แชร์

ตอนที่ 16 ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ผู้เขียน: จินเหมยเทียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-13 08:00:42

ตอนที่ 16 ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ตอนนี้ทั้งสี่คนมาอยู่หน้าบ้านของพี่สามแล้ว ก่อนหน้านี้รั่วซีเข้าไปเอาของจากพื้นที่ออกมาเพิ่ม มีทั้งอาหารคาวอาหารหวานที่ปรุงเรียบร้อยแล้ว และยังไปเอาไข่ไก่และผลไม้มาเพิ่มอีก...

รั่วซีถือถุงใส่เสื้อผ้า ส่วนสามีถือข้าวสารอาหารและธัญพืชต่าง ๆ อาเฉิงถือสมุดคัดอักษรมาแบ่งลูกลุงสาม ส่วนเหยาเหยาเอาสมุดภาพระบายสีมาแบ่งลูกลุงสามเช่นกัน

"จะพากันไปไหน" ยังไม่ทันที่รั่วซีจะตะโกนเรียกพี่ชาย ก็ได้ยินเสียงของพี่ชายถามขึ้น เสียงนั้นดังมาจากข้าง ๆ รั้วบ้าน

"มาหาพี่สามนะสิถามได้" รั่วซีมองพี่ชายที่ลุกขึ้นยืนมอง

"แล้วหอบอะไรกันมาทั้งครอบครัว เอามานี่ พี่ช่วยถือ" เกาซีหมิง เดินมาช่วยน้องสาวถือของโดยที่ยังไม่รู้ว่าคือสิ่งใด

"เหยาเหยา อาเฉิง" เสียงตะโกนดังมาก่อนตัว นั่นคือหลานสาวของรั่วซีเองที่วิ่งออกจากบริเวณรั้วเช่นเดียวกัน หากเดาไม่ผิด ทั้งครอบครัวคงช่วยกันซ่อมรั้วอยู่แน่ ๆ

"พี่สามซ่อมรั้วเหรอครับ เดี๋ยวผมมาช่วย" จือหยวนหันไปมองก็บอกพี่ภรรยาทันที

"ไม่ต้องใกล้เสร็จแล้ว ซ่อมนิดเดียวเอง แล้วนี่จะเอาไปไหน กลับบ้านเหรอ รอก่อนได้ไหมเดี๋ยวพี่ถือไปส่ง"

"เด็ก ๆ ทักทายแล้ว มองกันก่อน ทุกคนมองมาตาละห้อยแล้ว" รั่วซีที่คุยกับเด็ก ๆ ก็หันไปบอกผู้ชายทั้งสองคนที่คุยเรื่องซ่อมรั้ว ไม่ได้ยินหรือสนใจเสียงของเด็ก ๆ ที่ทักทายเลย

"อ้าว... ครับ ๆ " จือหยวนหันมาหาหลานสาวและหลานชาย

"เหยาเหยาของลุงสวยขึ้นหรือเปล่าเนี่ย อาเฉิงก็หล่อขึ้นแน่ ๆ " ซีหมิงก็ทักทายและพูดเล่นกับหลานชายหลานสาวแบบที่ชอบพูดประจำ จนทำให้เด็ก ๆ ทั้งสองยิ้มรับอย่างขวยเขินกับคำชมที่ลุงสามพูดมา

"หลิงหลิง อาหมิง อาเล็กมีเสื้อผ้าสวย ๆ มาให้ เข้าบ้านเร็ว" รั่วซีชวนเด็ก ๆ เข้าบ้านก่อน ส่วนผู้ชายตัวโตสองคนจะยืนถือของอยู่หน้าบ้านก็ตามใจ

"เดี๋ยวก่อน... แล้วของนี่เล่า" ซีหมิงถามน้องสาวทันที

"ก็เอามาให้พี่สามอย่างไรเล่า... แทนที่จะให้แขกเข้าบ้าน ให้ยืนถือของหนักอยู่ได้" รั่วซีทำเป็นต่อว่าพี่ชาย ปกติแล้วทั้งสองค่อนข้างที่จะสนิทกันมากกว่าพี่น้องคนอื่น เลยชอบพูดเล่นพูดล้อกันแบบนี้ประจำ

