“มีอะไรรึ ไยหน้าตาตื่นเช่นนี้ บ่าวคนไหนขัดคำสั่งข้ากัน อย่าได้เก็บเอาไว้เชียว”“เอ่อ...คือว่า...นี่เจ้าค่ะ”สาวใช้คนสนิทได้ยืนหยกในมือให้แก่ผู้เป็นนาย หลี่เหนียงเฟยหรี่ตาลงจนเรียวรี พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อรับหยกชิ้นงามมาถือไว้ นางไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่นางต้องทำในสิ่งที่บีบคั้นหัวใจ หลี่ชูเหมยเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของน้องชายร่วมมารดา หากเขาต้องสูญเสียชูเหมยไป คงจะเจ็บปวดไม่น้อยเลย แต่จะให้นางแลกกับการยืนอยู่บนความหวาดระแวง นางจำต้องตัดใจลงมือ“ให้นางหลับสบายที่สุด แม้ข้าจะรักนางอยู่มิน้อย แต่ข้าจะไม่มีวันให้ใครหรืออะไรมากระทบต่อความมั่นคงของซื่อหลาง”“เจ้าค่ะ”หลี่เหนียงเฟยรู้ดีว่ามันคือความเลือดเย็น แต่นางก็ต้องเดินบนเส้นทางที่ตัวนางกำหนด มิใช่ทำเพื่อคนอื่น แล้วเป็นนางเองที่ต้องทนกับความขื่นขม ดังที่นางเคยทำมาแล้วในอดีตห้าวันต่อมา ณ จุดพักม้าเมืองเสิ่น สองสามีภรรยาได้ตัดสินใจค้างแรมยังจุดพักม้า ด้วยอาการของเชี่ยอ๋องดูไม่ดีเท่าที่ควร แม้เขาจะไม่พูดแต่จ้าวไฉ่อี้ก็รู้ดี นางจึงแสร้งไม่สบายตัว ก่อนจะขอพักสักสองสามวัน แล้วค่อยเดินทางต่อ แน่นอนว่านี่คือป่วยการเมือง
สวนดอกไม้ท้ายจวนร่างอวบของสตรีสูงวัย กำลังเพลิดเพลินกับดอกไม้ตรงหน้า โดยมีบ่าวคนสนิทยืนรายงานสิ่งที่นางต้องการรู้“พวกเขาจะออกนอกเมืองเช่นนั้นรึ”“เจ้าค่ะ”“ข้าจะไม่รอแล้ว ซื่อหลางของข้าจะกลับมาแล้ว มีซื่อหลางก็ต้องไม่มีเขา ลงมือตอนนั้นก็ดีจะได้ห่างไกลเราสักหน่อย”“นายหญิงโปรดวางใจ ทุกอย่างจะมิมาถึงนายหญิงอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”“แล้วไฉ่อี้ผู้นั้นเล่า นางมีอะไรน่าสงสัยหรือไม่”“พระชายาไฉ่อี้ นางมิได้แตกต่างจากหญิงสาวสูงศักดิ์ทั่วไป รอบรู้เรื่องการวางตัว แต่มิรู้สิ่งอื่นใดนอกเหนือจากนั้นเจ้าค่ะ”“น่าสงสารที่นางต้องเอาชีวิตมาทิ้งต่างบ้านต่างเมือง งดงามฉลาด แต่นางอยู่ผิดที่เลือกผิดคน”“นายหญิง จะให้ลงมือตอนเดินทางเลยหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่...ให้พวกเขาได้ใช้ช่วงเวลางดงามอีกสักหน่อย แล้วค่อยลงมือก็มิสาย”“เจ้าค่ะ นายหญิงสบายใจได้ บ่าวจะทำทุกอย่างมิให้ผิดพลาด”“ดี! เพราะหากผิดพลาดเช่นคราวที่แล้ว เป็นเจ้าที่จะต้องนอนในโลงแทนพวกเขา”“บ่าวทราบแล้ว”สองนายบ่าวเดินประคองกันชมดอกไม้ต่อ โดยไม่เอ่ยถึงเรื่องอื่นใดอีก เพราะถึงแม้ที่แห่งนี้จะเป็นสวนส่วนตัวของนางแต่ผู้เดียว ใช่ว่าจะไร้หูตาของคนในจวนเสมอไปทั้
