로그인ตอนที่ 14 เจรจาการค้า
"ซีซี ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ คนบางคนเราไม่ควรที่จะพูดคุยแบบนั้น มันอันตราย" จือหยวนช่วยภรรยาทำความสะอาดร้านก่อนจะพากันเอากุญแจไปคืนคนดูแล
"ขอโทษค่ะ ฉันคิดน้อยไปหน่อย ทีหลังจะไม่ทำแบบนั้นอีก" รั่วซีลืมไปว่าคนอื่นไม่รู้เหมือนเธอ และที่เธอรู้ก็ไม่ได้รู้เยอะมากนัก การเชื่อใจคนง่ายเป็นข้อเสียของเธอตั้งแต่ชีวิตก่อน หรือจะบอกว่าเธอโง่ก็ไม่ผิด พอมาชีวิตนี้ก็ยังหลงลืม ยังทำเหมือนชีวิตที่แล้วอีก ลืมนึกไปว่า... แม้แต่คนที่มีพระคุณก็อาจเป็นคนที่ทำร้ายเราได้
"ผู้ชายคนนั้นดูอันตราย แต่หากเราจะทำการค้ากับเขา... เราก็ต้องระวังด้วย" จือหยวนเน้นย้ำให้ภรรยาเข้าใจ
"ค่ะ" รั่วซีรับคำและไม่ได้โต้เถียงอะไร เพราะสามีหวังดีเลยเตือน เธอก็ควรระวังตัวกว่านี้
"อย่าคิดมากครับ ในเมื่อเขาแสดงตัวแล้ว เขาก็คงต้องการทำการค้ากับเรา เหลือแค่เจรจาต่อรอง เราจะได้วางแผนว่าควรทำยังไงดี"
จือหยวนรับหน้าที่ไปคืนกุญแจ พร้อมกับเอากระเช้าอาหารไปให้เพื่อนด้วย ส่วนรั่วซีเดินดูสิ่งของต่าง ๆ ที่ขายที่ตลาดมืด เหมือนสำรวจตลาดว่ามีอะไรน่าสนใจ ของที่นำมาขายกันส่วนมากจะเป็นสิ่งของที่แตกต่างกันไป พ่อค้าแม่ค้าไม่มีการแย่งลูกค้ากันอย่างแน่นอน มีแต่คนซื้อจะแย่งซื้ออาหารกันมากกว่า...
"คุณตาค่ะ มีดเล่มนี้ขายไหมคะ" กำลังจะเดินผ่านไป แต่พอเห็นมีดเล่มเล็ก... รั่วซีก็ต้องหยุดถามทันที
"มีอาหารแลกไหม อยากได้เป็นอาหารมากกว่า" บางครั้งมีเงินก็ใช่ว่าจะซื้ออาหารได้
"พอมีค่ะ คุณตาขายมีดราคาเท่าไรคะ ฉันจะได้เอาอาหารให้ถูก" หากตีเป็นราคา รั่วซียังพอที่จะให้ได้ จะได้พอใจทั้งสองฝ่าย
"จริง ๆ มีดมันเก่าแล้ว ข้าวสารสักชั่งก็พอแล้ว" เจ้าของมีดตอบกลับ
"ถ้าอย่างนั้นคุณตารอก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันเอามาให้" รั่วซีรีบเดินออกไปหาที่ลับตา เพื่อที่จะได้นำอาหารมาแลกเปลี่ยนกับมีดพกเล่มนั้น และรั่วซียังให้มากกว่าที่คุณตาบอกมา เพราะเธออยากได้มีดพกเล่มนั้นมาก ๆ คนอื่นอาจมองไม่มีค่า แต่สำหรับรั่วซีมันมีค่ามาก...
