Share

งานประมูล

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-07-04 20:09:05

“อีอี” หญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปหันไปมองตามเสียงเรียก

“อาหรัน” นางโบกมือให้หญิงสาวที่กำลังวิ่งมาทางเธออย่างยินดี

“ฉันคิดว่าจะไม่ทันแล้ว” อาหรันยืนเกาะบ่าเจียอีไว้แล้วหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า

“ทันสิ ฉันต้องรอเธอมาก่อนอยู่แล้ว ไปกันเถอะ” อีอีเปิดประตูรถหรูคันงามขึ้นไปนั่งเคียงข้างกับเพื่อนสาวของเธอ

ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปที่ลานประมูลเครื่องเพชรที่บ้านของเจียอีเป็นเจ้าของบริษัทชั้นนำของประเทศ

การประมูลครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่เครื่องเพชรจากบริษัทของเธอ แต่มีเครื่องเพชรและเครื่องประดับโบราณที่เข้าร่วมประมูลด้วย

เจียอีก็ยังไม่ได้เห็นเครื่องประดับโบราณที่จะนำเข้ามาประมูลในครั้งนี้ ตลอดทางสองสาวจึงพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นว่าจะมีเครื่องประดับแบบใดบ้าง

ภายในงานประมูลมีคนเข้าร่วมจำนวนไม่น้อย เจียอีมองหาคุณพ่อคุณแม่ของเธอ ก่อนจะเดินพาอาหรันเข้าไปแนะนำตัว

“อีอี หากลูกอยากได้เครื่องประดับชิ้นไหนก็ประมูลเก็บเอาไว้ได้เลย” มู่เจียงคุณพ่อของเธอพูดบอกกับลูกสาวไว้ เพราะรู้ดีว่าตั้งแต่เล็กเจียอี เธอชื่นชอบเครื่องประดับโบราณมากกว่าแบบสมัยใหม่ที่เด็กสาวนิยมชอบกัน

“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” เธอยิ้มหวานออกมา

เพราะความที่เธอชื่นชอบเครื่องประดับในยุคโบราณมากกว่าสิ่งใด ที่บ้านจึงมีห้องสำหรับเก็บเครื่องประดับของเธอโดยเฉพาะ ภายในห้องไม่ต่างจากการจัดสินค้าโชว์เพื่อวางขายให้ลูกค้าเข้ามาชม

แต่มีเพียงเจียอีและคนในครอบครัวของเธอเท่านั้นที่มักจะเข้าไปชื่นชอบเครื่องประดับที่อยู่ภายใน น้อยครั้งที่เธอจะหยิบชิ้นใดมาสวมใส่ออกงาน

งานประมูลเริ่มจากสินค้าของบริษัทตระกูลมู่ สองสาวต่างตื่นตาตื่นใจกับเครื่องเพชรนับสิบกว่าชิ้นที่ถูกนำออกมาประมูล แต่ก็ยังไม่มีชิ้นใดที่เจียอีเธออยากได้

“เครื่องประดับชิ้นนี้มาจากยุคโบราณเมื่อนับพันปีที่แล้ว ทุกท่านพร้อมประมูลยังคะ บอกไว้ก่อนเลยว่า ปิ่นปักผมมรกตชิ้นนี้สมบูรณ์แบบที่สุดที่เคยมีมาเลยค่ะ” พิธีการบนเวทีบรรยายสินค้าจนคนที่เข้าร่วมต่างยืดหลังตรง เพื่อจะได้มองเห็นปิ่นที่ว่าได้ถนัด

พอผ้าคลุมถูกเปิดออก ปิ่นดอกโบตั๋นสีเขียวมรกตที่เรียกได้มาเป็นปิ่นโบราณที่สมบูรณ์แบบที่สุดก็ปรากฏสู่สายตา

พิธีกรยังเล่าประวัติความเป็นมาของปิ่นปักผมให้ผู้เข้าร่วมประมูลได้ฟัง

ปิ่นมรกตแกะสลักลายโบตั๋น เป็นของราชวงศ์เยี่ยน ถูกนักล่าสมบัติขุดพบที่สุสานของอ๋องเมื่อสามปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะถูกนำออกมาประมูลโดยเจ้าของคนปัจจุบัน