“พี่เชี่ยหลางจะออกต่างเมืองหรือเจ้าคะ ไยข้ามิเห็นรู้เรื่องเลยเจ้าคะ”จ้าวไฉ่อี้ขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนแหงนหน้ามองสามี ที่ยังคงยืนนิ่งมิเอ่ยสิ่งใดออกมา ทว่าอกแกร่งที่นางแนบชิดอยู่กระเพื่อมไหวคล้ายคนกำลังกลั้นหัวเราะ เพี๊ยะ! มือบางตีเบา ๆ ยังท่อนแขนของสามี ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้แก่ญาติผู้น้องของสามี“มิใช่เรื่องที่คนนอกต้องรับรู้จริงไหมแม่นางหลี่ นี่คืองานในราชสำนัก มิใช่สิ่งที่ควรแพร่งพรายออกไป”“พระชายาก็มิใช่คนในราชสำนัก”“แต่ข้าคือภรรยาและเป็นครอบครัว ย่อมมีสิทธิ์ที่จะรู้ แม่นางหลี่คงยังมิเข้าใจคำว่า ‘คนนอก’ ดีสินะ”หลี่ชูเหมยกำมือแน่นภายในใต้แขนเสื้อ นางอยากจะกระชากร่างที่แนบชิดท่านอ๋องอยู่ในตอนนี้ ออกมาตบสักฉาด แล้วค่อยกรีดใบหน้างามนั่นให้เสียโฉมไปซะ! ยิ่งเห็นการหยอกล้อที่นางมิเคยได้รับ ความโกรธกริ้วที่มีต่ออีกฝ่าย ยิ่งเพิ่มขึ้นนับเท่าทวีคูณ“สตรีมิควรยุ่งเรื่องราชสำนักนะเจ้าคะ หรือเรื่องพวกนี้ไม่เคยมีผู้ใดบอกแก่พระชายาเลยเจ้าคะ แล้วนี่ยังคิดที่จะติดตามพี่เชี่ยหลางไปอีก มิคิดว่าตนเองเป็นภาระผู้อื่นหรอกหรือเจ้าคะ”“แม่นางหลี่แกล้งมิรู้ความ หรือไม่เคยได้รับการอบรมเรื่องมารยาทอันดีกันแน่
เรือนไฉ่อี้“ไยพระชายาถึงปล่อยนางไปง่าย ๆ เล่าเจ้าคะ สตรีผู้นี้ช่างปากดีเหลือเกิน แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ”เพ่ยเพ่ยถามผู้เป็นนาย พร้อมกับกล่าวตำหนิญาติผู้น้องของสามีนางอย่างออกรส นับว่าวันนี้เพ่ยเพ่ยน้อยของนางทำได้ดี ที่สงบคำมิโพล่งออกมาเสียก่อน หากนางยังรั้งอยู่ต่อก็ไม่แน่ว่าเพ่ยเพ่ยอาจสิ้นสุดความอดทนก็เป็นได้“เด็กโง่! เจ้าจะเอาเกลือไปแลกกรวดทำไมกัน นางไม่ชอบข้ามิใช่เพราะสิ่งอื่นใดเลย นางต้องการยืนในตำแหน่งของข้า แต่มิอาจทำได้ เมื่อพลาดหวังย่อมต้องเคืองข้าเป็นธรรมดา”“หากนางอยากเป็นพระชายา เหตุใดฉู่ต้องสู่ขอพระชายามาด้วยเล่าเจ้าคะ”“เจ้าคิดว่าข้ากับนางแตกต่างกันหรือไม่”“ย่อมแตกต่างสิเจ้าค่ะ พระชายาเสมือนพยัคฆ์...เอ้ย...หงส์ ส่วนนางเป็นได้เพียงนกน้อยที่อยู่ในกรงทองของบิดามารดา มีหรือจะเปรียบเทียบกับพระชายาได้”“ฮ่า ๆ เจ้ามันช่างเจรจานักนะเพ่ยเพ่ย เอาเถอะเรื่องนี้ช่างมัน เจ้าไปบอกให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปพบท่านพี่สักหน่อย”เพ่ยเพ่ยรีบย่อกายก่อนจะก้าวเร็วหายออกไปจากห้อง จ้าวไฉ่อี้ส่ายหน้าน้อย ๆ กับท่าทางมิรู้จักโตของสาวใช้ วันนี้นางจะต้องไปหาพี่ชายทั้งสอง เพื่อหารือหลายเรื่อง เพื่อเตรียมรับมือ
