Beranda / รักโบราณ / ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง / ตอนที่ 15 ปรับปรุงตัวเอง... เพื่อให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้น

Share

ตอนที่ 15 ปรับปรุงตัวเอง... เพื่อให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้น

last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-12 08:05:46

ตอนที่ 15 ปรับปรุงตัวเอง... เพื่อให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้น

รั่วซีกลับมาบ้านในวันต่อมา ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีกลุ่มนักโทษชั้นดีมาใช้แรงงานหรือมาช่วยพัฒนาชุมชน นั่นแสดงว่ากัวเหลียงก็ยังไม่มาเช่นกัน พอกลับมาถึงบ้าน ทุกคนต่างก็ช่วยกันเอาสิ่งของที่ซื้อมาจากสหกรณ์จัดออกเป็น 3 ชุด แบ่งให้กับครอบครัวพ่อกับแม่เพื่อคืนในส่วนที่เธอยืมมาด้วย และจัดให้ครอบครัวพี่สาม ชุดสุดท้ายเอาไปให้สุ่ยหลิง คนที่รั่วซีจะเอาสิ่งของไปให้ ส่วนมากคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอทั้งนั้น แต่วันนี้เธอตั้งใจจะไปเพียงสองบ้านเท่านั้น เพราะดูจากเวลาแล้วคงแวะไปหาเพื่อนไม่ทันแน่นอน...

"แต่งตัวเรียบร้อยหรือยังครับ" จือหยวนถามภรรยาและลูก ๆ ที่หายเข้าห้องนานแล้ว แต่ยังไม่เห็นใครออกมาเลย

"เรียบร้อยค่ะ" เหยาเหยาออกมาก่อนเป็นคนแรก

"ตรวจดูหลังบ้านมาแล้วเหรอคะ" รั่วซีเดินออกมาก็ถามสามีที่เดินไปดูพื้นที่หลังบ้านเพื่อจะทำเป็นศาลาไว้นั่งทำงาน เพราะพวกเธอจะอยู่แต่ในพื้นที่ไม่ได้ ยังไงก็ต้องออกมาอยู่ข้างนอกบ้าง เลยจะขยับขยายให้หลังบ้านเป็นสถานที่ทำงานเวลาที่อยู่ด้านนอก

"ครับ อาจต้องตัดไม้ไผ่เอาไว้เยอะหน่อย" จือหยวนกำลังคิดว่าควรใช้ไม้ไผ่หรือควรใช้ไม้อะไรดี...

"เราคงไม่มีเวลาทำเองหรอกค่ะ หรือเราเอาของมานั่งจัดในห้องโถงก่อนดีไหมคะ พื้นที่พอให้เราทำได้" รั่วซีมองห้องโถงของบ้านแล้วคิดว่าน่าจะใช้ตรงนี้ทำไปก่อน ถึงมันจะไม่กว้างเหมือนในพื้นที่ แต่ใช้ทำงานไปก่อนก็ได้เหมือนกัน

"คงต้องทำแบบนั้นไปก่อนแหละครับ เดี๋ยวจะค่อย ๆ ทยอยตัดไม้เก็บไว้" จือหยวนบอกพร้อมกับมองดูลูกและภรรยาที่แต่งตัวน่ารักกันทุกคน ถึงแม้เสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้ใหม่ที่สุด แต่ทั้งสามคนดูดีมาก ๆ หน้าตาสดใส แค่มองทั้งสามคนก็ทำให้เขายิ้มตามเลยทีเดียว

"ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยดีกว่าค่ะ" รั่วซีบอกทุกคน วันนี้เธอจะไปบ้านพี่ชาย และบ้านพ่อกับแม่เพื่อเอาสิ่งของต่าง ๆ ไปคืน ต้องเข้าไปในหมู่บ้านให้คนเห็นบ้าง เธอหายไปหลายวัน คนอาจสงสัยได้ ยังไงก็ไปให้พวกเขาเห็นหน้าสักนิดก็ยังดี

"จะให้ผมไปด้วยจริง ๆ เหรอครับ" จือหยวนรู้ว่าพ่อตาแม่ยายไม่ค่อยชอบเขามากนัก เขาเลยไม่อยากไปให้ทั้งสองเห็นหน้า หลีกเลี่ยงได้เขาก็อยากหลีกเลี่ยง สำหรับเขาจะพูดว่ายังไง เขาก็ไม่สนใจ แต่เขาไม่อยากให้ทั้งสองต่อว่าภรรยา และภรรยาที่ต้องรับฟังทุกครั้งที่พ่อตาแม่ยายพูด