“ฮึก...” เจียอีที่เห็นปิ่นเธอก็เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง จนต้องกุมหน้าอกไว้แน่น

“อีอี!!! เธอเป็นอะไร ให้ฉันเรียกรถพยาบาลไหม” อาหรันเขย่าเรียกเธอด้วยใบหน้าที่ซีดขาว เพื่อนสาวของเธอไม่มีโรคประจำตัว ทั้งยังไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน

“ไม่ ไม่ต้อง ประมูลปิ่นอันนั้นมาให้ฉันหน่อย” เจียอีส่งป้ายประมูลของเธอให้อาหรัน แย่งประมูลปิ่นมรกตมาให้เธอให้ได้

ปิ่นมรกตราคาพุ่งขึ้นไปสูงถึงสองแสนหยวน ในที่สุดเจียอีเธอก็ได้มาครอบครอง แต่พอเอื้อมมือไปรับกล่องปิ่นมาถือไว้ ความทรงจำที่ไม่รู้ว่าของใครก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธออย่างเลือนราง

“เธอถือขึ้นรถให้ฉันแล้วกันอาหรัน”

“เธอยังไม่หายอีกเหรอ” อาหรันมองเจียอีอย่างเป็นห่วง

“ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไร กลับบ้านไปพักสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น” เธอพูดเพื่อไม่ให้เพื่อนสาวเป็นกังวล แต่ภาพที่หญิงสาวสองคนกำลังโต้เถียงกันยังปรากฏชัดอยู่ในหัวของเธอ เพียงแต่ไม่เห็นใบหน้าของทั้งคู่

“ถ้างั้นฉันกลับเองดีกว่า เธอจะได้รีบไปพัก ถึงบ้านแล้วโทรบอกฉันด้วย” อาหรันส่งเจียอีขึ้นรถ ก็โบกมือลาเธอก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่เธอกดเรียกให้มารับ

ตลอดทางที่กลับบ้านเจียอีไม่ได้แตะต้องกล่องปิ่นมรกตอีกเลย เธอได้แต่นั่งมองมันที่อยู่ข้างเธออย่างไม่เข้าใจ

“หรือจะเอาไปคืนดี” เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าปิ่นโบราณที่ได้มาจะมีวิญญาณติดมาด้วยหรือเปล่า

“คุณหนูถึงบ้านแล้วครับ” เจียอีสะดุ้งตกใจ เมื่อได้ยินเสียงของคนขับรถร้องเรียกเธอ

“เอ่อ ค่ะ ลุงฟาง ช่วยเอากล่องนี้ไปให้ป้าตงด้วยนะคะ” เธอยังไม่คิดจะแตะต้องมันในตอนนี้ แม้แต่จะถือเข้าบ้านก็ยังไม่กล้า

“ได้ครับ” ลุงฟางมองเจียอีอย่างแปลกใจ ปกติหากได้ของโบราณกลับมาที่บ้าน เธอจะไม่ยอมให้ใครช่วยเธอถือเลย และจะเป็นคนนำไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บเครื่องประดับด้วยตัวเอง

เจียอีเดินกลับขึ้นห้องเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้เธอคงไม่ลงมากินข้าวเย็นแล้ว ภาพที่เห็นในงานประมูลทำให้เจียอีรู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก เธออยากรีบพักผ่อนให้เร็วที่สุด

“เอ๊ะ” เธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ก็ออกมาเห็นกล่องไม้ที่ใส่ปิ่นโบตั๋นวางอยู่ข้างหัวเตียงของเธอ

“ป้าตงคงเอามาวางแน่” เจียอีส่ายหัว เธอเช็ดผมจนแห้ง แล้วล้มตัวลงนอนที่เตียงทันที

สายตาที่ยังไม่ได้หลับเหลือบไปเห็นกล่องไม้ข้างเตียง ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก จนต้องคว้ากล่องมาเปิดออกดูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

“เป็นไงเป็นกัน” เธอคิดว่าคงไม่ถึงตายหรอก หากมีวิญญาณสิงอยู่ในปิ่นจริง พรุ่งนี้เธอจะให้คุณแม่นำไปทำพิธีที่วัด

“สวยจริง แทบไม่มีรอยตำหนิเลย” เจียอียกปิ่นขึ้นส่องกับไฟ เธอลูบกลีบดอกโบตั๋นอย่างหลงใหล สวยจนอยากจะลองปักลงบนผมดู

