ยามสายของวันถัดมา ในขณะที่หยุนจิงกำลังรับผ้าเช็ดหน้าจากเถาจูมาซับเหงื่อตามกรอบหน้าหลังจากสิ้นสุดการออกกำลังกายตอนเช้า นกชิงเหนียวที่ตามมาด้วยก็ได้สื่อสารในเรื่องที่ทำให้เธอต้องตกใจ
เยว่ฮวา ข้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับพ่อเลวของเจ้ามาละ เจ้าตัวน้อยกระพือปีกแสดงความตื่นเต้น
เรื่องอะไรอีกอย่างนั้นเหรอ นอกเหนือจากคนผู้นั้นถูกลดตำแหน่ง น้ำเสียงของหลิวหยุนจิงเรียบเฉยหาได้สนใจแต่อย่างใด
ข้าได้ยินมาว่า หลังจากพวกเขาออกเดินทางไปถึงจุดพักเกวียน หลี่เจี้ยนเฉิงที่มีอาการป่วยอยู่ก่อนหน้าเกิดทนไม่ไหวได้เสียชีวิตลง คำพูดของอวิ๋นซิงทำให้หลิวหยุนจิงเกิดความรู้สึกตกใจเล็กน้อย
ทั้งนี้เป็นเพราะเนื่องจากในนิยายต้นฉบับได้ระบุว่า หลี่เจี้ยนเฉิงผู้นี้ในอนาคตได้รับตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าหน่วยถิงเว่ยแล้วเหตุใดตอนนี้ถึงได้ตายลงไปแล้วล่ะ
เจ้าแน่ใจหรือว่าข่าวที่ได้มาไม่ผิดพลาด หลิวหยุนจิงถามออกไปอย่างกังขาตามสัญชาตญาณ
ข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าต้องถามเช่นนี้ ดังนั้นข้าจึงได้บินไปดูให้เห็นกับตา อวิ๋นซิงกล่าวเนิบช้าก่อนจะเว้
หลังจากหลิวอวี้เฟยและหวังจูเริ่มลงมือทดลองทำสบู่ตามคำแนะนำของหลิวหยุนจิง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกเหมยและเปลือกส้มก็ฟุ้งกระจายไปทั่วโรงเรือนทางด้านข้างของเรือนของนาง จนกระทั่งหวังชูหรงที่กำลังเดินมาหาบุตรสาวได้กลิ่น“พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใดกันอยู่หรือ แม่ได้ยินบ่าวมาบอกว่าได้กลิ่นหอมลอยออกมาจากเรือนของเจ้าก็เลยเดินมาดู” เสียงแหบพร่าของหญิงชราถามขึ้นอย่างใคร่รู้“ท่านแม่” หลิวอวี้เฟยเดินเข้าไปประคองมารดาพลางเรียกออกมาอย่างอ่อนหวานเช่นเดียวกับหยุนจิงที่เดินไปหายายของตนเช่นกัน“ท่ายยายเจ้าคะ หลานกับท่านแม่กำลังทำสบู่เจ้าค่ะ ข้ากำลังคิดว่าหากได้ผลดีจะนำไปมอบให้ท่านอยู่พอดี” เสียงออดอ้อนอ่อนหวานของหลานสาวตัวน้อยทำให้หวังชูหรงเผยรอยยิ้มบางออกมา“สบู่? คือสิ่งใดหรือเจ้า ใช่ที่กำลังส่งกลิ่นหอมอยู่ตอนนี้หรือไม่”“ใช่เจ้าค่ะท่านยาย” หลิวหยุนจิงยิ้มหวานพร้อมกับดึงมือของหวังชูหรงให้เดินเข้าไปภายในโรงเรือน“สบู่คือสิ่งที่ข้ากับท่านแม่กำลังทดลองทำเพื่อใช้ชำระร่างกายเจ้าค่ะ กลิ่นหอมที่ท่านได้กลิ่นก็มาจากน้ำดอกเหมยและเปลือกส้มที่เราผสมลงไป”หวังชูหรงมองสบู่
ในระหว่างการก้าวเดินของแม่กับบุตรสาวตัวน้อยรวมถึงบ่าวรับใช้หลายคนที่คอยมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวังให้กับผู้เป็นนายขณะที่หลิวหยุนจิงกำลังรู้สึกเพลิดเพลินกับบรรยากาศ สายตาก็พลันหยุดนิ่งที่หน้าโรงเตี้ยมใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งมีผู้คนมุงอยู่เป็นจำนวนมาก“ท่านแม่ ดูสิเจ้าคะ! ที่นั่นเขากำลังเล่นทายปริศนาโคมไฟ” หลิวหยุนจิงชี้ไปยังหน้าโรงเตี้ยมด้วยความตื่นเต้นหลิวอวี้เฟยมองตามสายตาของบุตรสาว ดวงตาของนางเปล่งประกายขึ้นบางเบาทอแววอ่อนโยนยามเห็นท่าทางของลูกน้อย“หากเจ้าสนใจ เราไปดูกันเถิด”ทันทีที่ไปถึงเสียงอ่านปริศนาโคมไฟก็กำลังดังขึ้นพอดี“บนดินไม่ใช่ดิน ในน้ำไม่ใช่น้ำ แข็งได้ ละลายได้ คือสิ่งใด?”