“ไม่บอก ไม่บอก” หลิวเหอสวี่รีบตอบ ในใจนึกถึงเนื้อปลาที่ได้กินก่อนหน้าอย่างหิวโหย เป็นไม่กี่ครั้งที่ได้กินเนื้อดี ๆ ต้องรอพ่อกลับมาถึงได้กินเนื้อ
“เด็กดี”
สามพี่น้องได้ฟืนกลับบ้านเพียงสองมัดเล็ก เป็นกลอุบายของหลิวตานเท่านั้นเอง ถ้ามันหมดจะได้เข้าป่าบ่อย ๆ ไม่ต้องมีข้ออ้างเข้าไปหาปลา แต่แลกมากับเสียงบ่นของย่า
“ใช้ไม่ได้จริง ๆ ! ออกไปตั้งนานได้กลับมาแค่สองมัด ไม่กี่วันก็หมดแล้ว!” ย่าหลิวตวาดเรียกสายตาคนเดินผ่านมาได้เป็นอย่างดี ยิ่งเป็นช่วงเลิกงานหลายคนได้แต่ส่ายศีรษะ ภาพที่คุ้นเคยในแต่ละวันกลับมาแล้ว
“ย่าไม่ให้พวกเราสามพี่น้องกินข้าว ฉันจะไปมีแรงหาฟืนได้อย่างไร อีกอย่างถ้ามันหาง่ายย่าก็ไปหาเอาเองสิ” เธอบอกอย่างท้อแท้ใจ ได้ยินแต่เสียงตวาดจริง ๆ
“เข้าห้องเถอะ”
หลิวตานไม่คิดจะสนใจย่าอยากบ่นก็บ่นไปเดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดบ่นไปเอง พาน้องทั้งสองเข้าห้องรอแม่กลับมาจากที่ทำงาน สองพี่น้องก็ออกไปข้างนอก เหลือเพียงหลิวตานที่อยู่ในห้องพร้อมเสียงก้นด่าตามหลังอย่างฉุนเฉียว แต่คนที่โดนด่ากลับไม่สนใจแม้แต่น้อยเพราความสนใจของเธอตอนนี้คือระบบที่ผูกกับเธอไว้
“ดูสิ ฉันจะได้อะไร” หลิวตานถูมืออย่างตื่นเต้น ก่อนจะบอกระบบว่าเริ่มสุ่มวงล้อ
“ระบบเริ่มสุ่มวงล้อได้เลย” ทันใดนั้นหน้าจอโปร่งใสก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่งามมองวงล้อสุ่มของรางวัลที่หมุนไปมาด้วยความประหม่า เพราะมันเป็นของรางวัลชิ้นแรกที่เธอคาดหวัง ไม่รู้มันจะสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่ขอให้ช่วยสี่แม่ลูกได้ยิ่งดี
“เมล็ดพันธุ์ผักกาด?”
หลิวตานมองภาพตรงหน้าแล้วได้แต่น้ำตาตกในเมื่อของรางวัลที่แลกมากับการไปตัดหญ้ามาให้หมูคือเมล็ดพันธุ์ผักกาด!
