ครบสามวันตามที่ตกลงกับพ่อหลิวตานเตรียมของหลายอย่างแต่เอาเฉพาะสิ่งสำคัญเท่านั้น หลัก ๆ คือ เนื้อไก่ป่า เนื้อกระต่าย เนื้อปลา ที่ตากแห้งเอาไว้ตลอดสามวัน เธอทำสำรองอาหารเพียงสามสี่วันเท่านั้น การเข้าป่าไม่เป็นอุปสรรคการหาของกินแน่นอน
แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คืออาวุธสำหรับป้องกันตัว “มันคือมีดสั้นพกพาที่พ่อใช้เวลาออกปฏิบัติภารกิจ มันไม่ได้ใหญ่ไม่ได้เล็กและพ่อมั่นใจว่าจะช่วยเหลือลูกได้ในยามคับขัน”
“ขอบคุณค่ะพ่อ” หลิวตานรับมีดสั้นจากพ่อของเธอที่ยื่นให้ มองมันครู่หนึ่งก่อนเก็บลงช่องเล็ก ๆ ที่เย็บติดไว้ในรองเท้า
ตลอดระยะเวลาสามวันที่ผ่านมาหลิวตานนำชุดของเธอที่เก่าแล้วสามชุด ออกมาตัดเย็บให้มีที่ใส่ของสำคัญ รวมถึงรองเท้าให้มีที่ซ่อนของ หากเกิดเหตุการณ์ที่ต้องทิ้งของอย่างน้อยถ้ามีอาวุธติดตัวจะดีที่สุด นอกจากมีดสั้นแล้ว หลิวตานยังให้พ่อทำไม้หน้าสามที่แรงให้อีกอย่างเพื่อป้องกันตัว
“ฉันไปก่อนนะคะพ่อแม่ จะรีบกลับมาค่ะ”
“ดูแลตัวเองด้วย” “พ่อแม่และน้องรอที่บ้านนะ”&nbs
ช่วงเวลาตอนบ่ายรู้สึกว่าเร็วกว่าช่วงเช้ามาก ไม่ทันไรก็เป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว หลังบอกสหายใหม่สือหยวนเฟิงต้องการซื้อของ ทั้งคู่จึงเดินเข้าไปในเขตร้านค้า สือหยวนเฟิงพามาหยุดหน้าร้านเครื่องเทศที่มีป้ายร้านว่าเครื่องเทศตระกูลสือ“แม่ครับ” สือหยวนเฟิงเรียกแม่ของเขา ก่อนแนะนำให้รู้จัก “นี่หลิวตานสหายของผมครับ เสี่ยวตานนี่แม่ของฉันเอง”หลิวตานยิ้มเล็กน้อย “สวัสดีค่ะคุณน้า ฉันหลิวตานสหายโรงเรียนประถมของเขาเองค่ะ”ครอบครัวสือหลิวตานพบพี่น้องของเขาแล้ว แต่พ่อแม่ยังไม่เคยเจอเพราะพ่อของเขาอยู่ไม่ติดบ้าน ส่วนแม่เปิดร้านเครื่องเทศไม่มีโอกาสเจอ แม่ของสือหยวนเฟิงหน้าตาดีมาก ไม่แปลกที่พี่น้องบ้านนี้ล้วนหน้าตาดีติงเหม่ยฟางมองเสื้อผ้าของสหายลูกชายก่อนตอบรับ “อืม” แล้วเรียกลูกชายเดินไปหลังร้าน“หยวนเฟิงตามแม่มานี่”สือหยวนเฟิงหันมาบอก “เข้ามานั่งตรงนี้ก่อน”“ได้”ลับหลังสหายลูกชายติงเหม่ยฟางแสดงสีหน้าไม่ดี “หยวนเฟิง แม
