“ฮ่า ๆ มิใช่เพียงข้าหรอกกระมังเจ้าคะ ที่เชื่อในคำบุรุษ” สาวใช้เอ่ยย้อนคำพูดองอวี้หลาน พร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน“เจ้าเห็นข้าเป็นเช่นนั้นรึ เจ้าอยู่ข้างกายข้ามาตลอด มียามใดกันที่ข้าลงมือทำทุกสิ่งอย่างเพื่อบุรุษ แม้ข้าจะเสียใจ แต่ข้าไม่เคยคิดที่จะยอมตาย เพื่อบุรุษที่มิเคยเหลียวแลข้าอย่างแน่นอน มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่ยินยอมแลก เพื่อสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง”“อย่าได้คิดจะมาหว่านล้อม ให้ข้าตายใจเลยท่านหญิง”“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว คนเช่นข้ามิคิดเก็บงูเง่าตัวเดิมกลับมาเลี้ยงอีกครั้งอย่างแน่นอน อย่าได้สำคัญตนให้มากชุ่ยหลิน ยังมีอีกเรื่องเจ้าอย่าได้คิดว่าการที่ข้าพูดคุยกับเจ้า คือการตกลงไปในหลุมพรางของเจ้าเลย เพราะสำหรับข้าแล้ว มันคือการสนทนาระหว่างนายบ่าวเป็นครั้งสุดท้าย เพราะคนเช่นข้ามิจำเป็นต้องแลกกับอสรพิษเช่นเจ้า”“พูดมากเสียจริงนายข้า”เอ่ยจบสาวใช้คนสนิทได้ยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะพุ่งเข้าหาผู้เป็นนายด้วยสายตามาดร้าย การต่อสู้ในครานี้ต้องจบลงเสียก่อนที่องครักษ์เงาจะปรากฏกายขึ้น เพราะหากเป็นเช่นนั้น นางจะไม่อาจเอาชีวิตรอด ไปจากจวนอ๋องแห่งนี้ได้อีกเลยการต่อสู้ดำเนินต่อเพียงครึ่งก้านธูป ชุ่ยหลินทรุดลงตรงหน้
ยามค่ำคืน ณ จวนอ๋องอวี้หลานนั่งอยู่ภายในห้องหนังสือของพี่ชาย สายตาคู่งามไล่มองตัวหนังสือบนกระดาษในมือ ก่อนที่หญิงสาวจะยื่นส่งให้แก่เยี่ยคัง ชายหนุ่มอ่านทุกตัวอักษรจนถี่ถ้วน ก่อนจะยื่นกระดาษจ่อยังเปลวเทียน ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูห้อง ทำให้ทั้งคู่สบตากันเล็กน้อย“เข้ามาได้”ประตูเปิดออกเบา ๆ ก่อนที่สาวใช้คนสนิททั้งสอง ก้าวเข้ามาด้านใน ทั้งคู่ได้ถือถาดใส่อาหารเข้ามาด้วย“มื้อค่ำเจ้าค่ะท่านหญิง ท่านเยี่ย”“อืม...วางไว้ก่อน ที่เหลือข้าจัดการเอง”หลังจากสองสาวใช้ออกไปแล้ว เยี่ยคังได้ลุกไปจัดอาหารเพื่อรอผู้เป็นนาย เยี่ยคังทดสอบอาหารทั้งหมดด้วยเข็มเงิน ก่อนจะโรยผงบางอย่างลงไปเพื่อป้องกันพิษอีกขั้นตอน“ซานซีคือเมืองแรก ที่จะถูกโจมตีสินะเจ้าคะพี่เยี่ย”อวี้หลานยังคงมองแผนที่ซึ่งกางอยู่ตรงหน้า โดยมิได้เงยขึ้นมองคนที่นางพูดด้วย“ย่อมเป็นเช่นนั้นขอรับ แต่ท่านหญิงอย่าได้เป็นกังวลไปเลยขอรับ ทุกอย่างจะเรียบร้อยในมิช้า”เยี่ยคังตอบผู้เป็นนายเบา ๆ โดยมือหนายังคงจัดเตรียมอาหารให้แก่หญิงสาวต่อไป แผนที่ตรงหน้าของหญิงสาว เขาดูมันจนจำได้อย่างขึ้นใจในทุกเส้นทางแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเดินไปดู“เจ้าค่ะ”เยี่ยคังไ