เมื่อเข้ามาถึงในบ้าน พี่สะใภ้สามก็เอาน้ำออกมาต้อนรับ แล้วก็มาดูสิ่งของที่เธอเอามาให้ พร้อมทั้งอาหารมื้อเย็นอีกด้วย รั่วซีเตรียมมาให้ครบจะได้ไม่ต้องทำมื้อเย็น

"ที่น้องเล็กบอกมาคือเรื่องจริงเหรอ" ถางสุ่ยเจิน หรือพี่สะใภ้สามหันมาถามน้องเล็กหรืออาเล็กของเด็ก ๆ

"จริงค่ะ แต่รายละเอียดเกี่ยวกับงานต้องไปถามสามีฉัน" ก่อนออกมา รั่วซีกับสามีแบ่งหน้าที่กันแล้วว่าใครจะพูดอะไรแบบไหน

เพราะต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่างทั้งส่งของและขายของ เลยตัดสินใจว่าจะชวนพี่สามไปทำงานด้วยกันตั้งแต่ตอนนี้เลย ในตอนแรกตั้งใจให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ก่อน ประจวบเหมาะกับช่วงนี้พี่สามก็ว่างพอดี เลยจะให้ไปช่วยเฝ้าของส่งของที่บ้านเช่าในเมือง บ้านเช่าที่รั่วซีเช่าไว้เพื่อเก็บของและส่งของโดยเฉพาะ และอาจให้พี่สามไปช่วยขายของที่ตลาดมืดด้วย พี่สามทำงานนี้ได้สบายอยู่แล้ว บางทีได้ของป่ามา เขายังเอาไปขายที่ตลาดมืดด้วยตัวเองเลย จะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในตอนนี้เลย...

"ถ้ามีงานทำก็ดี ไม่อย่างนั้นต้องหยุดเป็นเดือนเลย มีกินไม่เท่าไรจะไม่พอกินนี่สิ แล้วนี่คือเจ้านายเขาให้มาหรือยังไง" สุ่ยเจินยังคงมองข้าวของเครื่องใช้มากมาย ทั้งอาหารเสื้อผ้าที่ยังใหม่ ๆ อยู่เลย ต้องบอกว่าทุกอย่างที่น้องเล็กเอามาให้นั้นมันยังดูดีดูใหม่กว่าเสื้อผ้าที่มีอยู่ในบ้านเสียอีก

"ใช่ค่ะ ฉันเลยแบ่งมาให้ มีชุดเด็ก ๆ ด้วยนะคะ แล้วฉันมีอีกเรื่องจะถาม... พี่สะใภ้สามเคยพูดว่ามีญาติที่ทำงานโรงงานในเมือง ตอนนี้ยังทำอยู่ไหม ฉันอยากส่งพวกสบู่ให้เขาไปขาย พี่สะใภ้สนใจร่วมด้วยไหม ให้พี่ไปติดต่อญาติและฉันจะมีส่วนแบ่งให้ ส่วนนี่ของพี่สะใภ้ลองใช้ดูก่อน และยังมีโลชั่นทาตัวอีกนะ" รั่วซีต้องการหาคนที่มารับสบู่กับโลชั่นไปขายตามโรงงาน จะได้กระจายสินค้าไปให้หลาย ๆ ที่

"มีเยอะหรือน้องเล็ก หอมมาก หอมกว่าในห้างอีก ฉันเคยไปลองดมมาแล้ว ไม่เห็นหอมแบบนี้เลย" สุ่ยเจินดมทั้งสบู่และโลชั่น ผู้หญิงไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว หากพอมีเงินเหลืออยู่บ้าง ยังไงก็ต้องเสียเงินไปกับของพวกนี้แน่นอน

"มีเยอะพอสมควร มีสบู่เหลวด้วยนะพี่สะใภ้ อันนี้สบู่เหลว ทั้งหมดนี้เอามาให้ครอบครัวพี่สะใภ้นั่นแหละ" รั่วซีเตรียมมาพร้อม หากขายส่งได้จะดีมาก ๆ 

