“ท่านเสนาบดี ยังจำปิ่นนี่ได้หรือไม่ขอรับ” ถงเจี้ยนหลาง ยกปิ่นผีเสื้อสีทองขึ้นให้อีกฝ่ายได้เห็นอย่างชัดเจน ใบหน้าของเด็กหนุ่มในตอนนี้ หาได้มีร่อยรอยความความรู้ใด ๆ ส่งผ่านออกมาแม้แต่น้อย “นี่มัน!” ถงหยาง ใบหน้าถอดสีในทันที เขาจำมันได้เป็นอย่างดี ว่าปิ่นในมือของบุตรชายนั่นเป็นของผู้ใด “รู้ไหมท่านเสนาบดี หากท่านมีใจยุติธรรมเช่นที่เจ้าของปิ่นนี่มีสักนิด เรื่องทุกอย่างอาจไม่สิ้นสุดด้วยความอัปยศเช่นนี้ มารดาข้ายินยอมให้ท่านมีภรรยาอีกหลายคน นอกจากท่านเสนาบดีจะมิไยดีนาง ยังพรากลมหายใจนางไปจากข้าสองพี่น้อง จากนี้อย่าได้ร้องหาความเมตตาจากเราพี่น้องอีกเลย เพราะมันหมดลงไปพร้อมลมหายใจของแม่ข้านานแล้ว” ถงเจี้ยนหลางไม่คิดจะใส่ใจกับคำพูดมากมาย ที่พรั่งพรูออกมาจากปากของบิดา ร่างสูงก้าวจากไปอย่างเชื่องช้า ทุกก้าวหาได้หนักอึ้งอย่างที่ควรจะเป็น ทว่ามันกลับเป็นความรู้สึกสุขใจเสียมากกว่า‘ท่านแม่ เจี้ยนหลางกับพี่ใหญ่ ทวงคืนความแค้นให้แล้วนะขอรับ’เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อสายลมอ่อน ๆ พัดหมุนวนรอบกาย แผนการในคืนนี้ของสองแม่ลูก เป็นเรื่องที่เขาไม่
หากเรื่องราวเหล่านี้หลุดออกไปสู่ภายนอก ย่อมนำมาซึ่งความอับอาย เขาจึงจงใจพูดออกไป เพื่อเร่งเวลาให้พ่อตาได้กระวนกระวายใจ จนเดินตามหมากที่เขาได้วางเอาไว้ ถงหยางหันไปตามสายตาของบุตรเขย ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปภายในเรือน โดยมีถงเอ้อหนานก้าวตามไปมิห่าง ส่วนจ้าวเทียนหลงและถงเจี้ยนหลางต่างพากันยกยิ้มอย่างมีความนัย “พระชายาอยู่ที่ใด” ชายหนุ่มเอ่ยถามองครักษ์ที่ยืนข้าง ๆ “พระชายาทรงรอท่านอ๋องกับคุณชายถง อยู่ที่เรือนรับรองพ่ะย่ะค่ะ” “เจ้าไปบอกนางว่าสามีกำลังรอชมละครอยู่ สักครู่จะกลับไป” “พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มทำได้แค่เพียงหมุนกาย เพื่อจะทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย แต่จำต้องหยุดเท้าเอาไว้เพียงเท่านั้น เมื่อคนที่เขาต้องไปพบยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมผู้ติดตามคนสนิท “สามีช่างเห็นแก่ตัวยิ่ง คิดจะหาความบันเทิงแต่เพียงผู้เดียว” “หึ ๆ มีหรือสามีจะคาดการณ์ผิด ภรรยาพี่ต้องมาอยู่แล้วมิใช่หรืออย่างไร” “ช่างแสนรู้จริง ๆ นะเจ้าคะ” “อืม!...” ถงเจี้ยนหลางแทบจะหลุดหัวเราะออกมา เมื่อพี่เขยไม่
