“เฮอะ คิดว่าตัวเองจะได้เรียนอย่างนั้นหรือ” หลิวถิงเหยาหัวเราะเยาะ “ฝันไปเถอะ แม่ของฉันดูแลเงินของบ้านถ้าแม่ฉันไม่อนุญาตหล่อนก็ไม่ได้เรียน อย่างตอนนี้ยังไม่ได้เรียนเลย”
หลิวถิงเหยาไม่ชอบเด็กผู้หญิงในบ้านโดยเฉพาะสองพี่น้องบ้านพี่ชายคนรอง เพราะหลิวถิงเหยาต้องการให้คนที่บ้านสนใจเพียงตนเอง หลานสาวใหญ่ไม่ได้สนใจเพราะพี่ชาย พี่สะใภ้ใหญ่ยังเอาใจหล่อน แต่บ้านรองไม่มีใครสนใจหล่อนจึงพาลไม่ชอบเด็กบ้านนี้ไปด้วย
หลิวตานส่ายหน้าไม่สนใจอาเล็กของเธออีกต่อไป แบกตะกร้าผ้าออกจากบ้านเดินตรงไปทางแม่น้ำ ยิ่งซักผ้าเสร็จเร็วเธอจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น
‘พี่อี้ข่ายปล่อยพี่ชายของฉันเดี๋ยวนี้นะ!’ น้ำเสียงกระวนกระวายดังขึ้นไม่ไกลจากแม่น้ำ
‘ไม่ปล่อย!’
‘ฉันจะไม่บอกย่า ปล่อยพี่ชายรองเถอะนะ’
โอ้ย!
‘พี่รอง!’
เสียงอ้อนวอนขอให้หยุดกับเสียงหัวเราะเรียกความสนใจจากหลิวตานได้เป็นอย่างดี เธอจำเสียงน้องสาวของตัวเองได้ เร็วเท่าความคิดตะกร้าผ้าถูกวางลงก่อนจะรีบวิ่งไปทางที่ได้ยินเสียง
ภาพน้องชายถูกดึงแขนและหลิวอิ๋งอีที่พยายามช่วยพี่ชายแต่สู้แรงเด็กผู้ชายตัวอวบไม่ไหว สองพี่น้องจึงถูกจัดการได้ด้วยเด็กเพียงคนเดียวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี
“ฮือ ปล่อยนะ”
โอ้ย!
“พี่ใหญ่!” หลิวอิ๋งอีมองพี่สาวอย่างตื่นตระหนก มือที่หลิวอี้ข่ายยื้อกระชากถูกปล่อย เธอรีบจับมือพี่ชายวิ่งมาซ่อนด้านหลังของพี่สาว
หลิวตานมองลูกพี่ลูกน้องของตนเองอย่างเย็นชา “หลิวอี้ข่ายคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงคิดรังแกคนอื่นได้ง่ายขนาดนั้น”
คนที่กำลังรังแกน้องชายของเธอไม่ใช่เด็กบ้านอื่น แต่เป็นลูกชายคนเล็กของบ้านใหญ่หลิว ลูกรักของลุงใหญ่ป้าสะใภ้ใหญ่ที่เอาแต่ใจมาก อีกฝ่ายถูกกิ่งไม้ที่เธอขว้างไปเมื่อครู่จึงร้องไห้ออกมา
