Share

บทที่ 5

บรรยากาศในห้องโถงกลางเรือนพลันเงียบงันลงชั่วขณะ หลังจากหลี่เจี้ยนเฉิงเอ่ยปากบอกลูกสาวไม่ให้ยุ่งเรื่องผู้ใหญ่ เขาเหลือบสายตาไปทางหลิวอวี้เฟยแวบหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่รอฟังคำโต้แย้งใด ๆ อีก

หยุนจิงกำมือเล็กแน่น ก้อนความโกรธและความไม่พอใจอัดแน่นอยู่ในอก แต่เด็กหญิงยังฝืนเก็บซ่อนอารมณ์ทั้งหมดไว้เบื้องหลังรอยยิ้ม เพราะเธอรู้ดีว่าเวลานี้การจะเผชิญหน้าตรง ๆ กับพ่อเลวไม่มีประโยชน์อันใด นอกจากจะทำให้แม่ลำบากใจมากกว่าเดิม

“เยว่ฮวา...” เสียงของหลิวอวี้เฟยฟังดูแผ่วเบา พร้อมกันนั้นนางก็ก้าวเท้าเข้ามาหาบุตรสาวอย่างอ่อนโยน มือเรียวสัมผัสแก้มลูกสาวพลางมองดวงตาใสซื่อที่ดูจะมีแววครุ่นคิดเกินวัย

“เจ้าอย่าได้กลัวเลยลูก แม่จะหาทางจัดการเรื่องนี้เอง”

หยุนจิงเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นแม่ ใจหนึ่งนั้นอยากโผเข้ากอดแต่ก็ต้องข่มกลั้นไว้เพื่อไม่ให้แม่กังวล เด็กหญิงจึงตอบเพียงเบา ๆ

“เจ้าค่ะ ท่านแม่...ข้าเพียงเป็นห่วงท่าน”

แววตาของหลิวอวี้เฟยฉายแววเศร้าปะปนไปกับความรักอันแน่นแฟ้นที่มีต่อลูก ก่อนจะคลี่ยิ้มปนโศกออกมา

“เจ้าอย่าได้กังวลเลย แม่ยังมีตระกูลหลิวคอยหนุนหลัง...แค่ระยะนี้ต้องอยู่ร่วมชายคากับบิดาเจ้าจึงเลี่ยงการกระทบ กระทั่งได้ยาก”

หยุนจิงได้ยินเช่นนั้นพลันนึกถึงชะตากรรมในนิยายที่เธอรู้ล่วงหน้าจากความทรงจำในอีกโลก

(จะยอมให้เรื่องนี้ดำเนินตามบทเดิมไม่ได้) เธอครุ่นคิดในใจขณะก้าวมาประคองมือแม่

“แต่ถึงอย่างไร ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อท่าน”

เสียงสนทนาที่แผ่วเบาแต่นุ่มนวลทำให้เหล่าบ่าวรับใช้ที่อยู่ใกล้ ๆ พากันคลายความอึดอัดลงไปบ้าง พวกนางจึงต่างก้มศีรษะหลบฉากออกไปทีละคนปล่อยให้สองแม่ลูกได้พูดคุยกันตามลำพัง

แม้ว่าผู้เป็นแม่จะค่อนข้างประหลาดใจในความเปลี่ยนไปของบุตรสาว แต่ทั้งนี้นางคิดว่าการที่ลูกเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

หลังจากสองแม่ลูกรับข้าวเช้าของตนเสร็จสิ้น หยุนจิงจึงได้ขอตัวกลับเรือนของตัวเองเพื่อที่จะคิดหาวิธีรับมือกับพ่อเลว ว่าจะมีทางไหนที่เธอจะทำให้แม่ของตนในร่างนี้หย่าขาดรวมถึงต้องลบชื่อเธอออกจากแผนผังของตระกูลหลี่แห่งนี้ด้วย

เสี่ยวฮวาเจ้ากำลังคิดสิ่งใด เสียงเล็ก ๆ ของอวิ๋นซิงพลันดังขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของคนตัวเล็ก

ข้ากำลังคิดหาวิธีให้แม่หย่า รวมถึงข้าจะไปอยู่กับท่านแม่โดยให้คนทางนี้ลบชื่อข้าออกจากแผนผังของตระกูล

เสียงของเธอค่อนข้างเบาแต่หนักแน่นด้วยความมุ่งมั่นเกินวัย ดวงตาสดใสฉายแววแน่วแน่ราวกับไม่ยอมแพ้ต่อชะตาที่นิยายได้กำหนด

