ปลาที่บ้านยังเยอะอยู่เถียนเมิ่งจึงหาสมุนไพรในป่าออกไปปลูกที่บ้าน คนในหมู่บ้านส่วนมากไม่มีเงินการไปหาหมอเป็นเรื่องยาก เถียนเมิ่งต้องการหาสมุนไพรเพื่อมีใครต้องการหรือไม่ก็สามารถนำไปทำอาหารได้ อย่างเช่นขิง ข่า ที่มีฤทธิ์ร้อนเหมาะสำหรับทำอาหารในตอนเป็นหวัด
เดินหาของป่าด้วยความอยากรู้อยากเห็นหลายชั่วโมง ในที่สุดเถียนเมิ่งก็เดินออกจากป่าเพื่อกลับบ้าน จะได้คิดเมนูอาหารให้ลูกชายได้กิน "แหม่ ๆ ได้ยินว่าพี่สะใภ้ได้ของดีกลับบ้านหลายวันแล้ว ฉันเป็นน้องสะใภ้ของพี่ควรที่จะได้รับมัน" จางเป้ยเป่ยสะใภ้ใหญ่บ้านเถียนเดินปรี่เข้าหาพี่สาวของสามีด้วยความโลภ หลายคนในหมู่บ้านที่ไม่ได้ไปทำงาน เห็นว่าเถียนเมิ่งสะใภ้สามบ้านฉินเข้าป่าและได้ของดีกลับมาที่บ้านทุกวัน จางเป้ยเป่ยได้ยินเช่นนั้นจึงมาดักรอหน้าชายป่าเพื่อจะเอาของ และหล่อนเคยได้รับของจากเถียนเมิ่งมาตลอดไม่คิดว่าคราวนี้พอเดินเข้าใกล้กลับถูกผละออก "เธอคิดจะทำอะไรสะใภ้ใหญ่เถียน" เถียนเมิ่งมองด้วยความไม่ชอบใจ เพราะแต่ก่อนมองว่าเป็นน้องสะใภ้ถึงได้ยอมแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว "อยากได้ก็เข้าไปเก็บเอาในป่า เก็บไม่ได้ก็บอกสามีของเธอ ฉันอยู่กับบ้านฉินไม่ใช่บ้านเถียน" จางเป้ยเป่ยอ้ำอึ้งก่อนโวยวาย "อะไร ฉันแค่จะเอาเผือกที่พี่ได้มาแค่นั้นทำไมต้องหวงกับฉันด้วย ฉันเป็นน้องสะใภ้ของพี่นะ" "ใช่ เธอเป็นน้องสะใภ้ของฉัน แต่ฉันเป็นคนบ้านฉินจะให้ของกับเธอไปทุกคนจะมองว่าอย่างไร" บ้านเถียนสอนให้ลูกสาวนำของดีกลับบ้านเดิม แต่ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนห้ามกลับไป แต่ก่อนเถียนเมิ่งทำตามและพอเธอได้มีชีวิตใหม่ทำให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วบ้านเถียนเป็นบ้านที่เห็นแก่ตัวมาก โลภมากอยากได้ของคนอื่น และพอเธอเดือดร้อนไม่เคยช่วยหนำซ้ำยังสาดน้ำไล่เหมือนหมูเหมือนหมา แต่ถึงอย่างนั้นเถียนเมิ่งยังคงกตัญญูต่อบ้านเดิมจนถึงลมหายใจสุดท้าย และตอนนี้เธอกลายเป็นคนใหม่ บ้านเถียนอย่าหวังว่าจะได้รับอะไรจากเธออีก "ฉันจะบอกแม่สามีว่าพี่ไม่ให้ของกับฉัน" จางเป้ยเป่ยกอดอกอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า "พี่อย่าลืมสิว่าสามีของฉันเป็นลูกชายคนโตของบ้าน พี่เป็นเพียงลูกสาวแม่สามีจะเลือกใคร" เถียนเมิ่งกระตุกยิ้ม "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันกันล่ะ อย่างที่บอกฉันเป็นคนบ้านฉินไม่ใช่คนบ้านเถียน ต่อให้แม่ของฉันด่าทอฉันอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันไม่ใช่คนบ้านเถียนตั้งแต่แต่งงานแล้ว" ระหว่างที่จางเป้ยเป่ยยืนนิ่ง เถียนเมิ่งเดินแยกจากมาอย่างคนอารมณ์ไม่ดี เห็นทีว่าวันนี้ตอนเย็นคงมีมารผจญเป็นแน่ น้องสะใภ้ผู้นี้แม่ของเธอเป็นคนเลือกเองกับมือ และยังเป็นภรรยาของลูกชายสุดที่รักอีก กลับมาถึงบ้านเถียนเมิ่งวางตะกร้าลงหน้าบ้านที่มีแม่สามีนั่งอยู่ ลานบ้านมีลูกชายทั้งสาม เถียนเมิ่งนำของในตะกร้าออกมา เธอจะนำต้นกล้าผักป่าไปปลูกหน้าบ้านที่กำลังก่อสร้างอยู่ "จะปลูกผักหรือ" "ค่ะ ฉันเห็นว่ามันกินได้จึงได้นำต้นกล้าออกมาปลูก พอโตขึ้นจะได้ไม่ต้องไปลำบากเก็บในป่าอีก" มันคือต้นผักหวานป่าที่ชาวบ้านชอบเก็บมาทำอาหารและจะงอกใหม่ทุกวัน "เจ้าใหญ่ เจ้ารอง เจ้าสาม เพิ่งกินของว่างไปกว่าจะหิวก็อีกนาน เธอไปพักเถอะแม่จะดูแลเด็ก ๆ เอง" แม่ฉินรีบบอก ตั้งแต่สะใภ้สามเข้าป่าบ้านฉินก็มีอาหารการกินที่ดีขึ้นต่อให้ไม่มีเนื้อหมูแต่มีเนื้อปลา “ค่ะ" เถียนเมิ่งตอบรับแล้วนำต้นกล้าอ่อนของต้นผักหวานไปวางพักไว้หลังบ้าน พรุ่งนี้เช้าถึงจะลงมือปลูกเพราะใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วถ้าให้หลานสาวปลูกต่อจะไม่มีใครทำอาหาร จัดการเรื่องต้นกล้าเสร็จแล้วเถียนเมิ่งจุดเตาไฟเพื่อนึ่งปลาที่มีอยู่ จัดการล้างทำความสะอาดปลาเสร็จแล้วนำไปนึ่งก่อนจะเตรียมของเพื่อทำเมนูอาหารต่อไป จะมียำปลาเนื้อฟู ไข่ตุ๋นตำลึง และมีต้มจับฉ่ายที่ทำเอาไว้เมื่อเช้า 'เถียนเมิ่งอยู่ที่ไหน!' 'มีอะไร สะใภ้ของฉันพักผ่อนเธอไม่ควรมาก่อกวนนะ' 'ฉันเป็นแม่ของหล่อน!' เสียงดังโวยวายอยู่หน้าบ้านเถียนเมิ่งถอนหายใจ อย่างไรก็คงต้องออกไปจัดการ ไม่อย่างนั้นเรื่องก็คงไม่จบไม่สิ้น เธอตายและเกิดใหม่มาสองสามรอบแล้ว ทำให้ความผูกพันกับบ้านเถียนหมดไปนานแล้ว เธอละมือจากสิ่งที่ทำก่อนจะไปล้างมือและเดินมายังหน้าบ้านที่กำลังมีเรื่องอยู่ เจ้าสามแฝดวิ่งมาอยู่ข้างหลังของเธอด้วยความกลัว เถียนเมิ่งมีสีหน้าเรียบนิ่งมองแม่และน้องสะใภ้ทั้งสองที่มาด้วยกันฉินชุนชุนเป็นหลานสาวคนเล็กของบ้านเธอมีใบหน้าที่ไม่ได้สวยมากแต่คนอื่นมองว่าเธอเป็นเด็กสาวที่น่ารัก ทำให้พี่ ๆ และผู้ชายในบ้านฉินต่างหวง