แชร์

มีวิญญาณติดมาไหมคะ

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-04 20:09:26

ป้าตงเคาะประตูหน้าห้องเรียกปลุกเจียอีให้ตื่น “คุณหนู จะสายแล้วนะคะ”

“อืม...เช้าแล้วเหรอ” เธอขยี้ตาอย่างงัวเงีย

หลังจากเมื่อคืนที่ฝันแปลกๆ จนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก หลังจากหลับต่อเธอก็ไม่ได้ฝันอะไรอีกเลย

“ป้าตง หนูตื่นแล้วค่ะ” เธอตะโกนบอกตอบไป เพื่อให้ป้าตงหยุดเคาะห้องเธอเสียที

“คุณหนู คุณท่านกับคุณนายเดินทางไปต่างประเทศแล้วนะคะ เมื่อคืนเห็นคุณหนูเข้านอนแล้ว พวกคุณท่านเลยไม่ได้มาบอก”

“ขอบคุณค่ะป้า”

เธอคิดจะปรึกษาคุณพ่อคุณแม่เรื่องปิ่นที่ได้มาเสียหน่อย แต่ทั้งสองดันเดินทางไปตรวจดูงานเสียก่อนที่เธอจะได้เอ่ยพูด

“อาหรัน วันนี้เธอว่างไหม” เจียอีโทรหาเพื่อนสาวของเธอทันทีเมื่ออาบน้ำเสร็จ

“ว่าง เธอจะให้ฉันพาไปหาหมอเหรอ”

“ไม่ใช่ ไปวัด”

“ห๊า!!! ไปวัด ไปทำไม”

“ฉันว่าปิ่นที่ได้มาเมื่อวาน ต้องมีวิญญาณติดมาด้วยแน่” เจียอีจึงเล่าเรื่องความฝันของเธอให้อาหรันฟัง

“งั้นไปเลย”

“ได้ ถ้างั้นฉันไปรับเธอที่บ้านเลยแล้วกัน เตรียมตัวไว้เลย” เจียอีกดวางโทรศัพท์ แล้วเธอก็เดินลงไปกินมื้อเช้าที่ด้านล่าง พร้อมทั้งบอกกล่าวป้าตงไว้เรื่องที่เธอจะออกไปด้านนอกกับอาหรัน

“คุณหนูให้ลุงฟางขับรถพาไปไม่ดีกว่าเหรอคะ” ป้าตงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้หนูอยากขับเอง” เธอยิ้มหวานให้ป้าตง ก่อนจะเร่งความเร็วในหารกินอาหาร แล้วรีบร้อนออกไป

โดยไม่ลืมที่จะหยิบกล่องไม้ที่มีปิ่นอยู่ด้านในใส่ลงในกระเป๋าไปด้วย

วัดที่เจียอีเธอไปอยู่นอกตัวเมืองไปไม่ไกลมากนัก ที่บ้านของเธอมักพามาที่นี่อยู่เป็นประจำ เมื่อมาถึงสามเณรเห็นเธอก็เดินเข้ามารับ แล้วพาไปพบเจ้าอาวาสทันที

“สีกามู่ วันนี้มาด้วยเรื่องอะไร” ท่านเจ้าอาวาสยิ้มมองเจียอีอย่างเมตตา

พอเห็นว่าเธอหยิบกล่องไม้ออกมาจากกระเป๋า สีหน้าของเจ้าอาวาสก็เคร่งเครียดขึ้นทันที พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก

“นี่ค่ะ คือหนูคิดว่าปิ่นที่เพิ่งจะได้มามีวิญญาณติดมาด้วย” เจียอีเลื่อนกล่องไม้ไปตรงหน้าของเจ้าอาวาส

พอเจ้าอาวาสเปิดออกดู สองสาวก็ยืดคอขึ้นเพื่อจะดูว่าจะมีแสงสีขาวของวิญญาณพุ่งตามออกมาด้วยหรือเปล่า

“ปิ่นหยกมรกตนี่ ไม่มีวิญญาณอย่างที่สีกามู่คิด เพียงแต่เรื่องความฝันอีกไม่นานก็จะได้พบความจริง”

สองสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่ทั้งสองอยากรู้ก็คงมีเพียงแค่ว่ามีวิญญาณหรือไม่มีเท่านั้น เรื่องความฝันเจียอีเธอไม่ค่อยจะสนใจมากนัก ถึงยังไงก็เป็นแค่ความฝัน ไม่ใช่เรื่องจริง