"ถ้าอย่างนั้นฉันจะยังไม่ใช้ ฉันจะเอาไปให้ญาติดูเป็นตัวอย่างก่อน" สุ่ยเจินก็อยากช่วยน้องเล็ก และอยากหารายได้ด้วย เพราะรู้ว่าขายได้แน่ ๆ และเธอรู้ว่าน้องเล็กนั้นไม่มีทางเอาเปรียบแน่นอน ถึงคนอื่นจะชอบบอกว่าน้องเล็กเอาแต่ใจ แต่น้องเล็กดีกับเธอเสมอ

"พี่สะใภ้จะไปเมื่อไร เดี๋ยวฉันเอามาให้ใหม่ อันนี้ก็ใช้ไปก่อน จะได้ไปบอกคนซื้อว่าใช้แล้วดีหรือไม่ดี" รั่วซีบอกพลางหัวเราะกับท่าทางกระตือรือร้นของพี่สะใภ้ ที่ดูตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด

"นั่นสิ ฉันลืมคิด" สุ่ยเจินก็หัวเราะออกมาอย่างเก้อเขิน

"อาเล็ก นั่นอะไร" หลิงหลิง ลูกสาวคนโตของพี่สามที่มีอายุ 7 ขวบเข้ามานั่งใกล้ ๆ คนที่เป็นอา หลิงหลิงชอบนั่งใกล้ ๆ อาเล็กเพราะอาเล็กผิวขาวและสวยมาก หน้าอาเล็กก็สวย หลิงหลิงชอบมองมาก ๆ เวลาเจออาเล็กจะต้องมานั่งใกล้ ๆ ตลอด

"สบู่ โลชั่นจ้ะ มีของหลิงหลิงคนสวยด้วยนะ อาเตรียมมาเผื่อ แล้วก็มีชุดสวย ๆ ด้วย" รั่วซีหันมามองหลานสาวพร้อมกับเอื้อมมือคว้าหลานสาวมากอดพร้อมโยกไปมา

"กอด ๆ เหยาเหยากอดด้วย" เหยาเหยาวิ่งตึงตังเข้ามา ก่อนหน้านี้มัวแต่แบ่งของ พอเหยาเหยากำลังหัดนับเลข พี่หลิงหลิงก็หายไปแล้ว

"กอดค่ะ" รั่วซีกอดรัดลูกสาวและหลานสาว ก่อนจะพากันโยกไปมาแบบที่ชอบทำ

"เล่นเป็นเด็ก ๆ ไปได้ " ซีหมิงเข้ามาเจอน้องสาว ลูกสาว หลานสาวที่ชอบกอดกันแล้วโยกไปมา เล่นกันเป็นเด็ก ๆ เลยอดพูดไม่ได้

"พ่อของหลิงหลิงกำลังอิจฉาเราเนอะ ๆ " รั่วซีก็ยังไม่หยุด พาสองสาวโยกตัวไปมา และเหมือนสองสาวจะชอบด้วยเช่นกัน พากันหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน

"เอากับข้าวมาเยอะขนาดนี้ อยู่กินด้วยกันก่อนค่อยกลับ" ซีหมิงเห็นครอบครัวน้องสาวขนข้าวของมาให้มากมาย เลยชวนให้กินข้าวด้วยกันที่บ้านเสียเลย

"ได้ค่ะ แต่พรุ่งนี้เช้าพี่สะใภ้ไม่ต้องทำมื้อเช้านะ ฉันจะให้พ่อเด็ก ๆ เอามื้อเช้ามาให้พร้อมกับตัวอย่างสบู่โลชั่นด้วย" เพราะเด็ก ๆ อยากกินโจ๊ก รั่วซีรับปากลูก ๆ ว่าจะต้มโจ๊กทะเลเป็นมื้อเช้าของวันพรุ่งนี้

"อาหารมีพอแล้วเหรอน้องเล็ก เก็บไว้กินบ้าง อย่าแจกจ่ายเยอะ" พี่ชายก็ยังเตือนน้องสาวอยู่ดี ถึงแม้จะรู้แล้วว่าน้องสาวตัวร้ายของเขานั้น ยอมให้สามีไปทำงานในเมืองแล้ว แต่ก่อนน้องเขยแอบไปทำงานได้ครึ่งวันก็ต้องรีบกลับบ้าน และพอรู้ว่าไปทีไรก็จะต้องไม่พอใจ ไม่พูดกับน้องเขยไปหลายวันเลยทีเดียว เอาแต่ใจสุด ๆ 