“โอ๊ยย บ้าจริง” เจียอีถูกความคมของหยดบาดเข้าที่นิ้วมือ เธอว่างปิ่นลงในกล่องแล้วรีบหาผ้ามาเช็ดเลือดที่นิ้วมือ

เจียอีหัวเสียไม่น้อย เธอเลิกสนใจปิ่นปักผมแล้วล้มตัวลงนอนทันที

“ข้าไม่ได้ทำ เหตุใดพวกท่านไม่เชื่อข้า” นางส่ายหน้าจนผมเผ้าหลุดลุ่ย

เจียอีมองภาพหญิงสาวในชุดโบราณตรงหน้าไม่ชัดนัก นางกำลังอ้อนวอนชายหนุ่มและเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของนาง

“ท่านแม่ ข้ากับท่านพ่อเห็นด้วยตาตนเองว่าท่านกำลังหลับนอนอยู่บนเตียงกับพ่อบ้าน เรื่องนี้ท่านจะโต้แย้งเช่นใด” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเย้ยหยันออกมา

“ท่านพี่ ข้าอยู่กับท่านมาสิบกว่าปี ท่านจะไม่รู้นิสัยของข้าเลยรึ ข้ายินยอมแต่งเข้ามาเพื่อดูแลอาชุนตั้งแต่เขาเป็นเพียงทารก ถึงแม่ท่านจะไม่สนใจข้า ข้าก็มิเคยเรียกร้องสิ่งใด ความซื่อสัตย์ที่ข้ามีมาตลอดยังไม่พอให้ท่านเชื่อใจข้ารึ” เจียอีมองหญิงสาวตรงหน้าของเธอร้องไห้อย่างน่าสงสาร

เธอเดินเข้าไปอย่างใจกล้า เพื่ออยากจะปลอบประโลมนางที่ร้องไห้ราวกับจะขาดใจ แต่ชายทั้งสองก็ยังไม่คิดจะสนใจนาง

เจียอีนั่งลงข้างนาง ก่อนจะยกแขนขึ้นเพื่อลูบหลังให้นาง “เลิกร้องได้แล้ว เธอไม่ได้ทำผิด ก็อย่าได้เสียน้ำตา หากพวกเขาไม่เชื่อก็ช่างเขาสิ”เธออยากจะปลอบให้หญิงสาวหยุดร้องไห้เสียที

แต่เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองเจียอี เธอก็เกือบจะกรีดร้องออกมา ทั้งยังล้มไปนั่งกองอยู่กับพื้นด้วยความตกตะลึง

“ฝะ ฝัน ฝันเหรอเนี่ย” เจียอีสะดุ้งตื่นขึ้น เธอจบหน้าอกที่เต้นเร็วจนแทบจะหลุดออกมาจากอกของเธอ

ภาพของหญิงสาวเมื่อครู่มีใบหน้าที่เหมือนกับเธอราวกับเป็นคนเดียวกัน จะไม่ให้เธอตกใจได้ยังไง

“เก็บไปฝันหรือเนี่ย” เธอลูบหน้าที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนมองเพดานอย่างเหม่อลอย

ภาพฝันที่เห็นเจียอีไม่อาจจะสลัดทิ้งไปได้ เธอจดจำได้ทุกคำพูดของหญิงสาวในฝันได้ดี ทั้งแววตาของนางที่เงยขึ้นมามองเจียอี แววตาคู่นั้นเจ็บปวดไม่น้อย

คำพูดของนาง แม้เจียอีจะไม่เข้าใจ แต่รับรู้ได้ว่านางผิดหวังกับสองพ่อลูกคู่ที่ยืนมองอยู่ไม่น้อยเลย

เจียอีกลุกขึ้นดูนาฬิกาก็พบว่าเธอเพิ่งจะหลับไปได้เพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น จึงพยายามข่มตาหลับตา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   นางลืมไปได้อย่างไร