ทั้ง ๆ ที่ต้องใช้แรงเด็กสามคนถึงได้รางวัลมา กลับได้ในสิ่งที่ไม่อยากได้และไร้ประโยชน์สำหรับพวกเธอในตอนนี้มาก อย่างน้อยหากเป็นของกินหรือเงินสักหยวนจะไม่ว่าเลย
“อย่าดูถูกเมล็ดผักกาดจากระบบ ผัดกาดจากระบบได้ถูกพัฒนามาหลายพันปีรับรองมีคุณภาพมากกว่าเห็นภายนอกอย่างแน่นอน” เสียงอิเล็กทรอนิกส์ของระบบดังขึ้นอีกครั้งหลังจากได้ยินความคิดของเธอ หลิวตานมองผักกาดตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจมันจะดีกว่าได้อย่างไรเพราะมันก็ไม่แตกต่างจากเมล็ดผักกาดที่เธอเคยเห็นแต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะถึงเวลาค่อยว่ากันอีกที
ถึงจะไม่อยากได้หลิวตานต้องนำมันเข้าไปเก็บไว้บนหลังตู้เสื้อผ้า ยังดีที่ด้านบนมีของวางจึงนำไปวางรวมกัน แม่ของเธอยุ่งกับงานและไม่ค่อยดูด้านบนคงมองไม่เห็น หากมีช่องเก็บของเพิ่มมาก็คงดีหากต่อไปยังไม่สะดวกเอาออกมาจะได้เก็บเอาไว้ก่อน
หลังมีการจัดสรรแบ่งปันที่ดินให้กับประชาชน บ้านไหนมีสมาชิกเยอะได้รับส่วนแบ่งที่ดินเยอะ บ้านไหนมีสมาชิกน้อยได้รับส่วนแบ่งที่ดินน้อย แต่ว่าทางภาครัฐได้ตรวจสอบแล้วว่าจำนวนนี้เพียงพอต่อประชาชนหนึ่งคน บ้านหลิวได้รับส่วนแบ่งเกือบสี่สิบหมู่เห็นจะได้
บ้านไหนที่ทำนาแล้วได้รับผลผลิตน้อยจะออกไปรับจ้างคนในหมู่บ้าน ส่วนมากผู้ชายที่ขยัน ทำงานเก่งจะถูกจ้าง ไม่นิยมจ้างแรงงานผู้หญิงกับเด็กที่คิดว่าทำงานไม่คุ้มกับค่าแรง แต่ถ้าไม่มีคนและต้องการแรงงานจริง ๆ หลายบ้านไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
หลิวตานที่หายป่วยแล้วต้องทำงานบ้านช่วยแม่ของเธอกับอาสะใภ้สาม จะหวังพึ่งป้าสะใภ้ใหญ่เห็นทีจะมีแต่เรื่องกัน เพราะย่าของพวกเธอนั้นเข้าข้างบ้านใหญ่สุด ๆ ส่วนบ้านสี่มีเพียงอาสี่ที่ยังไม่ได้แต่งงานหน้าที่จะตกมาเป็นของใครไม่ต้องบอก
“ดูสิ ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านได้เรียนหนังสือ พ่อแม่รักฉันมากแค่ไหนหล่อนคงไม่รู้ ฮ่า ๆ อิจฉาฉันเหรอ? ไม่มีคนส่งเรียนก็แบบนี้แหละ ไร้ประโยชน์” หลิวถิงเหยาหรืออาเล็กของเธอหัวเราะและมองมาอย่างดูถูก อีกฝ่ายกำลังแต่งตัวเพื่อไปโรงเรียน ในขณะที่หลิวตานกำลังหอบตะกร้าผ้าไปซักที่แม่น้ำ
“อิจฉาหรือ ฉันจะไปอิจฉาอาเล็กได้อย่างไรกัน ภูมิใจน่าดูได้เงินจากพ่อของฉันส่งเรียน”