“ขอบพระคุณมากค่ะ ค่อยยังชั่วหน่อย” เธอยิ้มออกมา ก่อนจะพากันกลับออกจากวัดไป

เจียอีกับอาหรันยังเที่ยวเล่นที่นอกเมืองจนเกือบเย็นถึงได้พากันกลับ พอส่งอาหรันเสร็จแล้วเธอก็มุ่งหน้ากลับบ้านทันที

กล่องไม้ยังคงอยู่ในกระเป๋าไม่ได้เอาออก พอรู้ว่าไม่มีวิญญาณแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวอีกต่อไป จึงยังไม่ได้เอาไปเก็บที่ห้องเก็บเครื่องประดับเหมือนชิ้นอื่น เจียอีหยิบออกมาชื่นชมแล้ววางทิ้งไว้ที่ข้างหมอน ก่อนที่เธอจะหลับไป

เจียอีกลับเข้าสู่ความฝันอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้ ตัวเธอไม่ได้ยืนมองดูหญิงสาวผู้นั้นแล้ว แต่เธอเป็นหญิงสาวผู้นั้นเสียอีก เรื่องราวฉายภาพตั้งแต่เธออายุยังน้อย ที่ถูกบิดามารดาเลี้ยงดูมาพร้อมกับพี่สาวฝาแฝดอย่างรักใคร่

“หย่าเออร์ อีเออร์ เจ้ามีกันเพียงแค่สองคนพี่น้องต้องรักกันให้มากเล่า” มารดาเอ่ยสั่งสอนออกมา

เจียอี แม้อยากจะเอ่ยถามว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ และมาอยู่ในร่างของสตรีนางนั้น ทั้งชื่อแช่ของเธอและหญิงสาวที่เธอเห็นในความฝันยังเป็นชื่อเดียวกันอีก แต่เธอก็ไม่อาจจะถามออกมาได้ ได้แต่ปล่อยให้ปากน้อยๆ หัวเราะพูดคุยไปตามเรื่องราวที่ความฝันพาไป

มู่เฟยหย่ากับมู่เจียอี เป็นฝาแฝดที่มีใบหน้าเหมือนกันยิ่งนัก จะต่างก็ที่ดวงตาของทั้งสอง หากผู้ใดได้พบเห็นซึ่งๆ หน้า ย่อมต้องแยกออกได้ในทันที

มู่เฟยหย่ามีดวงตาหงส์ที่เพียงแค่ชายตามองบุรุษก็แทบจะยอมสยบที่แทบเท้าของนาง ต่างกับมู่เจียอีที่ดวงตาของนางเปล่งประกายเจิดจ้า ราวกับมีดวงดาวนับพัน ดูน่าทะนุถนอมยิ่งนัก

ทั้งนิสัยก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแม้จะถูกเลี้ยงดูมาเช่นเดียวกันก็ตาม มู่เจียอีมักยอมให้พี่สาวเช่นมู่เฟยหย่าเกือบจะทุกเรื่อง เสื้อผ้า เครื่องประดับนางมักจะให้พี่สาวเป็นคนที่เลือกก่อนและมู่เฟยหย่านางก็ต้องการเช่นนั้น

ของที่เหลือทั้งหมดจะตกเป็นของนาง บางครั้งบิดามารดาก็เห็นใจบุตรสาวคนเล็ก จึงมักจะแอบเลือกบางชิ้นเก็บไว้ให้นางในภายหลัง แต่พอมู่เฟยหย่ารู้เรื่องเข้าก็อาละวาดเสียยกใหญ่จนตอนหลังบิดามารดาไม่คิดจะทำเช่นนี้อีก

นางมักจะพูดว่าบิดามารดารักน้องมากกว่านาง เช่นนี้แล้วพ่อแม่คนใดจะทนฟังได้ จึงได้แต่เห็นใจมู่เจียอีและปลอบใจนางแทน ถึงแม้จะถูกพี่สาวเอาเปรียบแต่ความรักที่นางมีให้พี่สาวก็ไม่น้อยลงเลย

เจียอีที่เห็นเรื่องราวต่างๆ นางยังคิดเลยว่าทนไปไม่อย่างไร หรือเพราะนางเกิดมาเป็นลูกคนเดียวจึงไม่ต้องแบ่งสิ่งของให้ใคร เลยไม่อยากจะทนมองความเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวของมู่เฟยหย่า

