แชร์

9 ไป๋ถังกรรโชกทรัพย์

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-05 10:44:38

ระหว่างทางที่ไป๋ถังกำลังเดินกลับบ้าน จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกเธอขึ้นมา “นี่ เสี่ยวไป๋ มาดื่มกับพี่ชายไหมจ๊ะ”

เสี่ยวไป๋?

  

นี่เขาเรียกเธออย่างนั้นหรือ

ไป๋ถังหรี่ตามองอีกฝ่าย เธอพบกับใบหน้าซูบผอมของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ยืนมองเธอมาจากข้างในบ้าน ดวงตาของเขาจ้องมองเธอด้วยความลามก หญิงสาวกำหมัดแน่นแต่ใบหน้าที่แสดงออกเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างสดใส

ดีมาก ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีคนต้องเสียอาหารให้เธอแล้ว!

จากความทรงจำของร่างเดิม ชายคนนี้มีชื่อว่าจางตู้ เขาเป็นอันธพาลประจำหมู่บ้าน ตอนนี้อีกฝ่ายมีอายุเกือบสามสิบปี แต่ไม่เคยแต่งงาน เพราะด้วยนิสัยของเขาบวกกับหน้าตาและฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยมีเงิน จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากแต่งงานกับเขา

เพราะเขาไม่ได้แต่งภรรยา เงินที่หามาได้จึงใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย เขามักซื้อเหล้ามาดื่ม เวลาเมาจะชอบไปนั่งใต้ต้นไทรใหญ่หน้าหมู่บ้านและหยอกล้อผู้หญิงที่เดินผ่านไปมา

   

 ทุกคนเกลียดเขามากและขอให้หัวหน้าหมู่บ้าน ไปตักเตือนเขาแต่ก็ไม่ค่อยได้ผล

   

 จางตู้มักจะแค่พูดจาลวนลามเท่านั้นโดยที่ไม่ได้ไปแตะต้องตัวใคร พฤติกรรมของเขาเพียงสร้างความรำคาญ ท้ายที่สุดผู้คนจึงทำได้เพียงเดินหนีให้ห่างเวลาที่เจอเขาเท่านั้น

   

จางตู้เห็นไป๋ถังอยากจะได้สามีคนใหม่ที่เลี้ยงดูตัวเอง เขาจึงจับตามองไป๋ถังมานานแล้ว และทุกครั้งที่เขาเห็นเธออยู่คนเดียว เขามักจะพูดจาลวนลามแสดงความลามกใส่

แม้ไป๋ถังจะต้องการหาสามีใหม่ แต่ผู้ชายหน้าตาน่าเกลียดอย่างจางตู้ไม่มีทางอยู่ในสายตาของเธอ ทุกครั้งที่หญิงสาวได้เจอชายผู้นี้ เธอมักจะมองเขาด้วยความขยะแขยง แล้วรีบเดินจากไป

    

แต่ไป๋ถังในวันนี้ไม่ได้ทำอย่างนั้น เธอจงใจเดินเข้าไปหาจางตู้ “คุณเรียกฉันเหรอ”

    

จางตู้ไม่ได้คาดหวังว่า ไป๋ถังจะตอบสนองเขาในวันนี้ หลังจากรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาก็แสยะยิ้มออกมาอย่างหื่นกระหาย

   

          เขารีบเปิดประตูบ้านแล้วยิ้มจนเห็นฟันสีเหลือง มือก็กวักเรียกให้ไป๋ถังเข้าไปในบ้าน “เข้ามาข้างในสิ”

  

 มุมปากของไป๋ถังกระตุกเล็กน้อย “ได้”

          จางตู้รีบเปิดประตูออกให้กว้างที่สุด “เข้ามา เข้ามา”

ด้วยความใจร้อนเขาทนรอให้ไป๋ถังเดินเข้ามาในบ้านไม่ไหว จึงรีบเอื้อมมือเข้าไปดึงตัวของไป๋ถังเข้ามา

