โรงแรมหรูระดับห้าดาว ณ กรุงเซี่ยงไฮ ภายในห้องพักหรู จ้าวถิงถิงยืนนิ่งมองไปที่น้องสาวฝาแฝด ซึ่งตอนนี้จ้าวลู่อิงได้สวมชุดเจ้าสาว ที่เหมือนกับเธอทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่เครื่องประดับ “ลู่อิง! เธอกำลังคิดจะทำอะไร”จ้าวถิงถิงถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงที่ยังราบเรียบอยู่ บางทีนี่อาจเป็นเพียงการหยอกเย้าของจ้าวลู่อิง ตามประสาพี่น้องก็เป็นได้ “แล้วพี่คิดว่า...ฉันกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ!” จ้าวลู่อิงเหยียดยิ้มร้าย ในเมื่อเธอแย่งชิงแบบเปิดเผยไม่ได้ เธอก็แค่โยนทุกอย่างที่เป็นตัวเองทิ้งไป แล้วกลายเป็นพี่สาวผู้แสนดีของเธอแทนเสียเลยก็แล้วกัน “เลิกเล่นได้แล้วลู่อิง ใกล้จะถึงเวลาแล้ว เธอควรรีบเปลี่ยนไปสวมชุดเพื่อนเจ้าสาวได้แล้วนะ” จ้าวถิงถิงเก็บความรู้สึกไม่ชอบใจเอาไว้ให้ลึกที่สุด น้องสาวของเธอมักแกล้งเธอแบบนี้อยู่เสมอ ครั้งนี้แม้มันจะดูเกินไปบ้าง แต่เธอก็ไม่อยากคิดในทางลบกับคนในครอบครัว “เปลี่ยนทำไม! ถิงถิงเธอโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ เหยี่ยวนักล่าแบบเธอมีเหรอจะไม่รู้ ว่าฉันกำลังคิดจะทำอะไร ดูนี่สิ! เหมือนไหม!” จ้าวลู่
“เจ้าคิดถึงข้าหรือเขากัน” จ้าวอ๋องเหล่ตามองไปทางหลานชาย ที่ยืนยิ้มกว้างไม่แพ้กับสาวน้อยตรงหน้า มีหรือเขาจะไม่รู้ว่าองค์ชายสามแห่งชีอันนั้น พึงใจในตัวสาวใช้ของน้องสาว เพ่ยเพ่ยก็เปรียบเสมือนลูกสาวของเขาอีกคน หากทั้งสองชอบพอกัน มันมิใช่เรื่องยากที่จะทำให้ทั้งคู่ลงเอยด้วยดี “ย่อมต้องท่านอ๋องสิเจ้าค่ะ ท่านอ๋องไยมิบอกล่วงหน้าว่าจะมาเล่าเจ้าคะ ไม่กลัวถูกท่านแม่ทัพว่าเอารึเจ้าคะ” เพ่ยเพ่ยทำท่าทางกระซิบกระซาบ พร้อมส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ทำให้จ้าวอ๋องหัวเราะชอบใจ เพ่ยเพ่ยยังคงความสดใสเอาไว้ได้อย่าเหนียวแน่น แล้วบุตรสาวของเขาเล่าจะยังคงเดิมหรือไม่นะ “ไปหานางกัน” จ้าวอ๋องก้าวตรงไปหาบุตรสาว ที่กำลังง่วนอยู่กับพุ่มดอกไม้ เป็นบุตรเขยของเขาที่หันมาเห็นก่อน ชู่ว์! เจ้าอ๋องส่งสัญญาณให้บุตรเขยเงียบเอาไว้ ทว่า... “ท่านพ่อ” ร่างบางวิ่งตรงเข้าสมกอดผู้เป็นพ่อด้วยความคิดถึง นางไม่คิดมาก่อนเลย ว่าบิดาจะเดินทางนับพันลี้ เพื่อมาหานางถึงที่นี่ จ้าวไฉ่อี้พรั่งพรูความคิดถึงกับคนที่โอบกอดนางอยู่ในตอนนี้ “ไยมิบอกลูกสักคำว่
