로그인ในวันที่เจอกันครั้งแรก เด็กสาวเดินหิวโซมาขอข้าวกิน นางก็เลยให้ข้าวผัดไปหนึ่งจาน จากนั้นจึงได้ถามความเป็นมาของหญิงสาว พอรู้เรื่องนางก็อดที่จะสงสารไม่ได้จึงให้มาทำงานที่ร้าน แลกกับค่าแรงวันละสองร้อยห้าสิบบาท และให้พักหลังร้านไปก่อนมีเงินเมื่อไหร่ก็ค่อยขยับขยายออกไป
เมื่อเห็นว่าความประพฤติดีขยันขันแข็ง นางจึงเพิ่มให้เป็นวันละสามร้อยบาท จนเด็กน้อยพอลืมตาอ้าปากได้จึงได้ออกไปหาห้องเช่า
“ขอบคุณจ้ะป้าแตน งั้นหวานไม่เกรงใจนะ” หญิงสาวยกมือไหว้พร้อมกับรีบรับมาโดยไว เธออยากได้มานานแล้วแม้แต่โทรศัพท์สักเครื่องก็ยังไม่มี ถ้าได้ไอแพดมาเธอก็จะสามารถค้นหาสิ่งต่าง ๆ ที่อยากจะรู้อยากเห็นได้ โดยที่ไม่ต้องไปคอยยืนมองกับเด็กน้อยคนอื่นในซอย
“ไม่ต้องเกรงใจพวกข้าหรอก เอ็งก็เหมือนลูกเหมือนหลาน” นางแตนได้แต่ยิ้มตามกับความดีอกดีใจที่สาวน้อยเอาแต่ยิ้มกว้าง จับพลิกซ้ายขวาตื่นเต้นกับของที่ได้รับ แม้จะเป็นของเก่าที่คนอื่นไม่ใช้แล้วก็ตาม
“ลุงกับป้าให้ วันนี้วันเกิดเอ็งไม่ใช่หรือ” ลุงพงษ์ยื่นซองสีแดงให้หวานเจี๊ยบ ตั้งแต่ได้มาช่วยงานเขากับภรรยาก็ช่วยเบาแรงได้เยอะ จึงคุยกันว่าจะให้ของขวัญกับหวานเจี๊ยบสักหน่อย เพื่อเป็นการตอบแทนในความขยันและเป็นเด็กดี
“ขอบคุณลุงกับป้ามากนะจ๊ะ” หญิงสาวรับซองสีแดงมาไว้ในมือ พร้อมกับเปิดมันออกดู ภายในนั้นมีเงินอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งไม่ได้มากอะไรแต่นั่นก็ทำให้เธอถึงกับน้ำตาซึม แม่แท้ ๆ ที่เป็นคลอดเธอออกมา ยังไม่ดีกับเธอขนาดนี้เลย
“ไม่ต้องร้อง ๆ ไป กลับห้องได้แล้วมันดึกแล้ว” นางแตนรีบไล่ให้กลับห้องตนเองไป ขืนมัวแต่นั่งคุยกันอยู่ตรงนี้มีหวังได้นั่งกอดคอกันร้องไห้กันหมดทั้งสามคน
“งั้นหวานกลับก่อนนะจ๊ะ” หวานเจี๊ยบเก็บของที่ได้รับมาในวันนี้เข้ากระเป๋าสะพายข้าง พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเธอจะนอนเล่นไอแพดที่ได้มาให้หนำใจ
หลังจากนั้นหวานเจี๊ยบก็ได้กลับห้องพักของเธอ ซึ่งเพียงแค่เดินซอยถัดไปก็จะถึงห้องเช่าเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ หญิงสาวกอดไอแพดไว้แน่นอยากจะให้ถึงห้องเร็ว ๆ จะได้ลองเล่นมันเสียที เมื่อก่อนได้แต่ไปขอเล่นกับคนอื่น ทีนี้แหละจะเล่นให้ฉ่ำปอดไปเลย
หญิงสาวเดินข้ามสะพานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แค่ข้ามสะพานนี้ไปก็จะถึงห้องเช่าแล้วอีกนิดเดียวเท่านั้น
“แฮ่”
“โฮ่ง ๆ”
เจ้าถิ่นเจ้าเก่าเจ้าเดิม ยืนจังก้าอยู่สามตัว พยายามแยกเขี้ยวใส่คู่อริให้กลัวพวกมันมากที่สุด