เธอไม่ได้อิจฉาอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยต้องบอกว่าสมเพชจะดีกว่า ย่าหลิวให้เหตุผลลูกชายว่าอยากให้ลูกสาวได้แต่งงานกับคนในเมือง แต่ผู้หญิงในชนบทจะแต่งงานกับคนในเมืองได้ต่างโดนดูถูก เลยเลือกส่งหลิวถิงเหยาไปเรียน
ปู่หลิว ย่าหลิว ไม่ได้ทำงานในแปลงนานานแล้ว ทั้งสองบอกอายุเพิ่มขึ้นก็ให้ลูกให้หลานทำ แต่มีเงินส่งลูกสาวคนเล็กเรียนได้คิดว่าเป็นเงินจากใครกัน ถ้าไม่ใช่จากลูกชายคนรองของบ้านอย่างพ่อเธอ
หลิวถิงเหยามองหลานสาวด้วยความหงุดหงิด “แล้วอย่างไร หล่อนมีปัญญาเรียนหรือ หลิวผิงอี้ยังได้เรียนหนังสือเลย แต่คนแบบหล่อนไม่มีปัญญาหรอก ฮ่า ๆ”
“ใช่ ถ้าฉันได้เรียนอาเล็กก็คงไม่ได้เรียนหรอกค่ะ”
“วันนี้พวกเราจะไม่นอนในบ้าน” หลิวตานกล่าวยิ้ม ๆ มองลูกเล่นน้ำในสระปูน“เอ๋ ไม่นอนในบ้านแล้วนอนที่ไหนคะ” นอกจากบ้านพักเวลามาที่นี่พวกเขาไม่เคยไปนอนที่ไหนเลยหลิวตานไม่ตอบแต่พยักหน้าสั่งสามีให้เริ่มทำที่นอนพักของคืนนี้ทันที ลานดินไม่มีหญ้าหรือกิ่งไม้เคยขวางเหมือนอดีตถูกปูด้วยผ้าผืนบาง ก่อนเต็นท์ถูกนำมากางทับ ผ้านิ่มถูกปูไว้ด้านในเพื่อนให้ลูกได้นอนนิ่ม ๆ พร้อมกับเตรียมก่อไฟไว้ข้างนอกนี่คือสิ่งที่หลิวตานเพิ่งได้รับมาจากระบบ เธอเลยอยากลองใช้ไหน ๆ ก็มีสถานที่ให้ใช้ และลูกของเธอดูตื่นเต้นมาก ถึงขั้นอาบน้ำและรีบมาดู“ว้าว! ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”“ถ้าเคยเห็นสิแปลก” หลิวตานพึมพำแม้แต่เธอเองยังเคยเห็นเต็นท์ไม่กี่ครั้งและใช้งานไม่เป็น โชคดีว่าสามีของเธอคือทหารและการใช้ของพวกนี้เขาคุ้นเคยอยู่บ้างเลยไม่ต้องอธิบายให้เขาฟังว่าได้มันมาจากไหนและต้องกางเต็นท์ยังไง“ยังดีนะครับว่าฝนไม่ตก ไม่อย่างนั้นคงน่าเสียดายแย่” สือหยวนเฟิ
“เขาก็แค่ไม่อยากเล่นกับลูกคนงานคนอื่น ทั้งที่เขาก็เป็นแค่ลูกคนงานเหมือนกัน”หลิวตานเอ่ยปราม “เจียวมิ่ง แม่ไม่เคยสอนให้ลูกแบ่งชนชั้นกับใครนะ”คำว่าลูกคนงานทำให้หลิวตานรับไม่ได้จริง ๆ ที่คำนี้มันออกมาจากปากลูกของเธอเอง เพราะหลิวตานสอนให้ลูกใช้ชีวิตกับฟาร์มตลอดและการแบ่งชนชั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบ และในอดีตเธอโดยกระทำเช่นนี้มาก่อนอีกด้วย“ขอโทษครับ”“ไม่ใช่แค่ขอโทษ ลูกไม่ควรไปพูดคำนี้กับใคร ถ้าแม่ไม่ใช่เจ้าของฟาร์มเป็นแค่คนงาน ลูกก็ต้องเป็นลูกคนงานเหมือนคนอื่น” หลิวตานสอนลูกชายสือเจียวมิ่งนั่งก้มหน้า