สามเดือนต่อมา หลังงานศพพระนางหลี่เหนียงเฟย หลังเสร็จสิ้นงานศพ ท่านชายรองประสงค์ที่จะกลับจี้อัน เพื่อไว้อาลัยให้แก่มารดา โดยมีคุณหนูใหญ่หลี่ชูเหมยติดตามไปบำเพ็ญตนยังอารามบนเขาด้วย หลี่ชูเหมยยืนมองชายที่นางรัก กำลังโอบประคองภรรยาของเขา ด้วยหัวใจอันร้าวราน นางจำต้องกลับจี้อันพร้อมญาติผู้พี่ เพราะความลับจะไม่มีหากนางสิ้นลม แต่ด้วยความเมตตาของเชี่ยอ๋อง นางจำต้องเดินทางออกจากเมืองหลวงไปเสีย หากวันนั้นนางไม่เข้าไปที่เรือนของผู้เป็นป้า นางคงไม่รู้เบื้องหลังอันน่ากลัวนั้นเลย ครั้งแรกนางยังตื่นกลัว แต่พอนางคิดที่จะใช้เรื่องนี้เพื่อเป็นข้ออ้างแต่งเข้าจวนเชี่ยอ๋อง นางก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด หากคนของพระชายาจ้าวไฉ่อี้ไม่มาช่วยเอาไว้เสียก่อน แน่นอนว่าการช่วยเหลือ ย่อมต้องแลกมาด้วยหลายสิ่ง นางเลือกที่จะหายใจต่อ การไปเขาจี้อัน จึงเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดแล้วสำหรับนาง “ชูเหมย เจ้าไม่เข้าไปบอกลาท่านพี่กับพี่สะใภ้สักหน่อยเล่า สายมากแล้วเราจะได้ออกเดินทางกันเสียที” “ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าจะไปบอกหรือไม่นั้น อย่างไรพี่เชี่ยหลางก็ไม่คิดใส่ใจข้
“ท่านแม่! อย่านะขอรับ”ถงซื่อหลางตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือมารดา ชายหนุ่มไม่กล้าที่จะขยับเข้าหาผู้เป็นแม่ ด้วยเกรงว่าจะทำให้นางทำในสิ่งที่เขากำลังหวาดกลัว “ท่านแม่ได้โปรด วางมีดลงก่อนนะขอรับ” ถงเชี่ยหลางแทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง มีดสั้นของบิดาที่อยู่ในมือของมารดา กำลังจ่ออยู่ที่ลำคอของนาง ชายหนุ่มบีบมือภรรยาแน่น จ้าวไฉ่อี้ไม่แสดงออกถึงความเจ็บปวดใด ๆแม้ว่านางเองจะรู้สึกเจ็บขึ้นมาบ้างแล้ว ความเจ็บปวดทางกายของนาง หาได้เทียบเท่าความเจ็บปวดทางจิตใจของสองพี่น้องสกุลถงเลยแม้แต่น้อย “เชี่ยหลาง แม่ขอโทษที่ทำร้ายเจ้า แม่รู้ว่ามิอาจหาสิ่งใดมาทดแทนสิ่งที่แม่ทำต่อเจ้าได้ แต่ลมหายใจของแม่จะมอบมันคืนแก่เจ้าเอง” “ท่านแม่ อย่าทำเช่นนี้เลยขอรับ มิเห็นแก่ข้าก็ขอให้เห็นแก่ซื่อหลางสักครั้งนะขอรับ” “เห็นเจ้าสองพี่น้องรักใคร่กันดี แม่ก็วางใจ ซื่อหลางแม่ไม่อาจอยู่ต่อไปได้ เพราะแม่จะทำให้เจ้ามัวหมอง หากเรื่องที่แม่ทำหลุดรอดออกไปภายนอก เจ้าจะถูกผู้คนหยามเหยียด ต่อให้มีตำแหน่งท่านชายก็หามีผู้ใดเกรงใจเจ้า หากยังมีแม่อยู่ตรงนี้”