"ค่ะ ต่อไปมันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว" รั่วซีบอกสามีพร้อมกับส่งยิ้มให้ด้วย เพราะเธอจะลองพูดเรื่องดี ๆ ของสามีให้พ่อกับแม่ฟังบ้าง แต่ก่อนเพราะเธอเงียบ ทุกคนเลยพูดไม่หยุด เธอจะเริ่มลองเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ ทำอย่างไรได้ จะตัดก็ไม่ขาด จะให้เหมือนเดิมก็ทำไม่ได้เช่นกัน 

"ผมไม่เป็นไร แต่คุณกับลูก... " ตลอด 5 ปีที่แต่งงานกับภรรยา เขาเจอมาหลายรูปแบบแล้ว แค่เขาไม่สนใจก็ทำอะไรเขาไม่ได้

"เหยาเหยาไม่เป็นไร" คนที่พูดไม่ชัดที่สุดเป็นคนบอกพ่อ ซึ่งประโยคของเหยาเหยาทำให้พ่อกับแม่ยิ้มตาม และรู้ว่าลูกยังเด็ก คงไม่รู้หรอกว่าคืออะไร

"ไปเถอะค่ะ จะให้ฉันถือไปคนเดียวทั้งหมดเหรอคะ" รั่วซีพยักพเยิดหน้าให้สามีมองตามไปที่สิ่งของที่วางไว้ทั้งหมด 2 ชุด ซึ่งมีน้ำหนักพอสมควร

"ครับ" จือหยวนรับคำ เขารู้ว่าภรรยาอยากให้ไปด้วยจริง ๆ 

ทั้งสี่คนเดินไปด้วยคุยไปด้วย ส่วนมากจะเป็นเสียงเหยาเหยาที่พูดเจื้อยแจ้วออกมา ทั้งรู้เรื่องและไม่รู้เรื่อง พูดชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ก็ขยันที่จะพูดอยู่อย่างนั้นแหละ

"อ้าวน้องเล็ก... มากินข้าวเหรอ" เมื่อเห็นน้องสาวคนเล็กที่หายหน้าไปหลายวันมาบ้านก็เอ่ยถามทันที

"เปล่าค่ะ เอาข้าวที่ยืมไปก่อนหน้านี้มาส่งคืนค่ะ พี่ใหญ่อยู่ก็ดีแล้ว จำได้ไหมว่าฉันเอาไปมากน้อยแค่ไหน ฉันจะได้คืนทีเดียว" ชีวิตก่อน รั่วซีถือว่าตัวเองเป็นคนที่ใช้ไม่ได้มาหยิบยืม มีคืนบ้างไม่คืนบ้าง เป็นธรรมดาที่พี่ชายคนโตจะไม่ชอบ จะไม่ให้ก็ไม่ได้ เลยอยากให้เธอไปอยู่ไกล ๆ เขาคงคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด

รั่วซีไม่ได้โทษพวกเขาทั้งหมด หากจะโทษใคร เธอจะโทษตัวเองก่อนเป็นคนแรก ในเมื่อมีโอกาสได้กลับมาแล้ว เธอจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น แต่ก่อนไม่รู้ความจึงทำทุกอย่างตามใจ ในเมื่อเธอไม่ทำตัวแบบเดิมแล้ว พี่ใหญ่อาจไม่ยุ่งกับเธอหรือพยายามผลักไสให้เธอไปอยู่ไกล ๆ ก็ได้ แต่ถึงเขาจะยังอยากให้เธอไป เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เพราะเธอไม่มีทางเดินบนเส้นทางเดิมเป็นอันขาด

"มีอาหารพอแล้วเหรอ... ไม่กี่วันก่อนก็เอามาคืนแล้วไม่ใช่เหรอ" เทียนฉีมองหน้าน้องสาวคนเล็กอย่างไม่เข้าใจมากนัก

"มีแล้วค่ะ พ่อของเด็ก ๆ ได้งานในเมืองแล้ว นายจ้างให้อาหารมาด้วยเลยแบ่งมาค่ะ" รั่วซีบอกพี่ชายพร้อมกับมองไปที่สามี ให้เขาเอาข้าวสารและธัญพืชส่งให้พี่ใหญ่ไป เพราะเธอเห็นแล้วว่าตอนนี้ทั้งแม่ พ่อ และคนข้างบ้านกำลังเดินมาด้วยกัน

"หายดีแล้วเหรอ ถึงออกมาตากลมแบบนี้" ชุนผิงเห็นลูกสาวที่วันนี้มาทั้งครอบครัวก็เอ่ยถามลูกสาวทันที