          น่าเสียดายที่ก่อนที่มือของเขาจะแตะต้องตัวของหญิงสาว ไป๋ถังก็จับแขนของเขาแล้วทุ่มลงกับพื้นด้วยแรงทั้งหมดของเธอ

 หน้าอกของจางตู้กระแทกกับพื้นดินแข็งๆ ความเจ็บแล่นผล่านไปทั่วร่างกายจนเขาร้องโอดโอยออกมา

หลังจากนั้นไป๋ถังหยิบก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างๆ แล้วยกขึ้นสูง เล็งไปที่กลางเป้าของเขาเตรียมจะทุบมันอย่างแรง

          จางตู้เบิกตากว้างด้วยความสยดสยอง พยายามขยับตัวหนี เขาตะโกนออกมา “หยุด! หยุด! อย่า อย่าทำข้า!”

           แต่ไป๋ถังยังคงไม่ไหวติง เมื่อเห็นว่าเป้าของเขากำลังจะโดนหินก้อนใหญ่ทุบลงไป จางตู้ก็กรีดร้องออกมาเสียงดัง 

          แต่ว่าท้ายที่สุด ก้อนหินก็ไม่ได้ถูกทุบลงไป

          ไป๋ถังมองไปที่จางตู้ด้วยสายตาที่ชั่วร้าย “ต่อไปยังคิดลามกกับฉันอยู่หรือเปล่า”

          “ไม่แล้ว”จางตู้รีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเทา เขาไม่รู้ว่าไป๋ถังกลายเป็นคนดุร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยปกติเมื่อเขาพูดจาเจ้าชู้ใส่ เธอเพียงแค่กลอกตาใส่เขาเท่านั้น แต่ครั้งนี้เธอเหมือนปีศาจที่ดุร้าย จงใจทำร้ายส่วนสำคัญของเขา

          จางตู้รู้สึกหวาดกลัวมาก หากว่ากลางกายของเขาได้รับบาดเจ็บ จนไม่อาจทำเรื่องรักใคร่เช่นนั้นได้ เขาคงรู้สึกว่าตนเองไร้ค่าจนไม่อาจมีชีวิตอยู่ไปอีก

          “ไป๋ถัง ผมผิด...ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ครั้งนี้ผมดื่มเหล้ามากเกินไปจนไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ขอให้คุณโปรดอภัยให้ด้วย!”

          “สำนึกผิดจริงหรือ”ไป๋ถังเหยียบนิ้วมือของเขาเอาไว้ ในมือยังคงโยนก้อนหินขึ้นลงเพื่อข่มขวัญอีกฝ่าย

          จางตู้เจ็บมาก เขาต้องการให้เธอปล่อยมือของเขาโดยเร็ว จึงรีบกล่าวประจบสอพลอ “ใช่...ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ คุณต้องการอะไรโปรดบอกมาได้เลย โอ้ย! โอ้ย!”

“ถ้าอย่างนั้นเพื่อแสดงความจริงใจที่คุณสำนึกผิดต่อฉันจริงๆ เอาอาหารในบ้านมาให้ฉันยืมเดี๋ยวนี้”

          หน้าผากของจางตู้เต็มไปด้วยเหงื่อ เขารีบพูดทันที “ได้! ได้! ผมจะรีบเอามันมาให้คุณเดี๋ยวนี้!”

