แชร์

ดอกไม้เพลิงกลางหลังงามตระการ 1

ผู้เขียน: lianlian
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-28 05:10:17

หลังจากงานประชุมที่ตำหนักองค์หญิงเวินอี๋ ก็ผ่านไปเกือบครึ่งเดือน เหลืออีกเพียงไม่กี่วันให้หลังก็จะเป็นงานเลี้ยงวันฉลองพระราชสมภพของฮ่องเต้แล้ว ทำให้ทางจวนองค์หญิงเริ่มส่งคนมาเรียกตัวคนจากจวนต่างๆ มาช่วยกันจัดตกแต่งงานเพื่อให้สถานที่สำเร็จเสร็จสิ้นโดยไว แน่นอนว่าหนึ่งในผู้ที่ถูกเรียกตัวย่อมจะเป็นหานฉงหรงแห่งจวนเป่ยหนานอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อรู้ดังนั้น ในช่วงนี้อวิ๋นรุ่นจึงอนุญาตให้หย่งเยี่ยเรียนเพียงครึ่งวันเช้า ส่วนครึ่งวันที่เหลือก็นั่งรถม้าของจวนเดินทางไปยังจวนองค์หญิงเพื่อสมทบกับเหล่านางกำนัลที่มารออยู่ล่วงหน้า จากนั้นจึงค่อยเดินทางเข้าวังไปพร้อมๆ กัน หานฉงหรงที่ไม่ได้สนิทสนมกับผู้ใดเป็นพิเศษมีท่าทีสงบนิ่งขณะฟังเหล่านางกำนัลที่กลายเป็นนกกระจอกแตกรังส่งเสียงเจื้อยแจ้วคุยเรื่องสัพเพเหระไปตลอดทางกระทั่งถึงตำหนักไท่หยางที่เป็นสถานที่ที่ใช้จัดงาน

เมื่อถึงตำหนักไท่หยาง นางกำนัลที่เหมือนนกกระจิบกระจอกพลันเงียบกริบ พอลงจากรถม้าก็รีบเดินไปยังตำหนักไท่หยางแล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนตามที่ได้ทำค้างเอาไว้ ทุกคนดูคล่องแคล่วว่องไวผิดกับท่าทีเอื่อยเฉื่อยตอนที่กำลังขึ้นรถม้าเมื่อครู่ลิบลับ

หานฉงห
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   คำครหา 2

    หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนก่อนที่จะถึงประเพณีล่าสัตว์ที่อุทยานล่าสัตว์อู่ถง ในที่สุดองค์ชายน้อยหย่งเยี่ยก็มีของเล่น ไม่สิ อาวุธที่เหมาะสมจะแสดงฝีมือเสียทีอวิ๋นรุ่นนั่งผึ่งผายอยู่ที่เก้าอี้ตรงบริเวณศาลใกล้กับลานฝึก ดวงตาจับจ้องหลานชายที่ยืนนิ่งพลางยื่นแขนไปข้างหน้า ท่าทีขึงขังจริงจังจนเสี่ยวมี่ที่ชอบเย้าแหย่องค์ชายน้อยยังต้องยกมือปิดปากตนเองด้วยกลัวว่าจะส่งเสียงดังหรือหายใจแรงจนไปทำลายสมาธิอีกฝ่ายเอาได้ชั่ววิบตานั้นเหมือนมีบางอย่างพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของหย่งเยี่ยอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ถึงขนาดที่คนที่ฝึกยุทธมาแต่เล็กอย่างอวิ๋นรุ่นจะมองตามไม่ทัน ก่อนจะเห็นธนูขนาดเล็กปักเข้าที่เป้าธนูขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงอยู่ที่ด้านหนึ่งของลานฝึก แม้จะไม่เข้าเป้าตรงกลางอย่างแม่นยำราวจับวาง แต่ก็ยังนับว่าไม่น่าเกลียด อวิ๋นรุ่นลุกขึ้นเดินไปหาหลานชายที่ทำหน้ามุ่ยพลางเอ่ยเสียงเรียบ “นับว่าไม่เลวสำหรับคนที่ใช้เวลาฝึกฝนไม่ถึงเดือน แต่ยังไม่เพียงพอที่จะฆ่าสัตว์ได้ ถ้าเจ้าอยากแสดงฝีมือเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท ก็ควรจะฝึกให้หนักกว่านี้”วาจาที่กล่าวนั้นทั้งไม่ปลอบประโลมและถนอมน้ำใจหลานชายตามประสาเพราะกลัวว่าจะเหลิงไปกับคำหว

