로그인
แก๊กๆ
ฉู่ ๆ ๆ ๆ
ฉ่า ๆ ๆ ๆ
เสียงตะหลิวกระทบกับกระทะดังลั่นร้านอาหารตามสั่ง ผู้คนภายในร้านแน่นขนัด หวานเจี๊ยบที่คอยรับออเดอร์จากลูกค้าแทบจะเดินขาขวิด อากาศร้อนก็ร้อนพัดลมเป่าแต่ละทีผิวแทบลวก เหงื่อไหลไคลย้อยเปียกโชกทั้งตัว ยิ่งคนที่อยู่หน้าเตาด้วยแล้วไม่ต่างอะไรกับการยืนย่างตัวเอง
“ป้าแตน โต๊ะสามไข่เจียวหมูสับหนึ่ง สุกี้แห้งหนึ่ง แล้วก็ต้มเลือดหมูไม่ใส่เลือดหมูจ้ะ”
“นับวันลูกค้าชักจะสั่งเมนูชวนงงขึ้นทุกวัน” นางแตนได้แต่บ่นอุบ สั่งต้มเลือดหมูแต่ไม่เอาเลือดหมู แล้วมันจะเข้าถึงต้มเลือดหมูได้ยังไง
“งั้นหวานไปเคลียร์โต๊ะก่อนนะจ๊ะป้า” หลังจากที่นำรายการอาหารมาให้ป้าเจ้าของร้าน หวานเจี๊ยบก็รีบไปเคลียร์โต๊ะที่เพิ่งกินเสร็จต่อ เพื่อจะได้ต้อนรับลูกค้าชุดใหม่เข้ามาแทน
“น้องสั่งน้ำหน่อย”
เพียงลูกค้าร้องสั่งออเดอร์ หญิงสาวร่างผอมบางก็รีบวางมือจากงานตรงหน้า เข้ารับออเดอร์ต่อทันที
“รับอะไรจ๊ะพี่” หวานเจี๊ยบยกสมุดจดปากกาพร้อม เตรียมจดรายการที่ลูกค้าสั่ง
“น้ำกระเจี๊ยบหนึ่ง โอเลี้ยงหนึ่ง เป๊ปซี่หนึ่ง”
“รอสักครู่นะพี่” เมื่อจดรายการน้ำเสร็จร่างเล็กก็รีบเข้าไปหาลุงที่ทำหน้าที่ชงน้ำ
“ลุงพงษ์ ออเดอร์จ้ะ หวานเอาไว้ตรงนี้นะ” ทันทีที่บอกลุงสามีเจ้าของร้าน หวานเจี๊ยบก็ได้เสียบกระดาษไว้ที่แท่งเหล็กแหลม ก่อนจะเตรียมกลับไปทำความสะอาดโต๊ะที่ทำค้างไว้ให้เสร็จ
“ได้ ๆ ที่เหลือลุงจัดการเอง” พงษ์เห็นเด็กสาวแล้วก็ได้แต่ยิ้มตาม นับถือกับความขยันของอีกฝ่ายเหลือเกิน ตัวก็เล็กแค่นี้แต่พลังกลับมีมากเหลือล้น ไม่มีบ่นเหนื่อยให้ได้ยินเลยสักครั้ง
หวานเจี๊ยบหนีออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุสิบแปด เพราะทนพ่อเลี้ยงหื่นกามไม่ไหว ส่วนแม่ก็เข้าข้างพ่อเลี้ยงไม่ลืมหูลืมตา หาว่าเธอเป็นฝ่ายยั่วสามีใหม่ก่อน แม่เชื่อสามีใหม่ทุกอย่าง ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรไปก็รังแต่จะเข้าตัว จากนั้นจึงได้เก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้านอย่างไม่เหลียวหลังกลับ พร้อมกับเงินติดตัวมาด้วยห้าร้อยบาท
แม่ที่ไม่เห็นว่าเธอเป็นลูกหลงสามีใหม่เมื่อออกมาจากนรกนั่นได้เธอก็ไม่คิดจะกลับไปเหมือนกันแม้ว่าในตอนที่เก็บกระเป๋าออกมาจะถูกเรียกว่าคนอกตัญญูก็ตาม เรียกได้ว่าตายจากกันไปเลยในชาตินี้ก็แล้วกัน หลังจากที่หนีออกมาได้ เธอก็อาศัยนอนตามวัดบ้าง ป้ายรถเมล์บ้าง จนสุดท้ายก็มาได้งานที่ร้านอาหารตามสั่งนี่แหละ จึงพอจะลืมตาอ้าปากได้