บิดาของมู่เจียอี เป็นรองเจ้ากรมพิธีการ นับว่ามีหน้ามีตาอยู่ไม่น้อย ภายหลังเมื่อฮูหยินสวีอายุมากเกินกว่าที่จะมีบุตรได้ นายท่านมู่จึงรับสาวใช้ข้างกายของฮูหยินมาเป็นสาวใช้ข้างห้อง เพื่อให้กำเนิดบุตรชายสืบสกุล และยกบุตรชายให้เป็นบุตรของสวีซื่อ

แต่ด้วยน้องชายที่มีอายุต่างจากพวกนางนับสิบปี จึงมิได้ใกล้ชิดหรือสนิทสนมกันมากนัก

ภาพต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปจนเข้าสู่วัยสาว หลังจากที่ปักปิ่นไปแล้ว มู่เฟยหย่าได้หมั้นหมายกับหวงเต๋อฟานบุตรชายท่านแม่ทัพใหญ่ ที่ตอนนั้นเป็นถึงรองแม่ทัพแล้ว

“อีอี เจ้าชอบพอผู้ใดแล้วหรือยัง” มู่เจียอีที่ทำท่าเขินอาย แม้แต่เจียอียังรับรู้ได้ว่านางคงมีคนในใจแล้ว เพียงแต่ใบหน้านั้นไม่ชัดจนเธอไม่รู้ว่ามีใบหน้าเช่นไร

“ยังเจ้าค่ะ ข้าอยากจะอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ไปอีกสักสองปี” แต่ตัวนางก็ยังเอ่ยปฏิเสธออกมา

“ดีเลยน้องรอง พอพี่ออกเรือนไปก็ยังมีเจ้าที่อยู่ดูแลท่านพ่อท่านแม่ หากจะรอพึงซวนเออร์ก็คงอีกนาน” มู่เฟยหย่าเห็นดีกับน้องสาวทันที

“เจ้าค่ะ” นางรับคำเสียงอ่อนเช่นเคย

เจียอีที่ทนฟังอยู่อยากจะร้องแหม...ออกมาดังๆ ตัวเองแต่งได้แต่น้องสาวห้ามแต่งหรือไง

ภาพเปลี่ยนไปตอนที่มู่เจียอีรีบร้อนไปหาพี่สาวที่เรือน หลังจากที่รู้ข่าวว่านางล้มป่วยหนัก

“พี่หญิงเหตุใดท่านถึงได้เป็นเช่นนี้” ใบหน้ามู่เฟยหย่าที่ไร้สีเลือดทำให้มู่เจียอีหลั่งน้ำตาออกมาอย่างปวดใจ

“อีอี พี่คงอยู่ได้อีกไม่นาน พี่มีเรื่องจะขอให้เจ้าช่วย เจ้าต้องรับปากข้า”

“เรื่องใดเจ้าคะ” นางบีบมือพี่สาวแน่น

“ข้าอยากให้เจ้าแต่งเข้าตระกูลหวง เพื่อดูแลชุนเออร์แทนข้า”

“พี่หญิง!!! ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ขะ ข้าเลี้ยงอาชุนให้ได้ แต่จะให้แต่งเข้าตระกูลจ้าวคงไม่ดีนัก” เจียอีที่ฟังอยู่ถึงกับตกตะลึงนิ่งค้าง เธอได้แต่ภาวนาในใจ อย่ารับปากนะมู่เจียอี

“มิต้องจัดงานแต่ง เจ้าเข้ามาอยู่ในนามข้าเลย ข้ามิอยากให้ท่านพี่ แต่งสตรีอื่นเข้ามาในจวน ข้าไม่ไว้ใจผู้ใดให้มาดูแลอาชุน อีอี เจ้าต้องช่วยข้า” มู่เฟยหย่าไอจนเลือดออกมาไม่น้อย ยิ่งทำให้เจียอีตื่นตกใจจนรีบรับปากพี่สาวทันที

“ได้ ได้ ข้าจะเข้ามาอยู่ดูแลอาชุน ท่านพี่ท่านต้องรักษาตัวให้หายเล่า” นางยังคงหวังว่าเมื่อพี่สาวหายดีนางก็คงได้กลับไปใช้ชีวิตของนาง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   นางลืมไปได้อย่างไร