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   คำครหา 1

    ถ้าเป่ยหนานหวังอวิ๋นรุ่นและองค์ชายน้อยหย่งเยี่ยได้เข้าร่วมงานประเพณีล่าสัตว์ที่อุทยานล่าสัตว์อู่ถงแล้ว จะขาดพระธิดาคนโปรดของฮ่องเต้อย่างองค์หญิงเวินอี๋ไปได้อย่างไร นางสั่งให้ข้ารับใช้ตระเตรียมสัมภาระตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งอาภรณ์ฤดูร้อนชุดใดที่เริ่มเก่าหรือล้าสมัยก็สั่งให้โละทิ้งและตัดใหม่ทั้งหมด ทั้งคันธนูคันศรนั้นก็นำมาขึ้นสายใหม่และขัดจนเงางาม“โชคดียิ่งที่พระองค์มีเพียงแผลเป็นเล็กน้อย เพียงใช้แป้งฝุ่นผสมสมุนไพรและน้ำมันหอมเล็กน้อยทาทับก็มองไม่เห็นแล้วเพคะ” หมัวมัวที่เลี้ยงดูเวินอี๋มาแต่อ้อนแต่ออกเอ่ยเสียงนุ่มขณะที่ช่วยหญิงสาวเกล้าผมและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ จากนั้นจึงบรรจงสวมเครื่องประดับและประทินโฉมให้กับใบหน้างดงามแฉล้มของหญิงสาวเนื่องจากอาการบาดเจ็บจากเหตุร้ายในงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ไม่ได้ร้ายแรง บาดแผลของนางนั้นหายสนิทในเวลาหนึ่งเดือนด้วยฝีมือของหมอหลวงและเหล่าสมุนไพรชั้นเลิศที่ฮ่องเต้ให้คนนำมาจากท้องพระคลังเพื่อให้หมอหลวงเอาไปใช้บำรุงธิดาสุดที่รักอย่างเต็มที่ แต่กระนั้นก็ยังเหลือแผลเป็นที่เมื่อเห็นทีไรก็ประหนึ่งหนามตำใจทุกคราเวินอี๋ชะงักมือที่เสียบปิ่นแก้วผลึกลายผีเสื้อ

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   เกาทัณฑ์ดอกเหมย 3

    หานฉงหรงกล่าวจบก็นิ่งรออีกฝ่ายอนุญาต แน่นอนว่าการไปเยี่ยมบิดานั้นเป็นเรื่องจริง ทว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของนางคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวล่ใกล้เคียงกับงานล่าสัตว์ที่อุทยานอู่ถงต่างหากในอีกหนึ่งเดือน ช่วงฮ่องเต้เสด็จประพาสอุทยานล่าสัตว์อู่ถง เมืองจี๋หลินจะเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ที่คร่าชีวิตชาวเมืองไปจำนวนมาก แม้กระทั่งหานเซียงอวิ๋น บิดาของนางก็ไม่มีข้อยกเว้นถ้านางที่ตอนนี้รู้ถึงอาการและมีความรู้ทางด้านการแพทย์ที่ได้สั่งสมมาทีละเล็กทีละน้อยมาจนถึงบัดนี้ อาจจะพอหาทางช่วยเหลืออันใดได้บ้างเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือแม้กระทั่งหาต้นตอของโรคระบาดเจอก็เป็นได้“...”หานฉงหรงเห็นอีกฝ่ายนิ่งฟัง จึงรีบหว่านล้อม “ท่านอ๋อง ระยะทางระหว่างอุทยานล่าสัตว์อู่ถงกับจี๋หลินไม่ห่างกันมาก ใช้เวลาไม่เท่าใดนักก็ถึง” ว่าพลางชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว “หม่อมฉันสัญญาว่าจะรีบไปรีบกลับ ไม่เถลไถลเพคะ”แต่อีกฝ่ายกลับมองการกล่าววาจาอ้อมค้อมของสตรีตรงหน้าเป็นเรื่องพิลึกพิลั่น เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ขอย่อมอนุญาตอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดให้มากความ”เด็กสาวมีสีหน้าแจ่มใสทันตาเห็น ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “แต่ข้าจะไปด้วย”“เพค