หน้าเรือนใหญ่ ถงหยางและบุตรชาย ต่างพากันหาคำพูดมากมาย เชิญชวนให้อ๋องหนุ่มและถงเจี้ยนหลางสนทนาด้วย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดภรรยาจึงได้ต้องการให้บุตรเขย และบุตรชายหญิงของเขานอนค้างที่จวนในคืนนี้ แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ตัวเขาจะได้หาหนทาง เพิ่มความสนิทกับคนทั้งสามให้มากขึ้น “เจี้ยนหลาง สุราหมักผลไม้น่าจะเหมาะกับลูกนะ” ถงหยางยื่นกาสุราให้แก่บุตรชาย พร้อมรอยยิ้มกว้างเสมือนการกระทำอันสนิทสนมนี้ เกิดขึ้นอยู่ในทุกเมื่อเชื่อวัน “ขอรับท่านเสนาบดี แต่ข้ามันคนบ้านนอก สุราเช่นนี้เหมาะกับคนเมืองหลวงและสตรีมากกว่าตัวข้า ที่เติบโตมาในกองทัพขอรับ” ถงเอ้อหนานถึงกับชาหนึบไปทั้งใบหน้า ชายหนุ่มจำต้องวางจอกสุราลง เมื่อสิ้นคำพูดของน้องชายต่างมารดา แม้ถ้อยคำของถงเจี้ยนหลางจะดูธรรมดา ทว่ากลับแฝงไปด้วยคำเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด “เจ้ายังเด็ก ดื่มสุราฤทธิ์แรง มันจะไม่ค่อยเหมาะเท่าใดนักนะพ่อว่า” ถงหยางแสดงออกถึงความเป็นห่วงในตัวบุตรชาย ต่อให้แท้จริงเขาไม่คิดจะใส่ใจ ว่าถงเจี้ยนหลาง จะดื่มเหล้าราคาถูกหรือเหล้าป่าฤทธิ์แค่ไหน แ
ทางด้านถงอี้หลิงเองได้มองไปยังพี่สาวต่างมารดา ก่อนจะยกยิ้มน้อย ๆ นางไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพี่เขย เพราะนางมั่นใจว่าอย่างไรเสีย ก็จะได้รับคัดเลือก เข้าตำหนักองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน สำหรับอ๋องอัปลักษณ์ผู้นี้กับพี่สาว ก็เป็นเพียงบันไดเอาไว้ให้นางเหยียบขึ้นไปก็เท่านั้น จะมีหรือไม่มีก็ย่อมได้ คืนนี้นางจะตอบแทนพี่สาวสักหน่อย ที่ยอมแต่งงานเข้าจวนอ๋องแทนนาง ‘สามีเจ้าไม่ไยดี น้องสาวก็จะหาผู้อื่นมาถนอมเจ้าแทนพี่สาว หึ ๆ’ ถงอี้หลิงยิ้มอย่างมีความนัย หญิงสาวปิดบังทุกสิ่งอย่างเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มละมุน แผนการของนางจะต้องสำเร็จอย่างสวยงาม โดยไร้ผู้รู้เห็นในการกระทำครั้งนี้ “ท่านแม่” ถงอี้หลิงเอ่ยเรียกมารดาเบา ๆ เป็นการเตือนผู้เป็นแม่ให้ทำในสิ่งที่นางร้องขอก่อนการมาถึงของแขก ถงฮูหยินพยักหน้าน้อย ๆ เป็นการตอบรับบุตรสาว “ท่านอ๋องเพคะ หากจะเมตตาสกุลถงของเรา คืนนี้ทรงพาพระชายาค้างที่นี่สักคืนได้หรือไม่เพคะ ครอบครัวเราอยากที่จะพูดคุยปลอบขวัญบุตรสาวคนโต ที่ออกเรือนไปแล้ว ทั้งยังต้องออกสู่สนามรบเพื่อบ้านเมืองอีกนะเพคะ”
สกุลถงในค่ำคืนถัดมา ทุกคนภายในสกุลต่างเฝ้ารอการมาของแขกสำคัญ มื้อค่ำวันนี้ถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพียงเพื่อเอาใจท่านอ๋องจ้าวเทียนหลงและพระชายา รวมถึงถงเจี้ยนหลางด้วยเช่นกัน “เรียนนายท่าน ท่านอ๋อง พระชายาและคุณชายรองมาถึงแล้วขอรับ”พ่อบ้านรีบเข้ามารายงานให้ผู้เป็นนายได้ทราบ ว่าเวลานี้แขกที่ทุกคนรอคอยได้มาถึงแล้ว “ออกไปกันได้แล้ว และจำไว้ห้ามทำให้ข้าเสียหน้า” ถงหยางเอ่ยกำชับทุกคน สมาชิกที่นั่งอยู่ภายในห้องต่างตอบรับประมุขของบ้าน ก่อนจะพากันออกไปยังหน้าจวน เพื่อตอนรับแขกคนสำคัญ ทางด้านจ้าวเทียนหลงนั้น เพียงก้าวลงจากรถม้า