เช้าวันต่อมาอวี้จินก็แต่งตัวไปเรียนหนังสือตั้งแต่เช้า ก่อนจะไปเธอยังไม่ลืมทำอาหารเช้าให้ย่าของเธอ พร้อมกับยกเข้าไปไว้ในห้องนอนให้และยังกำชับเรื่องอาหารการกินอย่างละเอียดถี่ถ้วน
แม่เฒ่าอวี้ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเอ็นดูหลานสาวคนนี้ตั้งแต่หายป่วยก็บ่นเก่งเสียเหลือเกิน แต่เพราะไม่อยากให้อวี้จินเป็นห่วงแม่เฒ่าอวี้จึง ตกปากรับคำโดยไม่อิดออดนับตั้งแต่อวี้จินเอ่ยปากเรื่องกุญแจร้านสองร้านนั้น เจียงลี่ก็นำมามอบให้แม่สามีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะไม่เต็มใจแต่เบื้องหน้ายังคงแสร้งทำเป็นแม่เลี้ยงใจดีเสียเต็มประดา
ตั้งแต่เธอแต่งเข้าบ้านตระกูลอวี้ เรื่องเงินทองรวมไปถึงสมุดบัญชีในบ้านแทบไม่ได้หยิบจับมาดูแล แม่สามีเค็มเหมือนเกลือ จะหยิบจับใช้จ่ายอะไรล้วนต้องบอกก่อนเสมอ เธออึดอัดมาก สามีก็กลัวแม่ตัวเองอย่างกับอะไรดี จนเจียงลี่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแล้ว
เดิมทีเธอก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร คิดว่าแต่งเข้าตระกูลอวี้แล้วจะสบาย แม้ฐานะของพวกเขาจะไม่ได้ร่ำรวยมหาศาลแต่สมบัติก็มีเก็บไม่ใช่น้อย คาดไม่ถึงว่ามันกลับไม่ตกมาถึงเธอเลยสักหยวนเดียว ช่างน่าคับแค้นใจเหลือเกิน!
มีชั่ววูบหนึ่งที่เจียงลี่คิดว่า หากแม่สามีตายจากโลกใบนี้ไปเสียมันคงจะดีไม่น้อย
ด้านอวี้จินนั้นเธอปั่นจักรยานไปโรงเรียน ระหว่างทางต้องผ่านร้านโจ๊กของอาฟาน วันนี้ร้านโจ๊กค่อนข้างคึกคักเป็นอย่างมาก เพราะรีบออกมาจึงยังไม่ได้กินมื้อเช้า อวี้จินจึงแวะที่ร้านโจ๊ก และให้พวกเขาตั้งโจ๊กใส่กล่องอาหารให้เธอเอาไปกินที่โรงเรียน
กู้อวิ๋นฟานเพิ่งลงมาจากชั้นบน เมื่อเขาเห็น
อวี้จินที่กำลังจ่ายเงินค่าโจ๊กก็รีบเดินเข้ามาทันที"บอกแล้วว่าไม่ต้องจ่าย"
อวี้จินไม่คิดว่าเขาจะลงมาจากชั้นบนรวดเร็วขนาดนี้ เธออุตส่าห์ดีใจคิดว่าในเมื่อไม่พบเจอเขาที่ร้านจะได้จ่ายเงินเสียที อวี้จินไม่ชอบเอาเปรียบใคร แต่ไม่คิดว่าอาฟานจะโผล่มาเร็วแบบนี้
"กำลังจะไปเรียนเหรอ"
"ใช่ค่ะ ฉันกำลังจะไปเรียน"
อวี้จินเอ่ยตอบ เมื่อได้เห็นหน้าอาฟานอีกครั้งอยู่ๆ เธอก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำเอาเธอนอนไม่หลับ มันน่าอับอายเกินไป
อยู่ๆ กู้อวิ๋นฟานก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เมื่อเช้าลุงหม่าส่งคนไปหาผู้รับเหมาฝีมือดีแต่กลับยังไม่เจอคนมีฝีมือเลยสักคน ส่วนมากจะไปรับงานต่างเมืองกันหมด เขาค่อนข้างร้อนใจ งานจะล่าช้าไม่ได้ เมื่อได้พบกับอวี้จินเขาจึงคิดจะถามเรื่องนี้กับเธอ อย่างไรอวี้จินก็เป็นคนในพื้นที่ น่าจะรู้จักคนมากกว่าเขา
"จินจิน เธอพอจะรู้ไหมว่า มีผู้รับเหมาก่อสร้างที่ไหนรับงานบ้าง พอดีว่าเจ้าของโรงงานมากินโจ๊กที่ร้านของฉัน และเขากำลังหาคน แต่ฉันไม่รู้จักใครน่ะ เขายังบอกอีกว่าหากหาคนให้ได้ จะให้ค่านายหน้าถึงห้าร้อยหยวนเชียวนะ"
อวี้จินที่ได้ยินอย่างนั้นก็มองกู้อวิ๋นฟานด้วยแววตาที่เป็นประกาย เงินตั้งห้าร้อยหยวนไม่น้อยเลย ตระกูลอวี้แม้จะไม่ได้ลำบาก แต่เงินที่ขายผักและดอกไม้ใช่ว่าจะได้กำไรมากมาย แต่หากได้เงินก้อนนี้มา ก็จะทำให้เธอมีเงินเก็บเพิ่ม และยังสามารถเอาไปลงทุนที่ร้านค้าทั้งสองร้านได้อีกด้วย