ลบชื่อออกจากแผนผังตระกูลของพ่อเจ้านะหรือ ฟังดูกล้าหาญนัก... แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่ายุคนี้การหย่าไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นตระกูลใหญ่ยิ่งจะต้องผ่านขุนนางหรือผู้ปกครองต่าง ๆ อีกมากมาย

หยุนจิงพยักหน้ารับฟัง เธอทราบดีว่ากฎหมายในยุคโบราณเข้มงวดและให้สิทธิ์ฝ่ายชายมากกว่า ซึ่งวิธีการหย่านั้นยากเกินกว่าที่เด็กวัยห้าขวบจะต่อกรได้ง่าย ๆ และเธอก็ยังคงคิดไม่ตกว่าจะเริ่มจากตรงไหน

ข้ารู้ แต่ข้าเชื่อว่าต้องมีช่องทางสักทางหนึ่ง บางทีอาจเป็นการรวบรวมหลักฐานว่าเขาปฏิบัติต่อท่านแม่ไม่เป็นธรรม เมื่อได้หลักฐานแน่ชัด ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

เธอหวนระลึกถึงประสบการณ์ในโลกเดิมในฐานะตำรวจหญิงซึ่งเคยสืบสวนคดีใหญ่มานับไม่ถ้วน ซึ่งการหาหลักฐานและพยานคือวิถีที่เธอคุ้นเคย แม้ยุคนี้จะต่างออกไปมาก แต่หลักผิดก็คือผิดก็ยังคงเป็นความจริงในทุกสังคม

หึ ๆ เจ้านี่เก่งเกินวัยห้าขวบจริง ๆ นะ... หากคิดทำอะไร จงอย่าประมาทพ่อของเจ้า และพวกเมียรองกับลูก ๆ ของนางเป็นอันขาด มิเช่นนั้นแทนที่จะได้หย่าอาจจะถูกกลั่นแกล้งให้แย่ยิ่งกว่าเดิม คำเตือนของนกชิงเหนียวทำให้หยุนจิงนิ่งไปหลาย อึดใจ

เธอรู้ว่ามารดาอยู่ท่ามกลางแรงกดดันมากมายทั้งจากคนในจวนหลี่ และสายสัมพันธ์ทางสังคมที่พันธนาการไว้ โดยเฉพาะพ่อเลวที่เธอไม่อยากเรียกว่าบิดา

ข้าคงต้องเริ่มสังเกตและสืบหาข่าวในจวนนี้ก่อน ไม่ว่าพ่อเลวจะทำอะไรไว้... ข้าจะจับผิดเขาให้ได้ แล้วนำไปให้ขุนนางหรือใครก็ตามที่พอจะช่วยเราได้ยังไงล่ะ ดั่งคำกล่าวที่ว่า รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง หยุนจิงคิดด้วยความมุ่งมั่น

เธอเม้มปากแน่นก่อนจะปล่อยลมหายใจยาวอย่างตัดสินใจ ดวงตาดูเปล่งประกายด้วยความฮึกเหิม

หากเจ้ามั่นใจเช่นนั้น ข้าก็จะคอยเป็นเพื่อนคอยช่วยเหลือ แต่จงระวังตัวอย่าห้าวจนเกินไปล่ะ หากเจ้าทำให้ใครสะดุ้งนักอาจถูกเล่นงานกลับง่าย ๆ ได้เช่นกัน

น้ำเสียงเล็ก ๆ จากนกชิงเหนียวฟังดูจริงจังกว่าทุกครั้ง หยุนจิงรับฟังอย่างตั้งใจเธอรู้ดีว่าที่นี่แตกต่างจากโลกเดิม ทั้งกฎหมายทั้งขนบธรรมเนียมล้วนเป็นอุปสรรคสำหรับคนสมัยใหม่อย่างตน แต่ในเมื่อเธอเลือกจะไม่ยอมแพ้ก็ต้องต่อสู้ด้วยปัญญาและเล่ห์กลที่จำเป็น

เข้าใจแล้ว ข้าจะเริ่มเก็บข้อมูลทีละนิด... เริ่มจากวันนี้ข้าจะลองไปฟังข่าวที่บ่าวในจวนซุบซิบ หรือไปดูห้องทำงานของพ่อว่ามีเอกสารอะไรที่พอจะเอาไปใช้เป็นหลักฐานได้บ้าง

หลังจากพูดคุยวางแผนกับอวิ๋นซิงได้พักหนึ่งหยุนจิงก็ลุกขึ้นยืน เธอขยับปลายเท้าเล็ก ๆ สวมรองเท้าสีอ่อนปักลวดลายสวยงามที่เถาจูเตรียมไว้แล้วใช้หลังมือตบกระโปรงเบา ๆ ให้เรียบร้อย

