“ทูลองค์ชาย ท่านราชครูขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หน้าประตู ได้เข้ามาเอ่ยรายงาน ถึงการมาเยือนของผู้เป็นตา“อืม...เจ้าออกไปก่อน จัดการตามที่ข้าสั่ง ถ้ามีสิ่งใดเพิ่มเติมข้าจะบอกอีกที”“พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”องครักษ์หนุ่ม ได้หายออกไปยังประตูอีกด้าน เพื่อไม่ให้ราชครูอู๋พบเจอ เป็นจังหวะเดียวกัน กับชายชราก้าวเข้ามาถึงพอดี ราชครูอู๋ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อเขามั่นใจว่าตามิได้ฝ้าฟาง ว่ามีคนออกไปจากห้องรับรอง“ชิงสือ คารวะท่านตา”“องค์ชาย เมื่อครู่คือผู้ใดกัน”“อ่อ...ก็แค่ขันทีเท่านั้นขอรับ ว่าแต่ท่านตามีเรื่องอันใดหรือขอรับ จึงได้มาหาข้าในวันนี้”“ข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ ของพระชายาในจวิ๋นอ๋อง”“ข้าเพิ่มราบข่าวเช่นกัน ตอนนี้คงถึงเวลาที่จะบีบแม่ทัพอวี้หยวนให้จนมุมแล้ว”“ทุกอย่างมันไม่ง่ายอย่างที่คิด อวี้หยวนมากด้วยเล่ห์กล หากจะลงมือต้องจัดการที่บุตรสาวของมัน เพราะตอนนี้อวี้เหยาออกเรือน เท่ากับเป็นคนของสกุลหลิวไปแล้ว จะเกิดสิ่งใดกับสกุลอวี้ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับหลิวไท้ซาน แต่หากเกิดเรื่องกับอวี้เหยา คนเช่นอวี้หยวนย่อมไม่อาจดูดาย จะตีงูต้องตีให้ถูกตัว”“แต่ผู้คนก็กล่าวขวัญว่านางนั้น ไร้ความเป็นสตรีที่
มือหยาบกร้านลูบไล้ต้นขาเนียน เพื่อสร้างความรัญจวนให้แก่หญิงสาว ที่ตอนนี้ไม่อาจข่มกลั้น เสียงแห่งความต้องการเอาไว้ได้อีกแล้ว เมื่อสามีเลื่อนลงต่ำจนอยู่ระดับหน้าท้อง อวี้เหยาหายใจหอบถี่ด้วยความซาบซ่าน เรียวขางามได้แยกออกอย่างว่าง่ายหลิวไท้ซานไม่รอช้าที่จะตักตวงความหวาน ที่ไหลออกมาจากกลีบบัว ใช้เวลาอยู่นานกับการเล้าโลมและชิมน้ำหวาน ที่ไหลออกมาประหนึ่งสายธาร ก่อนจะเลื่อนกายลุกขึ้น บดจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่าดุดันอีกครั้งชายหนุ่มรีบปลดเปลืองอาภรณ์ ที่กีดขวางร่างกายออกจนหมดสิ้น เพื่อเตรียมที่จะรุกล้ำส่วนบอบบางของภรรยา ทว่ายังไม่ทันที่กางเกงจะหลุดพ้นเข่าดี ชายหนุ่มถึงกับคำรามลั่น เมื่อถูกปลายลิ้นอ่อนนุ่มของภรรยา สัมผัสยังส่วนปลายของแท่งหยก ขาแกร่งถึงกับสั่นสะท้าน เมื่อแท่งหยกของตนเองเข้าไปอยู่ในปากของภรรยา อ๊า! ชายหนุ่มส่งเสียงครางอย่างสุขสม นางไม่เคยที่จะทำเช่นนี้มาก่อนเลย แล้วแบบนี้เขาจะต้านทานนางได้อย่างไรกัน เพียงปากเล็ก ๆ ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะเอวสอบของชายหนุ่มขยับสอดรับ อย่างไม่อาจห้ามเอาไว้ได้ มือหยาบกร้าน สอดเข้าไปในเส้นผมนุ่มสลวยของภรรยา ก่อนจะนำพาให้ขยับตามที่เขาต้องการอากาศภายนอกจ