"พอแล้วค่ะ ตอนนี้น้องสาวคนนี้รู้ความมากกว่าแต่ก่อนแล้ว" รั่วซีหันไปมองหน้าพี่ชายที่ชอบว่าชอบสอน แต่ทุกอย่างที่พี่ชายคนนี้บอกมาคือเรื่องที่ดี พอมองย้อนกลับไปยิ่งทำให้รู้สึกผิดมากกว่าเดิม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนั้นไปทำไม

"กินข้าวเถอะ เดี๋ยวเด็ก ๆ หิว" พี่ชายมองหน้าน้องสาวก่อนจะส่ายหัวไปมาเหมือนระอา แต่จริง ๆ แล้วเขาชอบที่น้องน้อยพูดแบบนี้มากกว่าอยู่เงียบ ๆ 

เมื่อทุกคนกินข้าวเสร็จก็พากันช่วยเก็บจานชาม ไม่มีเกี่ยงว่างานของผู้หญิงหรือของผู้ชาย ทุกคนช่วยกันจนเสร็จเรียบร้อยก็พากันออกมานั่งที่แคร่หน้าบ้าน มองดูเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นกัน ส่วนผู้ใหญ่ก็พากันพูดเกี่ยวกับเรื่องงาน รั่วซีปล่อยให้สามีเป็นคนจัดการเกี่ยวกับเรื่องงานส่งของและขายของที่ตลาดมืดทั้งหมด ส่วนเธอดูเด็ก ๆ และคุยกับพี่สะใภ้เกี่ยวกับเรื่องทั่วไป

"พี่สาม หลิงหลิงจะ 8 ขวบแล้ว พาลูกไปสมัครเรียนหรือยัง" เมื่อมองไปเห็นหลานสาวก็ทำให้รั่วซีนึกขึ้นได้ เลยหันมาถามพี่ชายทันที

"เงินจะซื้อข้าวกินยังไม่พอ จะเอาที่ไหนไปส่งเรียน" พี่ชายหันมาหาน้องสาวอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมน้องสาวถึงสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือเพราะแต่ก่อนน้องสาวเรียนจบที่หมู่บ้านแล้วอยากเข้าไปเรียนในเมือง แต่ไม่ได้เข้าไปเรียน เลยอยากให้ลูกหลานได้เรียนหรืออย่างไร

"ตอนนี้มหาวิทยาลัยหลายที่เริ่มทยอยเปิดแล้ว ฉันว่าทุกอย่างเริ่มดีขึ้นแล้วนะ หากเด็ก ๆ ได้เรียนน่าจะดีกว่าให้อยู่แบบนี้" รั่วซีบอกพี่ชายไปตามความจริง

"เรียนในหมู่บ้านเราก็ได้ครับ ค่าใช้จ่ายไม่แพง เดี๋ยวผมก็จะให้อาเฉิงไปเรียนเหมือนกัน" จือหยวนก็ช่วยพูดด้วยอีกแรง เพราะเขารู้ว่าการที่มีความรู้ติดตัวนั้นมีโอกาสมากกว่า เขาเลยสนับสนุนให้ลูกหลานได้ไปเรียนหนังสือ

"พี่สามจะไปกลัวอะไร เดี๋ยวก็ไปทำงาน แล้วเดี๋ยวก็ได้ค่าจ้างแล้ว" รั่วซีบอกพี่ชายจะได้เลิกกังวลกับเรื่องนี้สักที

"น้อย ๆ หน่อยน้องเล็ก อย่าคิดไปไกล พี่ยังไม่ได้เริ่มทำงานเลย พอไปทำเขาอาจไม่ชอบ อาจไม่จ้างก็ได้ ใครจะไปรู้" พี่ชายยังคงปรามน้องสาว