          ในที่สุดหญิงสาวก็ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ ไป๋ถังค่อย ๆ ยกเท้าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไปสิฉันจะรอคุณอยู่ที่นี่ “

          หลังจากพูดจบเธอก็โยนก้อนหินในมือขึ้นลงเล่นอีกครั้ง “อย่าให้ฉันรอนานเกินไปนักล่ะ”

          จางตู้ตัวสั่นจนอยากจะร้องไห้ออกมา เขากุมหน้าอกที่เจ็บปวดของตัวเอง แล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรอนาน เมื่อไปถึงห้องครัวเขาตักแป้งข้าวโพดใส่ถุงกระดาษ ตักไปตักมาเขารู้สึกว่ามันเยอะเกินไปจึงรู้สึกเสียดายขึ้นมา เขาจึงเทแป้งข้าวโพดกลับไปในโถจนเหลือเพียงครึ่งถุง

          จากนั้นเขาก็รีบเดินออกมาส่งถุงแป้งข้าวโพดให้กับไป๋ถัง “ไป๋ถัง ผมไม่มีอาหารมากนัก มีเพียงแค่นี้”

          ไป๋ถังหยิบมันขึ้นมาและเปิดดู มันมีปริมาณไม่มากนัก ดูเหมือนจะได้เพียงแค่ครึ่งถุงเท่านั้น

    

          เธอเหล่ตามองไปที่จางตู้ “คิดว่าเท่านี้เพียงพอสำหรับฉันงั้นหรอ หรือว่าเมื่อสักครู่ฉันใจดีเกินไป “

          ไป๋ถังขว้างก้อนหินเฉียดผ่านเป้ากางเกงของเขาไปนิดเดียว “ผม ผม... ผมจะไปเอามาเพิ่มให้อีก”

          จางตู้รู้สึกหวาดกลัวมาก แต่ก็ไม่กล้าโต้แย้งอะไรออกมา  เขาเข้าไปในครัวอีกครั้งและตักแป้งข้าวโพดมาจนเต็มถุง รวมทั้งมันฝรั่งอีกแปดลูก คราวนี้เขายื่นมันให้ไป๋ถังด้วยมือที่สั่นเทา  

    

ไป๋ถังสำรวจของภายในถุงกระดาษ แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ “หลังจากฤดูเก็บเกี่ยวจบลง ฉันจะเอาอาหารมาใช้คืนให้”

          “ไม่ ไม่ต้องคืน”จางตู้ไม่กล้าให้นางมารอย่างเธอชดใช้ เขารีบส่งเธอออกไปจากบริเวณหน้าบ้านด้วยความเคารพ

          ไป๋ถังแบกของที่ปล้นกลับบ้านด้วยหน้าตาชื่นมื่น เธอยืนอยู่หน้าบ้านจางตู้แล้วโบกมือลาเขา “จางตู้ขอบคุณมาก คุณเป็นคนดีจริงๆ”

          จางตู้ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ ไป๋ถังเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมาก หากว่าเห็นเธอครั้งหน้าเขาจะต้องอ้อมไปให้ไกลอย่างแน่นอน!

เมื่อลู่หยางกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าในห้องครัว มีถุงแป้งข้าวโพด และมันฝรั่งวางอยู่ ชายหนุ่มก็ถามไป๋ถังด้วยความประหลาดใจ “คุณไปยืมอาหารมากมายมาจากไหน”

          ไป๋ถังออกมาต้อนรับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงของเขา “ไม่ได้ยืม มีคนให้ฉันมาเปล่าๆ แบบไม่ต้องคืน”

          “ไม่ต้องคืนเหรอ...ใครใจดีขนาดนี้”ลู่หยางเดินเข้ามาพร้อมกับพวงปลาตัวอ้วนห้าตัวในมือ “อาหารในยุคนี้ มันมีค่ามาก มีคนให้คุณมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร”

          ไป๋ถังตาโตเมื่อเห็นปลา เธอยกมันขึ้นมาดูด้วยความดีใจ “สามี...คุณเก่งจังเลยนะคะจับปลามาได้ตั้งหลายตัวเลย”

ลู่หยางพอใจที่ได้รับคำชมแต่เขายังไม่ลืมถามเธอเรื่องอาหารบนโต๊ะ “แล้วสรุปว่ายังไงอาหารนี้มาจากไหนกันแน่”

หญิงสาวพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “มีคนให้ฉันมาเพราะว่า...ฉันสวยไงล่ะ”