    เว่ยอ๋องที่เห็นว่านางยังดื้อรั้นจึงได้จุมพิตนางอีกครั้ง เพื่อเตือนนางว่าอย่าได้ขัดใจเขา “โอ๊ยย” นางร้องออกมาเบาๆ เมื่อเขาขบริมฝีปากที่ปิดแน่นของนาง“เจ้าดื้อกับเปิ่นหวางเอง อีอี” เขาตะโบมจุมพิตนางอย่างดุดัน ทั้งยังจับยึดตัวของนางไว้ให้ดิ้นรนถอยหนี“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเปิ่นหวางตามหาเจ้าตลอด”“ยะ อย่า” นางเอ่ยขอร้องเสียงสั่น เมื่อฝ่ามือร้อนของเขาปลดเชือกที่รัดเอวของนางออก“ขออภัย” เขาซุกหน้าลงกับซอกคอของนาง เพื่อปรับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านให้สงบลง แต่กลิ่นกายของนางก็ราวกับเป็นกำหนัดชั้นดี ยิ่งสูดดมเขายิ่งอยากจะรังแกนางเสียในคืนนี้เลย“ท่านอ๋อง” เจียอีเอ่ยเรียกเสียงเบา เมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เริ่มถี่ขึ้นของเขา“อีอี เจ้าทรมานเปิ่นหวาง” เขาดูดเม้มที่ติ่งหูของนาง“เป็นท่านเองที่ทำตัวเอง กลับไปได้แล้ว” นางดันตัวเขาที่คร่อมทับนางอยู่ออก เพราะดูเหมือนส่วนล่างของเขาจะพร้อมรบเสียแล้ว“ช่วยเปิ่นหวางได้หรือไม่” เขามองนางอย่างอ้อนวอน“ไปหอคณิกาเลย” นางเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา“ไม่เอา ต้องเป็นเจ้าเพียงผู้เดียว” เขาจับมือน้อยๆ ของนางอย่างแฝงไปด้วยความหมาย“ไม่ได้ ไม่เอา” นางดึงมือกลับ แต่กลับถูกเขาดึงฉ

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   หยกพกสีดำ

    มื้อเย็นเจียอีนางก็ยังมิได้ออกไปทานที่เรือนหลัก นางยังคงทานที่เรือนของตนเองเช่นเดิม“ข้าต้องกินอีกแล้วรึ” นางมองถ้วยยาน้ำสีดำที่ทั้งเหม็นทั้งขม จากมือของเสี่ยวถิงที่ยื่นมาตรงปากของนาง“กินเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูจะให้แข็งแรงเร็วๆ” เสี่ยวถิงจ่อไปให้ถึงปากของนาง เหลือเพียงแค่บีบปากแล้วกรอกยาลงไปเจียอีจำต้องรีบกลืนลงคอไปให้เร็วที่สุด แต่อย่างไรนางก็เกือบจะอ้วกออกมาอยู่ดี “พรุ่งนี้ข้าไม่กินแล้ว เจ้าไม่ต้องต้มมาแล้ว” นางรีบดื่มน้ำตามลงไปหลายจอกทันทีเสี่ยวถิงยังคงดูแลจนเจียอีเข้านอน พอเจียอีนางหลับสนิท นางก็ถอยกลับไปนอนที่เรือนพักบ่าวที่อยู่ด้านหลังเว่ยอ๋องที่มาถึงห้องเจียอี ก็เห็นว่านางหลับไปแล้ว ครั้งนี้เขาไม่คิดจะปลุกนาง แต่กลับขึ้นไปซุกตัวเข้าผ้าห่มนอนลงข้างกายของนางแทน“อื้อออ” เจียอีซุกตัวเข้าหาไออุ่น เมื่อนางหันหลังหนีไม่ยอมพลิกมาทางเขา เขาจึงแย่งผ้าห่มของนางไปเสียหมด เพื่อให้นางหันมาทางเขา“หึ เป็นเจ้าเองนะที่กอดเปิ่นหวาง” เขาดึงตัวเจียอีมาสวมกอดไว้แน่น แล้วเอ่ยออกมาอย่างหน้าหนาองครักษ์เงาที่ซ่อนตัวอยู่ด้านนอกได้ยินคำพูดของผู้เป็นนายก็แทบจะร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้ที่ซ่อนตัวอยู่ “สวรรค์ ท