"น้องเล็กพูดมีเหตุผลนะ ยังไงฉันก็จะเอาสบู่โลชั่นไปขายให้ญาติที่ทำงานโรงงานอยู่แล้ว ยังไงเราก็น่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเรียนให้หลิงหลิงได้" สุ่ยเจินเห็นด้วย เรียนดีกว่า อย่ามาลงนาลงสวนแบบนี้เลยมันเหนื่อย อย่างน้อยเรียนจบมัธยมก็เข้าโรงงานได้สบาย ๆ

"นี่ก็อีกคน ยังไม่ได้เอาของไปให้เขาดูเลยก็พากันคิดไปไกลแล้ว เขาจะชอบและซื้อหรือเปล่าเรายังไม่รู้เลย" สามีมองหน้าภรรยาพร้อมกับส่ายหน้าไปมา พอกัน... สองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไรต้องเข้าข้างกัน เห็นดีเห็นงาม ไม่มีใครห้ามใคร

"ฉันเป็นผู้หญิง ฉันรู้ว่ายังไงพวกสาว ๆ ก็ชอบอะไรแบบนี้แน่นอน" คนเป็นภรรยาบอกสามีทันที เรื่องนี้ผู้ชายหน้าเหม็นทั้งหลายจะไปรู้อะไร

"มืดแล้ว กลับไปได้แล้วน้องเล็ก" ขี้เกียจพูดขี้เกียจเถียง เวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน ยังไงก็จะไม่ยอมฟังที่เขาพูดอยู่ดี

จือหยวนหัวเราะกับภาพที่เห็น ทั้งพี่ชายและน้องสาวต่างแยกเขี้ยวใส่กัน ทั้งพี่สามมองภรรยาเหมือนเอือมระอา แต่ดูยังไงก็รู้ว่ารักกันมาก

เมื่อจือหยวนมองพี่สาม แล้วก็หันมามองหน้าภรรยาของตัวเอง ถึงกับยิ้มตามที่ภรรยาหัวเราะอย่างมีความสุข ทำให้คิดไปถึงว่าตัวเองไม่ได้อิงแอบแนบชิดภรรยามานานแล้วเหมือนกัน หรือว่าคืนนี้หลังจากลูกหลับแล้ว เขาจะลองสะกิดภรรยาดูสักครั้ง ก่อนหน้านี้เคยลองสะกิดแล้วภรรยาก็ชอบบ่ายเบี่ยง ไม่ค่อยจะยอมสักเท่าไร อาจเพราะช่วงนี้ทำงานหลายอย่าง ภรรยาน่าจะเหนื่อยเกินไป แต่ยังไงคืนนี้ก็ขอลองดูก่อน ได้ไม่ได้ก็ค่อยว่ากันอีกที...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 17 อยู่ดี ๆ ปัญหาก็ตามมาถึงบ้าน

    ตอนที่ 17 อยู่ดี ๆ ปัญหาก็ตามมาถึงบ้านเช้าวันต่อมารั่วซีก็ให้สามีเอาสบู่โลชั่นที่จัดเป็นชุดทดลองและมื้อเช้าไปส่งให้ครอบครัวพี่สาม โดยที่มีเหยาเหยาตัวน้อยวิ่งตามไปด้วย ในบ้านจึงเหลือเพียงลูกชายและเธอที่กำลังช่วยกันจัดเตรียมมื้อเช้ารอสองพ่อลูกกลับมาวันนี้รั่วซีจะห่อสบู่ด้วยกระดาษไขเพราะสบู่ที่มีอยู่ยังไม่ได้ห่อหรือมีกล่องใส่เลย ต้องจัดเตรียมให้เรียบร้อยโดยมีสามีและลูก ๆ ช่วยทำงานวันนี้ต้องออกมาทำงานข้างนอกพื้นที่บ้าง จัดสวน จัดบ้าน ดีที่ครอบครัวของเธอต่างช่วยเหลือกันทั้งหมด ไม่ว่างานอะไรหาก ใครว่างต่างก็มาช่วยกันทำงานตลอด"แม่ครับ วันนี้ต้องปลูกต้นไม้ไหม" ชางเฉิงมองดูต้นไม้ที่แม่เอาออกมาวางเรียงไว้ หากปลูกเขาจะได้ช่วย"ทำจ้ะ แต่รอกินมื้อเช้าให้เรียบร้อยก่อน อาเฉิงต่อไปต้องแบ่งเวลา เริ่มหัดเขียนตัวอักษรด้วยนะ" ร