หลังจากที่ได้มีดพกมา รั่วซีก็เอาแต่จ้องมอง เธอไม่รู้ว่าจะใช่มีดเล่มเดียวกับที่เธอใช้กรีดข้อมือตัวเองไหม แต่เท่าที่ดูมันคล้ายกันมาก ยังไงเธอก็ต้องไปเจรจาเรื่องค้าขายกับคนคนนั้น เธอจะมอบมีดเล่มนี้ให้เขา ถือว่าเป็นการคืนในสิ่งที่เธอเคยบอกไว้ในชีวิตก่อน ...
"เราจะกลับเลยไหมคะ คุณอยากซื้ออะไรไหม" ตั้งแต่เข้าเมืองมา สามีแทบไม่ได้ใช้เงินเลย ไม่ซื้อไม่อยากได้ พอถามเขาก็บอกว่ามีครบแล้ว
"ไม่รู้จะซื้ออะไร กลับเลยดีกว่าจะได้ไปแวะสหกรณ์ซื้อนมผงซื้อธัญพืช" จือหยวนบอกตามตรง เขาไม่ได้อยากได้อะไร ต้องบอกว่าเขามีสิ่งของที่ภรรยาเตรียมไว้ให้เยอะแล้ว
"หากทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เราไปเยี่ยมพ่อกับแม่คุณดีไหมคะ จะพาเด็ก ๆ ไปหาคุณปู่คุณย่าบ้าง" รั่วซีหันไปบอกในเรื่องที่ตัวเธอคิดไว้และตั้งใจจะทำ
"ตามใจภรรยาครับ" จือหยวนก็คิดว่าแบบนั้นดีเหมือนกัน... นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้กลับไปหาพ่อกับแม่
เมื่อซื้อของที่สหกรณ์เรียบร้อยแล้วก็พากันเข้ามาในพื้นที่ ที่ต้องซื้อของในสหกรณ์เพราะรั่วซีจะนำสิ่งของเหล่านั้นไปคืนพ่อกับแม่ ใจจริงอยากเอาที่มีอยู่ในพื้นที่ไปให้ แต่อย่างที่รู้ ๆ หากพวกเขาเห็นสิ่งของต่าง ๆ อาจทำให้สงสัยได้
ตอนนี้ต้องทำแบบนี้ก่อนจนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง ค่อยว่ากันอีกที พอเข้ามาในพื้นที่ก็พาลูก ๆ กินมื้อกลางวันก่อนแล้วค่อยออกไปข้างนอกเพื่อไปเจรจาการค้า ทั้งสองอยากทำทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วค่อยกลับบ้านทีเดียว หลังจากกินอาหารเรียบร้อยแล้วก็ช่วยกันนับเงินที่ขายของได้ และตรวจดูว่ายอดตรงกับที่ทำบัญชีไว้ไหม...
"ทั้งหมด 8250 หยวนค่ะ เยอะมาก วันแรกขายได้พันกว่าหยวน ฉันก็ดีใจแล้ว วันนี้เยอะกว่าเดิมอีก เราขายได้ขนาดนี้จริง ๆ เหรอคะ" ไม่อยากจะเชื่อว่าวันหนึ่งจะสามารถหาเงินได้ขนาดนี้ แต่ก่อนมีเงินติดตัวเกิน 20 หยวนก็ถือว่าดีแล้ว
"เพราะเรารับที่คนสั่งมาด้วย มันเลยได้เยอะ" ลูกค้ารายใหญ่เยอะกว่ารายย่อยเสียอีก และที่เขาคาดไม่ถึงคือ ไม่ถึงครึ่งวันสามารถหาเงินได้มากขนาดนี้เลยเหรอ
"หากเราไม่มีพื้นที่ตรงนี้ เราก็คงไม่สามารถทำแบบนี้ได้" รั่วซีพูดพร้อมกับมองออกไปข้างนอก ก่อนที่จะเห็นหัวดำ ๆ สองหัวที่แอบอยู่ตรงประตู
"เข้ามาได้ค่ะ ไม่ต้องแอบ" รั่วซีเรียกลูกทั้งสองให้เข้ามา ทั้งสองรู้ว่าพ่อกับแม่ออกไปขายเฉ่าเหมย คงอยากจะรู้ว่าขายได้เท่าไร