“แม่ อึก! ฉันจะบอกย่า!” หลิวอี้ข่ายเป็นคุณชายน้อยของบ้านไม่เคยโดนกระทำแบบนี้มาก่อน พอเจอคนที่กล้าลงมือจริง ๆ เขาก็วิ่งหนี หรือบางทีอาจจะไปฟ้องย่าหลิวแล้ว
หลิวอิ๋งอีมีสีหน้าไม่ค่อยดีเพราะพี่สาวลงมือกับเด็กบ้านใหญ่ “พี่ใหญ่ พวกเราต้องโดนย่าตีแน่ ๆ เลยค่ะ รีบกลับเข้าห้องกันเถอะเสี่ยวอีไม่อยากโดนตี”
“ไม่ต้อง พวกเราไปซักผ้ากับพี่ดีกว่า อย่างมากก็แค่ไม่ได้กินข้าวมื้อเย็นก็เท่านั้น” แต่หลิวตานส่ายหน้าเดินจูงมือน้องสาว น้องชาย ไปช่วยซักผ้าของครอบครัว
ที่เธอไม่กลัวไม่ใช่ว่ามีข้ออ้างแล้ว ต่อให้บอกป้องกันตัวเองเพราะหลิวอี้ข่ายรังแกน้องชายของเธอ อีกฝ่ายก็ไม่ถูกลงโทษอะไร จะเป็นพวกเธอเองที่ผิดทั้งหมด แต่ตอนเกิดเรื่องไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยนี่สิ
แม่น้ำที่คนในหมู่บ้านใช้เป็นแม่น้ำที่ไหลลงมาจากป่า หรือก็คือไหลมาจากตาน้ำที่หลิวตานเคยพาน้องไป คนในหมู่บ้านจะมาซักผ้า อาบน้ำ และตักน้ำไปใช้จากที่นี่ บ้านไหนมีเงินดีหน่อยขุดบ่อไว้ใช้งาน ไม่ต้องเหนื่อยเดินไกล
“เด็กบ้านหลิวขยันกันจริง ๆ มาซักผ้ากันหรือจ๊ะ” เสียงทักทายจากผู้หญิงที่อายุน่าจะเท่าแม่ของพวกเธอดังขึ้น
หลิวตานหันไปมองพลางเอ่ยทักทายอีกฝ่าย “ฉันพาน้องมาซักเสื้อผ้าค่ะ น้าลี่อิน”
หย่งลี่อินเป็นสะใภ้ในหมู่บ้านที่ค่อนข้างสนิทกับแม่ของเด็กทั้งสาม พอเห็นหลิวตานกับน้องจึงเอ่ยทัก อีกฝ่ายกำลังจะกลับบ้านพอดีเลยเอ่ยเตือนด้วยความห่วงใย
“ระวังกันด้วยล่ะ แถวนี้ไม่มีคนอยู่”
“ขอบคุณค่ะ”
แน่นอนว่าคนที่สนิทกับแม่ของเธอต้องรู้อยู่แล้วว่าหลิวตานตกน้ำ แต่จริง ๆ คนในหมู่บ้านก็รู้กันไปทั่ว แต่บางคนรู้ในลักษณะที่แตกต่างกันไปเพราะย่าหลิวบอกหลานสาวลงไปเล่นน้ำ
ใช้เวลาซักผ้าไม่นานก็เสร็จแล้ว ในตะกร้าผ้ามีเพียงของบ้านรองเท่านั้น เธอตั้งใจไม่เอาของบ้านอื่นมาด้วย เนื่องจากต้องการต่อต้านและเป็นสัญญาณที่บอกว่าบ้านรองจะไม่ยอมอีกต่อไป
“มาแล้วหรือ!”