เมื่อคิดได้เช่นนั้นอวี้จินจึงรีบเอ่ยขึ้นมาทันที
"มีสิหลานชายของคนงานที่บ้านฉัน เป็นผู้รับเหมา เขาเพิ่งกลับมาจากรับงานนอกหมู่บ้านตอนนี้ว่างงานอยู่เพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี้เอง ฝีมือดีมากพี่จะลองไปถามเขาดูไหมหลังเลิกเรียนฉันจะพาไป"
"ได้ขอบคุณเธอมาก หากตกลงกันได้พี่จะแบ่งเงินให้เธอ"
"ตกลง"
อวี้จินพยักหน้า ก่อนจะขอตัวไปเรียน ขณะเดียวกันอวี้จินรู้สึกได้ว่ามีคนจ้องมองอยู่ เมื่อเธอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นอวี้หลิงที่กำลังยืนซื้อขนมปังอยู่เมื่อเห็นว่าอวี้จินมองมาอวี้หลิงก็แกล้งทำเป็นมองไปทางอื่น อวี้จินไม่ได้สนใจอวี้หลิงเท่าใดนัก เธอจึงปั่นจักรยานไปโรงเรียนทันที
เมื่ออวี้จินไปแล้ว อวี้หลิงก็เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้พี่สาวตัวดีของเธอริอ่านนัดแนะพบผู้ชายแล้วเหรอเนี่ย แต่ผู้ชายคนนั้นก็เหล่อเหลาไม่ใช่น้อยเลย
กู้อวิ๋นฟานคล้ายจะรับรู้ได้ว่ามีคนมองตนเขาจึงหันมาก่อนจะสบสายตาเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่งที่กำลังมองเขาด้วยแววตาที่หลงใหล ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อมีท่าทางเขินอายอย่างไม่ปิดบัง
กู้อวิ๋นฟานส่งเสียงเหอะในลำคอ เขาจำได้เด็กสาวคนนั้นก็คือน้องสาวของอวี้จินมีชื่อว่าอวี้หลิง ชาติก่อนหล่อนแต่งงานได้ดิบได้ดี แต่กลับไม่สนใจความเป็นตายของพี่สาวไม่มีความเสียใจหรืออาวรณ์ให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าเด็กคนนี้ใจดำอำมหิตอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาไม่ยิ้มตอบ ทั้งยังแสดงท่าทีดูแคลนอวี้หลิงอีกด้วย อวี้หลิงถึงกับหน้าชาไม่คิดว่าจะถูกผู้ชายมองด้วยสายตาแบบนี้ เธอเก็บความไม่พอใจเอาไว้ และคิดว่าหลังเลิกเรียนจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องคนที่บ้าน
อวี้จินมาเรียนตามปกติ ในชั้นเรียนเธอมีเพื่อนสนิทสองคนชื่อว่าไป๋เซียงกับฟางมู่ อวี้จินไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทมากเท่าไร คนที่เธอคบหาล้วนเป็นเด็กที่เรียบร้อย
อวี้จินจำได้ว่าในห้องเรียนจะมีพวกหัวโจกในห้องที่คอยรีดไถเงินเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน หากไม่ยอมมอบเงินให้ก็จะใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างไม่เป็นสุข คุณครูเองก็เหนื่อยใจจะตักเตือนบางครั้งจึงทำหลับหูหลับตาข้างหนึ่ง อวี้จินเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ถูกรังแกในตอนนั้น
หลังจากเรียนวิชาคณิตศาสตร์เสร็จ ขณะที่กำลังรออาจารย์เข้ามาสอนวิชาใหม่อยู่นั้น ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาอวี้จินและเพื่อน
"นี่พวกเธอ เอาเงินมาให้ฉันหน่อยสิ วันนี้ยังไม่ได้กินข้าวเลย"