“คนเช่นหยางเค่อแม้ภายนอกจะดูฉลาดล้ำ แต่บุรุษทั่วหล้ามักพลาดท่ากับมารยาทของสตรี หาใช่เพียงใบหน้าอันงดงามไม่ หญิงสาวที่แสดงออกว่าพร้อมเป็นภรรยาของบุรุษเช่นนาง หรือจะสู้สตรีอ่อนหวานที่ไว้ตัวเช่นเจ้ากันเล่า”หลิวจงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบช้า ให้ได้ยินกันเพียงสองคน ก่อนจะยกยิ้มอย่างมีความนัยกับผู้เป็นน้องสาว“หากเป็นเช่นที่ท่านพี่ว่ามาข้าก็เบาใจ แต่หากมิใช่เราสองพี่น้องคงต้องลำบากอีกครั้งเป็นแน่”“หึ ๆ หากเจ้าเป็นกังวลมาก ก็ลงมือในตอนที่อวี้จ้านกับหยางเค่อไม่อยู่ เจ้าคิดเห็นเป็นเช่นไร”“บางทีเราควรเร่งมือกับทุกเรื่อง ท่านพี่ว่าจริงหรือไม่เจ้าคะ”“เช่นนั้นเรากลับกันเถอะ ข้าอยากผ่อนคลายก่อนทำงานใหญ่ในคืนนี้”ทั้งคู่สบตากันอย่างมีความนัย การสนทนาของนางกับพี่ชาย นางมิใส่ใจว่าจะมีผู้ใดพยายามสอดรู้ โต๊ะที่นางกับผู้เป็นพี่นั่งอยู่ รอบกายมีแต่คนของพวกนางแฝงตัวอยู่เพราะเหตุนี้นางและพี่ชาย จึงหาได้หวั่นเกรงว่าจะมีใครได้ยิน และต่อให้มีจริง ย่อมไร้หลักฐานที่จะกล่าวหานาง คำพูดนั้นผู้ใดก็เอ่ยออกมาได้ ไร้ซึ่งตัวอักษรย่อมไร้ซึ่งหลักฐานใด ๆ มากล่าวโทษแก่นาง“ไปกันเจ้าค่ะ”หลิวหลีลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้าวไปยังหน้า
‘เป็นไปได้อย่างไรกัน’ หลิวหลีเก็บทุกความสงสัยเอาไว้ภายในใจ ด้วยเหตุใดอวี้หลานดูไม่สลดสักนิด เมื่อรู้ว่านางคือภรรยาในแม่ทัพหนุ่มอีกทั้งในตอนนี้สายตาของผู้คน เริ่มจับจ้องมาที่นาง และสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกได้ นั่นคือความไม่เป็นมิตรเท่าใดนักนางก้าวพลาดตรงไหนกัน ไยทุกคนมองเหมือนนางรังแกท่านหญิงผู้นี้กัน เพราะนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในร้าน นางยังไม่ได้ทำอันใดเลย แต่ทำไมทุกคนมองนางเช่นนี้ด้วยเล่า‘ร้อนตัว’ อวี้หลานมองตามสายตาและได้เห็นสีหน้าของหลิวหลี ทำให้หญิงสาวคิดอยู่ในใจ อวี้หลานคือคนของซานซี ถ้าต้องเลือกผู้คนย่อมเลือกท่านหญิงที่พวกเขาเห็นมาตั้งแต่เกิด มากกว่าจะเลือกสตรีต่างถิ่นอยู่แล้วมิใช่รึ“ต้องขอโทษหยางฮูหยินด้วย ที่ข้ามิอาจเชิญท่านร่วมโต๊ะได้ พอดีมันเต็มแล้ว”อวี้หลานยิ้มจนตาหยี พร้อมหันมองสาวใช้คนสนิททั้งสองและองครักษ์หนุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ในตอนนี้ เพื่อให้อีกฝ่ายเห็นว่านางมิได้โกหกแต่อย่างใด“ขอบคุณท่านหญิง ข้ามากับพี่ชายย่อมมิกล้ารบกวน”อวี้หลานทำเพียงพยักหน้าตอบรับเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน หากคิดที่จะประชันเรื่องเสแสร้งกับคนเช่นนาง ผู้ที่เคยมีชีวิตในอีกโลก ย่อมมิอาจเทียบเคีย
“กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ที่บกพร่องต่อหน้าที่”“ผิดเรื่องอะไร ข้าแค่ถาม ยังไม่ได้ตำหนิเจ้าสักหน่อย จะใครดูแลนางก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างไรเจ้าก็เป็นคนของข้ามิใช่ของนาง”“เอ่อ...”“ข้าฝากเจ้าเอาสิ่งนี้ ให้เจ้าไปมอบแก่อวี้หลานแทนข้าที”“พ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยคังลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะรีบคว้ากล่องใบเล็กที่อยู่บนโต๊ะ แล้วก้าวจากไปอย่างรวดเร็วอวี้จ้านแทบจะหลุดหัวเราะออกมาดัง ๆ เขามิใช่บุรุษวัยแรกแย้ม ที่จะมองไม่ออกว่าเยี่ยคังนั้น พยายามหลบหน้าน้องสาวของเขาอยู่ ‘ข้าอยากรู้นัก ว่าเจ้าจะใจแข็งได้นานแค่ไหนกันเยี่ยคัง’“ดูเจ้าจะสนุกมากนะลูกพ่อ”ท่านอ๋องเอ่ยเย้าโอรส ทุกอย่างภายในจวนนั้นมีหรือเขาจะมิรู้เห็น ในเมื่อเป็นเรื่องของหนุ่มสาว เขาที่ชราแล้วจึงไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าแทรก สำหรับเขาแล้ว ขอเพียงลูก ๆ มีความสุขและเส้นทางที่เลือกไม่ผิดต่อผู้ใด เพียงเท่านี้เขาก็พอใจมากแล้ว“ท่านพ่อ มิชอบเยี่ยคังเช่นนั้นรึขอรับ”“ใครบอกเจ้า เยี่ยคังคิดเพียงว่าตนเองต่ำต้อย ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นใคร เขาคือบุตรชายของอดีตองครักษ์อันดับหนึ่งในองค์ฮ่องเต้ ไม่มีที่ใดเรียกว่าต่ำต้อยเลยแม้แต่น้อย”“เห็นทีงานนี้ท่านพ่อต้อง
ทางด้านจวนแม่ทัพหยาง หลิวหลียังคงคิดหาหนทางให้สามีเข้าจวนอ๋อง เพื่อสืบข่าวที่นางต้องการ“ระวังตัวหน่อยหลิวหลี หากเจ้าเร่งรัดหยางเค่อมากไป ข้าเกรงว่าเขาจะไหวตัวทัน”“คนที่มากด้วยฝีมือ แต่ไร้สติปัญญาเช่นเขา อย่างไรก็มองเรื่องนี้ไม่ออกหรอกเจ้าค่ะ แต่เป็นพี่ใหญ่ต่างหาก ที่เร่งร้อนลงมือสังหารสายลับของเราในจวนอ๋อง อวี้จ้านมิใช่คนเขลา ท่านคิดว่าการที่จวนอ๋อง จงใจปล่อยข่าวว่าองครักษ์ผู้นั้นเป็นไข้ป่าตาย ด้วยเหตุอันใดเล่าเจ้าคะ”“ข้าแค่อยากรู้ว่าจวนอ๋อง คิดจะก้าวไปในทิศทางใดกันแน่”“ดูเหมือนจวนอ๋องจะเริ่มระวังตัวแล้ว แต่เรื่องอวี้หลานข้าต้องรู้ให้ได้ สตรีก็ยังคงเป็นสตรีอยู่วันยังค่ำ ข้าจะไม่มีวันวางใจหากนางยังไม่ตาย”“ต่อให้นางยังไม่ตาย แล้วนางจะทำอันใดเจ้าได้หลิวหลี”“ท่านพี่ยังไม่รู้จักแรงแค้นของสตรีสินะเจ้าคะ อย่างไรเสียนางก็คือท่านหญิงแห่งซานซี หากนางคิดจะใช้อำนาจที่สูงกว่า หรือลงมือในเงามืดเล่นงานเราย่อมไม่ใช่เรื่องยาก นอกจากนางจะเป็นภัยต่อเราแล้ว ยังอาจทำลายแผนการทั้งหมดลงก็เป็นได้”“ตอนนี้เราก็รู้แล้วมิใช่รึ เจ้าจะเร่งร้อนไปไยเล่า”“ข้าจะมิยอมเป็นหมีจำศีลหรอกนะเจ้าคะ ตอนนี้ขอเพียงข้ารู้