หวานเจี๊ยบทำงานกับป้าแตนและลุงพงษ์มาได้สามปี ตอนนี้เธอก็อายุเข้ายี่สิบเอ็ดปีแล้ว สูตรการทำอาหารต่าง ๆ ป้าแตนได้ถ่ายทอดวิชาให้เธอจนหมด กะว่าจะเก็บเงินให้ได้สักก้อนก็จะไปเปิดร้านเป็นของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าชาติไหนถึงจะได้ ค่าแรงก็ไม่ได้มากมายอะไรเพราะเป็นเพียงร้านตามสั่งข้างทางเท่านั้นเอง
ครั้นจะออกไปหางานใหม่ที่ได้เงินมากกว่านี้ วุฒิการศึกษาของเธอก็ไม่ได้มากพอที่จะหาสมัครงานดี ๆ ทำได้ จึงได้แต่อดทนทำงานที่ร้านต่อไป ถึงในแต่ละวันจะเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่เธอก็ไม่เคยได้รับความคับแค้นใจจากเจ้าของร้านเลย ลุงกับป้าออกจะเอ็นดูเธอเหมือนลูกหลานด้วยซ้ำ จึงทำให้ในแต่ละวันผ่านไปด้วยความสนุกมากกว่าจะรู้สึกอึดอัด
วันนี้ขายดีกว่าทุกวันทำให้แทบจะไม่มีเวลาได้พักกันเลย กว่าจะได้ปิดร้านก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม หลังจากที่ช่วยกันปิดร้านเสร็จเรียบร้อยทุกคนจึงได้มานั่งทานข้าวด้วยกัน นางแตนได้หยิบของบางอย่างออกมาแล้วยื่นให้กับหวานเจี๊ยบ
“นังหวานเจี๊ยบเอ้านี่ ไอแพด นังแนทหลานป้ามันซื้อเครื่องใหม่เครื่องเก่าไม่ใช้แล้วป้าเลยเอามาให้เอ็ง จะได้เอาไว้เล่นแก้เหงา” เดิมทีร้านนางก็ไม่ได้ขายดีจนถึงขั้นรับเด็กเสิร์ฟหรอก แต่เพราะสงสารอายุเท่านี้ต้องออกมาเร่ร่อนเลี้ยงตัวเอง ซึ่งนางก็ไม่อยากจะขุดคุ้ยเรื่องราวในชีวิตให้เด็กน้อยต้องช้ำใจ ก็เลยไม่ได้ถามอะไรมากเกี่ยวกับครอบครัวของหวานเจี๊ยบ
“ถึงแล้วล่ะ นี่บ้านข้าเอง” แม้จะเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น“ท่านพ่อ ท่านแม่ข้ากลับมาแล้วขอรับ” เหมาเสี่ยวถงเรียกหาผู้ให้กำเนิดเสียงดัง พร้อมกันนั้นเขาก็ได้จับมือนุ่มนิ่มเดินตามตนเข้าบ้านไปอย่างลืมตัว“เสี่ยวถงมาแล้วหรือ การสอบเป็นเช่นไรบ้าง” เหมาอี้ร้องทักบุตรชายเพียงคนเดียวของตน เป็นเวลากว่าเดือนแล้วที่บุตรชายเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อไปสอบคัดเลือกชายหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ อย่างรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถทำตามความฝันของบิดาได้“ไม่เป็นไรไม่ต้องเสียใจ อีกสี่ปีค่อยไปสอบก็ได้ แม่เจ้าทำกับข้าวเสร็จพอดี รีบมานั่งเร็วเข้า” ชายชรากวักมือเรียกบุตรชาย เห็นสีหน้าไม่สู้ดีเขาก็รู้สึกไม่สบายใจสอบจอหงวนใช่ว่าจะสอบได้โดยง่ายเสียเมื่อไหร่กัน“ขอโทษขอรับท่านพ่อ” ชายหนุ่มเดินคอตกเข้าบ้าน