อวี้จินเงยหน้าไปมองเด็กสาวคนนั้นด้วยแววตาเย็นชา เด็กสาวมีว่าชื่อว่าหยางเมี่ยว บ้านของเธออยู่ในตลาด แม่เปิดร้านขายขนม ส่วนพ่อก็เอาแต่สำมะเลเทเมา เล่นการพนันไม่สนใจลูก หยางเมี่ยวเกิดมาในครอบครัวที่ชอบใช้ความรุนแรง ทำให้จิตใจของเธอบิดเบี้ยว ลงที่ใครไม่ได้ก็มาทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่า คบหาแต่เพื่อนที่นิสัยเหมือนกันคอยกลั่นแกล้งเพื่อนในห้องทุกวัน
ไป๋เซียงและฟางมู่มีท่าทีหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เด็กสาวสองคนรีบล้วงหยิบเงินที่มีเพียงน้อยนิดหมายจะส่งให้หยางเมี่ยว แต่อวี้จินกลับปรามเอาไว้เสียก่อน
"พวกเธอสองคนจะเอาเงินให้หล่อนทำไม หล่อนมีมือมีเท้า ก็ให้หล่อนหากินเองสิ หากหาไม่ได้ก็อดตายไปซะ"
คำพูดของอวี้จินทำให้หยางเมี่ยวเกิดความไม่พอใจ เธอปรายตามองอวี้จินเหมือนมองศัตรู
"จินจิน ปิดเทอมไปเพียงไม่นาน กลับมาเธอก็มีนิสัยห้าวหาญขึ้นเยอะเลยนี่ แต่ก่อนเวลาฉันมาขอเงินเธอจะเป็นคนแรกที่รีบมอบให้เลยด้วยซ้ำ ทำไม หรือวันนี้ใจกล้าขึ้นมาแล้ว อยากลองดีเหรอ เจอกันหลังโรงเรียนไหมละเย็นนี้"
ไป๋เซียงกับฟางมู่ร้อนใจรีบบอกให้อวี้จินมอบเงินให้หยางเมี่ยวไปซะ แต่อวี้จินกลับส่งเสียงเหอะก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปประจันหน้ากับหยางเมี่ยว
อย่างไม่เกรงกลัว"ได้สิ เจอกันหลังโรงเรียนเย็นนี้ ตัวต่อตัว หากใครแพ้ต้องเป็นลูกน้องคนที่ชนะไปตลอด!"
"ได้เลย!"
หยางเมี่ยวเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน เธอรู้ว่ายังไงอวี้จินก็สู้เธอไม่ได้เพียงแค่ทำตัวอวดเก่งก็เท่านั้น
เรื่องนี้เพื่อนในห้องต่างรู้ดี ทุกคนรอเวลาให้โรงเรียนเลิกเร็วๆ จะได้ไปชมฉากเด็ดหลังโรงเรียน
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงเย็น อวี้จินก็มาตามนัดจริงๆ โดยมีไป๋เซียงและฟางมู่ตามมาด้วย
หยางเมี่ยวเองก็มาตามนัดตรงเวลาแต่กลับพาเพื่อนผู้ชายมาด้วยสองคน อวี้จินถึงกับส่งเสียงเหอะออกมา เธอคิดไว้แล้วว่าคนอย่างหยางเมี่ยวน่ะเป็นพวกเล่นไม่ซื่อ ต้องคิดจะทำอะไรเป็นแน่แต่เธอไม่กลัว
หมดเวลาที่จะตกเป็นเหยื่อแล้ว ควรลุกขึ้นมาสู้เพื่อตัวเองสักที
ไม่พูดอะไรให้มากความหยางเมี่ยวก็พุ่งเข้ามาหาอวี้จินทันที อวี้จินเองก็ไม่ยอมแพ้ หยางเมี่ยวตบ เธอต่อย หยางเมี่ยวจะถีบเธอชิงถีบก่อน ไม่นานฝ่าย
หยางเมี่ยวก็ลงไปนอนกองกับพื้นไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้ต่ออีกภาพตรงหน้าสร้างความตกใจให้ทุกคนเป็นอย่างมาก อวี้จินที่เคยอ่อนแอแต่ตอนนี้กลับยืนหักนิ้วมือเสียงดังกรอบแกรบและกระดิกนิ้วเรียกให้คนของ
หยางเมี่ยวเข้ามาต่อยกันทีละคนอวี้จินรู้สึกตื่นเต้นมาก ความจริงนิสัยของเธอเป็นคนไม่ยอมใคร แต่เพราะแต่ก่อนหัวอ่อนและไม่กล้าลุกออกมาทวงความเป็นธรรมให้ตัวเอง คิดว่าการใช้ความรุนแรงเป็นสิ่งที่ผิดแต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนความคิดแล้ว คนที่ใช้ความรุนแรงอาจไม่ใช่คนที่ผิดเสมอไป คนเราจะยอมถูกกระทำฝ่ายเดียวไม่ได้เราควรลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์และความชอบธรรมของตนเอง ตราบใดที่เราเดินอยู่บนความถูกต้องและไม่เอาเปรียบใคร แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผิดไปเสียทั้งหมด
"มันทำอะไรอยู่ รุมมันสิ!"