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 16 ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

    ตอนที่ 16 ช่วยเหลือซึ่งกันและกันตอนนี้ทั้งสี่คนมาอยู่หน้าบ้านของพี่สามแล้ว ก่อนหน้านี้รั่วซีเข้าไปเอาของจากพื้นที่ออกมาเพิ่ม มีทั้งอาหารคาวอาหารหวานที่ปรุงเรียบร้อยแล้ว และยังไปเอาไข่ไก่และผลไม้มาเพิ่มอีก...รั่วซีถือถุงใส่เสื้อผ้าส่วนสามีถือข้าวสารอาหารและธัญพืชต่าง ๆ อาเฉิงถือสมุดคัดอักษรมาแบ่งลูกลุงสาม ส่วนเหยาเหยาเอาสมุดภาพระบายสีมาแบ่งลูกลุงสามเช่นกัน"จะพากันไปไหน" ยังไม่ทันที่รั่วซีจะตะโกนเรียกพี่ชายก็ได้ยินเสียงของพี่ชายถามขึ้น เสียงนั้นดังมาจากข้าง ๆ รั้วบ้าน"มาหาพี่สามนะสิถามได้" รั่วซีมองพี่ชายที่ลุกขึ้นยืนมอง"แล้วหอบอะไรกันมาทั้งครอบครัว เอามานี่ พี่ช่วยถือ" เกาซีหมิง เดินมาช่วยน้องสาวถือของโดยที่ยังไม่รู้ว่าคือสิ่งใด

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 15 ปรับปรุงตัวเอง... เพื่อให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้น

    ตอนที่ 15 ปรับปรุงตัวเอง... เพื่อให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้นรั่วซีกลับมาบ้านในวันต่อมา ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีกลุ่มนักโทษชั้นดีมาใช้แรงงานหรือมาช่วยพัฒนาชุมชน นั่นแสดงว่ากัวเหลียงก็ยังไม่มาเช่นกัน พอกลับมาถึงบ้าน ทุกคนต่างก็ช่วยกันเอาสิ่งของที่ซื้อมาจากสหกรณ์จัดออกเป็น 3 ชุด แบ่งให้กับครอบครัวพ่อกับแม่เพื่อคืนในส่วนที่เธอยืมมาด้วย และจัดให้ครอบครัวพี่สาม ชุดสุดท้ายเอาไปให้สุ่ยหลิง คนที่รั่วซีจะเอาสิ่งของไปให้ ส่วนมากคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอทั้งนั้น แต่วันนี้เธอตั้งใจจะไปเพียงสองบ้านเท่านั้น เพราะดูจากเวลาแล้วคงแวะไปหาเพื่อนไม่ทันแน่นอน..."แต่งตัวเรียบร้อยหรือยังครับ" จือหยวนถามภรรยาและลูก ๆ ที่หายเข้าห้องนานแล้ว แต่ยังไม่เห็นใครออกมาเลย"เรียบร้อยค่ะ" เหยาเหยาออกมาก่อนเป็นคนแรก"ตรวจดูหลังบ้านมาแล้วเหรอคะ" รั่วซีเดินออกมาก

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 14 เจรจาการค้า

    ตอนที่ 14 เจรจาการค้า"ซีซี ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ คนบางคนเราไม่ควรที่จะพูดคุยแบบนั้น มันอันตราย" จือหยวนช่วยภรรยาทำความสะอาดร้านก่อนจะพากันเอากุญแจไปคืนคนดูแล"ขอโทษค่ะ ฉันคิดน้อยไปหน่อย ทีหลังจะไม่ทำแบบนั้นอีก" รั่วซีลืมไปว่าคนอื่นไม่รู้เหมือนเธอ และที่เธอรู้ก็ไม่ได้รู้เยอะมากนัก การเชื่อใจคนง่ายเป็นข้อเสียของเธอตั้งแต่ชีวิตก่อน หรือจะบอกว่าเธอโง่ก็ไม่ผิด พอมาชีวิตนี้ก็ยังหลงลืม ยังทำเหมือนชีวิตที่แล้วอีก ลืมนึกไปว่า... แม้แต่คนที่มีพระคุณก็อาจเป็นคนที่ทำร้ายเราได้"ผู้ชายคนนั้นดูอันตราย แต่หากเราจะทำการค้ากับเขา... เราก็ต้องระวังด้วย" จือหยวนเน้นย้ำให้ภรรยาเข้าใจ"ค่ะ" รั่วซีรับคำและไม่ได้โต้เถียงอะไร เพราะสามีหวังดีเลยเตือน เธอก็ควรระวังตัวกว่านี้"อย่าคิดมากครับ ในเมื่อเขาแสดงตัวแล้ว เขาก็คงต้องการทำการค้ากับเรา เหลือแค