"หายแล้วค่ะ ฉันเอาข้าวสารธัญพืชมาคืน พ่อของเด็ก ๆ ได้งานแล้วค่ะ ต่อไปฉันก็ไม่ต้องมารบกวนที่บ้านบ่อย ๆ แล้วละค่ะ" รั่วซีพูดยกความดีให้สามี พวกเขาอาจมองสามีเธอใหม่ แต่ก่อนเธอจะไม่พูดว่าเขาเป็นแบบไหนยังไง เรื่องนี้ก็คืออีกเรื่องที่เธอจะลองเปลี่ยนแปลงดู ให้ครอบครัวพ่อกับแม่มองสามีเธอใหม่ จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนดี แต่แค่ไม่ได้รวยเหมือนที่พ่อแม่หวังเท่านั้นเอง และสาเหตุที่อาหารไม่พอกินก็เพราะเธออีกนั่นแหละที่ไม่ให้เขาไปทำงานที่อื่น

"เพิ่งจะได้งาน อย่าหน้าใหญ่ หากไม่พอกินจะทำอย่างไร เก็บไว้บ้าง" ชุนผิงบอกลูกสาวแต่ก็ยังพูดจากระทบลูกเขยไปด้วย

"แต่ก่อนที่ไม่พอเพราะฉันเป็นคนบอกไม่ให้เขาไปทำงานในเมือง หรือว่าไปทำงานกับพี่น้องของเขา เลยต้องมาขออาหารจากแม่ตลอด ต่อไปฉันไม่ห้ามแล้ว อาหารพอแน่นอน แม่ไม่ต้องห่วง" รั่วซียังคงพูดต่อ ชาวบ้านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะไม่เคยรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นแบบไหน รั่วซีไม่เคยพูดเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เลย เพิ่งจะมาพูดก็วันนี้แหละ

"ทำงานแบกหาม ได้เงินเยอะแบบนี้เลยเหรอ" ชาวบ้านก็เริ่มสงสัย

"ไม่ได้ทำงานแบกหามค่ะ ส่วนนี่เงินที่ฉันยืมไป ฉันจำไม่ได้ว่าเท่าไร" รั่วซีเอาเงินให้แม่จำนวน 50 หยวนต่อหน้าทุกคน เพื่อทุกคนจะได้รับรู้ว่าเธอคืนเงินเรียบร้อยแล้ว เอาอาหารมาคืนแล้ว ได้พูดเรื่องจริงเกี่ยวกับสามีแล้ว ต่อไปก็แล้วแต่พวกเขาจะคิดแบบไหนก็ต้องปล่อยไป

"ทำงานโรงงานหรือยังไง" หยีเทียนถามเกี่ยวกับงานของลูกเขย ทำไมมีทั้งเงินทั้งอาหาร หากทำโรงงานก็ถือเป็นเรื่องดี และลูกเขยมีความรู้อยู่ด้วย หากเป็นไปตามที่ลูกสาวบอกว่าเป็นเพราะตัวเองที่ไม่ให้ลูกเขยไปทำงานตั้งแต่แรก ตอนนี้ลูกสาวน่าจะยอมให้สามีไปทำงานแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เอาเงินและอาหารมาคืนแบบนี้แน่นอน

"ฮือ ๆ ของเหยาเหยา" เสียงร้องไห้ดังมาจากริมรั้วหน้าบ้าน เรียกสายตาผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงนี้ให้หันไปมองทันที

จือหยวนรีบวิ่งออกไปดู เขาจำได้ว่าเป็นเสียงลูกสาวของตัวเอง และก่อนที่จะเข้ามาในเขตบ้านพ่อตาแม่ยายจะมีแปลงดอกไม้แปลงเล็ก ๆ อยู่แถว ๆ ริมรั้ว ลูกสาวเลยขอดูดอกไม้ก่อน ส่วนลูกชายจะอยู่เป็นเพื่อนน้องสาว เลยไม่ได้เข้ามาด้วย

จือหยวนเห็นลูกสาวที่หงายท้องร้องไห้ลั่นก็รีบไปจับลูกสาวให้ลุกขึ้น พร้อมกับส่งลูกสาวให้ภรรยาที่วิ่งตามมาติด ๆ ส่วนตัวเขารีบไปห้ามลูกชายที่กำลังต่อยกับลูกพี่ลูกน้อง เพื่อให้ทั้งสองแยกออกจากกัน

"หยุดค่ะ ไม่ร้องนะ ขอแม่ดูก่อนเจ็บตรงไหน" รั่วซีจับลูกสาวหันซ้ายหันขวาเพื่อตรวจดูว่ามีแผลตรงไหนหรือไม่

"ก้น ก้นเหยาเหยา" ลูกสาวพูดไปด้วย ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วยจนฟังออกแค่ว่าก้นเหยาเหยาอย่างเดียว

"น้องโดนผลักก้นกระแทกครับ" ชางเฉิงเป็นคนพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่คู่กรณี