หยางเมี่ยวสั่งให้เพื่อนผู้ชายที่ตามมาด้วยรุมทำร้ายอวี้จิน อวี้จินเบ้ปาก ก่อนจะจัดการชกต่อยเด็กผู้ชายพวกนั้นจนมันหนีเปิดเปิงไปไกล เด็กพวกนั้นทำเป็นอวดเก่ง แต่พอเจอคนจริงก็สู้ไม่ไหว
อวี้จินเองก็เจ็บตัวไม่น้อยแต่ยังสู้ไหว เธอไม่ได้แสดงท่าทีอะไร หญิงสาวเดินเข้าไปหาหยางเมี่ยวที่ตอนนี้มองอวี้จินเหมือนเห็นผี
"อย่าเข้ามานะ ฉันแพ้แล้ว ฮือ ฉันยอมเป็นลูกน้องเธอก็ได้ อย่าตีฉันเลยนะ!"
อวี้จินเอียงคอมองหยางเมี่ยวผู้ยิ่งใหญ่ ก่อนจะทิ้งกายนั่งลงตรงหน้าหล่อนและเอ่ย
"จำไว้ อย่าเอาปมในใจมาลงกับคนอื่น ทุกปัญหามีทางแก้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงอะไร ฉันเข้าใจว่าชีวิตเธอพบเจออะไรมาบ้าง แต่ว่าหยางเมี่ยว คนเราเริ่มใหม่ด้วยการเป็นคนดีได้เสมอนะ เรื่องของฉันและเธอให้จบกันตรงนี้ ต่อไปอย่าไปรีดไถใครอีก หากไม่มีเงินก็หางานพิเศษทำ หากลำบากจริงๆ ก็แค่ขอร้องด้วยคำพูดดีๆ ฉันเชื่อว่าเนื้อแท้ของเธอไม่ได้เลวร้ายอะไร เอาละ ฉันจะไปแล้ว ส่วนเรื่องที่แพ้แล้วต้องเป็นลูกน้อง ฉันไม่ต้องการ แค่อยากสั่งสอนเธอให้เข้าใจก็แค่นั้น กลับบ้านดีๆ ล่ะ"
หยางเมี่ยวเม้มริมฝีปากแน่น ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีใครพูดเตือนสติเธอแบบนี้ อยู่ๆ ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเบื้องหน้าอวี้จิน
“ลูกพี่ ต่อไปฉันจะเชื่อฟังลูกพี่”
อวี้จินถึงกับปวดหัว เธอไม่ได้ต้องการสร้างแก๊งอันธพาลอะไรทั้งสิ้น ทำไมอยู่ดีดีมันเป็นแบบนี้ไปได้
“หยางเมี่ยว ฉัน..”