แต่ก็ไม่ลืมที่จะดึงมือหญิงสาวติดตามตนเข้าไปด้วยกันจือหลินเองเมื่อเข้ามาภายในบ้านหลังน้อย พร้อมกับมองสำรวจทุกซอกทุกมุม ภายในบ้านแทบไม่มีอะไรเลยสักชิ้น นอกจากโต๊ะไม้กลางเก่ากลางใหม่วางอยู่ตรงกลาง มีกระบุงสำหรับเก็บของป่าวางอยู่มุมหนึ่งของห้อง กระนั้นก็ยังคงความสะอาดสะอ้านเป็นอย่างดี“อ้าว เสี่ยวถงมาถึงแ
“ฮึบ... ตื่นได้แล้ววววว”“ตื่นแล้ว ๆ” เหมาเสี่ยวถงที่กำลังหลับฝันดีสะดุ้งโหยง เขาหันซ้ายแลขวาก็พบแต่ความมืดมิด หลังจากปรับสายตาให้เข้ากับความมืดได้ก็ต้องตกใจเป็นครั้งที่สอง เมื่อเห็นสตรีที่ตนใจเต้นแรงด้วยเอาแต่จดจ้องเขาไม่วางตา“ตื่นเสียทีนะเจ้าคะ ข้าปลุกท่านตั้งนาน” หลังจากปลุกบุรุษตรงหน้าให้ตื่นขึ้นมาได้ จือหลินจึงกลับไปเก็บเอาห่อผ้าขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเตรียมเดินทางต่อไปเพื่อจะได้ไปถึงหมู่บ้านข้างหน้า หากให้นางนอนกลางป่าก็คงไม่ไหว น่ากลัวเกินไป“ขออภัยแม่นาง รบกวนเจ้าแล้ว” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากชุด แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร สตรีผู้งดงามก็เดินทิ้งห่างเขาออกไปเสียแล้ว“เดี๋ยวก่อนสิแม่นาง นั่นเจ้าจะไปไหนค่ำมืดเช่นนี้เดินทางคนเดียวมันอันตรายนะ” เหมาเสี่ยวถงรีบร้อนวิ่งตามให้ทันคนตัวเล็ก นางก็ช่างเดินเร็วเอาแต่จ้ำอ้าวไม่เหลียวหลัง“ข้าจะรีบไปให้ถึงหมู่บ้านข้างหน้าเจ้าค่ะ” นางไม่แม้แต่จะหยุดรออีกฝ่าย ในใจตอนนี้ระหว่างรีบเดินให้ถึงหมู่บ้านข้างหน้า กับการยืนคุยกับบุรุษแปลกหน้าอันไหนจะอันตรายมากกว่ากัน“เจ้ารู้จักใครในหมู่บ้านหรือ” ถ้าได้รู้ว่าเป็นบุตรสาวบ้าน
ร่างเล็กผอมบางก้าวลงจากรถม้า นางยืนเหม่อมองอย่างไร้จุดหมายปลายทางอยู่พักใหญ่ เดิมทีตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านเกิดมารดา แต่มันผิดพลาดตรงส่วนไหนกัน หมู่บ้านที่ตั้งใจจะไปไม่ใช่ที่แห่งนี้นี่นา จือหลินได้แต่ยืนกอดห่อผ้าไว้แน่น ในตอนนี้นางเหลือเงินติดตัวมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นใช่แล้วนางหนีออกจากจวนเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เพียงเพราะโกรธเคืองบิดาที่เอาแต่หลงมัวเมาสตรี ละเลยคู่ชีวิตที่อยู่กินกันมานานนับสิบปีหลังจากมารดาสิ้นใจก็ยังบังคับให้ตนแต่งงานกับบุรุษที่ไม่ได้รัก ท่านพ่อทำเกินไปแล้วหรือไม่ความอัดอั้นตันใจมากมาย