เหยาเหยาเป็นคนแรกที่วิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามา... หลังจากที่ได้รับอนุญาตแล้ว แต่สายตาไม่ได้มองที่พ่อกับแม่เลยสักนิด สายตาของเหยาเหยาจดจ้องอยู่ที่ถุงเงิน ทั้งที่มองไม่เห็นด้านใน... แค่ได้จ้องก็ยังดี
"นี่คือเงินค่าเฉ่าเหมยค่ะ ได้เยอะมาก... เหมือนเดิม... " รั่วซียังพูดไม่จบ ลูกทั้งสองของเธอก็รีบบอกในสิ่งที่เธอย้ำเตือนบ่อย ๆ
"ห้ามบอกใคร" เด็กทั้งสองตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน
"ดีมากค่ะ" รั่วซีบอกลูก ๆ พร้อมกับหอมแก้มลูกทั้งสองคน
"ฝากแม่ครับ" อาเฉิงไม่รู้จะเอาเงินมาทำอะไร ข้าวก็มีกิน อยากได้อะไรก็ค่อยบอกพ่อกับแม่ก็ได้
"เหยาเหยาไม่ฝาก" เหยาเหยาตัวน้อยยังอยากเก็บเงินเอง
"ฝากครับ แล้วทำบัญชี หากทำหายขึ้นมาเหยาเหยาจะทำยังไง" คนเป็นพ่อบอกลูกสาวที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเงินสักเท่าไร มีค่ามากน้อยแค่ไหน รู้แต่อยากได้อยากเก็บ แค่บอกว่าสิ่งไหนทำแล้วได้เงินเหยาเหยาจะตั้งใจอย่างมาก
"หายก็หาค่ะ เหยาเหยาหาเก่งมาก เฉ่าเหมยซ่อนตัวอยู่ เหยาเหยาก็หาเจอค่ะ" ของหายก็ต้องหา เงินหายก็ต้องหาเหมือนกัน
"เอาแบบนี้ไหม เดี๋ยวให้พ่อทำกระปุกใส่เงิน... แล้วลูกก็เก็บไว้ในนั้น ของใครของมัน" รั่วซีหาทางออกให้ลูกสาว ดูเหมือนว่าเรื่องเงินจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเหยาเหยามากกว่าเรื่องอื่น
"ได้ค่ะ วันนี้ได้ค่าจ้างเพิ่มไหมคะ" เงินที่ขายเฉ่าเหมยได้แล้ว แต่เมื่อวานแม่บอกว่าจ้างวันละ 1 หยวน เหยาเหยาไม่มีทางลืม
"เหยาเหยายังไม่ครบหนึ่งวันเลย เพิ่งผ่านมาครึ่งวันเอง" อาเฉิงบอกน้องสาว เพิ่งจะกินมื้อเที่ยงเสร็จ เหยาเหยาถามหาเงินค่าจ้างแล้ว
"ไปนอนได้แล้วค่ะ พ่อกับแม่ต้องออกไปทำงานอีก ช่วงนี้พ่อกับแม่อาจต้องให้ลูกอยู่แต่ในนี้ก่อน อย่าออกไปด้านนอก ไปได้ไกลสุดแค่แปลงเฉ่าเหมยเท่านั้น เข้าใจไหมคะ" รั่วซีบอกลูกทั้งสองพร้อมกับพาเข้ามานอนที่ห้องโถงที่มีที่นอนขนาดเล็กเอาไว้ให้ทั้งสองนอนกลางวัน
เมื่อพาลูกนอนเรียบร้อยแล้ว รั่วซีก็เข้ามาช่วยสามีจัดกระเช้าของฝาก ตอนเช้าให้ไปแล้ว แต่ครั้งนี้ไปบ้านของเขาเลยต้องเตรียมเพิ่ม พร้อมกับเอาตัวอย่างสินค้าที่จะส่งไปให้ดูด้วย
"คุณเอาบัญชีมาหรือยังครับ" จือหยวนมองภรรยาที่กำลังเตรียมตัวจะออกข้างนอก
"เอามาแล้วค่ะ" รั่วซีตอบพร้อมกับยื่นมือไปจับมือสามีที่กำลังมองมาเช่นกัน