ความเรียบเฉยที่มีต่อภรรยาก็พลันเกิดขึ้น ซึ่งไม่ต่างอันใดกับถงลู่ลู่ สองสามีภรรยาดูไร้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีต่อกันยิ่งนัก ส่วนถงเจี้ยนหลาง ได้แต่ปรับสีหน้าเป็นปกติ ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมาเช่นกัน เมื่อพี่เขยกับพี่สาวต้องการจะทำสิ่งใด ตัวเขาก็ทำตามนั้นอย่างไร้ซึ่งข้อโต้แย้ง “คารวะท่านพ่อตา”จ้าวเทียนหลงประสานมือให้แก่พ่อภรรยา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะกลับมายืนในท่วงท่าสง่างามเช่นเดิม
แต่เพราะนี่คือคืนแรกของเขาและนาง ทุกอย่างต้องสวยงามที่สุด มือหนาลูบไล้สลับเค้นคลึงไปตามร่างของภรรยา ก่อนจะถอนริมปากออกจากเรียวปากอวบอิ่ม จ้าวเทียนหลง เคลื่อนไปซุกไซ้ยังลำคอขาวเนียน มือหนาเลื่อนไปยังสายคาดเอวของคนในอ้อมแขน ก่อนจะกระตุกเบา ๆ ปมที่ผูกอยู่ก็หลุดออก ทางด้านถงลู่ลู่ยังคงใช้มือขยุ้มเสื้อของสามีเอาไว้แน่น ร่างบางถึงกับสะดุ้งเมื่อมือสากเลื่อนผ่านเอี๊ยมตัวเล็ก ถูกเนื้อในใต้ร่มผ้า เพียงครู่เดียวชุดบนกายนาง ได้หลุดร่วงกองอยู่ยังพื้นเบื้องล่าง จ้าวเทียนหลงช้อนอุ้มร่างงามวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนจะเคลื่อนกายทาบทับบนร่างบอบบางของภรรยา ริมฝีปากหนาเคลื่อนโลมเลียไปทั่วลำคอไล่จนถึงเนินอกอวบอิ่ม มือหยาบกอบกุมเค้นคลึงยังดอกบัวคู่งามอย่างถนอม ลิ้นสากตวัดดูดกลืนสลับขมเม้มเม็ดบัวสีชมพูอย่างหิวกระหาย “อื้อ...อ๊ะ!” เสียงครางในลำคอได้หลุดรอดออกมาจากเรียวปากงาม เมื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้น ไม่อาจที่จะข่มกลั่นความซาบซ่านเอาไว้ได้อีกต่อไป นิ้วเรียวสอดเข้าไปในกลุ่มผมของสามี ก่อนจะขยุ้มเบา ๆ ด้วยแรงอารมณ์ที่ถูกปลุกจากความช่ำชองของชายห
เวลาล่วงเลยจนถึงมื้อเย็น ถงเจี้ยนหลางกินอาหารด้วยความรู้สึกกระอักกระอวนใจยิ่งนัก ด้วยการกระทำของพี่เขยที่มีต่อพี่สาวของเขานั้น มันช่างแตกต่างจากคำว่าลืมเลือนนาง อย่างที่ผู้เป็นพี่เคยเล่าให้ฟังก่อนการแต่งงาน เพราะจากที่ดูแล้ว พี่เขยของเขานั้นเอาใจนางเสียจนมองไม่เห็นผู้ใดในสายตา ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีสำหรับชีวิตครอบครัวของพี่สาว แต่มันใช่หรือที่พี่เขยจะมาทำต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้ การกระทำของสามีที่มีต่อตนเอง ทำให้ถงลู่ลู่ทั้งเขินอายและหวาดหวั่นอยู่ภายในใจลึก ๆ เพราะนางไม่รู้เลยว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้น เป็นความจริงหรือฉากตอนที่สามีสร้างขึ้นมากันแน่ “เรียนท่านอ๋อง มีเทียบจากท่านเสนาบดีถงหยางพ่ะย่ะค่ะ” ทั้งสามชะงักมือที่กำลังคีบอาหารเข้าปากในทันที สีหน้าของท่านอ๋องหนุ่มยังคงเรียบนิ่ง ก่อนจะเคาะตะเกียบในมือลงบนโต๊ะ องครักษ์หนุ่มจึงได้วางเทียบลงยังจุดนั้นในทันที ก่อนจะล่าถอยออกไป เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับเจ้านายทั้งสาม “น้องหญิงเจ้าจะเปิดดูเองหรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถามภรรยา พร้อมกับจ้องมองนางปานจะกลืนกิน ซึ่งเป็นความคิดข