"เกิดอะไรขึ้น เล่าให้แม่ฟังได้ไหม" รั่วซีเป็นคนถามพร้อมกับจับหน้าลูกชายที่มีรอยแดง ๆ น่าจะเกิดจากการที่ต่อยกับเด็กที่โตกว่า แล้วลูกชายของเธอคงสู้ไม่ได้แน่ ๆ 

"น้องเล็กจะฟังแต่ลูกตัวเองไม่ได้นะ" ถางเจียหรู พูดขึ้นทันทีที่ออกมาได้ยินน้องสามีพูดขึ้นมาแบบนั้น

"พี่สะใภ้ใหญ่เข้าใจแบบนั้นเหรอ" รั่วซีหันไปมองพี่สะใภ้ใหญ่ทั้งที่เธอแค่พูดว่าให้ลูกเล่าให้ฟัง ยังไม่ได้หาคนผิดสักหน่อย

"น้องเล็กให้ลูกเล่า นั่นก็คือฟังลูกแล้ว" เสียงสะใภ้ใหญ่สวนกลับทันที

"ทีหลังฟังให้ดี ๆ ก่อนที่จะพูดอะไรออกมาด้วยนะพี่สะใภ้ใหญ่ เพราะคนอื่นที่ได้ยิน เขาจะคิดว่าร้อนตัวแทนลูกชาย" จากตอนแรกไม่คิดอะไร เพราะเด็ก ๆ ทะเลาะกันเดี๋ยวก็ดีกันเล่นกันแล้ว แต่พอเจอพี่สะใภ้พูดแบบนี้ เธอก็ไม่ยอมเช่นกัน

"เอาละ ๆ แค่เด็กทะเลาะกันเท่านั้นเอง เราคนโตอย่าเอามาใส่ใจเลย เข้าบ้านจะได้กินข้าวกินปลาให้เรียบร้อย" ชุนผิงเห็นชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาเริ่มมามุงดูก็รีบบอกลูก ๆ หลาน ๆ ให้เข้าบ้านและเลิกแล้วต่อกัน อย่ามาทะเลาะกันให้เป็นขี้ปากชาวบ้านเลยดีกว่า

"เหยาเหยาไม่เข้า" เหยาเหยาปีนไปหาพ่อของเธอ เพื่อให้พ่ออุ้มเหมือนทุกครั้ง และเธอไม่อยากเข้าบ้านตากับยาย

"อ้าว ทำไมพูดแบบนี้ เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมเอาแต่ใจ สอนลูกบ้างนะน้องเล็ก" พี่สะใภ้ใหญ่ก็เปรียบเสมือนแม่ที่ต้องคอยสอนลูกสอนหลาน อย่างไรเสียเธอก็สามารถพูดเรื่องนี้ได้ เธอเลยพูดขึ้นทันที

"ได้ ๆ เข้าบ้าน... ที่เข้าบ้านเพราะฉันยังไม่รู้เลยว่าลูกพี่ใหญ่ผลักลูกฉันทำไม" ปกติรั่วซีเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ชอบเถียงหรือพูดอะไร แต่ตอนนี้เธอจะไม่เงียบอีกต่อไป สิ่งไหนผิดเธอพร้อมจะปรับปรุงและแก้ไข แต่หากสิ่งไหนครอบครัวเธอไม่ผิด อย่ายัดเยียดความผิดให้เป็นอันขาด เพราะเธอไม่ยอมแน่ ๆ 

ทุกคนไม่คิดว่าลูกสาวคนเล็กหรือน้องคนเล็กจะพูดแบบนั้น เพราะถ้าพูดแบบนั้นออกมา นั่นหมายถึงซีซีไม่มีทางยอมแน่นอน ด้วยนิสัยดื้อรั้นที่มีมาแต่ไหนแต่ไรของซีซีด้วย หากลูกสาวคนเล็กเงียบไม่พูด นั่นคือไม่เอาเรื่องหรือไม่ถือสา แต่หากบอกมาแบบนั้นทีไร นั่นคือไม่มีทางยอมง่าย ๆ แน่นอน

"ถ้าอย่างนั้นเข้าบ้าน" คนเป็นพ่อพูดขึ้นเพราะรู้ว่าลูกสาวคนเล็กไม่ยอมจนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง

"เจ็บไหมลูก... เราเข้าไปก่อน พอรู้ความจริงแล้วค่อยไปบ้านลุงสามเนอะ" รั่วซีบอกลูกทั้งสองคน ตอนแรกเธอจะปล่อยผ่านเหมือนทุกครั้ง แต่พอเจอพี่สะใภ้ใหญ่บอกมาแบบนั้น เธอเลยไม่ยอม