พอทั้งสองออกมาอยู่ด้านนอกแล้ว ก็พากันตรงไปยังจุดหมายทันที เมื่อเข้ามาในเขตบ้านพัก รั่วซีก็มองดูสิ่งต่าง ๆ รอบตัว รอจนคนที่เข้าไปขอซื้อของในตอนเช้าออกมา แล้วพาไปที่ห้องโถง เธอยื่นสิ่งของที่นำมาฝากและตัวอย่างสินค้ามาให้พวกเขาได้ตรวจดู
"คุณไม่กลัวพวกเราแล้วเหรอครับ" เหมาชิง ถามสองสามีภรรยา เพราะตอนเช้าที่เขาเข้าไปขอซื้อของด้วย ยังดูเหมือนว่ายังไม่ไว้ใจอยู่เลย แต่ตอนนี้เหมือนไม่ได้กลัวอะไรเลย
"ก่อนที่ผมจะขาย ผมก็ต้องมั่นใจก่อน ผมบอกได้แค่ว่าหากพวกคุณคิดจะโกงหรือหักหลังเรา คุณก็จะไม่มีอะไรเหลือเลย" จือหยวนบอกไปตามความจริง ไม่ได้มีน้ำเสียงหรือท่าทีข่มขู่แต่อย่างใด
"เท่าที่รู้ คุณสองคนก็เป็นเพียงชาวบ้านทั่วไป ไม่น่าจะทำอะไรผมได้" เสียงนี้ดังขึ้นพร้อมกับคนมาใหม่ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคือนายใหญ่ของที่นี่
"หากพวกเรามีสิ่งของพวกนี้มาส่งให้คุณ นั่นหมายความว่าเราก็คงไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาตามที่คุณรู้มา พวกคุณยังหาสินค้าพวกนี้ไม่ได้ แต่เราสองคนมีมาส่งให้ พวกคุณมีเรื่องปกปิด เราก็มีเช่นกัน หากอยากทำการค้า เราก็แค่ทำการค้า อย่าอยากรู้มากกว่านี้เลยครับ" จือหยวนพูดชัดถ้อยชัดคำ เพื่ออธิบายให้คู่ค้าได้รู้
รั่วซีเป็นผู้ฟังที่ดี... ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้สามีเป็นคนเจรจา ที่ทั้งสองไม่กลัวนั้นเพราะหน้าจอแสดงผลแจ้งเตือนว่าสามารถทำได้ และสินค้าในพื้นที่มีประกันสินค้า หากเกิดเรื่อง สินค้าจะหายกลับไปที่พื้นที่เหมือนเดิม รั่วซีอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจมากนัก ต้องให้สามีเป็นคนอธิบายให้ฟัง ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงไหม ก็ต้องรอดูกันต่อไป
"ยินดีที่ได้ทำการค้าร่วมกัน" ซ่งตงหยาง เอ่ยกับคู่ค้ารายใหม่ทันที พอได้คุยแล้วก็ถูกชะตากับสองสามีภรรยาคู่นี้พอสมควร และเขารู้ดีว่าคนที่มีอาหารมากขนาดนั้นย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน เขาเองก็ไม่ได้อยากหาคำตอบด้วย แค่มีของส่งให้เขาก็เพียงพอแล้ว
"เหมาชิงมอบของขวัญด้วย และขอบคุณสำหรับของฝากที่คุณให้ผมมาด้วยเช่นกัน" ถึงแม้น้ำเสียงของเขาจะนิ่ง ๆ แต่ทุกอย่างที่เขาบอกมานั้นคือเรื่องจริง
"คุณให้มีดพกมาด้วยเหรอ" ตงหยางถามขึ้นเมื่อเดินออกมาถึงลานกว้างแล้วมองเห็นคู่ค้ายืนอยู่คนเดียว