หวานเจี๊ยบเล็งเห็นแล้วว่าหากเธอดึงดันจะฝ่าวงล้อมไปด้วยมือเปล่าคงไม่รอดแน่ หญิงสาวพยายามมองหาไม้หรืออาวุธที่พอจะไล่พวกขาใหญ่ประจำสะพานไปได้ แต่ทว่ามองหาเท่าไหร่ก็ไม่มีเหมือนดั่งเช่นเคย ปกติจะมีเศษไม้วางอยู่บริเวณสะพาน แต่วันนี้คงจะเป็นคราวซวยของเธอจริง ๆ ถึงได้ดูสะอาดมากกว่าทุกวัน
“ไอ้แต้ม ไอ้มอม ไอ้มืด ถอยไปเลยนะชิ่ว ๆ” ปกติไอ้สามสหายเพียงแค่เห็นเธอตั้งท่าจะฟาดกลับ พวกมันก็วิ่งหางจุกตูดกันไปแล้ว แต่ทำไมรอบนี้พวกมันถึงได้กัดไม่ปล่อยกันนะ
บ้าจริง จะรีบกลับไปเล่นไอแพดที่ได้มาสักหน่อย แต่กลับต้องมาเสียเวลากับหมาจรซะได้
“กรร”
“โฮ่ง ๆ”
“ไอ้พวกหมาหมู่ อย่าเข้ามานะ” เมื่อเห็นว่าหมาทั้งสามไม่ยอมรามือ เธอก็เตรียมตั้งท่าจะหันหลังวิ่งกลับทันที อุตส่าห์มาได้ถึงครึ่งสะพานแล้วต้องวิ่งกลับร้านเหรอเนี่ย หวานเจี๊ยบได้แต่โอดครวญใจในพร้อมกับสาปส่งหมาหมู่ทั้งสามตัว
“โฮ่ง ๆ”
เพียงแค่ตัวแรกก้าวขา หวานเจี๊ยบก็หันหลังวิ่งกลับทางเดิมทันที กระนั้นพอขาก้าวได้ไม่ถึงสามก้าวกลับต้องมาสะดุดขาตัวเองถลาเลยขอบสะพานออกไป
“ว้าย”
ตูม!!
ไม่นะ เธอจะมาตายเพียงเพราะตกใจหมาจรแล้วตกน้ำไม่ได้นะ นี่มันคลองแสนแสบเชียวนะ กะว่าจะไม่ให้เธอรอดชีวิตกลับไปเลยหรือ
แต่ถึงจะไม่ตายเธอก็มั่นใจว่าหากตกลงไป ฟื้นขึ้นมาก็คงจะเลี้ยงไม่โต หญิงสาวได้แต่ยอมรับชะตากรรมของตนเอง ได้แต่หลับตาทำใจจนกระทั่งร่างผอมบางตกลงสู่พื้นน้ำสีดำสนิท
เธอพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาเหนือน้ำ แต่ด้วยความตกใจทำให้หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก แข้งขาหรือก็แข็งตีขาในน้ำไม่ออกเอาเสียเลย สุดท้ายทนกลั้นใจในน้ำไม่ไหว ร่างของหวานเจี๊ยบหยุดดิ้นรน จากนั้นก็ค่อย ๆ ดำดิ่งลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ลงสู่พื้นดินใต้น้ำ
“ถึงแล้วล่ะ นี่บ้านข้าเอง” แม้จะเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น“ท่านพ่อ ท่านแม่ข้ากลับมาแล้วขอรับ” เหมาเสี่ยวถงเรียกหาผู้ให้กำเนิดเสียงดัง พร้อมกันนั้นเขาก็ได้จับมือนุ่มนิ่มเดินตามตนเข้าบ้านไปอย่างลืมตัว“เสี่ยวถงมาแล้วหรือ การสอบเป็นเช่นไรบ้าง” เหมาอี้ร้องทักบุตรชายเพียงคนเดียวของตน เป็นเวลากว่าเดือนแล้วที่บุตรชายเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อไปสอบคัดเลือกชายหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ อย่างรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถทำตามความฝันของบิดาได้“ไม่เป็นไรไม่ต้องเสียใจ อีกสี่ปีค่อยไปสอบก็ได้ แม่เจ้าทำกับข้าวเสร็จพอดี รีบมานั่งเร็วเข้า” ชายชรากวักมือเรียกบุตรชาย เห็นสีหน้าไม่สู้ดีเขาก็รู้สึกไม่สบายใจสอบจอหงวนใช่ว่าจะสอบได้โดยง่ายเสียเมื่อไหร่กัน“ขอโทษขอรับท่านพ่อ” ชายหนุ่มเดินคอตกเข้าบ้าน แต่ก็ไม่ลืมที่จะดึงมือหญิงสาวติดตามตนเข้าไปด้วยกันจือหลินเองเมื่อเข้ามาภายในบ้านหลังน้อย พร้อมกับมองสำรวจทุกซอกทุกมุม ภายในบ้านแทบไม่มีอะไรเลยสักชิ้น นอกจากโต๊ะไม้กลางเก่ากลางใหม่วางอยู่ตรงกลาง มีกระบุงสำหรับเก็บของป่าวางอยู่มุมหนึ่งของห้อง กระนั้นก็ยังคงความสะอาดสะอ้านเป็นอย่างดี“อ้าว เสี่ยวถงมาถึงแ
“ฮึบ... ตื่นได้แล้ววววว”“ตื่นแล้ว ๆ” เหมาเสี่ยวถงที่กำลังหลับฝันดีสะดุ้งโหยง เขาหันซ้ายแลขวาก็พบแต่ความมืดมิด หลังจากปรับสายตาให้เข้ากับความมืดได้ก็ต้องตกใจเป็นครั้งที่สอง เมื่อเห็นสตรีที่ตนใจเต้นแรงด้วยเอาแต่จดจ้องเขาไม่วางตา“ตื่นเสียทีนะเจ้าคะ ข้าปลุกท่านตั้งนาน” หลังจากปลุกบุรุษตรงหน้าให้ตื่นขึ้นมาได้ จือหลินจึงกลับไปเก็บเอาห่อผ้าขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเตรียมเดินทางต่อไปเพื่อจะได้ไปถึงหมู่บ้านข้างหน้า หากให้นางนอนกลางป่าก็คงไม่ไหว น่ากลัวเกินไป“ขออภัยแม่นาง รบกวนเจ้าแล้ว” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากชุด แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร สตรีผู้งดงามก็เดินทิ้งห่างเขาออกไปเสียแล้ว“เดี๋ยวก่อนสิแม่นาง นั่นเจ้าจะไปไหนค่ำมืดเช่นนี้เดินทางคนเดียวมันอันตรายนะ” เหมาเสี่ยวถงรีบร้อนวิ่งตามให้ทันคนตัวเล็ก นางก็ช่างเดินเร็วเอาแต่จ้ำอ้าวไม่เหลียวหลัง“ข้าจะรีบไปให้ถึงหมู่บ้านข้างหน้าเจ้าค่ะ” นางไม่แม้แต่จะหยุดรออีกฝ่าย ในใจตอนนี้ระหว่างรีบเดินให้ถึงหมู่บ้านข้างหน้า กับการยืนคุยกับบุรุษแปลกหน้าอันไหนจะอันตรายมากกว่ากัน“เจ้ารู้จักใครในหมู่บ้านหรือ” ถ้าได้รู้ว่าเป็นบุตรสาวบ้าน
ร่างเล็กผอมบางก้าวลงจากรถม้า นางยืนเหม่อมองอย่างไร้จุดหมายปลายทางอยู่พักใหญ่ เดิมทีตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านเกิดมารดา แต่มันผิดพลาดตรงส่วนไหนกัน หมู่บ้านที่ตั้งใจจะไปไม่ใช่ที่แห่งนี้นี่นา จือหลินได้แต่ยืนกอดห่อผ้าไว้แน่น ในตอนนี้นางเหลือเงินติดตัวมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นใช่แล้วนางหนีออกจากจวนเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เพียงเพราะโกรธเคืองบิดาที่เอาแต่หลงมัวเมาสตรี