ลู่หยางเม้มริมฝีปากของเขา และมองไปที่ไป๋ถังอย่างจริงจัง “อย่าโกหก ผมรู้ว่าเหตุผลนี้มันเป็นไปไม่ได้ บอกมาตรงๆ ว่าคุณไปทำอะไรถึงได้อาหารเหล่านี้มา”

          ไป๋ถังทำหน้ามุ่ย “คุณนี่มันไม่มีอารมณ์ขันจริงๆ”

          ลู่หยางจ้องเธอโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

          ไป๋ถังยอมจำนน “ก็ได้ ก็ได้ ถ้าฉันพูดออกไปคุณว่าอะไรไหมละ”

          “ผมไม่ว่าอะไรหรอก”

หญิงสาวจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับเขาฟัง ลู่หยางได้ฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว

          จางตู้สมควรที่จะถูกจัดการในข้อหาลวนลามผู้หญิง และควรได้รับโทษตามเหตุที่กระทำผิด แต่ไป๋ถังใช้วิธีการข่มขู่และกรรโชกทรัพย์คนอื่นเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง

          ลู่หยางถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “นี่เป็นวิธีที่ทหารในยุคอวกาศของคุณจัดการกับคนที่ทำให้คุณขุ่นเคืองใจเหรอครับ”

“หือ...ทหาร...ใครคือทหารเหรอ”ไป๋ถังอมยิ้มแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “คุณคิดว่าฉันเป็นทหารอย่างนั้นเหรอคะ”

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของเธอ ลู่หยางก็งงงวย “คุณไม่ได้บอกว่าคุณมียานเกราะเคลื่อนที่...นี่มันควรจะเป็นอาวุธของทหารที่ใช้ต่อสู้กับศัตรูไม่ใช่เหรอครับ”

ไป๋ถังหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฉัน!”เธอยกนิ้วชี้มาที่ตัวเอง และพูดด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ “คือโจรสลัดแห่งอวกาศ!”

“...”ลู่หยางที่เป็นทหารได้ยินแล้วแล้วถึงกับพูดไม่ออก!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลามาเป็นพ่อแม่มือใหม่ในยุค 80   50 อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า

    ลู่ซีซีโทรกลับไปหาที่บ้านและบอกว่าตอนนี้เธอได้อยู่กับพี่ชายคนรองเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นพ่อคือคนที่มารับสาย“ลูกดูแลตัวเองดีๆ นะ รีบพักผ่อนเถอะ”ลู่หยางวางสายแล้วถอนหายใจออกมาไป๋ถังที่นั่งอยู่ด้านข้างยิ้มอย่างเข้าใจ “เริ่มคิดถึงลูกสาวแล้วใช่ไหมคะ” เธอจับมือของสามีเอาไว้และพูดปลอบใจ “ลูกๆ ของเราทุกคนโตขึ้นทุกวัน พวกเขาย่อมต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง”ลู่หยางเข้าใจในข้อนี้ดี แต่เขาก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ “ซีซีเป็นเด็กผู้หญิง เธอไม่เคยออกจากบ้านไปอยู่ในที่ไกลๆ นานแบบนี้”“ตอนนี้คุณต้องทำใจไว้ให้ชินเถอะค่ะ ในอนาคตลูกสาวของเราก็จะต้องแต่งงาน” ไป๋ถังพูดแกล้งอีกฝ่าย“ลูกเขยในอนาคตของผมต้องสามารถดูแลซีซีของเราได้ ถ้าหาลูกเขยไม่ได้จริงๆ พวกเราก็แค่เลี้ยงดูเธอไปตลอดเท่านั้น”“ช่างเถอะค่ะ ฉันไม่คุยกับคุณเรื่องนี้แล้ว ยิ่งแก่คุณก็ยิ่งเรื่องมากนะคะ” ไป๋ถังบ่นแล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องลู่หยางได้ยินเธอบ่นว่าตนเองแก่ เขาก็รีบตามเข้าไปในห้องเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้แก่อย่างที่เธอคิด“ผมแก่อย่างที่คุณว่าอยู่หรือเปล่าครับ” ลู่หยางถามขณะทาบทับอยู่บนหลังของเธอไป๋ถังส่งเสียงครางในลำคอ มือทั้งสองกุมผ้าห่มใต้ร่