    เว่ยอ๋องที่เห็นว่านางยังดื้อรั้นจึงได้จุมพิตนางอีกครั้ง เพื่อเตือนนางว่าอย่าได้ขัดใจเขา “โอ๊ยย” นางร้องออกมาเบาๆ เมื่อเขาขบริมฝีปากที่ปิดแน่นของนาง“เจ้าดื้อกับเปิ่นหวางเอง อีอี” เขาตะโบมจุมพิตนางอย่างดุดัน ทั้งยังจับยึดตัวของนางไว้ให้ดิ้นรนถอยหนี“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเปิ่นหวางตามหาเจ้าตลอด”“ยะ อย่า” นางเอ่ยขอร้องเสียงสั่น เมื่อฝ่ามือร้อนของเขาปลดเชือกที่รัดเอวของนางออก“ขออภัย” เขาซุกหน้าลงกับซอกคอของนาง เพื่อปรับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านให้สงบลง แต่กลิ่นกายของนางก็ราวกับเป็นกำหนัดชั้นดี ยิ่งสูดดมเขายิ่งอยากจะรังแกนางเสียในคืนนี้เลย“ท่านอ๋อง” เจียอีเอ่ยเรียกเสียงเบา เมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เริ่มถี่ขึ้นของเขา“อีอี เจ้าทรมานเปิ่นหวาง” เขาดูดเม้มที่ติ่งหูของนาง“เป็นท่านเองที่ทำตัวเอง กลับไปได้แล้ว” นางดันตัวเขาที่คร่อมทับนางอยู่ออก เพราะดูเหมือนส่วนล่างของเขาจะพร้อมรบเสียแล้ว“ช่วยเปิ่นหวางได้หรือไม่” เขามองนางอย่างอ้อนวอน“ไปหอคณิกาเลย” นางเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา“ไม่เอา ต้องเป็นเจ้าเพียงผู้เดียว” เขาจับมือน้อยๆ ของนางอย่างแฝงไปด้วยความหมาย“ไม่ได้ ไม่เอา” นางดึงมือกลับ แต่กลับถูกเขาดึงฉ

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   หยกพกสีดำ

    มื้อเย็นเจียอีนางก็ยังมิได้ออกไปทานที่เรือนหลัก นางยังคงทานที่เรือนของตนเองเช่นเดิม“ข้าต้องกินอีกแล้วรึ” นางมองถ้วยยาน้ำสีดำที่ทั้งเหม็นทั้งขม จากมือของเสี่ยวถิงที่ยื่นมาตรงปากของนาง“กินเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูจะให้แข็งแรงเร็วๆ” เสี่ยวถิงจ่อไปให้ถึงปากของนาง เหลือเพียงแค่บีบปากแล้วกรอกยาลงไปเจียอีจำต้องรีบกลืนลงคอไปให้เร็วที่สุด แต่อย่างไรนางก็เกือบจะอ้วกออกมาอยู่ดี “พรุ่งนี้ข้าไม่กินแล้ว เจ้าไม่ต้องต้มมาแล้ว” นางรีบดื่มน้ำตามลงไปหลายจอกทันทีเสี่ยวถิงยังคงดูแลจนเจียอีเข้านอน พอเจียอีนางหลับสนิท นางก็ถอยกลับไปนอนที่เรือนพักบ่าวที่อยู่ด้านหลังเว่ยอ๋องที่มาถึงห้องเจียอี ก็เห็นว่านางหลับไปแล้ว ครั้งนี้เขาไม่คิดจะปลุกนาง แต่กลับขึ้นไปซุกตัวเข้าผ้าห่มนอนลงข้างกายของนางแทน“อื้อออ” เจียอีซุกตัวเข้าหาไออุ่น เมื่อนางหันหลังหนีไม่ยอมพลิกมาทางเขา เขาจึงแย่งผ้าห่มของนางไปเสียหมด เพื่อให้นางหันมาทางเขา“หึ เป็นเจ้าเองนะที่กอดเปิ่นหวาง” เขาดึงตัวเจียอีมาสวมกอดไว้แน่น แล้วเอ่ยออกมาอย่างหน้าหนาองครักษ์เงาที่ซ่อนตัวอยู่ด้านนอกได้ยินคำพูดของผู้เป็นนายก็แทบจะร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้ที่ซ่อนตัวอยู่ “สวรรค์ ท