"ค่ะ... อาจมีคนมาขอมีดด้ามนั้นกับคุณ ขอบคุณนะคะ" รั่วซียืนรอสามีที่ไปเอาของขวัญกับผู้ช่วยคู่ค้าคนสำคัญของเธอ ไม่คิดว่าเขาจะเดินออกมาเจอเธอพอดี... รั่วซีเลยถือโอกาสขอบคุณเขาอีกครั้ง
"คุณเหมือนน้องสาวของผม... " ตงหยางมองคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็นึกถึงน้องสาวของตัวเอง ถึงแม้ประโยคที่บอกก่อนหน้านี้จะฟังดูแปลก ๆ แต่เขาก็ปล่อยผ่าน ในเมื่อมีคนให้สิ่งของมา... เขาก็แค่รับเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรมากมาย
"น้องสาวเหรอคะ" รั่วซีถามกลับพลางหวนคิดถึงชีวิตก่อน ที่เขาอยากช่วยเธอ อาจเพราะเธอคล้ายน้องสาว
"ครับ แต่ไม่ใช่หน้าตาที่เหมือน แค่บรรยากาศคล้าย ๆ กัน" ตงหยางไม่รู้จะตอบแบบไหน อธิบายออกมาได้ยาก
"เสร็จแล้วครับ" จือหยวนเดินเข้ามาหาภรรยาพร้อมกับยิ้มให้คนที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากภรรยามากนัก
"หวังว่าเราจะทำการค้าร่วมกันนาน ๆ นะครับ" ตงหยางบอกออกไปอีกครั้ง เพราะเขารู้สึกถูกชะตากับสองสามีภรรยาคู่นี้มาก
"ครับ ผมก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน" จือหยวนตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อสองสามีภรรยาออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว ก็เริ่มมองหาบ้านเช่าเพื่อเอาไว้ใช้สำหรับส่งสินค้า การเจรจาถือว่าผ่านไปด้วยดี ทั้งสองต้องหาบ้านในเมืองเอาไว้ส่งสินค้า ในเมื่อตอนนี้ยังพอมีเวลา ทั้งสองก็ไม่รอช้า ต่างจูงมือกันเข้าออกตามซอยต่าง ๆ เพื่อตามหาบ้านเช่าที่ตัวเองต้องการทันที...
ตอนที่ 17 อยู่ดี ๆ ปัญหาก็ตามมาถึงบ้านเช้าวันต่อมารั่วซีก็ให้สามีเอาสบู่โลชั่นที่จัดเป็นชุดทดลองและมื้อเช้าไปส่งให้ครอบครัวพี่สาม โดยที่มีเหยาเหยาตัวน้อยวิ่งตามไปด้วย ในบ้านจึงเหลือเพียงลูกชายและเธอที่กำลังช่วยกันจัดเตรียมมื้อเช้ารอสองพ่อลูกกลับมาวันนี้รั่วซีจะห่อสบู่ด้วยกระดาษไขเพราะสบู่ที่มีอยู่ยังไม่ได้ห่อหรือมีกล่องใส่เลย ต้องจัดเตรียมให้เรียบร้อยโดยมีสามีและลูก ๆ ช่วยทำงานวันนี้ต้องออกมาทำงานข้างนอกพื้นที่บ้าง จัดสวน จัดบ้าน ดีที่ครอบครัวของเธอต่างช่วยเหลือกันทั้งหมด ไม่ว่างานอะไรหาก ใครว่างต่างก็มาช่วยกันทำงานตลอด"แม่ครับ วันนี้ต้องปลูกต้นไม้ไหม" ชางเฉิงมองดูต้นไม้ที่แม่เอาออกมาวางเรียงไว้ หากปลูกเขาจะได้ช่วย"ทำจ้ะ แต่รอกินมื้อเช้าให้เรียบร้อยก่อน อาเฉิงต่อไปต้องแบ่งเวลา เริ่มหัดเขียนตัวอักษรด้วยนะ" ร