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   บททดสอบแรก

    ระหว่างทางที่นางเดินกลับ ก็พบเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งที่รีบร้อนเดินมาทางนาง พอเขาเข้ามาใกล้นางจึงเห็นใบหน้าของเขาได้ถนัด จะเป็นผู้ใดไปได้เล่าถ้าไม่ใช่ หวงเต๋อฟาน“หยุด!!! ท่านเข้ามาด้านในได้อย่างไร” เจียอียกมือขึ้นห้ามไม่ให้เขาเดินเข้ามาใกล้นาง“คุณหนูรอง หย่าหย่าเล่า เห็นนางหรือไม่ นางบอกให้ข้ามาพบที่ศาลาริมน้ำ”“เช่นนั้นท่านเข้าไปรอนางก่อนแล้วกัน ข้าขอตัว” เจียอีรีบหมุนตัวกลับไปทางเรือนพักของนางให้เร็วที่สุด ด้วยกลัวว่าหากมีคนมาพบเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันในยามนี้จะเข้าใจผิดคิดว่านางลอบนัดพบกับว่าที่พี่เขยของตนเองแต่เหมือนสวรรค์จะส่งบททดสอบแรกมาให้นาง เมื่อเสียงฝีเท้าของจำนวนคนไม่น้อยกำลังมุ่งหน้ามาทางที่ทั้งสองยืนอยู่“กะ อุ๊บ” เจียอีนางยังไม่ทันได้กรีดร้องออกมาก็ถูกมือตะครุบปิดปากนางไว้เสียก่อนตัวของนางลอยขึ้นจากพื้นทะยานไปต้นไม้แล้วต้นไม้เล่า จนมาหยุดอยู่ที่เรือนพักของนางหวงเต๋อฟานยืนนิ่งอึ้งด้วยคนตกใจ หากเขามองไม่ผิด บุรุษที่มาพาตัวคุณหนูรองมู่ออกไป ต้องเป็นเว่ยอ๋องอย่างแน่นอน“ไหน อีอี นางอยู่ที่ใด” มู่เฟยหย่าเอ่ยถามด้วยเสียงอันดัง พร้อมกับเดินเข้ามาทางหวงเต๋อฟาน แล้วมองสำรวจรอบๆ บร

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   คุณหนูใหญ่ให้บ่าวมาตาม

    เว่ยอ๋องรู้สึกว่ามีคนจ้องมองมาทางเขา เขาจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นมู่เฟยหย่า พอเห็นว่าเป็นนางเขาก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นทันที“บุตรสาวรองเจ้ากรมมู่เป็นฝาแฝดรึ” เขาหันไปเอ่ยถามขันทีข้างกาย“พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูมู่เฟยหย่าแฝดคนพี่ กำลังเอ่ยเรื่องหมั้นหมายกับคุณชายหวง ส่วนคนน้องคุณหนูมู่เจียอี บ่าวยังมิได้ข่าวเรื่องงานดูตัวของนางพ่ะย่ะค่ะ”“มู่เจียอี งั้นรึ” เว่ยอ๋องยกยิ้มที่มุมปาก แต่รอยยิ้มเช่นนี้ขันทีข้างกายได้แต่ขนลุกไปทั้งตัว ยิ้มเช่นนี้ทีไรมีเรื่องทุกทีมู่เฟยหย่าเห็นขันทีมองมาทางนางแล้วกระซิบบอกกล่าวเว่ยอ๋อง ยิ่งเห็นรอยยิ้มน้อยๆ ของเขา นางก็เขินอายขึ้นมาทันที คงสนใจตัวนางเช่นบุรุษอื่นเป็นแน่เจียอีที่กลับมาถึงจวน เสี่ยวถิงก็รีบร้อนไปหาน้ำร้อนมาประคบให้นางทันที พอกลับมาถึงเรือน นางก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ จึงได้เห็นรอยแดงบนหน้าผากจากคันฉ่องว่ามันบวมแดงแค่ไหน“นี่ขนาดกระจกเหลืองขนาดนี้ ยังเห็นรอยแดงชัด ถ้ากระจกใสจะเป็นเช่นใดเนี่ย” นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างมีโทสะ ก่อนจะทิ้งกระจกในมือลงบนที่นอนเสี่ยวถิงประคบร้อนให้นางอยู่นานกว่ารอยบวมจะยุบลง บิดามารดา และมู่เฟยหย่าที่กลับมาจากงานเลี้ยงก็รีบมา

