรจน์ส่องประกายดั่งปีศาจ ขมึงทึงและบิดเบี้ยว“จางอวี้ไม่มีส่วน หากท่านต้องการลงโทษ ลงโทษข้า” นางโผเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ โจวหมิงเจ๋อขยับร่างหนีจนนางเกือบล้มลงตรงหน้า แต่ชางซิงเยียนคว้านางไว้ได้ทัน“เจ้าคงไม่รู้ว่ายามใดควรทำสิ่งใด หากเจ้ายังเข้าใกล้ข้าในตอนนี้ ข้าคงไม่อาจยับยั้งใจไว้ได้ฮูหยิน” โจวหมิงเจ๋อหันหลังกลับ ทั่วร่างกายคุกรุ่นด้วยความโกรธ“ท่านจะทำอะไร ทำกับข้าอย่างที่ทำกับสตรีในบ้านร้าง!! ใช่หรือไม่”ไป๋หลินเอ๋อร์ตะโกนถามเสียงดัง แล้วจึงสะดุ้งสุดตัวถอยฉากหนีถึง
บทที่ 21 โจวหนิงเหมยไม่ทันสิ้นคำพลันเสียงร้องหวีดโหยหวนดังขึ้นอีกครั้งยาวนาน จนพวกนางต้องยกมืออุดหู“แม่นางในนั้นอาจป่วย”“ไม่พี่หลินเอ๋อร์ ข้าว่านางเป็นบ้า”“อย่างไรเราควรเข้าไปดู”จางอวี้ดึงรั้งมือไป๋หลินเอ๋อร์ไว้ จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่อาจหยุดยั้งพี่สาวคนนี้ได้จึงเดินตามติดด้านหลังแบบจมูกแนบแผ่นหลังเรือนหลังเล็กนี้รูปทรงคล้ายกระท่อมบ้านของไป๋หลินเอ๋อร์ บ้านชาวบ้านสร้างง่าย ๆ มีเพียงห้องเดียวรวมทั้งหมด ครัว ห้องนอน กินข้าว นางค่อยเดินแผ่วเบาไปยังขอบหน้าต่างก้มลงต่ำ แล้วโผล่ขึ้นมาแค่พ้นขอบลูกตา“อื้อออออ กรี๊ดดดด อ๊าชชชช์”หญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างผอบบางมากอายุราวสามสิบกว่าปลายสี่สิบหรืออาจมากกว่านั้น ไป๋หลินเอ๋อร์ประมาณไม่ได้เพราะผมขาวแล้วเกือบทั้งศีรษะ นางนั่งก้มหน้าร้องไห้ ปล่อยผมกระเซอะกระเซิง แม้ว่าภายในกระท่อมจะเก่าและโทรม ทว่าการแต่งกายกลับสะอาดสะอ้าน คล้ายกับว่ามีคนคอยดูแล ทั้งเนื้อตัวไม่ได้เปื้อนมอมแมมคลุกฝุ่นไป๋หลินเอ๋อร์และจางอวี้มองหน้ากัน ก่อนที่ไป๋หลินเอ๋อร์จะตัดสินลุกขึ้นยืน“แม่นาง”หญิงสาวคนนั้นเมื่อได้ยินเสียงคนแปลกหน้าพลันผุดลุกขึ้นทันที กวาดมองไปรอบห้อง“กรี๊ดดดดดดด
Comments