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   บททดสอบแรก

    ระหว่างทางที่นางเดินกลับ ก็พบเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งที่รีบร้อนเดินมาทางนาง พอเขาเข้ามาใกล้นางจึงเห็นใบหน้าของเขาได้ถนัด จะเป็นผู้ใดไปได้เล่าถ้าไม่ใช่ หวงเต๋อฟาน“หยุด!!! ท่านเข้ามาด้านในได้อย่างไร” เจียอียกมือขึ้นห้ามไม่ให้เขาเดินเข้ามาใกล้นาง“คุณหนูรอง หย่าหย่าเล่า เห็นนางหรือไม่ นางบอกให้ข้ามาพบที่ศาลาริมน้ำ”“เช่นนั้นท่านเข้าไปรอนางก่อนแล้วกัน ข้าขอตัว” เจียอีรีบหมุนตัวกลับไปทางเรือนพักของนางให้เร็วที่สุด ด้วยกลัวว่าหากมีคนมาพบเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันในยามนี้จะเข้าใจผิดคิดว่านางลอบนัดพบกับว่าที่พี่เขยของตนเองแต่เหมือนสวรรค์จะส่งบททดสอบแรกมาให้นาง เมื่อเสียงฝีเท้าของจำนวนคนไม่น้อยกำลังมุ่งหน้ามาทางที่ทั้งสองยืนอยู่“กะ อุ๊บ” เจียอีนางยังไม่ทันได้กรีดร้องออกมาก็ถูกมือตะครุบปิดปากนางไว้เสียก่อนตัวของนางลอยขึ้นจากพื้นทะยานไปต้นไม้แล้วต้นไม้เล่า จนมาหยุดอยู่ที่เรือนพักของนางหวงเต๋อฟานยืนนิ่งอึ้งด้วยคนตกใจ หากเขามองไม่ผิด บุรุษที่มาพาตัวคุณหนูรองมู่ออกไป ต้องเป็นเว่ยอ๋องอย่างแน่นอน“ไหน อีอี นางอยู่ที่ใด” มู่เฟยหย่าเอ่ยถามด้วยเสียงอันดัง พร้อมกับเดินเข้ามาทางหวงเต๋อฟาน แล้วมองสำรวจรอบๆ บร

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   คุณหนูใหญ่ให้บ่าวมาตาม

    เว่ยอ๋องรู้สึกว่ามีคนจ้องมองมาทางเขา เขาจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นมู่เฟยหย่า พอเห็นว่าเป็นนางเขาก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นทันที“บุตรสาวรองเจ้ากรมมู่เป็นฝาแฝดรึ” เขาหันไปเอ่ยถามขันทีข้างกาย“พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูมู่เฟยหย่าแฝดคนพี่ กำลังเอ่ยเรื่องหมั้นหมายกับคุณชายหวง ส่วนคนน้องคุณหนูมู่เจียอี บ่าวยังมิได้ข่าวเรื่องงานดูตัวของนางพ่ะย่ะค่ะ”“มู่เจียอี งั้นรึ” เว่ยอ๋องยกยิ้มที่มุมปาก แต่รอยยิ้มเช่นนี้ขันทีข้างกายได้แต่ขนลุกไปทั้งตัว ยิ้มเช่นนี้ทีไรมีเรื่องทุกทีมู่เฟยหย่าเห็นขันทีมองมาทางนางแล้วกระซิบบอกกล่าวเว่ยอ๋อง ยิ่งเห็นรอยยิ้มน้อยๆ ของเขา นางก็เขินอายขึ้นมาทันที คงสนใจตัวนางเช่นบุรุษอื่นเป็นแน่เจียอีที่กลับมาถึงจวน เสี่ยวถิงก็รีบร้อนไปหาน้ำร้อนมาประคบให้นางทันที พอกลับมาถึงเรือน นางก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ จึงได้เห็นรอยแดงบนหน้าผากจากคันฉ่องว่ามันบวมแดงแค่ไหน“นี่ขนาดกระจกเหลืองขนาดนี้ ยังเห็นรอยแดงชัด ถ้ากระจกใสจะเป็นเช่นใดเนี่ย” นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างมีโทสะ ก่อนจะทิ้งกระจกในมือลงบนที่นอนเสี่ยวถิงประคบร้อนให้นางอยู่นานกว่ารอยบวมจะยุบลง บิดามารดา และมู่เฟยหย่าที่กลับมาจากงานเลี้ยงก็รีบมา