  • ย้อนเวลามาเป็นพ่อแม่มือใหม่ในยุค 80   49 คิดถึงคนที่บ้าน

    ในปี 1999 ไป๋ถังได้นำเข้าคอมพิวเตอร์มาจากต่างประเทศ เธอเปิดร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่หลายสาขาแม้จำนวนเกมส์ในเครื่องจะมีไม่มากแต่พวกเด็กวัยรุ่นก็นิยมเข้ามาเล่นเป็นจำนวนมากเพราะว่ารู้สึกว่ามันแปลกใหม่ กิจการนี้เฟื่องฟูจนทำให้ครอบครัวของเธอยิ่งร่ำรวยมากขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ว่าเหลือกินเหลือใช้จนถึงรุ่นเหลนฝาแฝดทั้งสองในปีนี้มีอายุได้ยี่สิบสองปี ลู่เจี้ยนลูกชายคนโตชอบเรียนหนังสือ ตอนนี้เขากำลังจะเรียนต่อปริญญาโทและในอนาคตอาจจะเรียนต่อปริญญาเอกต่อไป ซึ่งลู่หยางและไป๋ถังสนับสนุนลูกทุกคนให้ทำตามสิ่งที่ชอบอย่างเต็มที่โดยไม่บังคับใดๆส่วนลู่จวิ้นลูกชายคนรองชอบทำธุรกิจ เขาชื่นชอบธุรกิจสื่อบันเทิง จึงตั้งบริษัทเพื่อซื้อภาพยนตร์ในวงการฮอลลีวูดมาฉายภายในประเทศ ซึ่งธุรกิจนี้สร้างเม็ดเงินให้กับเขาเป็นจำนวนมาก ชายหนุ่มจึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศ เพื่อสรรหาภาพยนตร์ที่น่าสนใจเข้ามาฉายและปีนี้ลู่ซีซีลูกสาวคนเล็กอายุสิบเจ็ด เพราะเข้าเรียนเร็ว เธอจึงจบระดับมัธยมปลายตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้หญิงสาวตัดสินใจที่จะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ โดยมีลู่จวิ้นที่ทำธุรกิจอยู่ในประเทศนั้นคอยดูแลวันนี้ลู่หยาง ไป๋ถังและลู่

  • ย้อนเวลามาเป็นพ่อแม่มือใหม่ในยุค 80   48 สือหยง

    แม้ว่าลู่หยางและลูกชายทั้งสองจะพยายามขัดขวาง ไม่ให้ลู่ซีซีได้เข้าใกล้กับผู้ชายมากเกินไป แต่ไป๋ถังค่อนข้างเปิดกว้างในเรื่องนี้และต้องการให้ลูกสาวมีเพื่อนเพิ่มหลายๆ คนไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ในปี 1985 ลู่ซีซีมีอายุได้สามขวบ ขณะที่เธอกำลังขี่จักรยานอยู่ในสนามเด็กเล่น ก็มีเด็กชายตัวเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหาและชวนเธอพูดคุยด้วย “น้องสาว หยุดจักรยานก่อน ฉันขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ซีซีหยุดและหันหน้าไปหาเขา ดวงตากลมโตฉายแววสงสัย “พี่ชาย มีอะไรจะคุยกับซีซีเหรอคะ” เด็กน้อยมีท่าทีเขินอาย “ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ” “ได้สิค่ะ” ซีซีตอบด้วยรอยยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มของเธอ เด็กชายเมื่อเห็นลักยิ้มของซีซี เขาก็คิดว่าเธอน่ารักมาก เขารีบแนะนำตัวเองให้เด็กหญิงรู้จักทันที “ฉันชื่อสือหยง ปีนี้อายุ 6 ขวบ กำลังจะเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา แล้วเธอล่ะ?” ลู่ซีซีตอบกลับด้วยเสียงเล็กๆ “หนูชื่อลู่ซีซี ปีนี้อายุสามขวบ ปีหน้าจะเข้าเรียนชั้นอนุบาลหนึ่ง” เธอยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อจับมือกับอีกฝ่าย เพราะผู้เป็นแม่บอกว่าเวลามีเพื่อนใหม่ต้องจับมือกันเพื่อแสดงความเป็นมิตรที่ดี แต่มือของเด็กน้อยทั้งสองยังไม่ทันจะได้สัมผัสกัน