ผู้คนรอบข้างต่างครุ่นคิดพลางกระซิบกระซาบ แต่ไม่มีผู้ใดตอบได้ จนกระทั่งเสียงใสแจ๋วดังขึ้นจากเด็กชายวัยประมาณ 12 ปี ที่แหวกฝูงชนเข้ามาจนกระทั่งถึงด้านหน้า“คำตอบ คือ น้ำแข็ง ใช่หรือไม่ขอรับ?” เด็กชายผู้นั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉะฉาน“ถูกต้อง!” ผู้ดำเนินงานประกาศเสียงดังพร้อมเสียงปรบมือดังก้องรอบบริเวณหลิวหยุนจิงหันไปมองเด็กชา
เมื่อกลับถึงจวนหลิวหยุนจิงรีบตรงไปยังโรงเก็บของที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องหมักสุราชั่วคราว ด้านในเต็มไปด้วยไหดินเผาขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่หลายใบ“พี่สาวอาหลัน พี่ชายเสี่ยวหมิง ข้าต้องการหมักสุราให้ได้หลายชนิดเพื่อเตรียมไว้สำหรับวันเปิดร้าน พวกเรามาเริ่มกันเถอะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น“คุณหนูจะเริ่มจากชนิดใดก่อนดีเจ้าคะ?” อาหลันถามขณะเตรียมข้าวเหนียวที่แช่น้ำจนได้ที่“เริ่มจากสุราข้าวเหนียวขาวก่อนเจ้าค่ะ เป็นสุราพื้นฐานที่หมักง่ายที่สุด หลังจากนั้นค่อยต่อด้วยสุราดอกเก๊กฮวยและสุราผลไม้”หลิวหยุนจิงอธิบายแผนการก่อนจะลงมือหมักสุราอย่างตั้งใจ นางสั่งให้เสี่ยวหมิงช่วยขัดล้างไหดินเผาทั้งหมดอย่างสะอาดเรียบร้อย ขณะที่อาหลันนำข้าวเหนียวที่แช่น้ำไว้ไปนึ่งจนหอมฟุ้ง“เอาละ คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการหมักสุราข้าวเหนียว ก่อนอื่นนำข้าวเหนียวที่นึ่งจนสุกไปตากให้เย็นสนิท จากนั้นจึงนำมาคลุกเคล้ากับหัวเชื้อสุราสูตรพิเศษที่ข้าได้ผสมสมุนไพรบางชนิดเข้าไปเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและช่วยเร่งกระบวนการหมักข้าวต่อมาหลังจากคลุกเคล้ากันดีแล้วก็ตักใส่ไหดินเผาที่ลวกน้ำร้อนเรียบ
ไม่นานนักบ่าวรับใช้ก็กลับมาพร้อมผ้าดิบ หมึก และพู่กัน หลิวหยุนจิงนั่งลงบนเบาะรองนั่งหน้าโต๊ะไม้ตัวเล็กก่อนจะเริ่มวาดแบบโครงสร้างของหน้าไม้ตามที่นางอธิบายไว้เส้นสายรายละเอียดต่าง ๆ ค่อย ๆ ปรากฏเป็นภาพหน้าไม้ที่มีคันยิงเล็กและคันดีดซึ่งใช้เชือกหนังยืดตึงเชื่อมกับโครงไม้ หลิวหยุนจิงเขียนคำอธิบายเสริมถึงกลไกการยิงและวิธีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว่ยชิงจับตามองทุกเส้นสายด้วยความสนใจ ดวงตาคมกริบของเขาแฝงด้วยความประหลาดใจระคนชื่นชม“เจ้าไม่ใช่เด็กธรรมดาเลย เยว่ฮวา” เว่ยชิงเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพลางถามออกมาอย่างใคร่รู้“เจ้าได้ความคิดนี้มาจากที่ใด?”หลิวหยุนจิงเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง “ข้าเพียงแค่ดัดแปลงมาจากธนูเพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้นเจ้าค่ะ”เว่ยชิงหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู แม้ว่าในอกของเขาจะรู้ดีว่าเด็กหญิงน่าจะมีเรื่องปิดบัง ทว่าหากสิ่งที่นางทำเป็นประโยชน์ต่อแคว้นเรื่องบางอย่างก็สามารถมองข้ามได้“เจ้าช่างฉลาดยิ่ง ข้าจะนำแบบนี้ไปให้ช่างหลวงทดลองสร้าง หากได้ผลข้าจะทูลเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิด้วยตนเอง”“ถ้าเช่นนั้นข้าจะได้เ