ละเลยคู่ชีวิตที่อยู่กินกันมานานนับสิบปีหลังจากมารดาสิ้นใจก็ยังบังคับให้ตนแต่งงานกับบุรุษที่ไม่ได้รัก ท่านพ่อทำเกินไปแล้วหรือไม่ความอัดอั้นตันใจมากมาย เป็นเหตุให้นางตัดสินใจหนีออกจากจวนเพียงเพราะไม่อาจทำใจอยู่ในจวนที่ไม่มีความอบอุ่น ความรักและความเข้าใจ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับบิดาเพียงคนเดียวเท่านั้นหลังจากรถม้าที่ว่าจ้างจากไป จือหลินตัดสินใจเดินเท้าไปเรื่อย ๆ ในสมองน้อย ๆ ของนางคิดอะไรไม่ออก ไม่มีที่ให้ไปไม่มีคนรู้จัก ครั้นจะออกไปหาโรงเตี๊ยมนอนสักคืน ก็กลัวเงินที่มีอยู่จะไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในยามจำเป็นไม่น่ามีทิฐิเยอะเลย ถ้าหากรู้ว่าอย่างนี้นางจะหอบเอาสมบัติท่านพ่อมาด้วยสักหลาย ๆ ชิ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาลำบากเช่นตอนนี้หญิงสาวก
หลังจากอาเหมาแยกตัวออกมาแล้ว เสี่ยวหลงจึงแนะนำผ้าแต่ละชนิดให้บุคคลสำคัญทั้งสองต่อ เสี่ยวเหมยที่ถูกพามานั่งเล่นศาลากลางสวน เด็กน้อยตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ไม่เคยเห็นสวนที่มีดอกไม้มากมายเช่นนี้มาก่อนเลย“หนึ่ง สอง สาม หนึ่ง สอง สาม”เสียงดังแว่วอยู่ไม่ไกลนักทำให้เสี่ยวเหมยรู้สึกสนใจ นางหันไปมองพี่ชายรองแต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่วุ่นวายกับของว่างที่นางกำนัลนำมาให้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สองขาเล็กป้อมจึงได้ลุกเดินเตาะแตะตามเสียงนั้นไป“ทำใยเย้อ” เสี่ยวเหมยยืนมองพี่ชายตรงหน้าแกว่งดาบไม้ไปมา ดูแล้วน่าสนุกนางก็อยากจะเล่นด้วย“เจ้าเป็นใคร เข้าวังข้ามาได้อย่างไร” อ๋องน้อยหยุดการฝึกดาบในทันที เด็กน้อยหน้าตาน่ารักผู้นี้เป็นใคร ไยถึงเข้ามาในวังของเขาได้“เหมยจ้า” พี่ชายเป็นอะไรกัน เหตุใดถึงได้ทำหน้ายุ่ง สงสัยคงจะไม่ชอบให้นางเข้ามาวุ่นวาย เช่นนั้นกลับไปหาพี่รองดีกว่าคิดได้ดังนั้นเสี่ยวเหมยจึงได้หันหลังวิ่งหลุน ๆ กลับไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะหันกลับมาสนใจพี่ชายแปลกหน้าอีกเลย“เดี๋ยวก่อนสิ รอข้าก่อน” อ๋องน้อยรู้สึกหลงใหลในดวงตากลมโตแวววาวลูกนั้น เขาถึงกับทิ้งดาบไม้ในมือวิ่งตามร่างเล็ก ๆ นั้นไปท