สือเจียวเจี้ยก็อยากเข้าไปปลอบพี่ชายแต่ถูกบิดาห้าม หลิวตานปล่อยให้เขานั่งสำนึกผิดเกือบสิบนาทีถึงได้ชวนสามีกลับบ้านบ้านพักท้ายฟาร์มถูกสร้างขึ้นหลายหลังเป็นบ้านหลังเล็กมีหนึ่งห้องนอนเพราะว่าทุกคนในฟาร์มชอบมาฉลองกันที่นี่ ตอนแรกหลิวตานต้องการต่อเติมแต่เธอมองว่าถ้าต่อเติมบ้านพักท้ายฟาร์มมันจะกลายเป็นบ้า
สือหยวนเฟิงได้ยินก็ไม่ลืมคนเก่าแก่ “ลุงเจา ลุงหลี ครอบครัวลุงชาง ป้าเฉวียน แล้วก็พี่ชายชาง พวกเขาทำงานในฟาร์มตั้งแต่ฟาร์มเปิดรับคนงาน 20 คน ตอนนี้เพิ่มมาอีกหลายร้อยคน ผมคิดว่าควรมีของขวัญให้พวกเขาบ้างนะครับ”ทั้งห้าคนคือคนที่อยู่กับฟาร์มนานที่สุดและลุงเจาปีนี้ยังได้เป็นหัวหน้าคนงานปีสุดท้ายก่อนส่งต่อให้พี่ชายชางเพื่อการประสานงานรวดเร็ว แต่ลุงเจายังคงทำงานในฟาร์มเป็นผู้ช่วยของหลิวตงตง โดยที่ลุงเจาเข้าใจทุกอย่าง“แน่นอนค่ะ”นอกจากลุงเจา ลุงหลี ทั้งสามคนคือครอบครัวเดียวกัน นอกจากเงินเดือนจะเพิ่มหลิวตานก็เตรียมโบนัสประจำปีเอาให้ทั้งห้าคนอีกด้วย และมีการปรับเพิ่มสวัสดิการต่าง ๆ อย่างเหมาะสม หลิวตานคิดว่าปีหน้าจะเปิดรับเพิ่มอีกประมาณ 200 คน และหยุดการขยายฟาร์มไปก่อนจนกว่าคนจะเพียงพอช่วงบ่ายสี่พ่อแม่ลูกพากันเข้าฟาร์มหลิว แต่ละคนแต่งตัวเต็มยศบ่งบอกว่าจะเข้ามาทำงาน และไม่รู้ว่าที่ผ่านมาระบบสงสารหลิวตานหรืออะไร ตั้งแต่ท้องลูกตอนนั้นการที่สามีเข้ามาช่วยทำภารกิจมันสาม
เกือบบ่ายสองรถยนต์สองคันมุ่งหน้าตามกันไปยังท้ายฟาร์ม หลิวตานกับเพื่อนไปรถคันเดียวกันโดยมีสือหยวนเฟิงเป็นคนขับ อีกคันคือน้องของหลิวตานกับสือหยวนเฟิง มีหลิวต้าสยงเป็นคนขับ“อากาศเย็นจริง ๆ พวกเราไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้กันหลายเดือนเลย!” หลิวอิ๋งอีสูดดมอากาศเข้าปอดแล้วพูดออกมาด้วยความดีใจ หล่อนยุ่งกับการเรียนนอกจากกินอาหารร่วมโต๊ะกับครอบครัว ที่เหลือคงเป็นการอยู่ในบ้านอ่านหนังสือชุยเฟิงเอ่ยแซว “แหม ว่าที่คุณหมอนาน ๆ ถึงมีเวลามาเลี้ยงฉลองกับคนอื่นอย่างเธอ ไม่แปลกที่ไม่ได้มานาน”ในขณะที่คนอื่นเรียนจบกันว่าที่คุณหมออย่างหลิวอิ๋งอี หลิวต้าสยง ยังต้องเรียนต่อกันอีกเกือบสองปี ซึ่งสาขาที่ทั้งสองเลือกเรียนใช้เวลาเรียนนานกว่าสาขาอื่นอยู่แล้ว“คุณอายังโทรมาถามเลยว่าต้าสยงเรียนจริงไหม” หลิวตานหัวเราะ“ถามว่าเรียนจริงไหมยังดีกว่าถามหาภรรยานะครับ เฮ้อ” หลิวต้าสยงถอนหายใจ ปีนี้เขาอายุยี่สิบหกปีถ้าอยู่ที่หมู่บ้านคงมีลูกจนโตแล้ว ค่านิยมของเมืองใหญ่กับชนบทไม่เหมือนกัน เขาไม่จำเป็นต้องรีบมีลูกขนาดนั้น&nbs
