เจียงจื้อชินก็เห็นว่าพวกท่านแม่และพี่รองของเขาอยู่ด้านนอกเข้ามาไม่ได้ จึงเขย่งปลายเท้าโบกมือไปด้านนอก “ท่านแม่ ข้าอยู่ทางนี้ พี่ใหญ่สอบติดแล้ว ได้อันดับสองขอรับ”เมื่อบรรดาผู้ที่เข้าแถวรอยลเขยขวัญได้ยินคำว่าที่สองเข้า ดวงตาก็เปล่งประกายออกมาทันที “อันดับที่สองเป็นคุณชายของบ้านใดกัน แต่งงานแล้วหรือไม่ มีคู่หมั้นแล้วหรือยัง?”เจียงจื้อชินกล่าวว่า “คุณชายใหญ่ของบ้านราชครูเจียง แต่งหลานสาวสายตรงของจางกั๋วกงเป็นภรรยาแล้ว พวกท่านล้วนไม่มีโอกาสแล้วล่ะ”“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นบุตรชายคนโตของท่านราชครูเจียงนั่นเอง เขาจะรับอนุหรือไม่เล่า บุตรสาวของข้าอายุสิบห้า นิสัยอ่อนโยน หน้าตางดงาม สินเดิมก็มากล้น…” เจ้าของที่ดินที่เปล่งประกายสูงศักดิ์มั่งคั่งไปทั่วทั้งร่างผู้หนึ่งรั้งเจียงจื้อชินไว้“ลูกสาวของข้าอายุสิบหก ส่วนสินเดิมของบ้านข้านั้น…”เจียงจื้อชินรีบหยุดพวกเขาไว้ “ไม่รับอนุ บุตรชายสกุลเจียงของพวกเราไม่รับอนุ ขอบคุณทุกท่านแล้ว”ฮูหยินที่อยู่ตรงหน้าเห็นว่าเขาหน้าตางดงาม ราวออกมาจากภาพวาดก็ไม่ปาน “เช่นนั้นพ่อหนุ่มน้อยหมั้นหมายแล้วหรือไม่ หลานสาวของข้าอายุสิบห้า…”“ข้ายังเพิ่งอายุได้สิบสี่เอง ไม่
หงซิ่วรู้สึกประหลาดใจ “พระชายาองค์รัชทายาทก็ชอบทานขนมร้านนี้ มันมีชื่อเสียงมากแถมยังแพงมากอีกต่างหาก เมื่อก่อนพวกเราก็มาบ่อย และยังต้องเข้าแถวอีกด้วย ครั้งนี้ท่านซื้อเยอะขนาดนี้แต่ทำไมถึงได้เร็วเช่นนี้เล่า”เฉิงเฟิงกล่าวว่า “อย่างนั้นต้องขอบคุณแม่นางหงซิ่วที่มาช่วยอุดหนุนแล้ว เพราะข้าเป็นคนเปิดร้านขนมร้านนี้เอง ขนมในนั้นล้วนเป็นของที่ข้าคิดค้นขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน ใช้ดอกไม้ชนิดต่างๆ มาทำเป็นวัตถุดิบ ไม่หวานเหมือนผงน้ำตาล และสตรีกินแล้วยังช่วยบำรุงรูปโฉมด้วย”หงซิ่วหัวเราะว่า “บำรุงรูปโฉม ท่านกำลังใช้ลูกไม้ดึงดูดลูกค้าล่ะสิ!”“คิดไม่ถึงว่าแม่นางหงซิ่วจะชาญฉลาดถึงเพียงนี้ ปราดเดียวก็มองออกแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว” เฉิงเฟิงก็ไม่ได้ปิดบังหงซิ่วกล่าวว่า “แต่ว่า ขนมของร้านท่านอร่อยจริงๆ นั่นแหละ ขายแพงขนาดนั้นกิจการยังดีขนาดนี้ ได้กำไรไม่น้อยกระมัง!”“เงินเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าจะใช้มาสู่ขอภรรยายังนับว่าไม่มีปัญหา”หงซิ่วสีหน้าเรียบเฉย ไม่กล่าววาจาแล้วเฉิงเฟิงหันมาเหลือบมองนางทีหนึ่ง “เหตุใดจึงไม่พูดแล้วเล่า”“ตั้งใจขับรถเถิด ไม่มีสิ่งใดต้องพูดนี่” นางก็ไม่ได้เตรียมต