องค์ชายรองหลิวชิงสือ นั่งกำมัดแน่นอยู่ภายในตำหนักของตนเอง เขามิได้หูหนวกตาบอด ที่จะไม่ได้ยินเรื่องที่ผู้คนในวัง กล่าวถึงการตั้งครรภ์ของพระมารดา และการตายของนาง คือคำสั่งของพระบิดา“สืบเรื่องนี้มาให้กระจ่าง ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดกัน ที่ใส่ความเสด็จแม่ของข้า”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์คนสนิท รับคำก่อนรีบออกไปทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ความเจ็บปวดในวันนี้ เป็นสิ่งที่เขายากจะลืมเลือน แม้จะบอกว่าพระมารดาของเขา สิ้นพระชนม์เพราะเจ็บป่วยร้ายแรง ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บแค้นจนมิอาจยอมรับได้ นั่นคือพระมารดา มิอาจได้ร่วมอยู่ในสุสานหลวงนั่นเอง แม้จะมีการจัดพิธีไว้อาลัย แต่พระศพกลับถูกนำไปฝังยังที่ดินหลังสุสานหลวงแทน เป็นเรื่องอันน่าอัปยศยิ่งนัก คนภายนอกหาได้ล่วงรู้เรื่องนี้ไม่“เสด็จพ่อ ทรงให้ความเป็นธรรมกับเสด็จแม่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ชิงสือ เจ้าไม่ควรจะยุ่งเรื่องนี้ ข้าทำเพื่อเจ้านะ”“ไยทรงมิไตร่ตรองให้ดี ก่อนเล่าพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”“เจ้าจะหาว่าข้าไร้ความเป็นธรรมเช่นนั้นรึ หลิวชิงสือ หรือจะให้ข้าประกาศออกไป ว่านางคบชู้จนตั้งครรภ์ เจ้าคิดดูนะว่าถ้าเป็นแบบนั้น เจ้าในฐานะองค์ชายจะอยู่เช่นไร จะมีสักกี่คนที่คิดว่าเจ้า
หมอหลวงรีบทำการจับชีพจร เพื่อตรวจอาการของพระนางกุ้ยเฟย ใบหน้าของชายสูงวัย ถึงกับเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของตำหนัก แล้วทำการตรวจอีกครั้ง“ว่าอย่างไรท่านหมอ ชายาข้าเป็นอันใดไป”“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ พระนางกุ้ยเฟยทรงพระครรภ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”อู๋กุ้ยเฟยถึงกับสิ้นสติในทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอหลวงกล่าว ทางด้านฮ่องเต้นั้น กลับมีใบหน้าทะมึนตึงขึ้นในทันที เขามิได้มาเยือนตำหนักกุ้ยเฟยกว่าสามเดือน แล้วนางจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน“นานเท่าใดแล้ว”“กว่าสองเดือนแล้ว พ่ะย่ะค่ะ”“ทุกคนกลับออกไปให้หมด ข้ามีเรื่องต้องคุยกับกุ้ยเฟย หมอหลวงทำให้นางฟื้น”น้ำเสียงดุดันของผู้เป็นใหญ่ ทำให้นางกำนัลและพระสนมที่ติดตามเข้ามา ต่างรีบพากันออกไปอย่างรวดเร็วหมอหลวงถึงกับมือไม้สั่น เมื่อได้รับคำสั่งประหนึ่งเสียงคำรามจากมังกรสวรรค์ ชายสูงวัยเร่งทำให้เจ้าของตำหนักตื่นขึ้นมา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว หมอหลวงรีบออกจากห้องไปในทันทีเช่นกันอู๋กุ้ยเฟย รีบลุกลงจากเตียง ร่างงามถลาเข้าซบแทบเท้าของพระสวามี เมื่อสัมผัสได้ถึงไอสังหาร ที่แผ่ออกมาจากร่างสูงใหญ่ อู๋กุ้ยเฟยสั่นเทาไปทั้งร่าง เมื่