นับว่าฟาร์มหลิวได้รับความสำเร็จเป็นอย่างมาก ฟาร์มเก่าแก่อยู่มานานหลายสิบปียังถูกเขี่ยออกจากสิบอันดับของฟาร์มใหญ่ได้ จริง ๆ หลายปีมานี้ฟาร์มหลิวต้องพิสูจน์ตัวตนมานาน ลูกค้าหาย ถูกยกเลิกคำสั่งซื้อ ถูกใส่ร้ายเรื่องผักไม่สดและปีนี้หลิวตานยังได้น้องชายมาช่วยงานในฟาร์มทันทีที่เขาเรียนจบ การเติบโตของฟาร์มจึงขยายเพิ่มปัจจุบันคนงานในฟาร์มมีจำนวนมากกว่า 500 คน แบ่งเป็นทำงานในสำนักงานเกือบยี่สิบคน ทำงานในโรงผลิตเครื่องปรุงรสจำนวน 120 คน พนักงานแปรรูปผัก 50 คน ที่เหลือคือคนงานในฟาร์มบ้านหลิวประสบความสำเร็จแน่นอนว่างานเลี้ยงถูกจัดขึ้นด้วยความยิ่งใหญ่ ครบรอบสิบปีของฟาร์มทั้งทีร้านค้าพันธมิตร ลูกค้ารายใหญ่ และคนสำคัญถูกเชิญมาร่วมงาน งานจัดขึ้นตอนเช้าเพราะว่าตอนบ่ายหลิวตานกับพี่น้องนัดกันไปเล่นน้ำตกท้ายฟาร์ม“แม่”เสียงของลูกสาวตัวน้อยทำให้หลิวตานละมือจากงานตรงหน้า หันไปคุยกับลูกสาว “เจียวเจี้ยมีอะไรหรือเปล่าคะลูก”ปีนี้เด็กแฝดของหลิวตานกับสามีอายุ 5 ขวบแล้ว ทั้งสองเป็นเด็กฉลาดที่ทุกคนพบเห
ถึงเวลาลูกตื่นช่วงเลิกงานของทุกคน หลิวตาน สือหยวนเฟิงมุ่งหน้าไปยังจุดหมายหลังบอกคนในครอบครัวเอาไว้ ยังดีว่าคนงานช่วยดูแลบ้านให้ทุกวันจึงไม่ต้องทำความสะอาดอะไร “พาลูกไปเดินเล่นแถวนี้ก่อนนะ แล้วก็อย่าลืมเอาถุงตาข่ายใส่ตะไคร้หอมสับติดตัวลูกด้วย ฉันจะต้มนมให้ลูกหน่อย” หลิวตานบอกสามี“ครับ”นมวัวไม่ควรอุ่นบ่อย ๆ และต้องอุ่นให้ถูกวิธีไม่ให้สารอาหารลดลง ทุกวันจะมีนมวัวมาส่งที่ฟาร์มหลิว หลิวตานซื้อให้ลูกวันต่อวันและนำนมดิบมาต้มเอง เธอไม่รู้ว่าถ้าให้ฟาร์มวัวต้มมาให้สารอาหารยังเหลือไหม แม้ยุ่งยากหน่อยแต่ว่าเพื่อประโยชน์เธอยอมใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำนมพร้อมให้ลูกได้ดื่ม บางส่วนเก็บใส่ตู้เย็นพอนมในขวดใกล้หมดค่อยนำนมออกมาละลายในน้ำอุ่น หลิวตานลงมือทำเองทุกขั้นตอน“พ่อกับลูกกลับมาได้แล้ว!”ช่วงนี้เพิ่งพ้นปีใหม่มาได้ไม่นานและอากาศไม่ร้อนไม่เย็น การเล่นน้ำตกและยิ่งมีเด็กเล็กมาด้วยยิ่งไม่ควร แต่ว่าหลิวตานเตรียมน้ำอุ่น ๆ ให้ลูกเล่นหน้าบ้าน“แม่”