“หากลูกพี่ไม่ตอบตกลง ฉันจะยืนอยู่อย่างนี้ไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าลูกพี่จะยอมรับ”
ไป๋เซียงและฟางมู่หันมามองหน้ากันอวี้จินถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ย
“ก็ได้ ลุกขึ้นเถอะ”
หยางเมี่ยวยิ้มตาหยี ก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะตน
“ลูกพี่ มีเงินให้ฉันยืมสักสิบหยวนไหม ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย แล้วฉันจะรีบคืน ไม่เบี้ยวแน่นอน”
อวี้จินส่ายหน้าไปมา ก่อนจะส่งเงินสิบหยวนให้หยางเมี่ยวและบอกว่าไม่ต้องคืนเธอก็ได้ หยางเมี่ยวซาบซึ้งใจมาก
เอาเถอะ การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่ควรทำไม่ใช่เหรอ
เมื่อไม่มีอะไรแล้วอวี้จินจึงเดินออกมาพร้อมกับไป๋เซียงและฟางมู่เพื่อนทั้งสองไม่กล้าเอ่ยถามอะไรมาก แต่กลับมองอวี้จินอย่างภาคภูมิใจจนอวี้จินทำหน้าไม่ถูก
เรื่องราวทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังจากเกิดเรื่องกับฟ่านหยวน ฟ่านหลีก็ถูกรับตัวกลับไปที่บ้าน เธอสูญเสียแม่ไป และพี่ชายก็ติดคุก โชคดีที่พ่อฟื้นกลับมาได้ เธอจึงตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตใหม่ ตัดใจจากกู้อวิ๋นฟาน ก้าวเดินไปตามทางของตนเอง แบกรับภาระหน้าที่ของตระกูลแทนพี่ชายกู้อวิ๋นฟานอาการดีขึ้นมากแล้ว เพราะเกิดเรื่องทำให้เขาไม่ได้กลับบ้าน นายพลกู้รีบมาที่เมืองซานซูพร้อมครอบครัวเพื่อดูอาการลูกชาย นั่นทำให้อวี้จินได้พบกับครอบครัวของกู้อวิ๋นฟาน พวกท่านใจดีมาก อีกทั้งยังสนทนากับเธออย่างไม่ถือตัว ทำให้อวี้จินไม่รู้สึกเกร็งเลยแม้แต่น้อยอวี้จินอยู่เฝ้ากู้อวิ๋นฟานที่โรงพยาบาลทุกวัน จนอาการของเขาดีขึ้นและสามารถกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ กู้อวิ๋นฟานกอดอวี้จินเอาไว้และปลอบโยนเธอเรื่องของหยางเมี่ยว อวี้จินยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร หยางเมี่ยวได้เลือกทางเดินของตนเองแล้ว เธอเคารพการตัดสินใจของเพื่อนรัก งานศพของหยางเมี่ยวนั้นไป๋เซียงและฟางมู่เองก็มาแสดงความไว้อาลัยและเสียใจไม่ต่างจากอวี้จินเช่นเดียวกันตอนนี้หยางเมี่ยวคงได้พบกับแม่ของเธอบนสวรรค์แล้วคนตระกูลกู้พักอยู่ที่เมืองซานซูจนอาการขอ
กู้อวิ๋นฟานไม่ได้เกรงกลัวฟ่านหยวนเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขามองฟ่านหยวนเหมือนมองคนแปลกหน้า"ฟ่านหยวน ที่ผ่านมาระหว่างพวกเรามีสัมพันธ์อันดีต่อกันมาโดยตลอด แล้วมันเพราะอะไรกันที่ทำให้นายคิดจะฆ่าฉัน คิดจะทำร้ายฉันและตระกูลกู้ ต้นเหตุมันมาจากอะไรกันแน่"ฟ่านหยวนเมื่อได้ยินก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยัน"ต้นเหตุของเรื่องนี้น่ะเหรอ.."เขาจ้องมองกู้อวิ๋นฟานราวศัตรูคู่อาฆาต ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กู้อวิ๋นฟานได้ฟังอย่างไม่มีตกหล่น ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแม่ของเขาและพ่อของกู้อวิ๋นฟาน ไปจนถึงเรื่องที่แม่ของเขาตั้งท้องและแต่งเข้าตระกูลฟ่าน ต้องถูกคนตระกูลฟ่านกดขี่ ถูกสามีทุบตีเหมือนวัวเหมือนลาอวี้จินหันมามองกู้อวิ๋นฟานพร้อมกับจับมือเขาเอาไว้แน่น กู้อวิ๋นฟานที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะพ่อของเขาและแม่ของฟ่านหยวนเคยมีความสัมพันธ์กันอย่างนั้นเหรอและฟ่านหยวนแท้จริงก็เป็นพี่น้องกับเขา!นี่มันเรื่องอะไรกันกู้อวิ๋นฟานไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ฟ่านหยวนเล่ามาจะเป็นความจริง ที่ผ่านมาพ่อและแม่ของเขารักกันดีมาตลอด พ่อไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ และแม่ของเขาก็ไม่เคยเอ่ยถึงเช่นกัน