เมื่อได้เข้ามาพูดคุยและได้รู้ความจริงว่า ลูกสาวเธอนั่งเล่นอยู่ที่แปลงดอกไม้ และลูกชายกำลังแกะลูกอมตรากระต่ายให้น้องอยู่ ลูกพี่ลูกน้องมาจากไหนไม่รู้ มาถึงก็ผลักเหยาเหยาก้นกระแทก และแย่งลูกอมตรากระต่ายไป พออาเฉิงเห็นว่าน้องโดนผลักและโดนแย่งขนมไปเลยจะเข้าไปเอามาคืนน้อง จึงเกิดการต่อยกันขึ้นมา

"ขอโทษน้องก่อน และทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก" รั่วซีหันไปหาหลานชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พี่สะใภ้ใหญ่ 

"จะอะไร แค่เด็ก ๆ ทะเลาะกัน" เจียหรูพูดออกรับแทนลูกชายทันที

"จะอะไรแค่ขอโทษ ทำผิดก็ต้องขอโทษ ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายสักหน่อย" เรื่องเอาแต่ใจและดื้อรั้นของรั่วซีนั้นไม่มีใครไม่รู้ ขึ้นอยู่กับว่ารั่วซีจะเอาแต่ใจเรื่องไหนและตอนไหนเท่านั้นเอง โดยส่วนมากรั่วซีแค่ไม่พูด ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าหากเธอต้องการก็ต้องยอมทั้งนั้น

"ขอโทษน้อง และต่อไปอย่าทำแบบนั้นอีก" เทียนฉีหันไปบอกลูกชายพร้อมส่งสายตาปรามภรรยา จริง ๆ แล้วในบ้านมีเพียงพ่อแม่กับพี่น้องเท่านั้นที่รู้ หากเป็นสะใภ้หรือลูกเขยนั้น ไม่รู้หรอกว่าน้องสาวคนเล็กเอาแต่ใจขนาดไหน พอเริ่มโตขึ้นมาหน่อย น้องสาวไม่ค่อยเอาแต่ใจตัวเองสักเท่าไร แต่หากพูดมาแบบนี้รับรองว่าไม่มีทางยอม

เมื่อรั่วซีเห็นหลานมาขอโทษลูกเธอแล้วก็ไม่ว่าอะไร ในเมื่อยอมขอโทษดี ๆ เธอก็ไม่ถือสา เพราะในตอนแรกเธอก็ไม่คิดอะไรอยู่แล้ว แต่พี่สะใภ้นั่นแหละที่เป็นคนพูดขึ้นมาก่อนเอง ทำให้เธอต้องทำแบบนี้

"กินข้าวกัน เรื่องจบแล้วให้มันจบ ๆ " พ่อผู้เป็นใหญ่ในบ้านเป็นคนพูดขึ้น ถึงแม้ว่ายังไม่ถึงเวลากินมื้อเย็น แต่ก็เอาออกมาอ้างสองรอบแล้ว จะได้เลิกคุยเรื่องนี้

"ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ เราจะไปบ้านลุงสามกัน" รั่วซีบอกพ่อกับแม่ แล้วหันมาบอกลูกสาวและมองหน้าสามีที่นั่งเงียบไม่พูดอะไรหรือขัดอะไรเลย

"เพราะสามีมาด้วยเหรอถึงทำแบบนี้" ชุนผิงมองหน้าลูกเขยแล้วหันมาถามลูกสาว ก่อนหน้านี้เด็ก ๆ ก็เคยมีเรื่องกัน ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้ แต่วันนี้ลูกสาวพาลูกเขยมาด้วยกลับไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบเหมือนเดิม

"แม่... หากพี่สะใภ้ใหญ่ไม่พูดขึ้น ฉันก็เงียบแล้ว แม่ไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือยังไง ตั้งแต่มาที่นี่มีใครทักทายสามีฉันบ้างไหม แม้แต่หลาน ๆ ยังไม่มีใครมาทักทายเลย ฉันยังไม่ว่าอะไรสักคำ หากฉันผิด ฉันยินดีที่จะแก้ไขปรับปรุงตัว แต่หากฉันไม่ผิด อย่ามาว่ายัดเยียดความผิดให้ครอบครัวฉัน เวลาลูกของฉันไม่ทักทายลุงป้าหาว่าฉันไม่สั่งสอน แต่กลับกัน ลูกหลานคนอื่น ๆ ไม่เห็นจะมาทักทายสามีฉัน มีใครพูดเรื่องสั่งสอนบ้างไหม... " รั่วซีหยุดพูดทั้งที่ตัวเองยังพูดไม่จบ เพราะสามีสะกิดและส่ายหน้าเป็นสัญญาณไม่ให้เธอพูดอะไรแล้ว 