ผู้มาจอดรถม้าจนนิ่ง แล้วกระโดดจากรถม้า หมายจะรับของขวัญในมือนางไปหงซิ่วจึงกล่าวว่า “ขอบคุณผู้ดูแลเฉิง แต่ไม่ต้องแล้ว ข้าเรียกลุงหยางแล้วเจ้าค่ะ…”“ลุงหยางเท้าเจ็บ ก็ปล่อยให้เขาพักผ่อนอยู่ในจวนไปเถอะ ข้าจะผ่านทางไปตรวจร้านค้าแถวนั้นพอดีน่ะ” เขารับของขวัญในมือของหงซิ่วมา “กว่าจะไปถึงสกุลเจียงก็ไกลอยู่ เจ้าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวข้าไม่วางใจ”หงซิ่วเหลือบตามองเขาทีหนึ่ง แต่เฉิงเฟิงกลับนำของขวัญขึ้นรถม้าไปแล้ว จากนั้นเขาก็เปิดม่านรถออกกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นของขวัญที่พ่อข้าเตรียมให้ใต้เท้าเจียง เพื่อแสดงความยินดีที่ท่านสอบติด”เฉิงเฟิงนำม้านั่งตัวเตี้ยๆ มาวางลงตรงหน้าของหงซิ่ว เมื่อหงซิ่วขึ้นรถม้า เขาถึงเก็บม้านั่งตัวเตี้ยไป “วันหลังเจ้าอย่าได้เรียกข้าว่าผู้ดูแลเฉิงแล้ว อันที่จริงข้าก็อายุมากกว่าเจ้าไม่เท่าไหร่ วันนี้เจ้าอายุสิบแปดแล้วกระมัง ข้าก็เพิ่งยี่สิบเต็มเท่านั้น วันหลังเจ้าเรียกข้าว่าเฉิงเฟิงเถอะ”หงซิ่วก็ฉลาดหลักแหลม เห็นเขาทำเช่นนี้ก็ย่อมคาดเดาความในใจของเขาออก นางเก็บซ่อนสีหน้าและตอบอย่างสำรวมว่า “ถึงอย่างไรท่านก็เป็นผู้ดูแลของจวน ทั้งยังไม่ใช่ข้าทาสอีก แล้วข้าจะเรียกชื่
เป่าหลันกล่าวว่า “อนุหิวแล้วกระมัง บ่าวจะไปหาของกินที่ห้องครัวมาให้ท่านสักหน่อยนะเจ้าคะ”“เดินดูของมาตลอดเช้า ข้ารู้สึกเพลียอยู่บ้าง อยากนอนสักตื่น พวกเจ้าไปทำเรื่องของพวกเจ้าเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า” เย่ซู่ซู่กล่าว“เจ้าค่ะ เช่นนั้นอนุท่านตื่นแล้วก็เรียกบ่าวนะเจ้าคะ พวกบ่าวจะรออยู่ด้านนอกเจ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งสองช่วยนางปิดประตูเพลานี้เย่ซู่ซู่ถึงกล้าเผยอารมณ์ที่แท้จริงออกมา นางนั่งลงตรงหน้ากระจกแต่งหน้ามองสำรวจตนเอง ยังดีที่ซูเซวี่ยนไม่ได้ทิ้งร่องรอยที่ชัดเจนบนตัวนาง“เป่าหลัน ช่วยตักน้ำมาให้ข้าสักอ่าง” เย่ซู่ซู่ตะโกนออกไปด้านนอกทีหนึ่งในไม่ช้า เป่าหลันก็ยกน้ำเข้ามา “ให้บ่าวปรนนิบัติอนุท่านเถิดเจ้าค่ะ!”“ไม่ต้องแล้ว ข้าเคยชินกับการอยู่ตัวคนเดียวแล้ว เมื่อก่อนล้วนเป็นข้าที่ดูแลตัวเอง พวกเจ้าไปทำธุระเถอะ!” น้ำเสียงของเย่ซู่ซู่แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ท่าทางสนิทสนมเป็นมิตรนัก “วันหลังเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า พวกเจ้าอย่าได้เอาแต่เรียกตัวเองว่าบ่าวอีกเลย ผู้ใดไม่ใช่แก้วตาดวงใจของพ่อแม่กัน”น้ำเสียงของนางสั่นเครือ “ท่านพ่อท่านแม่ของข้าจากข้าไปเร็ว ข้าถึงได้กลายเป็นตัวคนเดียว” นางจะเริ่มซื้อใจคนแล้