  • ย้อนเวลามาเป็นพ่อแม่มือใหม่ในยุค 80   47 ลู่ซีซี

    ในระหว่างที่ตั้งครรภ์ภายใต้การดูแลของลู่หยาง ทำให้ไป๋ถังมีความสุขมาก และตอนนี้เธออยู่ในช่วงใกล้คลอด วันนี้เธอจึงไปเดินเที่ยวที่สวนสาธารณะเพื่อที่จะได้คลอดง่ายๆลู่หยางซื้อกล้องถ่ายรูปมาถ่ายภรรยาและลูกๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำ ลู่เจี้ยนและลู่จวิ้นวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน พวกเขาวิ่งกันไปรอบๆ และขอให้ผู้เป็นพ่อถ่ายรูปของพวกเขา“พ่อ ถ่ายรูปผมหน่อย”“พ่อ ผมอยู่นี่”“พ่อ ทำไมพ่อไม่ถ่ายรูปผมเลย”“พ่อ!”เด็กน้อยวิ่งกันวุ่นวาย ลู่หยางที่กำลังจดจ่ออยู่กับการถ่ายภาพของไป๋ถัง บางครั้งก็หันไปถ่ายลูกชายทั้งสองที่วิ่งไปวิ่งมา เด็กน้อยทั้งคู่ดูสดใสร่าเริงมากขึ้นตามวัยของพวกเขาไป๋ถังหัวเราะกับท่าทางถ่ายรูปของเด็กน้อยทั้งสองที่กำลังทำท่าตลกๆ แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกปวดท้อง หญิงสาวรีบตะโกนเรียกสามี “เสี่ยวหยาง”เมื่อลู่หยางได้ยิน เขาก็วิ่งไปหาเธอแทบจะทันที “เสี่ยวไป๋!”“ฉันปวดท้อง ตอนนี้รู้สึกเหมือนกับว่าจะคลอดเลยค่ะ” ไป๋ถังพูดพร้อมกุมท้องของเธอ ที่ส่วนล่างก็รู้สึกเหมือนกับมีน้ำไหลออกมาลู่หยางอุ้มเธอขึ้นมาในทันที แล้วหันไปบอกลูกๆ ทั้งสอง “อาเจี้ยนจูงมือน้องตามพ่อมา”ลู่เจี้ยนและลู่จวิ้นตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จ