"น้องเล็ก แค่สามีได้ทำงานในเมืองนี่กล้ามากเลยนะ" สะใภ้ใหญ่ทนไม่ไหว ทำไมทุกคนถึงเงียบ ไม่โต้ตอบกันบ้าง นั่นก็แค่ลูกสาว ก็แค่น้องสาวที่แต่งออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ปล่อยให้ว่าตัวเองฉอด ๆ อยู่ได้

"พอ ๆ เลิกพูดเรื่องนี้ แยกย้ายกันได้แล้ว ใครจะไปทำอะไรก็ไปทำ" คนเป็นพ่อรีบห้ามก่อนที่จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น พร้อมกับหันไปปรามภรรยาและลูกสะใภ้ใหญ่

รั่วซีลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มลูกสาวคนเล็กและหันไปมองสามีก่อนที่จะเดินออกจากบ้าน ไม่บอกลาเหมือนทุกครั้ง เดินหนีทั้งที่ได้ยินเสียงพี่สะใภ้ใหญ่พูดไล่หลังมา

ความตั้งใจแรกเพื่อที่จะแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อที่พี่ชายจะไม่ผลักไสตัวเธอไปไกล ๆ เพื่อให้พ่อกับแม่มองสามีกับลูก ๆ ของเธอใหม่ จึงเลือกที่จะพูดแต่เรื่องดี ๆ หวังปรับปรุงที่ตัวเองก่อน เพราะรู้ว่าชีวิตที่แล้วตัวเองไม่ได้ทำตัวดีสักเท่าไร พอมีโอกาสได้กลับมาก็อยากจะแก้ไข แต่พอเริ่มวันแรกก็ล้มเหลวเสียแล้ว... 

"เหยาเหยาไม่ร้องแล้ว" เหยาเหยาเห็นว่าพ่อเงียบ พี่ก็เงียบ แม่ก็หน้าบึ้ง เลยคิดว่าเพราะตัวเองร้องไห้เลยทำให้ทุกคนเป็นแบบนี้

"หากเจ็บก็พูด จะร้องบ้างก็ไม่เป็นไร แม่ขอโทษที่แต่ก่อนปกป้องลูกได้ไม่ดีพอ ยอมพวกเขาหลายรอบ จนกลายเป็นว่าพวกเขาก็ยังทำเหมือนเดิม ต่อไปแม่จะปกป้องลูกเอง จำไว้ว่าอย่าทำคนอื่นก่อน และอย่าปล่อยให้คนอื่นมารังแกเรา อาเฉิง ลูกทำดีที่ปกป้องน้อง แม่ขอบใจลูกมาก ลูกกล้าหาญมาก ๆ เลยรู้ไหม" รั่วซีหันไปมองลูกชายที่หันมามองแม่พร้อมกับยิ้มรับคำที่แม่สอน หากเป็นแต่ก่อน แม่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้แม่ชมที่เขาปกป้องน้องสาว

"อย่าคิดมาก... พึ่งรู้ว่าเหยาเหยาเอาแต่ใจเหมือนใคร" จือหยวนพูดเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียด พร้อมกับเอื้อมมือมาโยกหัวภรรยาแล้วโยกหัวลูกสาวไปมา

"เหยาเหยาเหมือนใคร" เหยาเหยาถามขึ้น ไม่ได้ยินหรอกว่าคำแรกคืออะไร ได้ยินแต่ว่าเหยาเหยาเหมือนใครเพียงเท่านั้น

"เหยาเหยาเหมือนซีซี" คนเป็นพ่อตอบพร้อมกับยิ้มให้ลูก ๆ และภรรยา

"เหยาเหยาเหมือนซีซี" เหยาเหยาก็พูดตาม พร้อมกับโยกหัวไปมา จึงทำให้บรรยากาศดีขึ้นกว่าเดิม เกิดเป็นภาพครอบครัวเดินคุยกันไป หัวเราะกันไป พร้อมกับประโยคที่เหยาเหยาตัวน้อยคอยพูดเจื้อยแจ้วว่า เหยาเหยาเหมือนซีซี ตลอดทาง...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 17 อยู่ดี ๆ ปัญหาก็ตามมาถึงบ้าน