หลิวหยุนจิงกับเสี่ยวหมิงวิ่งไปยังลานฝึกยุทธ์ด้วยความเร่งรีบ แสงแดดยามเช้าทอประกายลอดผ่านยอดไม้ทำให้บรรยากาศดูสดชื่นลานฝึกเต็มไปด้วยบรรดาบ่าวไพร่ที่มารวมตัวกันเพื่อฝึกฝนตามคำสั่งของจางไห่ซึ่งยืนรออยู่พร้อมแส้ม้วนหนึ่งในมือ“เยว่ฮวา เสี่ยวหมิง เจ้าทั้งสองมาสายไปหนึ่งเค่อ! หากเจ้าเป็นทหารในสนามรบสายไปหนึ่งเค่อนั่นอาจหมายถึงชีวิต” จางไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันหลิวหยุนจิงรีบประสานมือคารวะด้วยความนอบน้อม “ขออภัยท่านอาจารย์ ข้าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกเจ้าค่ะ!”จางไห่มองนางด้วยแววตาเคร่งขรึมระคนเอ็นดู “ดี! แต่ถ้ายังมีเหตุการณ์เช่นวันนี้อีกเจ้าจะต้องถูกลงโทษ เอาละไปเข้าแถว วันนี้เราจะเริ่มจากฝึกพื้นฐานการทรงตัวก่อน”หลังจากการฝึกยุทธ์ผ่านไปกว่าครึ่งวัน เหงื่อเม็ดเล็กจำนวนมากผุดพรายเกาะเต็มหน้าผากของหลิวหยุนจิง นางยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อพลางหายใจหอบทว่าในดวงตาของนางกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น“เจ้าทำได้ดีมาก ศิษย์น้อง” เสี่ยวหมิงกล่าวพร้อมยื่นน้ำดื่มให้“ขอบคุณเจ้าค่ะ ศิษย์พี่&rd
หลิวห่าวเทียนเงยหน้าขึ้นจากตำรา มองหลานสาวตัวน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน “เยว่ฮวา เจ้ามีเรื่องอะไรอย่างนั้นรึ?”หลิวหยุนจิงผงกหัวลงก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนหวาน “ข้ามีเรื่องจะมาขออนุญาตท่านตาและท่านยายเจ้าค่ะ”ชูหรงวางผ้าปักในมือลง แล้วหันมาสนใจหลานสาว “ว่ามาสิ เจ้ามีเรื่องใด?”หลิวหยุนจิงไม่รอช้า นางเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับการพบเจียงหลิงและลูกชายทั้งสอง รวมถึงอาการป่วยของเจียงหลิงกับลูกชายรวมถึงความตั้งใจที่จะให้พวกเขาพักฟื้นที่จวนเพื่อรักษาอาการให้หายดีเมื่อได้ยินดังนั้น หลิวห่าวเทียนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “หากเป็นเรื่องช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ตาย่อมไม่ขัดเจ้าอยู่แล้ว”“ใช่แล้วละ” ชูหรงเสริม “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ดูแลพวกเขาให้ดี หากจะให้พักอยู่ในจวนเจ้าควรทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจ และถ้าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม เราจะช่วยกันดูแล”หลิวหยุนจิงยิ้มกว้าง “ขอบคุณท่านตาและท่านยายมากเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลพวกเขาอย่างดีที่สุด!”หลิวห่าวเทียนยกมือขึ้นลูบศีรษะหลานสาวเบา ๆ อย่างเอ็นดูระคนชื่นชมที่หลานตัวน้อยเป็นคนมีน้ำใจ“เจ้าช่างมีจิตใจโอบ