ยังไม่ทันได้ตากผ้าก็มีมารผจญเข้ามาแล้ว หลิวตานมองไปยังเสียงเป็นย่าของเธอ ป้าสะใภ้ใหญ่ และหลิวอี้ข่ายที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
“มีอะไรคะ ฉันจะตากผ้าค่อยคุยทีหลังได้ไหม”
หลิวอิ๋งอีมองพี่สาวอึ้ง ๆ สลับกับย่า มือจับชายเสื้อของพี่สาวเอาไว้อย่างหวาดกลัว พลางกระซิบถามเสียงเบา “พี่ใหญ่พูดแบบนี้จะดีหรือคะ ถ้าย่าโกรธแล้วลงโทษพวกเราล่ะ”
“หลานชายของฉันบอกว่าเธอรังแกเขา! อี้ข่ายอายุแค่เจ็ดขวบฉันใจดีกับเธอมากใช่ไหมถึงต้องลงมือกับเด็กแบบนี้” ย่าหลิวมองหลานชายอย่างช้ำใจ นางทะนุถนอมของนางมาตั้งนาน ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายวิ่งมาหานางทั้งน้ำตาบอกสามพี่น้องแกล้ง
“ลงมือ? ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ออกไปซักผักกับน้องเท่านั้น” หลิวตานตอบหน้าตาย
“วันนี้พวกเราจะไม่นอนในบ้าน” หลิวตานกล่าวยิ้ม ๆ มองลูกเล่นน้ำในสระปูน“เอ๋ ไม่นอนในบ้านแล้วนอนที่ไหนคะ” นอกจากบ้านพักเวลามาที่นี่พวกเขาไม่เคยไปนอนที่ไหนเลยหลิวตานไม่ตอบแต่พยักหน้าสั่งสามีให้เริ่มทำที่นอนพักของคืนนี้ทันที ลานดินไม่มีหญ้าหรือกิ่งไม้เคยขวางเหมือนอดีตถูกปูด้วยผ้าผืนบาง ก่อนเต็นท์ถูกนำมากางทับ ผ้านิ่มถูกปูไว้ด้านในเพื่อนให้ลูกได้นอนนิ่ม ๆ พร้อมกับเตรียมก่อไฟไว้ข้างนอกนี่คือสิ่งที่หลิวตานเพิ่งได้รับมาจากระบบ เธอเลยอยากลองใช้ไหน ๆ ก็มีสถานที่ให้ใช้ และลูกของเธอดูตื่นเต้นมาก ถึงขั้นอาบน้ำและรีบมาดู“ว้าว! ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”“ถ้าเคยเห็นสิแปลก” หลิวตานพึมพำแม้แต่เธอเองยังเคยเห็นเต็นท์ไม่กี่ครั้งและใช้งานไม่เป็น โชคดีว่าสามีของเธอคือทหารและการใช้ของพวกนี้เขาคุ้นเคยอยู่บ้างเลยไม่ต้องอธิบายให้เขาฟังว่าได้มันมาจากไหนและต้องกางเต็นท์ยังไง“ยังดีนะครับว่าฝนไม่ตก ไม่อย่างนั้นคงน่าเสียดายแย่” สือหยวนเฟิ
“เขาก็แค่ไม่อยากเล่นกับลูกคนงานคนอื่น ทั้งที่เขาก็เป็นแค่ลูกคนงานเหมือนกัน”หลิวตานเอ่ยปราม “เจียวมิ่ง แม่ไม่เคยสอนให้ลูกแบ่งชนชั้นกับใครนะ”คำว่าลูกคนงานทำให้หลิวตานรับไม่ได้จริง ๆ ที่คำนี้มันออกมาจากปากลูกของเธอเอง เพราะหลิวตานสอนให้ลูกใช้ชีวิตกับฟาร์มตลอดและการแบ่งชนชั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบ และในอดีตเธอโดยกระทำเช่นนี้มาก่อนอีกด้วย“ขอโทษครับ”“ไม่ใช่แค่ขอโทษ ลูกไม่ควรไปพูดคำนี้กับใคร