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 13 ผู้มีพระคุณ

    ตอนที่ 13 ผู้มีพระคุณสองสามีภรรยาเดินทางมาที่ตลาดมืดตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมจัดร้าน รั่วซีคือคนที่เข้าออกเพื่อหยิบสิ่งของที่เตรียมกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนส่วนสามีคือคนจัดร้าน แยกทุกอย่างให้ง่ายในการหยิบขาย ทั้งสองช่วยกันอย่างขะมักเขม้นเพื่อเร่งให้ทันเวลา คนส่วนมากจะเข้ามาหาซื้อของที่ตลาดมืดในช่วงเวลาสายหลังกินมื้อเช้าแล้ว ทั้งสองต้องรีบเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเมื่อคืนจือหยวนได้บอกภรรยาว่าวันนี้ขายเยอะได้ แต่วันหลังจะไม่ขายเยอะแบบนี้อีก วันนี้สามารถอ้างได้ว่าเอาของมาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน จือหยวนคิดหาวิธีป้องกันไว้ก่อน เพราะทั้งสองเดินผ่านคนเฝ้าประตูเข้ามาโดยไม่มีอะไรติดตัวมาเลย หากมีของขายเยอะอาจทำให้คนพวกนั้นสงสัยได้ วันนี้ทำได้เพราะเมื่อวานคนพวกนั้นเห็นเขามาเช่าร้านแล้ว สามารถหาข้ออ้างได้ แต่ครั้งต่อไปอาจไม่ง่ายและอาจถูกจับตาดูอีกด้วยการที่คนเรามีกินมีใช้มากกว่าคนอื่นก็จะถูกจับตามอง ถูกจ้องจับผิด ท

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   บทที่ 12 วันแรกของการค้าขาย

    บทที่ 12 วันแรกของการค้าขายหลังจากที่เจอภรรยาก็พาเดินมาอีกด้าน เพื่อดูสถานที่ตั้งร้าน สถานที่แห่งนี้อยู่ในมุมลับตาคน เป็นห้องสี่เหลี่ยมกว้างพอสมควร ด้านในมีชั้นวางของ จือหยวนคิดว่าตรงนี้เหมาะและปลอดภัยสำหรับเข้าออกพื้นที่ และยังมีพื้นที่กว้าง สามารถเอาสิ่งของออกจากพื้นที่ทีละเยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องเข้าออกพื้นที่บ่อย ๆห้องนี้ให้เช่าวันต่อวัน ราคาเช่าวันละ 100 หยวน ตอนที่ได้ยินราคา จือหยวนคิดว่าราคาแพงเกินไป คงไม่มีเงินจ่ายทันที อาจต้องขอจ่ายหลังจากขายของเสร็จ แต่พอเขารู้ว่าระยะเวลาที่เขามาหาสถานที่นั้น ภรรยาสามารถขายของได้เกือบ 300 หยวน หากเช่าห้องนี้จะได้ไม่ต้องเสี่ยงหามุมลับตาคน ตรงนี้ปลอดภัยแน่นอน เพราะเขาตรวจดูก่อนจะรู้ราคาเช่าเสียอีก"ถึงจะเป็นมุมลับตาคน แต่หากเรามีลูกค้าประจำ เราก็ขายได้" รั่วซีไม่รู้ว่าสามีคิดยังไง เลยเป็นพูดออกมาก่อน"ราคาเช่าวันละ 100 หยวน ต้อง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status