ได้เวลาเริ่มก้าวแรกแล้ว... แม่ของข้า... หืม ไม่สิ ท่านแม่ของร่างนี้ข้าจะต้องทำให้ท่านยิ้มอย่างมีความสุขให้ได้เพื่อเป็นการตอบแทนต่อร่างกายเล็ก ๆ ของเด็กคนนี้ที่ทำให้ข้าได้มีชีวิตใหม่อีกครั้งแม้ว่ามันจะไม่ใช่โลกเดิมก็ตาม

แต่ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ทำตามสิ่งที่ต้องการ ร่างของไป่ซิ่นพลันเดินมาทางเธออย่างรีบร้อน

“คุณหนูเจ้าคะ นายท่านกับฮูหยินให้มาตามไปเรือนหลักเจ้าค่ะ”

หยุนจิงวิญญาณหญิงสาวในร่างเด็กหญิงวัยห้าขวบขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ไป่ซิ่นรายงาน ดวงตาคู่นั้นแฝงความสงสัย

“ป้าไป่ทราบหรือไม่เจ้าคะ ว่ามีเรื่องอันใด” ไป่ซินมองหน้าเด็กหญิงพลางส่ายศีรษะ “ข้าไม่แน่ใจ แต่ทว่าก่อนหน้าข้าเห็นมีคนของนายท่านมาส่งเทียบเจ้าค่ะ”

“ให้คนของหน่วยงานมาส่ง ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเทียบคำสั่งราชการ ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ” หยุนจิงคาดเดาก่อนจะสูดลมหายใจช้า ๆ เพื่อรวบรวมสติคล้ายจะให้ตัวเองกลับมาเป็นเด็กน้อยตามวัยที่คนอื่นเห็น

ก่อนจะเดินนำไป่ซิ่นออกจากเรือนที่พักของเธอโดยมี เถาจูตัวน้อยรีบวิ่งตามหลังมาไม่ห่าง

ทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินนำสายตาไปจนถึงตัวเรือนหลังใหญ่ ใต้ชายคามีลายแกะสลักไม้สีเข้มสะท้อนความมั่งคั่งและอำนาจของจวนหลี่เป็นอย่างดี

หยุนจิงพยายามเก็บรายละเอียดทุกอย่างระหว่างเดินตามเส้นทางอันคดเคี้ยวผ่านสวนหย่อมเล็ก ๆ และพุ่มดอกเหมยที่เริ่มออกดอกสีขาวนวลพร้อมกับแอบคิดในใจว่าถ้าเป็นโลกเดิม เธอคงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไปแล้ว

เจ้าอย่าเดินเหม่อนัก ระวังคนจะจับสังเกต เสียงของอวิ๋นซิงดังเข้ามาในหัวในขณะที่เจ้าตัวเกาะบนบ่าเล็ก ๆ ของเด็กหญิง

อืม ข้าเข้าใจแล้ว หยุนจิงรับปาก

บริเวณหน้าประตูเรือนหลัก บ่าวรับใช้จำนวนหนึ่งคอยยืนจัดแถวอยู่ คนเหล่านั้นพอเห็นหยุนจิงเดินเข้ามาก็โค้งคำนับทำความเคารพอย่างไม่เต็มใจนักแต่ก็ขัดไม่ได้เพราะแม่ของเด็กหญิงยังนั่งอยู่ด้านใน

บ่าวพวกนี้คงจะเป็นคนของเมียรองของชายคนนั้นหรือไม่ก็ของย่าผู้จองหอง หยุนจิงอดไม่ได้ที่จะสื่อสารออกมาให้กับนกคู่หูฟัง

อาจเพราะพวกเขาภักดีต่อคนอื่น... หรือเชื่อว่าตระกูลหลี่นี้ไม่ได้เห็นค่าพวกเจ้าแม่ลูก

ข้าเองก็คิดเช่นนั้น

หยุนจิงผ่อนลมหายใจพลางก้าวเท้าเข้าไปด้านใน จู่ ๆ เสียงเอะอะในเรือนหลักก็ดังกังวานเล็ดลอดออกมาจนเธอได้ยิน

“ข้าไม่ยอม! ไม่ยอมเด็ดขาด!”