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   เกาทัณฑ์ดอกเหมย 2

    อวิ๋นรุ่นถอนใจ ก่อนเดินไปหยิบทุกใส่ทรายสองใบให้กับหลานชาย “เช่นนั้นก็ฝึกกำลังแขนก่อน เริ่มต้นที่ยกถุงทรายหนึ่งชั่ง [1] นี้ จากนั้นค่อยเพิ่มน้ำหนักทีละหนึ่งชั่งทุกสามวัน จนกระทั่งเจ้าถือถุงทรายได้ถึงข้างละสิบชั่งโดยที่มือไม่สั่น เมื่อนั้นอาจะสอนเจ้ายิงธนู”หานฉงหรงทำตาโต “สิบชั่ง! ต้องยกน้ำหนักมากปานนั้นเชียวหรือเพคะ”ชายหนุ่มตวัดสายตามอง “เจ้าไม่รู้อะไร คันธนูที่เบาที่สุดสำหรับเด็กและผู้หญิงนั้นน้ำหนักต่ำสุดอยู่ที่สิบชั่ง ถ้ากำลังแขนไม่มี อย่าว่าแต่จะน้าวสายธนูเลย แค่ถือคันธนูไม่เท่าใดก็โยนทิ้งแล้วกระมัง”หย่งเยี่ยบุ้ยปาก รู้ตัวดีว่าขนาดตัวและกำลังแขนของตนไม่อาจฝึกฝนตามน้ำหนักที่กำหนดได้ตามเวลาที่กำหนดอย่างแน่นอน หานฉงหรงเห็นดังนั้นจึงย่อกายลงเบื้องหน้าหย่งเยี่ย เอ่ยเสียงอ่อน “หย่งเยี่ย เจ้าอย่าเพิ่งเสียใจ อาวุธในโลกนี้มิใช่มีเพียงธนู เอาไว้ข้าจะลองหาอาวุธที่เหมาะสมให้เจ้าได้แสดงฝีมืออวดฝ่าบาทได้ดู”เด็กน้อยที่ทำหน้าเหมือนพรรณไม้เหี่ยวเฉาจนถึงเมื่อครู่มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมา “จริงหรือ ท่านหาอาวุธที่ประเสริฐกว่าธนูของเสด็จอาได้จริงหรือ”หญิงสาวช้อนตามองอวิ๋นรุ่นที่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นทั้งส