  • ย้อนเวลามาเป็นพ่อแม่มือใหม่ในยุค 80   45 ย้ายไปเมืองหลวง

    เมื่อลู่หยางและไป๋ถังกลับมาถึงบ้าน เด็กน้อยทั้งสองก็รีบวิ่งมาหาพ่อกับแม่ของตนด้วยความดีใจ“พ่อ!” ต้าเป่ากอดต้นขาของลู่หยาง ส่วนเสี่ยวเป่ากอดต้นขาของไป๋ถัง เด็กน้อยทั้งคู่เงยหน้ามองด้วยดวงตาใสแจ๋วทั้งสองสามีภรรยาจึงอุ้มเด็กน้อยเข้าเอว และเช็ดหน้าที่เปื้อนเหงื่อให้กับพวกเขาก่อนจะหัวเราะเสียงดัง“แม่ครับ ซื้อขนมมาให้พวกผมด้วยหรือครับ” เสี่ยวเป่าถามด้วยน้ำเสียงเล็กๆไป๋ถังหัวเราะออกมาและพูดว่า “เจ้าหนูน้อยชอบกิน!”จากนั้นเธอก็ให้ลู่หยางส่งกระเป๋าที่อยู่ด้านข้างมาให้ แล้วหยิบขนมขึ้นชื่อจากเมืองหลวงมาแกะแบ่งให้กับเด็กน้อยทั้งสองได้ชิม“ขอบคุณครับพ่อ!” เด็กแฝดทั้งคู่พูดอย่างมีความสุขและเริ่มกินขนม ลู่หยางและไป๋ถังยิ้มอย่างมีความสุขการมีลูกๆ ตัวน้อยคอยอยู่ที่บ้านมันช่างทำให้พวกเขาอบอุ่นในหัวใจราวกับมีเสื้อบุนวมตัวเล็กๆ ห่อหุ้มอยู่ฝ่ายลี่จูเห็นไป๋ถังกลับมาจากเมืองหลวงพร้อมกับลู่หยาง ดูเหมือนว่าสองคนนั้นจะมีอนาคตที่ดีขึ้นอีกแล้ว เธอนึกเศร้าใจว่าทำไมตนเองถึงไม่โชคดีแบบนี้บ้าง ตอนนี้คนในครอบครัวของสามีต่างเกลียดเธอ เป็นเพราะว่าเธอแอบนำเงินเก็บในบ้านไปลงทุนและสินค้าก็ขายไม่ออกจนสูญเสียเงินไปเปล่

  • ย้อนเวลามาเป็นพ่อแม่มือใหม่ในยุค 80   44 ใบขออนุญาตประกอบธุรกิจการค้า

    สองสามีภรรยาวัยชรายิ้มออกมาอย่างมีความสุข เมื่อได้ยินว่าลู่หยางตกลงที่จะซื้อบ้าน“นี่เป็นเงินสองพันหยวนค่ะ คุณลุงลองนับดูอีกครั้งสิคะว่าครบหรือไม่”ไป๋ถังนับเงินสองพันหยวน จากกระเป๋าให้ลุงมู่ เมื่อชายชรารับไปก็นับเงินอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ห่อด้วยผ้าอย่างอย่างระมัดระวัง ส่งให้ภรรยาของตนเป็นคนเก็บไว้เมื่อตกลงซื้อขายบ้านกันได้ลุงมู่ก็เข็นจักรยานออกไปกับกลุ่มของลู่หยาง เพื่อทำการโอนบ้าน ในอนาคตการซื้อทรัพย์สินค่อนข้างยุ่งยาก แต่ว่าในยุคนี้พวกเขาเพียงแค่ไปลงทะเบียนโดยตรงกับสำนักงานการจัดการที่อยู่อาศัยหลังจากจ่ายค่าธรรมเนียม เมื่อเจ้าหน้าที่ประทับตราลงบนหนังสือความเป็นเจ้าของบ้าน มันก็มีผลตามกฎหมายทันที บ้านหลังนี้จึงกลายเป็นของไป๋ถัง พวกเขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง การดำเนินการทุกอย่างก็เสร็จสิ้น และลุงมู่จะย้ายออกจากบ้านไปเซี่ยงไฮ้ในสิ้นเดือนนี้ในเวลานี้พวกเขาได้มีบ้านเป็นของตัวเองอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว ต่อไปคือการซื้อโกดังเพื่อก่อตั้งโรงงาน “ผมมีโกดังเก่าอยู่แห่งหนึ่ง คุณลู่อยากลองไปดูไหมครับ” “ไปเลยครับ” เมื่อได้ยินดังนั้นผู้จัดการฟ่านจึงพาเขาและไป๋ถังไปดูโกดังที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเห็

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status