ตอนที่ 16 ช่วยเหลือซึ่งกันและกันตอนนี้ทั้งสี่คนมาอยู่หน้าบ้านของพี่สามแล้ว ก่อนหน้านี้รั่วซีเข้าไปเอาของจากพื้นที่ออกมาเพิ่ม มีทั้งอาหารคาวอาหารหวานที่ปรุงเรียบร้อยแล้ว และยังไปเอาไข่ไก่และผลไม้มาเพิ่มอีก...รั่วซีถือถุงใส่เสื้อผ้าส่วนสามีถือข้าวสารอาหารและธัญพืชต่าง ๆ อาเฉิงถือสมุดคัดอักษรมาแบ่งลูกลุงสาม ส่วนเหยาเหยาเอาสมุดภาพระบายสีมาแบ่งลูกลุงสามเช่นกัน"จะพากันไปไหน" ยังไม่ทันที่รั่วซีจะตะโกนเรียกพี่ชายก็ได้ยินเสียงของพี่ชายถามขึ้น เสียงนั้นดังมาจากข้าง ๆ รั้วบ้าน"มาหาพี่สามนะสิถามได้" รั่วซีมองพี่ชายที่ลุกขึ้นยืนมอง"แล้วหอบอะไรกันมาทั้งครอบครัว เอามานี่ พี่ช่วยถือ" เกาซีหมิง เดินมาช่วยน้องสาวถือของโดยที่ยังไม่รู้ว่าคือสิ่งใด
ตอนที่ 15 ปรับปรุงตัวเอง... เพื่อให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้นรั่วซีกลับมาบ้านในวันต่อมา ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีกลุ่มนักโทษชั้นดีมาใช้แรงงานหรือมาช่วยพัฒนาชุมชน นั่นแสดงว่ากัวเหลียงก็ยังไม่มาเช่นกัน พอกลับมาถึงบ้าน ทุกคนต่างก็ช่วยกันเอาสิ่งของที่ซื้อมาจากสหกรณ์จัดออกเป็น 3 ชุด แบ่งให้กับครอบครัวพ่อกับแม่เพื่อคืนในส่วนที่เธอยืมมาด้วย และจัดให้ครอบครัวพี่สาม ชุดสุดท้ายเอาไปให้สุ่ยหลิง คนที่รั่วซีจะเอาสิ่งของไปให้ ส่วนมากคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอทั้งนั้น แต่วันนี้เธอตั้งใจจะไปเพียงสองบ้านเท่านั้น เพราะดูจากเวลาแล้วคงแวะไปหาเพื่อนไม่ทันแน่นอน..."แต่งตัวเรียบร้อยหรือยังครับ" จือหยวนถามภรรยาและลูก ๆ ที่หายเข้าห้องนานแล้ว แต่ยังไม่เห็นใครออกมาเลย"เรียบร้อยค่ะ" เหยาเหยาออกมาก่อนเป็นคนแรก"ตรวจดูหลังบ้านมาแล้วเหรอคะ" รั่วซีเดินออกมาก
ตอนที่ 14 เจรจาการค้า"ซีซี ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ คนบางคนเราไม่ควรที่จะพูดคุยแบบนั้น มันอันตราย" จือหยวนช่วยภรรยาทำความสะอาดร้านก่อนจะพากันเอากุญแจไปคืนคนดูแล"ขอโทษค่ะ ฉันคิดน้อยไปหน่อย ทีหลังจะไม่ทำแบบนั้นอีก" รั่วซีลืมไปว่าคนอื่นไม่รู้เหมือนเธอ และที่เธอรู้ก็ไม่ได้รู้เยอะมากนัก การเชื่อใจคนง่ายเป็นข้อเสียของเธอตั้งแต่ชีวิตก่อน หรือจะบอกว่าเธอโง่ก็ไม่ผิด พอมาชีวิตนี้ก็ยังหลงลืม ยังทำเหมือนชีวิตที่แล้วอีก ลืมนึกไปว่า... แม้แต่คนที่มีพระคุณก็อาจเป็นคนที่ทำร้ายเราได้"ผู้ชายคนนั้นดูอันตราย แต่หากเราจะทำการค้ากับเขา... เราก็ต้องระวังด้วย" จือหยวนเน้นย้ำให้ภรรยาเข้าใจ"ค่ะ" รั่วซีรับคำและไม่ได้โต้เถียงอะไร เพราะสามีหวังดีเลยเตือน เธอก็ควรระวังตัวกว่านี้"อย่าคิดมากครับ ในเมื่อเขาแสดงตัวแล้ว เขาก็คงต้องการทำการค้ากับเรา เหลือแค