ถ้าแม่ไม่ใช่เจ้าของฟาร์มเป็นแค่คนงาน ลูกก็ต้องเป็นลูกคนงานเหมือนคนอื่น” หลิวตานสอนลูกชายสือเจียวมิ่งนั่งก้มหน้า สือเจียวเจี้ยก็อยากเข้าไปปลอบพี่ชายแต่ถูกบิดาห้าม หลิวตานปล่อยให้เขานั่งสำนึกผิดเกือบสิบนาทีถึงได้ชวนสามีกลับบ้านบ้านพักท้ายฟาร์มถูกสร้างขึ้นหลายหลังเป็นบ้านหลังเล็กมีหนึ่งห้องนอนเพราะว่าทุกคนในฟาร์มชอบมาฉลองกันที่นี่ ตอนแรกหลิวตานต้องการต่อเติมแต่เธอมองว่าถ้าต่อเติมบ้านพักท้ายฟาร์มมันจะกลายเป็นบ้า
สือหยวนเฟิงได้ยินก็ไม่ลืมคนเก่าแก่ “ลุงเจา ลุงหลี ครอบครัวลุงชาง ป้าเฉวียน แล้วก็พี่ชายชาง พวกเขาทำงานในฟาร์มตั้งแต่ฟาร์มเปิดรับคนงาน 20 คน ตอนนี้เพิ่มมาอีกหลายร้อยคน ผมคิดว่าควรมีของขวัญให้พวกเขาบ้างนะครับ”ทั้งห้าคนคือคนที่อยู่กับฟาร์มนานที่สุดและลุงเจาปีนี้ยังได้เป็นหัวหน้าคนงานปีสุดท้ายก่อนส่งต่อให้พี่ชายชางเพื่อการประสานงานรวดเร็ว แต่ลุงเจายังคงทำงานในฟาร์มเป็นผู้ช่วยของหลิวตงตง โดยที่ลุงเจาเข้าใจทุกอย่าง“แน่นอนค่ะ”นอกจากลุงเจา ลุงหลี ทั้งสามคนคือครอบครัวเดียวกัน นอกจากเงินเดือนจะเพิ่มหลิวตานก็เตรียมโบนัสประจำปีเอาให้ทั้งห้าคนอีกด้วย และมีการปรับเพิ่มสวัสดิการต่าง ๆ อย่างเหมาะสม หลิวตานคิดว่าปีหน้าจะเปิดรับเพิ่มอีกประมาณ 200 คน และหยุดการขยายฟาร์มไปก่อนจนกว่าคนจะเพียงพอช่วงบ่ายสี่พ่อแม่ลูกพากันเข้าฟาร์มหลิว แต่ละคนแต่งตัวเต็มยศบ่งบอกว่าจะเข้ามาทำงาน และไม่รู้ว่าที่ผ่านมาระบบสงสารหลิวตานหรืออะไร ตั้งแต่ท้องลูกตอนนั้นการที่สามีเข้ามาช่วยทำภารกิจมันสาม
เกือบบ่ายสองรถยนต์สองคันมุ่งหน้าตามกันไปยังท้ายฟาร์ม หลิวตานกับเพื่อนไปรถคันเดียวกันโดยมีสือหยวนเฟิงเป็นคนขับ อีกคันคือน้องของหลิวตานกับสือหยวนเฟิง มีหลิวต้าสยงเป็นคนขับ“อากาศเย็นจริง ๆ พวกเราไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้กันหลายเดือนเลย!” หลิวอิ๋งอีสูดดมอากาศเข้าปอดแล้วพูดออกมาด้วยความดีใจ หล่อนยุ่งกับการเรียนนอกจากกินอาหารร่วมโต๊ะกับครอบครัว ที่เหลือคงเป็นการอยู่ในบ้านอ่านหนังสือชุยเฟิงเอ่ยแซว “แหม ว่าที่คุณหมอนาน ๆ ถึงมีเวลามาเลี้ยงฉลองกับคนอื่นอย่างเธอ ไม่แปลกที่ไม่ได้มานาน”ในขณะที่คนอื่นเรียนจบกันว่าที่คุณหมออย่างหลิวอิ๋งอี หลิวต้าสยง ยังต้องเรียนต่อกันอีกเกือบสองปี ซึ่งสาขาที่ทั้งสองเลือกเรียนใช้เวลาเรียนนานกว่าสาขาอื่นอยู่แล้ว“คุณอายังโทรมาถามเลยว่าต้าสยงเรียนจริงไหม” หลิวตานหัวเราะ“ถามว่าเรียนจริงไหมยังดีกว่าถามหาภรรยานะครับ เฮ้อ” หลิวต้าสยงถอนหายใจ ปีนี้เขาอายุยี่สิบหกปีถ้าอยู่ที่หมู่บ้านคงมีลูกจนโตแล้ว ค่านิยมของเมืองใหญ่กับชนบทไม่เหมือนกัน เขาไม่จำเป็นต้องรีบมีลูกขนาดนั้น&nbs