หลายสิบวันต่อจากนั้น ก็มีคนนำอาหารกระป๋องราคาถูกกว่าโรงงานของตระกูลกู้มาขาย เมื่อกู้อวิ๋นฟานที่ทราบเรื่องไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกเท่าใดนัก ตอนนี้เขาค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าฟ่านหยวนคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแต่ครั้งนี้ฟ่านหยวนกลับไม่ได้เปิดโรงงานโดยใช้ชื่อคนอื่นบังหน้าเหมือนที่เคยทำในครั้งก่อนอีก แต่กลับเลือกเอามาขายโดยผ่านพ่อค้าคนกลาง เปิดเป็นร้านขายอาหารกระป๋องธรรมดาทั่วไป อวี้จินเมื่อได้ทราบเรื่องก็ตรงมาหากู้อวิ๋นฟาน และพูดคุยหารือกับเขาในเรื่องนี้"ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของฟ่านหยวนจริงๆ"กู้อวิ๋นฟานเพียงยกยิ้มมุมปากและไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อยเมื่อสองคืนก่อนเขาฝันถึงเรื่องในชาติก่อนอีกครั้ง ครั้งนี้ความฝันชัดเจนกว่าครั้งก่อนๆ เขาเห็นแผ่นหลังของฆาตกรที่ฆ่าเขาในชาติที่แล้ว แม้จะเห็นเพียงแผ่นหลังแต่เขากลับจำได้ดีเป็นฟ่านหยวน!คนที่ฆ่าเขาในชาติก่อนก็คือฟ่านหยวนทุกอย่างล้วนปะติดปะต่อร้อยเรียงและเกี่ยวพันกับฟ่านหยวนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงแต่แรงจูงใจที่ทำให้ฟ่านหยวนผูกใจเจ็บจนอาฆาตแค้นเขามันคือเรื่องอะไรกันแน่อวี้จินไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก เธอนั่งอยู่ข้
ในที่สุดวันหยุดก็มาถึง อวี้จินได้ทำตามที่กู้อวิ๋นฟานบอกเอาไว้ นั่นก็คือชวนหยางเมี่ยวไปที่บ้านของกู้อวิ๋นฟานด้วยกัน เธอบอกเพียงว่าจะจัดงานฉลองให้กับตัวเองที่ทำคะแนนสอบได้ดี กินกันแค่สองคนออกจะเหงาเกินไป ย่าก็ไม่สะดวกไปร่วมงานเลี้ยงเพราะแก่แล้ว ส่วนพ่อของอวี้จินก็ไม่ได้ลงรอยกับกู้อวิ๋นฟาน เธอจึงชวนหยางเมี่ยวไปด้วยกัน แรกเริ่มหยางเมี่ยวลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนฟ่านหยวนบอกกับเธอว่าเขาอยากได้ขั้นตอนการผลิตอาหารกระป๋องของกู้อวิ๋นฟานให้เธอหลอกถามจากอวี้จิน แต่อวี้จินกลับไม่รู้อะไรเลย เธอจึงยังไม่มีข้อมูลไปให้เขาวันนี้ได้ไปที่บ้านของกู้อวิ๋นฟานนับว่าเป็นเรื่องดีแม้ในใจจะรู้สึกผิด แต่หยางเมี่ยวไม่มีทางเลือกเธอกลัวว่าคนตระกูลอวี้จะต้องลำบาก ตระกูลอวี้มีบุญคุณกับเธอ หยางเมี่ยวไม่ใช่คนเนรคุณคน เธอไม่มีทางทำให้บ้านตระกูลอวี้ต้องประสบภัยแม้นี่จะฟังดูเหมือนเป็นเหตุผลที่ดี แต่ภายในส่วนลึกแล้วมันเป็นเพราะว่าเธอรักฟ่านหยวนเธอหลงรักคนสารเลวนั่นจนหมดหัวใจ!ท่าทีของหยางเมี่ยวล้วนอยู่ในสายตาของอวี้จิน เธอเดาไม่ผิดจริงๆ หยางเมี่ยวมีเรื่องบางอย่างที่กำลังปิดบังเธอเอาไว้แต่อ