เป็นเหตุให้นางตัดสินใจหนีออกจากจวนเพียงเพราะไม่อาจทำใจอยู่ในจวนที่ไม่มีความอบอุ่น ความรักและความเข้าใจ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับบิดาเพียงคนเดียวเท่านั้นหลังจากรถม้าที่ว่าจ้างจากไป จือหลินตัดสินใจเดินเท้าไปเรื่อย ๆ ในสมองน้อย ๆ ของนางคิดอะไรไม่ออก ไม่มีที่ให้ไปไม่มีคนรู้จัก ครั้นจะออกไปหาโรงเตี๊ยมนอนสักคืน ก็กลัวเงินที่มีอยู่จะไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในยามจำเป็นไม่น่ามีทิฐิเยอะเลย ถ้าหากรู้ว่าอย่างนี้นางจะหอบเอาสมบัติท่านพ่อมาด้วยสักหลาย ๆ ชิ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาลำบากเช่นตอนนี้หญิงสาวก
หลังจากอาเหมาแยกตัวออกมาแล้ว เสี่ยวหลงจึงแนะนำผ้าแต่ละชนิดให้บุคคลสำคัญทั้งสองต่อ เสี่ยวเหมยที่ถูกพามานั่งเล่นศาลากลางสวน เด็กน้อยตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ไม่เคยเห็นสวนที่มีดอกไม้มากมายเช่นนี้มาก่อนเลย“หนึ่ง สอง สาม หนึ่ง สอง สาม”เสียงดังแว่วอยู่ไม่ไกลนักทำให้เสี่ยวเหมยรู้สึกสนใจ นางหันไปมองพี่ชายรองแต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่วุ่นวายกับของว่างที่นางกำนัลนำมาให้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สองขาเล็กป้อมจึงได้ลุกเดินเตาะแตะตามเสียงนั้นไป“ทำใยเย้อ” เสี่ยวเหมยยืนมองพี่ชายตรงหน้าแกว่งดาบไม้ไปมา ดูแล้วน่าสนุกนางก็อยากจะเล่นด้วย“เจ้าเป็นใคร เข้าวังข้ามาได้อย่างไร” อ๋องน้อยหยุดการฝึกดาบในทันที เด็กน้อยหน้าตาน่ารักผู้นี้เป็นใคร ไยถึงเข้ามาในวังของเขาได้“เหมยจ้า” พี่ชายเป็นอะไรกัน เหตุใดถึงได้ทำหน้ายุ่ง สงสัยคงจะไม่ชอบให้นางเข้ามาวุ่นวาย เช่นนั้นกลับไปหาพี่รองดีกว่าคิดได้ดังนั้นเสี่ยวเหมยจึงได้หันหลังวิ่งหลุน ๆ กลับไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะหันกลับมาสนใจพี่ชายแปลกหน้าอีกเลย“เดี๋ยวก่อนสิ รอข้าก่อน” อ๋องน้อยรู้สึกหลงใหลในดวงตากลมโตแวววาวลูกนั้น เขาถึงกับทิ้งดาบไม้ในมือวิ่งตามร่างเล็ก ๆ นั้นไปท
ความโกลาหลวุ่นวายในจวนได้เกิดขึ้น เมื่อคุณหนูเล็กได้หายตัวไปโดยที่ไม่มีผู้ใดเห็นจือหลินและเหมาเสี่ยวถงวุ่นวายตามหาบุตรสาวเป็นการใหญ่ ชายหนุ่มสั่งให้บ่าวไพร่ทั้งจวนค้นหาทุกซอกทุกมุมอย่างไรก็ไม่เจอ แม้แต่นายท่านซ่งและท่านหมอเหมินเองก็ร้อนใจไม่ต่างกันชายชราทั้งสองแม้จะแก่ลงไปมาก แต่เรี่ยวแรงก็ยังมีมากพอจะเดินหาหลานสาวสุดที่รักได้ทั่วทั้งจวน