ความโกลาหลวุ่นวายในจวนได้เกิดขึ้น เมื่อคุณหนูเล็กได้หายตัวไปโดยที่ไม่มีผู้ใดเห็นจือหลินและเหมาเสี่ยวถงวุ่นวายตามหาบุตรสาวเป็นการใหญ่ ชายหนุ่มสั่งให้บ่าวไพร่ทั้งจวนค้นหาทุกซอกทุกมุมอย่างไรก็ไม่เจอ แม้แต่นายท่านซ่งและท่านหมอเหมินเองก็ร้อนใจไม่ต่างกันชายชราทั้งสองแม้จะแก่ลงไปมาก แต่เรี่ยวแรงก็ยังมีมากพอจะเดินหาหลานสาวสุดที่รักได้ทั่วทั้งจวน เด็กน้อยมีใบหน้าเหมือนภรรยาคนแรกของเขาราวกับโขกกันมา อีกทั้งนิสัยช่างอ้อนออเซาะ ยิ่งทำให้คนแก่ทั้งสองทั้งรักทั้งหลง และติดหลานสาวหนึบอย่างกับอะไรดีหลานสาวผู้นี้ช่างซุกซนนัก ห่างสายตาได้ไม่ทันไรก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ซ่งจิ้งหลุนและหมอเหมินละสายตาจากเด็กน้อย หันกลับมาเดินหมากด้วยกันแค่แว็บเดียว หันกลับมาอีกทีหลานสาวที่กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ข้าง ๆ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“พ่อผิดเองดูแลเสี่ยวเหมยไม่ดี” นายท่านซ่งถึงกับน้ำตาซึม กล่าวโทษตนเองที่ไม่สามารถดูแลหลานสาวได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้นางไปอยู่ที่ใด ภาวนาอย่าให้ตกสระบัวหรือเป็นอันตรายอะไรเลย“เป็นข้าเองที่ไม่ใส่ใจ ปล่อยให้คุณหนูคลาดสายตา” ท่านหมอเหมินนั้นได้ร้องไห้นำหน้านายท่านซ่งไปก่อนแล้ว คุณหนูเป็นแ
“โอ๊ย” คนที่เอาแต่นอนขี้เกียจมาทั้งวัน กลับต้องมาสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกแปล๊บตรงหน้าท้องขึ้นมาเสียดื้อ ๆ“หลินหลินเป็นอะไร หรือว่ามีแมลงกัน” เหมาเสี่ยวถงนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างกายภรรยาต้องตกใจ ที่อยู่ ๆ ภรรยาก็เสียงหลง“ข้ารู้สึกเจ็บท้องเจ้าค่ะ” มันรู้สึกเจ็บเป็นพัก ๆ ราวกับมีอะไรอยู่ในท้องกำลังเคลื่อนที่“ใครอยู่ด้านนอกเรียกท่านหมอให้ข้าที” เหมาเสี่ยวถงหน้าขาวซีด สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือภรรยาเจ็บป่วย ในตอนเขาป่วยนอนติดเตียงยังทรมานแสนเข็ญ นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ จะทนได้อย่างไร“ข้าว่าไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็เริ่มจะเบาลงแล้ว” ในตอนที่สามีโดนตัว นางก็รู้สึกทุเลาลงมาก แต่เมื่อเขาห่างออกไปกลับรู้สึกเจ็บจุกขึ้นมาเสียอย่างนั้นรอไม่นานท่านหมอเหมินก็ได้มาถึง เจ้าตัวจะแก่ลงไปมากแต่วิชาทางการแพทย์ฝีมือไม่ตก อีกทั้งในตอนนี้ ท่านหมอเหมินได้รับลูกศิษย์ที่คอยเจริญรอยตามเจตนารมณ์เพิ่มมาหนึ่งคน“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ” ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของภรรยา ก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจมากยิ่งขึ้น“นายหญิงท่านมีอาการง่วงนอนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด”“เป็นมาได้ราว ๆ สี่เดือน