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   แดงจนอัปลักษณ์

    สวีซื่อกับรองเจ้ากรมมู่เอ่ยถามเจียอีอีกสองสามประโยค เมื่อเห็นว่านางไม่เป็นอันใดแล้วจึงได้วางใจลง“รู้ตัวว่าเป็นไข้ เหตุใดยังมาอีก” มู่เฟยหย่าเอ่ยถามเจียอีขึ้นมา นางมองที่กำไลข้อมือทั้งสองข้างและปิ่นปักผมอย่างไม่พอใจนัก“ข้าบอกท่านแม่แล้ว ข้าก็ไม่ได้อยากจะมาเสียหน่อย” นางบ่นเสียงเบา ก่อนจะหันไปสนใจของว่างที่อยู่ตรงหน้าแทน หากได้มองหน้ามู่เฟยหย่าต่อ นางอาจจะเผลอโต้ตอบออกไปก็ได้“เว่ยอ๋องเสด็จ” เสียงขันทีประกาศเสียงดัง เพื่อให้ทุกคนลุกขึ้นทำความเคารพ ตะเกียบในมือของเจียอีกชะงักค้าง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วถอยไปอยู่ด้านหลังของมู่เฟยหย่า เพื่อไม่ให้เขาเห็นนางนางมองสังเกตว่ามู่เฟยหย่าจะมีอาการเช่นไร และก็เป็นอย่างที่นางคิด เมื่อดวงตาของมู่เฟยหย่าจับจ้องสนใจอยู่ที่ตัวของเว่ยอ๋องจนเขาเดินไปถึงที่นั่งนางได้เห็นทั้งสองสบตากันครู่หนึ่งด้วย จึงได้ก้มหน้าลงเช่นเดิม แล้วลอบยิ้มในใจ ผู้ใดที่เห็นพี่สาวนางแล้วจะไม่ตกหลุมรักบ้างเล่า คงไม่มีแน่เชื้อพระวงศ์ ทั้งหมดเข้ามาภายในงานเลี้ยงแล้ว เสียงดนตรี และอาหารเริ่มทยอยเข้ามาด้านใน เจียอีได้แต่ก้มหน้าลงสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้าของนาง หรือเงยหน้าขึ้นมามองการแสดงเป

  • ย้อนกลับมาครั้งนี้ ข้ามิใช่เหยื่ออีกต่อไป   ถึงกับเป็นลม

    เจียอีถูกพาไปที่ตำหนักวังหลัง ระหว่างทางเดินมีคนเดินสวนไปมาไม่น้อย เจียอีที่มัวแต่มองความงามของวังหลวงก็บังเอิญชนเข้ากับคนผู้หญิง“โอ๊ยยย” นางเซหงายหลังเกือบที่จะล้มไปกองกับพื้น แต่ถูกคว้าโอบรอบเอวไว้ก่อนที่จึงมิได้ล้มลงไป“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ทันมอง” นางรีบขอโทษ พร้อมทั้งดันตัวเขาออกมา“เดินเยี่ยงไร ถึงมิได้ดูทาง” เจียอีเงยหน้าขึ้นไปมองบุรุษที่ตำหนินางเสียงเย็น“เห้ยยย” นางตกใจถอยหลังหนี ด้วยรีบร้อนเกินไปจึงได้ล้มไปกองกับพื้นทันที“อย่างไรกัน คุณหนูจวนใดถึงได้ไร้มารยาทเช่นนี้”เจียอีถูกนางกำนัลพยุงลุกขึ้น นางรีบไปแอบอยู่ด้านหลังของนางกำนัลทันที ความกลัวพุ่งสูงจนเหงื่อซึมออกมาตามใบหน้าและแผ่นหลัง ใบหน้าของนางซีดขาวจนนางกำนัลต้องเข้าไปประคองนางไว้“ขออภัยอีกรอบเพคะ” นางก้มหน้านิ่งไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาสบสายตาของเขา“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์กำลังทำให้คุณหนูมู่หวาดกลัวอยู่เพคะ” จางมามา นางกำนัลข้างกายของไทเฮาเอ่ยบอกเว่ยอ๋องที่กำลังจ้องมองเจียอีอยู่“เหอะ เปิ่นหวางเป็นปีศาจหรืออย่างไร ถึงได้หวาดกลัวเสียจะเป็นลมเช่นนี้”“หะ หามิได้เพคะ” เจียอีเอ่ยเสียงสั่นออกมาเช่นนี้แล้วผู้ใดจะเชื่อว่านา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status