เรือนเหนียงเฟยเสียงพูดคุยกันจากด้านใน ทำให้จ้าวไฉ่อี้ชะงักเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าเวลานี้จะเหมาะเข้าพบแม่สามีหรือไม่ ด้วยว่ามีแขกอยู่ด้านใน หากนางเข้าไปเกรงจะเป็นการเสียมารยาท“พระชายาเพคะ มิเข้าไปด้านในเล่าเพคะ”สาวใช้ข้างกายแม่สามีได้เอ่ยถาม ในตอนที่หญิงสาวกำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ ซึ่งเป็นจังหวะที่สาวใช้ด้านในเดินออกมาพอดี“รบกวนท่านป้าช่วยเรียนท่านแม่ให้ที”“เพคะ”สาวใช้สูงวัยได้หายเข้าไปด้านในครู่หนึ่ง ก่อนจะออกมาเชิญให้จ้าวไฉ่อี้เข้าไปด้านใน หญิงสาวหันไปสบตากับเพ่ยเพ่ย ก่อนจะพยักหน้าให้สาวใช้ติดตามเข้าไปด้านใน โดยในมือมีถาดน้ำชาสำหรับคารวะแม่สามีหลังคืนเข้าหอ“ไฉ่อี้ คารวะท่านแม่เพคะ”“มา ๆ เข้ามานั่งข้างแม่นี่ คนกันเองทั้งนั้นจะมากพิธีไปไย เจ้ามาก็ดีแล้วจะได้รู้จักกันเอาไว้ นี่คือหลี่ชูเหมยหลานสาวของแม่เอง”“ชูเหมยคารวะพระชายาเพคะ”“ข้าไฉ่อี้ ยินดีที่ได้รู้จักแม่นางหลี่”“เอ่อ...”หลี่ชูเหมยอึกอักเล็กน้อย เมื่อถูกอีกฝ่ายเรียกนางเช่นนั้น ตามจริงจะเรียกคุณหนู หรือน้องสาวก็ย่อมได้ แต่คนตรงหน้าเหมือนจงใจมิรู้ความ“ข้าพูดสิ่งใดมิถูกใจหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นข้าต้องขออภัยแม่นางด้วย
“อย่าได้กังวล พี่จะถนอมเจ้า”ไม่มีคำตอบใดออกจากปากของหญิงสาว จะมีก็ครางเบา ๆ ในลำคอ เพราะในตอนนี้เรียวปากอวบอิ่ม ถูปิดลงด้วยริมฝีปากหนาของชายหนุ่ม ถงเชี่ยหลางค่อย ๆ ละเลียดตวัดสลับขบเม้มริมฝีปากของหญิงสาว ปลายลิ้นสากดันให้ปากเล็กอ้าออกรับลิ้นของเขาจ้าวไฉ่อี้ที่ยังเก้ ๆ กัง ๆ กับสัมผัสที่นางไม่เคยได้รับ ได้ทำตามที่ชายหนุ่มต้องการอย่างว่าง่าย เพียงปลายลิ้นแทรกผ่านเข้าไปในปาก ถงเชี่ยหลางได้กวัดเกี่ยวลิ้นเล็กของภรรยา พร้อมกับดูดดึงอย่างมีชั้นเชิง ความหวานที่ซ่านอยู่ในปาก ทำให้จ้าวไฉ่อี้ตอบรับจูบของสามีมากขึ้นชายหนุ่มค่อย ๆ ดันร่างงามให้เอนราบลงบนเตียงกว้าง โดยที่ริมฝีปากยังคงประกบปิดอยู่เช่นเดิม ร่างหนาเอนลงทาบทับบนกายของหญิงสาว มือหนาค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำก่อนจะลูบไล้ยังต้นขาเรียว มือค่อย ๆ ดึงรั้งกางเกงนอนของภรรยาออกอย่างเบามือจ้าวไฉ่อี้ถึงกับใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความขัดเขิน เมื่อสิ่งปกปิดส่วนสำคัญกำลังจะหลุดออกจากาย ถงเชี่ยหลางถอนริมฝีปากออก ก่อนจะจูบซับตามแก้มเนียนจนถึงลำคอ ปลายลิ้นสากตวัดโลมเลียเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมายังเนินอกอิ่ม ที่กำลังกระเพื่อมไหวมือหนาเลื่อนมาบีบคลึงเต้างาม ผ่านเ