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   เกาทัณฑ์ดอกเหมย 1

    หลังจากเหตุการณ์ในงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ผ่านไปได้เกือบสองเดือน ในวันหนึ่งของปลายฤดูใบไม้ผลิ อวิ๋นก็ให้คนพ่อบ้านมาแจ้งกับหานฉงหรงที่กำลังสอนหนังสือหย่งเยี่ยและเสี่ยวมี่ว่า วันนี้ให้องค์ชายน้อยเลิกเรียนครึ่งวัน และให้ตามพ่อบ้านไปยังลานฝึก ซึ่งหย่งเยี่ยก็รีบปฏิบัติตามคำสั่งอย่างว่องไวจนนางอดถอนใจน้อยๆ มิได้ เพราะถ้าหย่งเยี่ยตั้งอกตั้งใจทำแบบฝึกหัดให้เร็วและถูกต้องเท่ากับที่ต้องยกเลิกการเรียนกะทันหันก็คงดีนางพอรู้จากพ่อบ้านว่าในมีลานฝึกสำหรับไว้เป่ยหนานหวังและลูกน้องฝึกปรือฝีมือในทุกเช้า แต่สำหรับหานฉงหรงที่ปกติไม่ค่อยชื่นชอบศิลปะการต่อสู้ สิ่งที่รับรู้ก็เป็นสถานที่หนึ่งในจวนอ๋อง ไม่เคยคิดเข้าไปดูและไม่คิดสนใจ ซึ่งเรื่องนั้นนับว่าเป็นโชคดี เพราะวันก่อนเสี่ยวมี่เดินร้องไห้จ้ามาบอกนางว่า วันนั้นมีนางกำนัลผู้หนึ่งถูกโบยเพราะนำผ้าเช็ดเหงื่อและน้ำไปรอพร้อมคอยท่าอวิ๋นรุ่นที่กำลังฝึกซ้อม จึงถูกขันทีคนสนิทของอ๋องหนุ่มตำหนิอย่างรุนแรง กล่าวหาว่าไม่รู้จักประมาณตน ขวัญกล้ามาประทินโฉมแสร้งยืนคอยรับใช้ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ จากนั้นจึงสั่งให้บ่าวรับใช้อุดปากลากนางไปโบยที่ลานหน้าเรือนบ่าว ซ

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ผงหลินแดง 4

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสนใจจึงเอื้อนเอ่ย “หลังจากรู้ว่าการแสดงขององค์หญิงจะมีพลุไฟเป็นฉากหลัง และทางกองสังคีตขององค์หญิงกำลังกลัดกลุ้มว่าจะเพิ่มลูกเล่นอันใดให้การแสดงองค์หญิงตระการตามากขึ้นไปอีก หม่อมฉันจึงจงใจสาดผงสีแดงและน้ำเงินให้มันผสมเป็นสีม่วงกลางอากาศให้นางกำนัลเด็กที่มาช่วยงานดูเพื่อเรียกร้องความสนใจให้ทางกองสังคีตที่ดูแลการแสดงขององค์หญิงมาเห็น” นางหลุบตาลงต่ำ นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “โชคดีที่คนเหล่านั้นสนใจ จึงได้ลองไปหาซื้อเพื่อนำมาใช้บ้าง หม่อมฉันจึงอาศัยจังหวะนั้นผสมผงหลินกับผงหลินแดง [3] ลงไปในสีชาดที่คนพวกนั้นซื้อมา”“ผงหลินกับผงหลินแดงมีฤทธิ์ช่วยให้ติดไฟเหมือนกัน เมื่อผงชาดที่ผสมผงหลินถูกโปรยขึ้นไปในอากาศตกลงบนเสื้อผ้าของเวินอี๋ ก็ประหนึ่งราดน้ำมันลงบนตัวนาง จากนั้นอาศัยประกายไฟเพียงเล็กน้อยจากพลุไฟก็คลอกตัวนางได้อย่างรวดเร็ว” ชายหนุ่มเอ่ยพลางเคาะนิ้วลงกับตำราในมือพลางจ้องมองนางราวกับจะมองให้เห็นเนื้อในที่ถูกเปลือกนอกอันแสนเปราะบางห่อหุ้ม “หานฉงหรง ข้ามีเรื่องขอถามเจ้าเรื่องหนึ่ง เจ้าต้องตอบมาตามตรง นอกจากเรื่องของหย่งเยี่ยและเรื่องที่นางทำร้ายเจ้าแล้ว เวินอี๋ทำอันใดร้ายแรงกั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status