ภายในห้องอดีตจวิ๋นอ๋องถงมู่ฉง ข้าวของหลายอย่างถูกรื้อมากองรวมกันหน้าภาพวาด เสียงหัวเราะปนสะอื้นของหลี่เหนียงเฟย ไม่ต่างอะไรกับคมมีดที่กรีดลงบนใจของคนฟัง “ข้าจะทำลายมันให้หมด ของนางที่ท่านหวงนักหนา ข้าจะทำลายมันให้สิ้นซาก ฮ่า ๆ” ถงซื่อหลางก้าวช้า ๆ เข้าไปภายในตัวเรือน ทุกย่างก้าวดูหนักอึ้งเหลือเกิน เขาไม่คิดว่าการกลับสู่อ้อมกอดมารดาในครั้งนี้ จะเต็มไปด้วยคราบน้ำตา มากกว่ารอยยิ้มที่พึงมี ชายหนุ่มหันกลับไปมองพี่ชายกับพี่สะใภ้ ที่ก้าวตามมาช้า ๆ “ท่านแม่ ซื่อหลางกลับมาแล้วขอรับ” หลี่เหนียงเฟยที่กำลังฉีกทึ้งชุดของพี่สาว ชะงักค้างก่อนจะหันกลับไปตามทิศทางของเสียง วงหน้าที่เคยงดงามแม้ล่วงเลยวัยสาวมานาน ยามนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา มือบางปล่อยให้ชุดที่ถืออยู่ร่วงลงสู่พื้น ก่อนจะถลาเข้าหาบุตรชาย หลี่เหนียงเหยใช้สองมือประคองใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ลูบไปทั่วใบหน้า ด้วยมิอยากจะเชื่อสายตา ว่าซื่อหลางของนางกลับมาแล้ว “ซื่อหลาง เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย” มือบางคว้าจับมือของบุตรชายขึ้นดู หลี่เหนียงเฟ
สิบวันต่อมา เมืองหลวง ณ จวนจวิ๋นอ๋องถงเชี่ยหลาง “ไม่จริง! มันไม่ใช่เรื่องจริง แกถงเชี่ยหลาง แกกล้าแตะต้องซื่อหลางของข้า” หลี่เหนียงเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น นางไม่อาจควบคุมตนเองให้สงบนิ่งได้อีกต่อไป ของที่ร่วงจากมือกองอยู่บนพื้น มันคือสิ่งที่นางยอมรับไม่ได้ “มิใช่เชี่ยอ๋องเจ้าค่ะ ในจดหมายนี่เขียน ว่าของกำนัลจากท่านแม่ทัพจ้าวไฉ่อี้เจ้าค่ะ” “เป็นนางเช่นนั้นรึ ฮ่องเต้ถึงขั้นส่งอสรพิษเข้าบ้านข้าเลยรึ” หลี่เหนียงเฟยไม่คิดที่จะเก็บความเกลียดชังเอาไว้ได้ ชีวิตนางเป็นรองมาโดยตลอด แม้แต่ได้นั่งในตำแหน่งเมียเอกแทนพี่สาว นางก็ยังคงเป็นเพียงตัวสำรองอยู่ดี “กำจัดพวกมันให้สิ้นซาก แล้วให้คนของเราเร่งหาตัวซื่อหลางของข้ากลับมา ข้าไม่เชื่อว่าเขาตายแล้ว หากเป็นเช่นนั้นข้าต้องได้เห็นศพ” ดวงตาแดงก่ำเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนได้เปลี่ยนไปแล้วในตอนนี้ หลี่เหนียงเฟยย่อกายลงนั่งช้าๆ ใกล้ ๆกับสิ่งที่วางอยู่บนพื้น ก่อนจะใช้สองมือประคองขึ้นแนบอก น้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบแก้ม เมื่อนึกถึงเจ้าของมือข้างนี้ ลูกของนางจะเจ็บปวดมาก