เสียงของหญิงสาวผู้หนึ่งตะโกนดังจนน่าตกใจ หยุนจิง คิดว่าคงเป็นจงเสวี่ยเหม่ยเมียรองผู้นั้น

“คุณหนู...” เถาจูที่ยืนก้มหน้าอยู่ใกล้ ๆ เรียกหยุนจิง อย่างแผ่วเบา ดวงตาเธอเหลือบไปยังเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังยืนตัวตรงเป็นสง่าตรงหน้าด้วยความสั่นกลัว

หยุนจิงหันไปพยักหน้ากับเถาจูเล็กน้อยเป็นเชิงให้รออยู่ข้างนอก เธอเองก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้เด็กอีกคนต้องปะปนกับเรื่องวุ่นวาย แต่กระนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเรือนใหญ่

เธอก้าวผ่านเหล่าบ่าวรับใช้ที่ยืนเรียงแถวเงียบกริบจนมาถึงชานประตู โถงด้านในเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดเสียงของจงเสวี่ยเหม่ยยังคงดังไม่หยุด

“ทำไมข้ากับลูกถึงไม่มีสิทธิ์ได้เข้าวังด้วย ทั้งที่พวกเราอยู่ในจวนนี้มานานหลายปีแล้ว!?”

เงาของชายสูงโปร่งคนหนึ่งยืนอยู่ด้านในท่วงท่าดูเย็นชาทว่าหากมองให้ดีจะเห็นว่าสายตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อหญิงสาวที่กำลังร้องไห้โวยวาย ชายคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหลี่เจี้ยนเฉิงพ่อของหลี่หยุนจิงนั่นเอง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 253

    บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ยุคฮั่นตะวันตกจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ (หลิวเช่อ) ครองราชย์ 141 - 87 ปีก่อนคริสตกาลเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก และเป็นหนึ่งในจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่และครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน (54 ปี)ความสำคัญ: รัชสมัยของพระองค์ถือเป็นยุคทองของราชวงศ์ฮั่น มีการขยาย

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 252

    การเดินทางบนเส้นทางสายไหมในครั้งนั้นของคณะหลิวหยุนจิงใช้เวลาหลายปีในการบุกเบิก สำรวจ และสร้างสัมพันธ์ทางการค้า มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานจากที่หลิวหยุนจิงเคยคาดไว้พวกเขาล้วนผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอันตรายนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งจากธรรมชาติอันโหดร้าย โจรป่า และความขัดแย้งระหว่างชนเผ่า แต่ด้วยความรู้ ความสาม

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 251

    "เจ้ามีเรื่องใดในใจเช่นนั้นหรือ" ฮั่วหยุนถามพลางโอบนางเข้ามาในวงแขนอย่างแผ่วเบา"ท่านจำเรื่องที่ข้าเคยเกริ่นไว้เนิ่นนานมาแล้วถึงเรื่องขององค์รัชทายาทได้หรือไม่เจ้าคะ" คำกล่าวของคนในอ้อมแขนทำให้ฮั่วหยุนมองนางพลางพยักหน้ารับ"จำได้ ว่าแต่เจ้าเอ่ยเรื่องนี้มาเพราะเหตุใดหรือว่ามีข่าวจากทางเมืองหลวงว่าฝ่า

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 250

    ในระหว่างที่พวกเขาเคลื่อนขบวนลึกเข้าไปในดินแดนทางตะวันตกมากขึ้นเรื่อย ๆ ทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นทะเลทรายแสนเวิ้งว้างและแนวเขาหินสีน้ำตาลแดงมากกว่าเดิมอากาศในตอนกลางวันเองก็ร้อนระอุขึ้นแต่ทว่าในตอนกลางคืนกลับหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ พวกเขาต้องเดินทางผ่านเมืองน้อยใหญ่รวมถึงโอเอซิสขนาดเล็กและ

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 249

    ห้าปีผ่านไปไวราวสายลมพัด... ฤดูใบไม้ผลิอีกคราได้เวียนมาเยือน ทุ่งหญ้าชายแดนเริ่มผลิดอกออกใบขับไล่ความแห้งแล้งของฤดูหนาวให้จางหายไปขบวนเดินทางขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ประกอบด้วยทหารคุ้มกันหลายสิบนายและรถม้าขนสัมภาระกำลังเคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองนอกด่านของเมืองเตี้ยนหวงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเส้นทางเบื้อ

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 248

    แม้จะมีบางคำถามที่เขาลังเลไปบ้าง ถึงกระนั้นเขาก็ผ่านด่านสุดท้ายไปได้ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า"เอาละ ๆ ข้ายอมให้ผ่านก็ได้!" หลิวหานซินกับซูอันหัวเราะร่าเปิดประตูให้เจ้าบ่าวเข้าไปแต่โดยดี ซึ่งฮั่วหยุนไม่ได้เอะใจกับสองพี่น้องที่กำลังยักคิ้วให้แก่กันฮั่วหยุนถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางปา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status