วันคืนก็ผ่านพ้นไปเช่นนี้ ในที่สุดโรงงานของกู้อวิ๋นฟานก็ได้เปิดรับคนงานเข้ามาทำงานเสียที ครั้งนี้พ่อของเขาส่งพ่อบ้านคนใหม่มาช่วยดูแลเขาแทนลุงหม่า กู้อวิ๋นฟานแม้ภายนอกจะทำตัวปกติ แต่เขารู้ดีอยู่ในใจว่าไม่มีใครแทนลุงหม่าได้อวี้จินยังคงไปเรียนตามปกติ เพราะระยะนี้ใกล้ถึงวันสอบแล้วเธอจึงเอาแต่อ่านหนังสือและไม่ค่อยได้พบกับกู้อวิ๋นฟานเท่าใดนัก ต่างคนต่างมีงานให้ต้องจัดการสุขภาพของย่าช่วงนี้ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก อวี้จินค่อนข้างเป็นกังวล แต่คุณย่าบอกกับเธอว่าย่าแก่มากแล้ว การเจ็บป่วยอย่างไรย่อมเป็นเรื่องธรรมดา แต่อวี้จินกลับหวั่นใจ ชาตินี้เธอช่วยย่าไม่ให้ตายอย่างปริศนาได้แล้ว แต่เธอไม่ได้เตรียมใจที่จะสูญเสียย่าไปอีก แม้ว่ามันจะต้องเป็นไปตามครรลองก็ตามทุกคนล้วนมีเรื่องที่ตนยึดติดไม่ใช่หรืออวี้จินวางหนังสือในมือลง ก่อนจะเดินลงมาที่ชั้นล่าง ตอนนี้ย่าของเธอกำลังนอนหลับตอนกลางวัน ส่วนพ่อก็ไปที่สวนผัก ตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้น อวี้จินสังเกตได้ว่าพ่อของเธอดูเปลี่ยนไปมาก เขาพยายามพูดคุยและทำดีกับเธอ แต่อวี้จินกลับไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเท่าใดนัก อาจเพราะความเจ็บปวดในชาติก่อนมันยังคงกัดกินจิตใจของเธอ
เวลาก็ผ่านไปเช่นนี้ การก่อสร้างโรงงานของกู้อวิ๋นฟานนับว่าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทุกอย่างราบรื่นเป็นอย่างมากวันนี้อวี้จินไม่มีเรียน เธอจึงมาหาเขาที่บ้านพร้อมกับนำอาหารมื้อกลางวันติดมือมาด้วย กู้อวิ๋นฟานที่เห็นว่าคนรักมาแล้วก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก อวี้จินวางอาหารลงบนโต๊ะและยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน"ฉันทำอาหารมาให้พี่หลายอย่างเลย พี่ลองชิมดูสิว่าชอบไหม""อะไรที่เธอทำพี่ก็ชอบหมด"อวี้จินยิ้มตาหยี ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปหาชายหนุ่มและมอบจูบที่แสนหวานให้กับเขา กู้อวิ๋นฟานมองอวี้จินด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะจูบตอบหล่อนอย่างดูดดื่มในขณะที่คนทั้งสองกำลังมีความสุขแสนหวานชื่น ฟ่านหลีก็เดินเข้ามามาพอดี เธอเห็นเต็มสองตาว่าสองคนนั้นกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม ฟ่านหลีกำมือแน่น รู้สึกเจ็บปวดในใจเป็นอย่างมาก เธอหลงรักกู้อวิ๋นฟานมานานหลายปี แต่เขากลับไม่สนใจเธอและยังมาเลือกเด็กสาวบ้านนอกคนนี้อีกอวี้จินและกู้อวิ๋นฟานหันมามองฟ่านหลีพร้อมกัน เป็นกู้อวิ๋นฟานที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย"ฟ่านหลี มีอะไรเหรอ"ฟ่านหลียิ้มออกมาอย่างฝืดเฝื่อน"ฉันให้คนทำอาหารมาให้พี่ พี่ลองชิมดูสิ"เอ่ยจบหล่อนก็นำอาหารมาวางบนโต๊ะ
หยางเมี่ยวมองฟ่านหยวนด้วยความหวาดหวั่น เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายหนุ่มที่สุภาพอ่อนโยนคนนั้น แท้จริงแล้วจะซ่อนความอำมหิตเอาไว้เธอพอจะรู้เรื่องของกู้อวิ๋นฟานมาบ้าง เพราะอวี้จินเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง กู้อวิ๋นฟานเป็นลูกชายของนายพลกู้ มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก แต่ที่เขามาที่นี่เพราะต้องการมาช่วยกิจการของที่บ้าน เธอก็รู้เพียงเท่านี้ แต่ไม่เคยรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของตระกูลคนมีอำนาจมากกว่านี้เลยแม้แต่เรื่องเดียวทั้งที่ฟ่านหยวนเป็นเพื่อนสนิทของกู้อวิ๋นฟานแต่กลับคิดจะฆ่าเพื่อนของตนเองและทำร้ายตระกูลกู้แท้จริงแล้วพวกเขามีเรื่องบาดหมางอะไรกันแน่หยางเมี่ยวเอ่ยอะไรไม่ออก เธอเดินเข้ามารู้เรื่องราวนี้เอง คาดว่านับจากวันนี้คงไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้ว แต่จะให้เธอทำอะไรได้ หากชะตาชีวิตกำหนดมาว่าให้เธอต้องตายอยู่ที่นี่นั่นก็คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เสียดายก็แต่ไม่อาจช่วยอวี้จินและคนรักของเพื่อนได้ ไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณก็ต้องมาจากไปเสียก่อนฟ่านหยวนมองหยางเมี่ยวด้วยแววตาที่ครุ่นคิด เด็กสาวคนนี้แต่ก่อนเขาไม่ได้สนใจจะมองหน้าตาของหล่อนให้มากนัก แต่วันนี้เมื่อได้มองดูให้ชัดเจนก็พบว่าสวยไม่เบาเลย อยู่ๆ ความ