    ตอนที่ 17 อยู่ดี ๆ ปัญหาก็ตามมาถึงบ้านเช้าวันต่อมารั่วซีก็ให้สามีเอาสบู่โลชั่นที่จัดเป็นชุดทดลองและมื้อเช้าไปส่งให้ครอบครัวพี่สาม โดยที่มีเหยาเหยาตัวน้อยวิ่งตามไปด้วย ในบ้านจึงเหลือเพียงลูกชายและเธอที่กำลังช่วยกันจัดเตรียมมื้อเช้ารอสองพ่อลูกกลับมาวันนี้รั่วซีจะห่อสบู่ด้วยกระดาษไขเพราะสบู่ที่มีอยู่ยังไม่ได้ห่อหรือมีกล่องใส่เลย ต้องจัดเตรียมให้เรียบร้อยโดยมีสามีและลูก ๆ ช่วยทำงานวันนี้ต้องออกมาทำงานข้างนอกพื้นที่บ้าง จัดสวน จัดบ้าน ดีที่ครอบครัวของเธอต่างช่วยเหลือกันทั้งหมด ไม่ว่างานอะไรหาก ใครว่างต่างก็มาช่วยกันทำงานตลอด"แม่ครับ วันนี้ต้องปลูกต้นไม้ไหม" ชางเฉิงมองดูต้นไม้ที่แม่เอาออกมาวางเรียงไว้ หากปลูกเขาจะได้ช่วย"ทำจ้ะ แต่รอกินมื้อเช้าให้เรียบร้อยก่อน อาเฉิงต่อไปต้องแบ่งเวลา เริ่มหัดเขียนตัวอักษรด้วยนะ" ร

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 16 ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

    ตอนที่ 16 ช่วยเหลือซึ่งกันและกันตอนนี้ทั้งสี่คนมาอยู่หน้าบ้านของพี่สามแล้ว ก่อนหน้านี้รั่วซีเข้าไปเอาของจากพื้นที่ออกมาเพิ่ม มีทั้งอาหารคาวอาหารหวานที่ปรุงเรียบร้อยแล้ว และยังไปเอาไข่ไก่และผลไม้มาเพิ่มอีก...รั่วซีถือถุงใส่เสื้อผ้าส่วนสามีถือข้าวสารอาหารและธัญพืชต่าง ๆ อาเฉิงถือสมุดคัดอักษรมาแบ่งลูกลุงสาม ส่วนเหยาเหยาเอาสมุดภาพระบายสีมาแบ่งลูกลุงสามเช่นกัน"จะพากันไปไหน" ยังไม่ทันที่รั่วซีจะตะโกนเรียกพี่ชายก็ได้ยินเสียงของพี่ชายถามขึ้น เสียงนั้นดังมาจากข้าง ๆ รั้วบ้าน"มาหาพี่สามนะสิถามได้" รั่วซีมองพี่ชายที่ลุกขึ้นยืนมอง"แล้วหอบอะไรกันมาทั้งครอบครัว เอามานี่ พี่ช่วยถือ" เกาซีหมิง เดินมาช่วยน้องสาวถือของโดยที่ยังไม่รู้ว่าคือสิ่งใด

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 15 ปรับปรุงตัวเอง... เพื่อให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้น

    ตอนที่ 15 ปรับปรุงตัวเอง... เพื่อให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้นรั่วซีกลับมาบ้านในวันต่อมา ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีกลุ่มนักโทษชั้นดีมาใช้แรงงานหรือมาช่วยพัฒนาชุมชน นั่นแสดงว่ากัวเหลียงก็ยังไม่มาเช่นกัน พอกลับมาถึงบ้าน ทุกคนต่างก็ช่วยกันเอาสิ่งของที่ซื้อมาจากสหกรณ์จัดออกเป็น 3 ชุด แบ่งให้กับครอบครัวพ่อกับแม่เพื่อคืนในส่วนที่เธอยืมมาด้วย และจัดให้ครอบครัวพี่สาม ชุดสุดท้ายเอาไปให้สุ่ยหลิง คนที่รั่วซีจะเอาสิ่งของไปให้ ส่วนมากคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอทั้งนั้น แต่วันนี้เธอตั้งใจจะไปเพียงสองบ้านเท่านั้น เพราะดูจากเวลาแล้วคงแวะไปหาเพื่อนไม่ทันแน่นอน..."แต่งตัวเรียบร้อยหรือยังครับ" จือหยวนถามภรรยาและลูก ๆ ที่หายเข้าห้องนานแล้ว แต่ยังไม่เห็นใครออกมาเลย"เรียบร้อยค่ะ" เหยาเหยาออกมาก่อนเป็นคนแรก"ตรวจดูหลังบ้านมาแล้วเหรอคะ" รั่วซีเดินออกมาก