“พวกเจ้าหรือข้าคือหัวหน้าครอบครัว ข้าจะทำสิ่งใดต้องขออนุญาตพวกเจ้าก่อนเช่นนั้นรึ” “….” ถงหยางมองไปยังทุกคนอีกครั้ง เพื่อรอคำตอบ ทว่าหาได้มีใครเอ่ยออกมาแม้เพียงครึ่งคำไม่ “จัดเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับลู่ลู่และเจี้ยนหลางให้ดี อย่าได้คิดกลั่นแกล้งพวกเขา หากพวกเจ้าทุกคน ยังอยากอยู่อย่างสุขสบายเช่นในทุกวันนี้” เอ่ยจบร่างสูงลุกขึ้นก้าวจากไปในทันที หลายปีมานี้เขาต้องแบกรับหลายสิ่งอย่างเพียงลำพัง นับตั้งแต่บุตรสาวคนโตจากไปพร้อมบุตรชายคนรอง สกุลอดีตภรรยามิได้สนับสนุนเขาเช่นเดิม ทำให้ความรุ่งโรจน์ที่เคยมีหายไปเขาไม่คิดเลยว่าสองพี่น้องจะรอดชีวิตไปจนถึงชายแดน เขาได้จัดเตรียมข่าวการถูกลอบสังหารของทั้งคู่เอาไว้เป็นอย่างดี แต่เมื่อได้รับจดหมายแจ้งการเดินทางถึงที่หมายของทั้งคู่ วันนั้นเสมือนทั้งร่างของเขาถูกตอกตรึงให้อยู่กับที่นานนับปี ‘ข้าไม่อาจชดเชยสิ่งใดให้เจ้าได้เซียนเอ๋อร์ ข้าหวังว่าเจ้าจะยินยอมให้ลูกของเรา เลือกข้าผู้เป็นพ่อด้วยเถอะ’ ถงหยางพร่ำขอกับภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจเท่าใดนัก ว่าบุตรสาวจะเลือกยืนฝั่งเข
“ทรงทอดทิ้งหม่อมฉัน” ถงลู่ลู่ จำต้องโกหกออกไป เพื่อเป็นการปิดคำถามและความสงสัย ของคนที่กำลังโอบรัดนางเอาไว้ ด้วยความอบอุ่น แม้ว่าจะเป็นคำตอบที่ดูมิสมเหตุสมผลเท่าใดนักก็ตาม แต่คงจะดีกว่าบอกถึงความจริงที่มิอาจเป็นไปได้ ในความคิดของผู้คนยุคนี้ “ชายาที่รัก นอกจากสิ้นลมหายใจเท่านั้น ที่จะพรากพี่ไปจากเจ้าได้ จงอย่าได้กังวลเรื่องนี้ไปเลย” จ้าวเทียนหลง ตอบคำของภรรยาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่าแฝงไปด้วยความหนักแน่น ซึ่งทุกถ้อยคำนั้น ถ่ายทอดออกมาจากหัวใจของเขาทั้งสิ้น “ขอบพระทัยเพคะ...หม่อมฉันอยากอยู่เช่นนี้ต่ออีกสักพัก” ถงลู่ลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แม้นี่จะเป็นเพียงความฝัน นางเพียงแค่อยากจะรักษามันเอาไว้อีกสักหน่อยก็ยังดี “หากเจ้าพึงใจพี่ก็ยินดี” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูภรรยาเบา ๆ ก่อนที่ดวงตาคู่งามจะหลับลงอีกครั้ง พร้อมความอบอุ่นที่โอบรัดรอบกาย อย่างน้อยภาพในอีกชีวิตของนาง ก็ไม่อาจที่จะแทรกเข้ามาทำลายความสุขล้นนี้ได้ แม้จะเป็นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นก็ตามที หากว่าการลืมตาตื่นอีกครั้งของนาง อาจจะไม่มีเขาอยู