ระยะนี้กู้อวิ๋นฟานและอวี้จินสนิทสนมกันมากกว่าเดิม ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองก็คืบหน้าไปไม่น้อยเลย เขามักจะไปรับส่งเธอที่มหาวิทยาลัยเป็นประจำ ตั้งแต่ที่เขาบอกความจริงว่าตัวเองเป็นใครนั้น กู้อวิ๋นฟานก็ไม่ได้กลับไปนอนที่ร้านโจ๊กอีก เดิมทีคิดว่าจะปิดร้านไปซะ แต่มันกลับขายดีและทำเงินได้เขาจึงให้ลุงหม่าเปิดร้านต่อไป กู้อวิ๋นฟานซื้อบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของอวี้จิน แม่เฒ่าอวี้และอวี้ตงออกจะตกใจไม่น้อยเมื่อได้รู้ว่าฐานะของกู้อวิ๋นฟานไม่ธรรมดา อีกทั้งยังกังวลเป็นอย่างมาก แต่อวี้จินกลับบอกว่านั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเธอไม่นานมานี้คนของกู้อวิ๋นฟานมารายงานว่า ผู้รับเหมาก่อสร้างคนก่อนที่ถูกเขายกเลิกงานไปได้ย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นแล้ว จากนั้นไม่นานก็บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้รับเหมาจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย มองผิวเผินแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่สำหรับกู้อวิ๋นฟานกลับรู้สึกว่ามันผิดปกติ ดูแล้วราวกับเป็นการจัดฉากเพื่อฆาตกรรมเสียมากกว่ากู้อวิ๋นฟานมีท่าทีครุ่นคิด เขามาอยู่ที่ซานซูนานแล้ว หาทางปิดช่องโหว่ทุกอย่าง พ่อของเขาเองเมื่อได้ทราบเรื่องน่าสงสัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในทุกๆ คืนเขามักจะ
กู้อวิ๋นฟานเมื่อได้เห็นชายหญิงทั้งสองคน แววตาเขาก็ทอประกายความเป็นมิตรขึ้นมาหลายส่วนสองคนนี้เป็นคนที่สนิทกับเขาตอนอยู่ที่เมืองหลวงชื่อว่าฟ่านหยวนและฟ่านหลี ฟ่านหยวนเป็นเพื่อนรักของเขา มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อว่าฟ่านหลี สองพี่น้องตระกูลฟ่านเป็นลูกของนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง มีโรงงานหลายแห่ง และที่สำคัญฟ่านหยวนเองก็กำลังจะมีโครงการก่อสร้างโรงงานที่เมืองซานซูเช่นเดียวกัน แม้จะทำธุรกิจเหมือนกัน แต่เขาและฟ่านหยวนกลับไม่ได้เป็นศัตรูกัน อีกทั้งยังเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่นานมานี้ฟ่านหยวนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศไม่คิดว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้"อาหยวน นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่"กู้อวิ๋นฟานไม่ได้ตอบคำถามของฟ่านหลี แต่กลับเอ่ยถามฟ่านหยวนแทน ฟ่านหยวนยิ้มและเอ่ยตอบ"เพิ่งกลับมาไม่กี่วันนี้ อีกอย่างโรงงานใกล้จะสร้างแล้ว ฉันเลยต้องมาดูเสียหน่อย""มีที่พักหรือยัง""มีแล้ว ฉันซื้อบ้านเอาไว้หลังหนึ่ง"เอ่ยจบฟ่านหยวนก็หันมามองอวี้จินพร้อมกับส่งยิ้มให้หล่อน อวี้จินเพียงยิ้มตอบอย่างมีมรรยาทเมื่อเห็นว่ากู้อวิ๋นฟานเมินตน ฟ่านหลีก็รู้สึกไม่พอใจ เธอถลึงตาใส่อวี้จินทันที ก่อนจะเดินเข้ามาหมายจะแทรกกลางคนทั้งสอง แต