จากนั้นคนทั้งสองก็ได้เห็นสภาพด้านใน เสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่บนพื้น ยังมีที่ห้อยอยู่บนตัวนางด้วยเย่ซู่ซู่ขมวดคิ้ว กล่าวเสียงอ่อนว่า “เหตุใดจึงไม่เคยมีผู้ใดบอกข้าว่า เชือกรัดพวกนี้ยุ่งยากถึงเพียงนี้ ข้าไม่เอาแล้ว คนที่ใส่เสื้อผ้าแบบนี้ราวกับเป็นพิการไปแล้วก็ไม่ปาน ต้องให้คนคอยช่วยตลอด ข้ายังคงชอบลงมือเองมากกว่า”นางด้านหนึ่งถอดอีกด้านก็กล่าวว่า “ปกติยามพระชายาองค์รัชทายาททรงสวมชุดที่งดงามเช่นนี้ ทรงทำอย่างไรไม่ให้เหนื่อยกันนะ”เป่าหลันยิ้มบางๆ ว่า “มีพวกบ่าวคอยช่วยไงเจ้าคะ พระชายาองค์รัชทายาทได้รับการดูแลอย่างทะนุถนอมตั้งแต่เด็ก แม้แต่ยามที่ทรงอาบน้ำก็ยังมีแม่นางเหลียนเย่กับแม่นางหงซิ่วช่วยพระนางชำระกายเลยเพคะ”เป่าหลันด้านหนึ่งช่วยเย่ซู่ซู่จัดเสื้อผ้าไปพลาง กล่าวไปพลางว่า “วันหลังพวกเราก็จะช่วยอนุท่านชำระกายเช่นกันเจ้าค่ะ พระชายารัชทายาทเป็นคนที่ดีมาก ดีแม้แต่กับข้ารับใช้ด้วย ย่อมจะทรงดีต่ออนุท่านแน่ พระชายาองค์รัชทายาทยังสั่งให้พวกบ่าวปรนนิบัติอนุท่านอย่างใส่ใจด้วย ในอนาคต หากพวกเราจะออกเรือน ยังจะทรงมอบสินเดิมก้อนใหญ่ให้พวกเราด้วยเจ้าค่ะ”เย่ซู่ซู่รู้ว่าเจียงเฟิ่งหัวนับว่าดีต่อน
เย่ซู่ซู่รู้สึกเขินอายและไม่อาจต้านทาน เมื่อครู่นางถึงกับรู้สึกว่าร่างกายเกิดความรู้สึกแปลกๆ เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?ในเวลานี้ ภายในสมองของเย่ซู่ซู่ถึงกับเกิดความคิดที่อาจหาญอย่างมากขึ้นมา หลายวันขนาดนี้แล้ว นางตรวจชีพจรมงคลให้ตนเองทุกวันแต่ก็ตรวจไม่พบนางจึงตัดสินใจอย่างบ้าบิ่นขึ้นมา แสร้งทำเป็นผลักไสเขา “ไม่เอาที่นี่…”ซูเซวี่ยนหัวเราะเบาๆ ด้านหลังห้องห้องนี้ก็คือประตูลับ เขาจึงพานางตรงเข้าไปทันทีผ่านไปครู่หนึ่ง ซูเซวี่ยนก็ลุกจากร่างนางขึ้นมาจัดอาภรณ์ของตน แล้วจูบแก้มของนาง “ข้าจะมาหาเจ้าอีกแน่ หากเจ้าคิดถึงข้า ก็มาหาข้าที่นี่”“ข้าไม่ต้องการพบท่านอีกตลอดกาล” เย่ซู่ซู่กล่าว“ซูเซวี่ยน ข้าขอเตือนท่านจงอย่าได้ท้าทายองค์รัชทายาทเอาง่ายๆ หากทรงรู้เรื่องของพวกเรา ท่านกับข้ามีแต่จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น”แววตาเย็นชาดุจน้ำแข็งของนางสะท้อนความเคียดแค้นออกมา “ดังนั้น แม่ทัพซู ทางที่ดีท่านควรอยู่ห่างข้าให้มากหน่อย ไม่เช่นนั้นท่านก็คงไม่มีผลลัพธ์ที่ดีแน่”มุมปากของซูเซวี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้มขึ้นมา “ข้าชักชอบเจ้าเข้าจริงๆ บ้างแล้ว ชอบความอำมหิตนั้นในดวงตาของเจ้า นับจากวันนี้ข้าก็จะเฝ้ารอวันที่เ