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 14 เจรจาการค้า

    ตอนที่ 14 เจรจาการค้า"ซีซี ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ คนบางคนเราไม่ควรที่จะพูดคุยแบบนั้น มันอันตราย" จือหยวนช่วยภรรยาทำความสะอาดร้านก่อนจะพากันเอากุญแจไปคืนคนดูแล"ขอโทษค่ะ ฉันคิดน้อยไปหน่อย ทีหลังจะไม่ทำแบบนั้นอีก" รั่วซีลืมไปว่าคนอื่นไม่รู้เหมือนเธอ และที่เธอรู้ก็ไม่ได้รู้เยอะมากนัก การเชื่อใจคนง่ายเป็นข้อเสียของเธอตั้งแต่ชีวิตก่อน หรือจะบอกว่าเธอโง่ก็ไม่ผิด พอมาชีวิตนี้ก็ยังหลงลืม ยังทำเหมือนชีวิตที่แล้วอีก ลืมนึกไปว่า... แม้แต่คนที่มีพระคุณก็อาจเป็นคนที่ทำร้ายเราได้"ผู้ชายคนนั้นดูอันตราย แต่หากเราจะทำการค้ากับเขา... เราก็ต้องระวังด้วย" จือหยวนเน้นย้ำให้ภรรยาเข้าใจ"ค่ะ" รั่วซีรับคำและไม่ได้โต้เถียงอะไร เพราะสามีหวังดีเลยเตือน เธอก็ควรระวังตัวกว่านี้"อย่าคิดมากครับ ในเมื่อเขาแสดงตัวแล้ว เขาก็คงต้องการทำการค้ากับเรา เหลือแค

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 13 ผู้มีพระคุณ

    ตอนที่ 13 ผู้มีพระคุณสองสามีภรรยาเดินทางมาที่ตลาดมืดตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมจัดร้าน รั่วซีคือคนที่เข้าออกเพื่อหยิบสิ่งของที่เตรียมกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนส่วนสามีคือคนจัดร้าน แยกทุกอย่างให้ง่ายในการหยิบขาย ทั้งสองช่วยกันอย่างขะมักเขม้นเพื่อเร่งให้ทันเวลา คนส่วนมากจะเข้ามาหาซื้อของที่ตลาดมืดในช่วงเวลาสายหลังกินมื้อเช้าแล้ว ทั้งสองต้องรีบเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเมื่อคืนจือหยวนได้บอกภรรยาว่าวันนี้ขายเยอะได้ แต่วันหลังจะไม่ขายเยอะแบบนี้อีก วันนี้สามารถอ้างได้ว่าเอาของมาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน จือหยวนคิดหาวิธีป้องกันไว้ก่อน เพราะทั้งสองเดินผ่านคนเฝ้าประตูเข้ามาโดยไม่มีอะไรติดตัวมาเลย หากมีของขายเยอะอาจทำให้คนพวกนั้นสงสัยได้ วันนี้ทำได้เพราะเมื่อวานคนพวกนั้นเห็นเขามาเช่าร้านแล้ว สามารถหาข้ออ้างได้ แต่ครั้งต่อไปอาจไม่ง่ายและอาจถูกจับตาดูอีกด้วยการที่คนเรามีกินมีใช้มากกว่าคนอื่นก็จะถูกจับตามอง ถูกจ้องจับผิด ท

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   บทที่ 12 วันแรกของการค้าขาย

    บทที่ 12 วันแรกของการค้าขายหลังจากที่เจอภรรยาก็พาเดินมาอีกด้าน เพื่อดูสถานที่ตั้งร้าน สถานที่แห่งนี้อยู่ในมุมลับตาคน เป็นห้องสี่เหลี่ยมกว้างพอสมควร ด้านในมีชั้นวางของ จือหยวนคิดว่าตรงนี้เหมาะและปลอดภัยสำหรับเข้าออกพื้นที่ และยังมีพื้นที่กว้าง สามารถเอาสิ่งของออกจากพื้นที่ทีละเยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องเข้าออกพื้นที่บ่อย ๆห้องนี้ให้เช่าวันต่อวัน ราคาเช่าวันละ 100 หยวน ตอนที่ได้ยินราคา จือหยวนคิดว่าราคาแพงเกินไป คงไม่มีเงินจ่ายทันที อาจต้องขอจ่ายหลังจากขายของเสร็จ แต่พอเขารู้ว่าระยะเวลาที่เขามาหาสถานที่นั้น ภรรยาสามารถขายของได้เกือบ 300 หยวน หากเช่าห้องนี้จะได้ไม่ต้องเสี่ยงหามุมลับตาคน ตรงนี้ปลอดภัยแน่นอน เพราะเขาตรวจดูก่อนจะรู้ราคาเช่าเสียอีก"ถึงจะเป็นมุมลับตาคน แต่หากเรามีลูกค้าประจำ เราก็ขายได้" รั่วซีไม่รู้ว่าสามีคิดยังไง เลยเป็นพูดออกมาก่อน"ราคาเช่าวันละ 100 หยวน ต้อง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status