ตอนที่ 13 ผู้มีพระคุณสองสามีภรรยาเดินทางมาที่ตลาดมืดตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมจัดร้าน รั่วซีคือคนที่เข้าออกเพื่อหยิบสิ่งของที่เตรียมกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนส่วนสามีคือคนจัดร้าน แยกทุกอย่างให้ง่ายในการหยิบขาย ทั้งสองช่วยกันอย่างขะมักเขม้นเพื่อเร่งให้ทันเวลา คนส่วนมากจะเข้ามาหาซื้อของที่ตลาดมืดในช่วงเวลาสายหลังกินมื้อเช้าแล้ว ทั้งสองต้องรีบเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเมื่อคืนจือหยวนได้บอกภรรยาว่าวันนี้ขายเยอะได้ แต่วันหลังจะไม่ขายเยอะแบบนี้อีก วันนี้สามารถอ้างได้ว่าเอาของมาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน จือหยวนคิดหาวิธีป้องกันไว้ก่อน เพราะทั้งสองเดินผ่านคนเฝ้าประตูเข้ามาโดยไม่มีอะไรติดตัวมาเลย หากมีของขายเยอะอาจทำให้คนพวกนั้นสงสัยได้ วันนี้ทำได้เพราะเมื่อวานคนพวกนั้นเห็นเขามาเช่าร้านแล้ว สามารถหาข้ออ้างได้ แต่ครั้งต่อไปอาจไม่ง่ายและอาจถูกจับตาดูอีกด้วยการที่คนเรามีกินมีใช้มากกว่าคนอื่นก็จะถูกจับตามอง ถูกจ้องจับผิด ท
บทที่ 12 วันแรกของการค้าขายหลังจากที่เจอภรรยาก็พาเดินมาอีกด้าน เพื่อดูสถานที่ตั้งร้าน สถานที่แห่งนี้อยู่ในมุมลับตาคน เป็นห้องสี่เหลี่ยมกว้างพอสมควร ด้านในมีชั้นวางของ จือหยวนคิดว่าตรงนี้เหมาะและปลอดภัยสำหรับเข้าออกพื้นที่ และยังมีพื้นที่กว้าง สามารถเอาสิ่งของออกจากพื้นที่ทีละเยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องเข้าออกพื้นที่บ่อย ๆห้องนี้ให้เช่าวันต่อวัน ราคาเช่าวันละ 100 หยวน ตอนที่ได้ยินราคา จือหยวนคิดว่าราคาแพงเกินไป คงไม่มีเงินจ่ายทันที อาจต้องขอจ่ายหลังจากขายของเสร็จ แต่พอเขารู้ว่าระยะเวลาที่เขามาหาสถานที่นั้น ภรรยาสามารถขายของได้เกือบ 300 หยวน หากเช่าห้องนี้จะได้ไม่ต้องเสี่ยงหามุมลับตาคน ตรงนี้ปลอดภัยแน่นอน เพราะเขาตรวจดูก่อนจะรู้ราคาเช่าเสียอีก"ถึงจะเป็นมุมลับตาคน แต่หากเรามีลูกค้าประจำ เราก็ขายได้" รั่วซีไม่รู้ว่าสามีคิดยังไง เลยเป็นพูดออกมาก่อน"ราคาเช่าวันละ 100 หยวน ต้อง