เด็กน้อยมีใบหน้าเหมือนภรรยาคนแรกของเขาราวกับโขกกันมา อีกทั้งนิสัยช่างอ้อนออเซาะ ยิ่งทำให้คนแก่ทั้งสองทั้งรักทั้งหลง และติดหลานสาวหนึบอย่างกับอะไรดีหลานสาวผู้นี้ช่างซุกซนนัก ห่างสายตาได้ไม่ทันไรก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ซ่งจิ้งหลุนและหมอเหมินละสายตาจากเด็กน้อย หันกลับมาเดินหมากด้วยกันแค่แว็บเดียว หันกลับมาอีกทีหลานสาวที่กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ข้าง ๆ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“พ่อผิดเองดูแลเสี่ยวเหมยไม่ดี” นายท่านซ่งถึงกับน้ำตาซึม กล่าวโทษตนเองที่ไม่สามารถดูแลหลานสาวได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้นางไปอยู่ที่ใด ภาวนาอย่าให้ตกสระบัวหรือเป็นอันตรายอะไรเลย“เป็นข้าเองที่ไม่ใส่ใจ ปล่อยให้คุณหนูคลาดสายตา” ท่านหมอเหมินนั้นได้ร้องไห้นำหน้านายท่านซ่งไปก่อนแล้ว คุณหนูเป็นแ
“โอ๊ย” คนที่เอาแต่นอนขี้เกียจมาทั้งวัน กลับต้องมาสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกแปล๊บตรงหน้าท้องขึ้นมาเสียดื้อ ๆ“หลินหลินเป็นอะไร หรือว่ามีแมลงกัน” เหมาเสี่ยวถงนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างกายภรรยาต้องตกใจ ที่อยู่ ๆ ภรรยาก็เสียงหลง“ข้ารู้สึกเจ็บท้องเจ้าค่ะ” มันรู้สึกเจ็บเป็นพัก ๆ ราวกับมีอะไรอยู่ในท้องกำลังเคลื่อนที่“ใครอยู่ด้านนอกเรียกท่านหมอให้ข้าที” เหมาเสี่ยวถงหน้าขาวซีด สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือภรรยาเจ็บป่วย ในตอนเขาป่วยนอนติดเตียงยังทรมานแสนเข็ญ นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ จะทนได้อย่างไร“ข้าว่าไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็เริ่มจะเบาลงแล้ว” ในตอนที่สามีโดนตัว นางก็รู้สึกทุเลาลงมาก แต่เมื่อเขาห่างออกไปกลับรู้สึกเจ็บจุกขึ้นมาเสียอย่างนั้นรอไม่นานท่านหมอเหมินก็ได้มาถึง เจ้าตัวจะแก่ลงไปมากแต่วิชาทางการแพทย์ฝีมือไม่ตก อีกทั้งในตอนนี้ ท่านหมอเหมินได้รับลูกศิษย์ที่คอยเจริญรอยตามเจตนารมณ์เพิ่มมาหนึ่งคน“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ” ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของภรรยา ก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจมากยิ่งขึ้น“นายหญิงท่านมีอาการง่วงนอนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด”“เป็นมาได้ราว ๆ สี่เดือน