“หยวนเฟิง” หลิวตานเอ่ยอย่างแปลกใจพลางสาวเท้าเข้าไปหา “นึกไม่ถึงเลยว่านายจะมารอฉันที่หน้าโรงเรียนจริง ๆ”ระหว่างเดินผ่านโรงเรียนประถมหลิวตานสังเกตเห็นสหายสนิทของเธออย่างสือหยวนเฟิงยืนรออยู่ ก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้ตัดสินใจเรียนต่อที่ไหน นึกไม่ถึงว่าวันเปิดเรียนเขาจะมารอที่นี่แล้วสือหยวนเฟิงยกยิ้มจาง ๆ “หลังจากคุยกับที่บ้านแล้วพ่อของฉันเห็นด้วยว่าควรรอจบมัธยมต้นก่อนค่อยไปเรียนที่นั่น และบ้านของพวกเราเพิ่งไปสมัครเรียนวันสุดท้ายนี่เอง”“ถึงว่า ไม่เห็นพวกนายเลย”วันนี้มีสหายร่วมเดินทางแล้ว หลิวตานไม่ถามเขาเลยสักนิดเพราะถ้าเขาไม่มารอเธอตอนนี้น่าจะไปถึงโรงเรียนแล้ว หากจำไม่ผิดบ้านของเขามีจักรยานอยู่สองคันสือหยวนเฟิงพยักหน้า “ญาติผู้พี่ที่มาเยี่ยมก่อนหน้านี้เขาเรียนที่นั่นอยู่แล้ว เขาแนะนำให้โตกว่านี้ค่อยไปอีกด้วย”หลิวตานตอบ “อ้อ”ทั้งสองเริ่มเดินไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่พอมาถึงจุดที่หลิวตานวางผักขาย มีคนนำผักเข้ามาขายสอ
หลิวตานไม่ลืมว่าตอนนี้บ้านของเธอมีกำลังส่งแล้ว แต่ด้วยระยะทางเดินเท้าเป็นชั่วโมง ต้องเข้าไปเรียนตั้งแต่เช้ามืดคนที่บ้านย่อมเป็นห่วง จึงบอกไม่ได้ว่าจะได้เรียนไหมแต่ถ้าได้เรียนก็มีที่เดียว“เหรอ” สือหยวนเฟิงแสดงสีหน้าเคร่งเครียด“แล้วนายล่ะ” หลิวตานหันหน้าไปถามสหายที่อาการไม่ค่อยดี “จะเรียนโรงเรียนในเมืองกับฉันไหม อาของฉันเรียนที่นั่นเหมือนกันเขาบอกว่ามันน่าเรียน” อันที่จริงหลิวตานไม่แน่ใจสิ่งที่หลิวถิงเหยาอวดเท่าไร แต่อย่างน้อยอาเล็กก็เรียนที่นั่นหลายปีถ้ามันไม่ดีจริงคงเรียนได้ไม่นาน ยิ่งกับย่าหลิวที่รักลูกสาวอย่างกับอะไรดี“ฉันอยากเป็นทหารเหมือนกับพ่อ แต่อยากเรียนกับเธอเหมือนกัน”สือหยวนเฟิงเรียนที่นี่มาตั้งแต่แรกและเขามีสหายหลายคน เขาพูดอยู่เสมอว่าหลังเรียนจากที่นี่จะไปเรียนวิทยาลัยทหารทำงานในกองทัพกับพ่อ จนกระทั่งได้รู้จักกับหลิวตานเขาเริ่มไม่แน่ใจแล้ว อยากเรียนแต่อยากเจอเด็กผู้หญิงคนนี้ไปด้วยหลิวตานพอจะได้ยินอยู่บ้างว่าเขาอย
“ญาติผู้พี่”หลิวตานยิ้มให้หลิวต้าสยงที่รดน้ำผักในแปลงนอกฟาร์ม “ญาติผู้น้องทำการเสร็จแล้วหรือ พักก่อนเดี๋ยวค่อยมาช่วยกันรดน้ำอีกสักพัก พวกเราเพิ่งกลับบ้าน”พอรู้ว่าบ้านรองสนับสนุนการเรียนของลูกชาย หลิวซือหาน สะใภ้สาม และหลิวต้าสยงต่างขยันทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ถึงแม้ว่าหลิวต้าสยงจะไม่ทำงานก็ได้ แต่เขาไม่ยอมเข้าไปช่วยพ่อแม่หลิวตานเลยให้มาช่วยในฟาร์มส่วนสองสามีภรรยาของบ้านสามจะตามพ่อแม่ของเธอไปทำงาน มื้อกลางวันค่อยกลับมากินข้าวที่บ้านและกลับไปทำงานอีกครั้งช่วงบ่าย ตกเย็นกลับบ้านหลังลูก ๆ กลับจากโรงเรียน“มีการบ้านครับแต่ผมทำเสร็จแล้ว” หลิวต้าสยงกระตือรือร้นตอบญาติผู้น้องถึงแม้อายุน้อยกว่าหลิวตานหนึ่งปีแต่พื้นฐานของเขาน้อยมาก หลิวตานกลัวว่าถ้าให้เขาเรียนระดับชั้นที่เขาต้องเรียนคงตามสหายไม่ทัน จึงให้เรียนพร้อมน้อง ๆ ของเธอ และเขาอยากเรียนมาตลอดพอครูสอนไม่จำเป็นต้องสอนเพิ่มเลย“ไป ๆ ล้างมือ ไปกินขนมกับน้องหน้าบ้าน รอให้พวกเขาทำการบ้านเสร็จค่อยมาช่วยกัน
อาสะใภ้สามงุนงง “เสี่ยวตานหมายถึงอย่างไรหรือ”“หมายความว่าบ้านสามสามารถพักที่นี่ได้เลยจ้ะ ครอบครัวพี่จะย้ายไปอยู่บ้านใหม่ บ้านนี้พวกพี่ซื้อมาแล้ว” จ้าวเหม่ยกล่าวกับน้องสะใภ้ด้วยรอยยิ้มบ้านเช่าในหมู่บ้านมีไม่กี่หลังที่สภาพดีและตอนนี้มันถูกจับจองไปหมดแล้ว ถึงบ้านที่บ้านสามจะไปเช่ามันก็เก่ามาก บ้านหลังนี้บ้านรองหลิวซื้อแล้วและไม่ได้อยู่ ให้บ้านสามอยู่ยังดีกว่าไปเช่า“ขอบคุณพี่สะใภ้”“เอาล่ะ” หลิวตงตงตบบ่าน้องชายให้กำลังใจ “เอาของไปเก็บในห้องเถอะ อาจจะเล็กไปหน่อยแต่อดทนกันก่อนนะ ฉันจะให้พี่สะใภ้กับหลานสาวของนายทำอาหารให้”“ขอบคุณครับ”พอบ้านสามย้ายมาอยู่ด้วยหลิวตานกับครอบครัวเลยเตรียมของทำบุญบ้านใหม่ ที่บ้านเชิญมาเพียงผู้อาวุโสเท่านั้น ถึงแม้จะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ไม่ได้ว่าอะไรบ้านใหม่อยู่ห่างจากบ้านปัจจุบันเพียงไม่กี่เมตร หลิวตานแยกห้องนอนกับน้องชาย น้องสาว ทำให้ห้องนอนยังว่างอีกหนึ่งห้อง หลิวต
งานในบ้านเพิ่มขึ้นหลายอย่างเนื่องจากว่าซื้อที่ดินเพิ่ม หลิวตานคุยกับที่บ้านว่าต้องการจ้างคนงานมาช่วย ก่อนหน้านี้พ่อแม่ช่วยกันทำไร่กันเองได้เพราะที่ดินยังน้อย แต่ตอนนี้ทำสองคนคงไม่ไหวแล้ว“ที่ฉันนำเรื่องนี้มาบอกอาสามก่อนเพราะฉันอยากให้อาสามมาทำงานด้วย อยู่กับบ้านใหญ่ให้พวกเขาเอาเปรียบแบบนั้นครอบครัวของอาสามลำบากไม่น้อย” หลิวตานอธิบายวันนี้หลิวตานดักรออาสามเพื่อพูดคุยกับเขา บ้านของอาสามเป็นอีกครอบครัวที่ซื่อตรงและยังเป็นคนคุ้นเคย หลิวตานจึงอยากได้พวกเขามาทำงานด้วย“อีกอย่างญาติผู้น้องของฉันยังไม่ได้เรียน” หลิวตานมองหลิวต้าสยงที่ยืนห่างจากเธอ อาสาม อาสะใภ้สามพอสมควร “ถ้ามาทำงานกับบ้านฉันพวกอาจะมีเงินส่งเขาเรียน และมีข้อแม้ว่าต้องแยกบ้านจะบ้านใหญ่”การที่บ้านสามไม่แยกบ้านนั้นสุดท้ายแล้วบ้านใหญ่จะได้รับเงินไป อีกอย่างบ้านสามกตัญญูกว่าบ้านรองมาก เพียงย่าหลิว ปู่หลิวพูดอะไร อาสาม อาสะใภ้สามค่อนข้างเชื่อฟัง หลิวตานไม่อยากให้บ้านใหญ่เข้ามาวุ่นวาย“อา...” หลิวซ