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   แดงจนอัปลักษณ์

    สวีซื่อกับรองเจ้ากรมมู่เอ่ยถามเจียอีอีกสองสามประโยค เมื่อเห็นว่านางไม่เป็นอันใดแล้วจึงได้วางใจลง“รู้ตัวว่าเป็นไข้ เหตุใดยังมาอีก” มู่เฟยหย่าเอ่ยถามเจียอีขึ้นมา นางมองที่กำไลข้อมือทั้งสองข้างและปิ่นปักผมอย่างไม่พอใจนัก“ข้าบอกท่านแม่แล้ว ข้าก็ไม่ได้อยากจะมาเสียหน่อย” นางบ่นเสียงเบา ก่อนจะหันไปสนใจของว่างที่อยู่ตรงหน้าแทน หากได้มองหน้ามู่เฟยหย่าต่อ นางอาจจะเผลอโต้ตอบออกไปก็ได้“เว่ยอ๋องเสด็จ” เสียงขันทีประกาศเสียงดัง เพื่อให้ทุกคนลุกขึ้นทำความเคารพ ตะเกียบในมือของเจียอีกชะงักค้าง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วถอยไปอยู่ด้านหลังของมู่เฟยหย่า เพื่อไม่ให้เขาเห็นนางนางมองสังเกตว่ามู่เฟยหย่าจะมีอาการเช่นไร และก็เป็นอย่างที่นางคิด เมื่อดวงตาของมู่เฟยหย่าจับจ้องสนใจอยู่ที่ตัวของเว่ยอ๋องจนเขาเดินไปถึงที่นั่งนางได้เห็นทั้งสองสบตากันครู่หนึ่งด้วย จึงได้ก้มหน้าลงเช่นเดิม แล้วลอบยิ้มในใจ ผู้ใดที่เห็นพี่สาวนางแล้วจะไม่ตกหลุมรักบ้างเล่า คงไม่มีแน่เชื้อพระวงศ์ ทั้งหมดเข้ามาภายในงานเลี้ยงแล้ว เสียงดนตรี และอาหารเริ่มทยอยเข้ามาด้านใน เจียอีได้แต่ก้มหน้าลงสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้าของนาง หรือเงยหน้าขึ้นมามองการแสดงเป

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   ถึงกับเป็นลม

    เจียอีถูกพาไปที่ตำหนักวังหลัง ระหว่างทางเดินมีคนเดินสวนไปมาไม่น้อย เจียอีที่มัวแต่มองความงามของวังหลวงก็บังเอิญชนเข้ากับคนผู้หญิง“โอ๊ยยย” นางเซหงายหลังเกือบที่จะล้มไปกองกับพื้น แต่ถูกคว้าโอบรอบเอวไว้ก่อนที่จึงมิได้ล้มลงไป“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ทันมอง” นางรีบขอโทษ พร้อมทั้งดันตัวเขาออกมา“เดินเยี่ยงไร ถึงมิได้ดูทาง” เจียอีเงยหน้าขึ้นไปมองบุรุษที่ตำหนินางเสียงเย็น“เห้ยยย” นางตกใจถอยหลังหนี ด้วยรีบร้อนเกินไปจึงได้ล้มไปกองกับพื้นทันที“อย่างไรกัน คุณหนูจวนใดถึงได้ไร้มารยาทเช่นนี้”เจียอีถูกนางกำนัลพยุงลุกขึ้น นางรีบไปแอบอยู่ด้านหลังของนางกำนัลทันที ความกลัวพุ่งสูงจนเหงื่อซึมออกมาตามใบหน้าและแผ่นหลัง ใบหน้าของนางซีดขาวจนนางกำนัลต้องเข้าไปประคองนางไว้“ขออภัยอีกรอบเพคะ” นางก้มหน้านิ่งไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาสบสายตาของเขา“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์กำลังทำให้คุณหนูมู่หวาดกลัวอยู่เพคะ” จางมามา นางกำนัลข้างกายของไทเฮาเอ่ยบอกเว่ยอ๋องที่กำลังจ้องมองเจียอีอยู่“เหอะ เปิ่นหวางเป็นปีศาจหรืออย่างไร ถึงได้หวาดกลัวเสียจะเป็นลมเช่นนี้”“หะ หามิได้เพคะ” เจียอีเอ่ยเสียงสั่นออกมาเช่นนี้แล้วผู้ใดจะเชื่อว่านา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status