หมับ! หลิวไท้ซาน คว้าจับข้อมือของคน ที่มาจากเบื้องหลังของเขา การต่อสู้เกิดขึ้นในทันที สิ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจก็คือ ไยคนที่หลับอยู่บนเตียง หาได้รับรู้ถึงการต่อสู้ของเขา และผู้บุรุกเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันผิดวิสัยของอวี้เหยา ผู้เก่งกาจเรื่องการต่อสู้“ท่านพี่ ข้าเหนื่อยแล้วนะเจ้าคะ ท่านจะหยุดมือได้หรือยังเจ้าคะ”ชายหนุ่มถึงกับชะงักค้าง เมื่อคนร้ายที่เขาคิดนั้น กลับมีน้ำเสียงเหมือนกับภรรยาของตนเอง“น้องหญิง เป็นเจ้าจริงหรือ”หลิวไท้ซานยังคงไม่วางใจ เพราะมันอาจเป็นหลุมพรางก็เป็นได้ ก่อนที่แสงสว่างเกิดขึ้น ด้วยแท่งไฟในมือของอีกฝ่าย ใบหน้างามของภรรยาปรากขึ้นชัดเจนในสายตา หลิวไท้ซานก้าวยาว ๆ เข้ารวบกอดภรรยาเอาไว้แน่นอวี้เหยา แทบจะนำแท่งไฟหลบจากสามีไม่ทันเลยทีเดียว เสียงลมหายใจของเขา ทำให้นางอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตของพระชายานี่มันไม่สวยงาม อย่างที่คนภายนอกคิดเลยสักนิด ภัยมีอยู่รอบตัว นางเข้าใจแล้วว่าทำไม ท่านปู่ของนางจึงไม่อยากเกี่ยวดอง กับเชื้อพระวงศ์“แล้วบนเตียงนั่นเล่า มันคือสิ่งใดกัน” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“พอดีมีสตรีใจกล้า ลอบมาปีนเตียงของท่านพี่ นางคงศึกษาเรื่องของเ
เมื่อหลายปีก่อน อวี้เหยาในวันสิบขวบ นางเป็นเด็กหญิงที่สดใส และเพียบพร้อมทั้งความงามและทรัพย์สมบัติ จึงทำให้เขาและบุตรชายต้องพานางร่วมงานเลี้ยงอยู่บ่อยครั้งทว่าวันนั้นมีงานเลี้ยงในตอนกลางวัน อวี้เหยาบอกว่าเจ็บป่วยมาก มิอาจติดตามบิดาเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ นางจึงนอนพักผ่อนอยู่ในจวน และนี่คือแผนการเด็ก ๆ ที่เขารู้ทันหลานสาว แต่เป็นเรื่องที่เขาพอใจเช่นกัน เขายินดีให้นางไปวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า ยังดีกว่าต้องไปแสร้งมีความสุขในงานเลี้ยง ที่ผู้คนสวมหน้ากากเข้าหากันในวันนั้นเขาได้ให้พ่อบ้านของจวน คอยติดตามดูแลหลานสาวอยู่ห่าง ๆ เพราะนางกับสหายทั้งหมด ได้พากันออกไปวิ่งเล่นยังทุ่งหญ้า ที่มีลำธารตื้น ๆ ไหลผ่าน เด็กน้องทั้งห้าหาได้รู้ไม่ว่า วันนั้นหนึ่งในพวกเขา จะได้พบเจอ กับคนที่จะเปลี่ยนชีวิตไปตลอดการพ่อบ้านในในตอนนั้น ยังอยู่ในวันหนุ่มฉกรรจ์ ถึงกับมีใบหน้าซีดเผือด เมื่อคุณหนูของตนเอง กำลังตกอยู่กลางวงล้อมของคนแปลกหน้า เขารู้ได้ในทันทีว่านั่นคือมือสังหาร แล้วผู้เป็นเจ้านายตัวน้อย ไปยุ่งเรื่องของผู้ใดเข้ากันคนดูแลของคุณชายและคุณหนูทั้งห้า ต่างกระชับอาวุธในมือ พุ่งเข้าปกป้องผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว ผู้ใ