นับว่าฟาร์มหลิวได้รับความสำเร็จเป็นอย่างมาก ฟาร์มเก่าแก่อยู่มานานหลายสิบปียังถูกเขี่ยออกจากสิบอันดับของฟาร์มใหญ่ได้ จริง ๆ หลายปีมานี้ฟาร์มหลิวต้องพิสูจน์ตัวตนมานาน ลูกค้าหาย ถูกยกเลิกคำสั่งซื้อ ถูกใส่ร้ายเรื่องผักไม่สดและปีนี้หลิวตานยังได้น้องชายมาช่วยงานในฟาร์มทันทีที่เขาเรียนจบ การเติบโตของฟาร์มจึงขยายเพิ่มปัจจุบันคนงานในฟาร์มมีจำนวนมากกว่า 500 คน แบ่งเป็นทำงานในสำนักงานเกือบยี่สิบคน ทำงานในโรงผลิตเครื่องปรุงรสจำนวน 120 คน พนักงานแปรรูปผัก 50 คน ที่เหลือคือคนงานในฟาร์มบ้านหลิวประสบความสำเร็จแน่นอนว่างานเลี้ยงถูกจัดขึ้นด้วยความยิ่งใหญ่ ครบรอบสิบปีของฟาร์มทั้งทีร้านค้าพันธมิตร ลูกค้ารายใหญ่ และคนสำคัญถูกเชิญมาร่วมงาน งานจัดขึ้นตอนเช้าเพราะว่าตอนบ่ายหลิวตานกับพี่น้องนัดกันไปเล่นน้ำตกท้ายฟาร์ม“แม่”เสียงของลูกสาวตัวน้อยทำให้หลิวตานละมือจากงานตรงหน้า หันไปคุยกับลูกสาว “เจียวเจี้ยมีอะไรหรือเปล่าคะลูก”ปีนี้เด็กแฝดของหลิวตานกับสามีอายุ 5 ขวบแล้ว ทั้งสองเป็นเด็กฉลาดที่ทุกคนพบเห
ถึงเวลาลูกตื่นช่วงเลิกงานของทุกคน หลิวตาน สือหยวนเฟิงมุ่งหน้าไปยังจุดหมายหลังบอกคนในครอบครัวเอาไว้ ยังดีว่าคนงานช่วยดูแลบ้านให้ทุกวันจึงไม่ต้องทำความสะอาดอะไร “พาลูกไปเดินเล่นแถวนี้ก่อนนะ แล้วก็อย่าลืมเอาถุงตาข่ายใส่ตะไคร้หอมสับติดตัวลูกด้วย ฉันจะต้มนมให้ลูกหน่อย” หลิวตานบอกสามี“ครับ”นมวัวไม่ควรอุ่นบ่อย ๆ และต้องอุ่นให้ถูกวิธีไม่ให้สารอาหารลดลง ทุกวันจะมีนมวัวมาส่งที่ฟาร์มหลิว หลิวตานซื้อให้ลูกวันต่อวันและนำนมดิบมาต้มเอง เธอไม่รู้ว่าถ้าให้ฟาร์มวัวต้มมาให้สารอาหารยังเหลือไหม แม้ยุ่งยากหน่อยแต่ว่าเพื่อประโยชน์เธอยอมใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำนมพร้อมให้ลูกได้ดื่ม บางส่วนเก็บใส่ตู้เย็นพอนมในขวดใกล้หมดค่อยนำนมออกมาละลายในน้ำอุ่น หลิวตานลงมือทำเองทุกขั้นตอน“พ่อกับลูกกลับมาได้แล้ว!”ช่วงนี้เพิ่งพ้นปีใหม่มาได้ไม่นานและอากาศไม่ร้อนไม่เย็น การเล่นน้ำตกและยิ่งมีเด็กเล็กมาด้วยยิ่งไม่ควร แต่ว่าหลิวตานเตรียมน้ำอุ่น ๆ ให้ลูกเล่นหน้าบ้าน“แม่”