ผู้ชายแทบไม่เคยได้เดินเฉียดใกล้ และยังเป็นเด็กสาวที่ติดพ่อกับพี่ชายมากนี่จึงทำให้ทั้งสี่คนต่างชอบ ฉินซ่งหลงยิ้มให้ลูกสาว "แน่นอนว่าเสร็จแล้ว พ่อขอเก็บของพวกนี้อีกหน่อยพวกเราจะออกไปแล้ว" เพราะเอกสารพวกนี้ตรงส่งตอนเช้าและคาดว่าพรุ่งนี้คงตื่นสาย หากไม่ทำวันนี้คงทำเสร็จไม่ทัน "คนงานกินเลี้ยงกันหรือยัง บอกพวกเขาว่ากินให้อิ่มไม่อิ่มสั่งอาหารเพิ่มได้ ค่าใช้จ่ายแม่ออกเองทั้งหมด" เถียนเมิ่งบอกลูกสาว ด้วยจำนวนคนงานและพนักงานที่เกินสามร้อยคน ทำให้เธอจ้างร้านอาหารอื่นมาทำอาหารให้ "บอกแล้วค่ะ" "ปะ พวกเราไปกันเถอะ" หน้าบ้านฉินมีสมาชิกของบ้านฉินนั่งเล่นกันอยู่ ถึงแม้ว่าทุกบ้านจะแยกบ้านกันแล้วแต่ว่ายังเป็นครอบครัวเดียวกัน มีบ่อยครั้งที่จะมาร่วมรับประทานอาหารที่บ้าน หรือไม่ก็จะไปรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพราะพ่อฉินนั้นอายุเข้าเลขเจ็ดแล้วไม่อยากให้เดินไปไหนบ่อย แต่วันนี้มันต่างออกไปตรงที่มีการเลี้ยงคนงานด้วย เ
"ใช่ครับ เนื่องจากในตอนนี้ราคาของดอกไม้สูงเพราะมีการเพาะปลูกที่ยาก หากปล่อยสินค้ามากเกินไปจะทำให้ราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง" ฉินซ่งหลงพูดเสริม เขาอธิบายเฒ่าแก่หวังไปแล้วแต่ก็ยังเรียกภรรยาเข้ามาช่วย "นั่นมันก็จริง ทำสัญญากันเถอะ!" ในเวลานี้เฒ่าแก่หวังนึกขอบคุณตนเองที่นำเมล็ดพันธุ์ดอกไม้มาให้ไร่เมิ่งชุน เพราะเวลาผ่านไปเพียงสองปีผลผลิตที่ได้ออกมานับว่าเกินคาดมาก เนื่องจากดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ที่นักวิทยาศาสตร์ต่างใช้ทดลองยา แต่หลายปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครปลูกได้ ถึงรับมาในราคาที่สูงเขาก็ขายออกในราคราที่สูงได้เช่นเดียวกัน ในเมื่อทั้งสองฝ่ายรู้สัญญาแล้วจึงเซ็นสัญญาและจ่ายเงินสินค้าทั้งหมดหนึ่งปี นั่นทำให้เถียนเมิ่งยิ้มแก้มปริเนื่องจากดอกไม้ชุดแรกขายออกไปได้มหาศาล มากแค่ไหนก็คงสามารถจ่ายเงินเดือนให้คนในไร่ได้เป็นปีฉินซ่งหลงเป็นคนจัดการเรื่องสัญญาเพราะเขาเป็นผู้บริหารถึงแม้ว่าภรรยาจะเป็นคนที่ควรมีสิทธิ์มากกว่าก็ตาม แต่เถียนเมิ่งต้องการดูแลเบื้องหลังและดูแลลูก ๆ หลังทำการซื้อขายเรียบร้อยแล้ว เถียนเมิ่งประกาศขึ้นเงินเดือนให้กับทุกคนภายใต้ธุรกิจของไร่เมิ่งชุนคน
เถียนเมิ่งยังสร้างสำนักงานเพื่อการติดต่อที่สะดวกมากขึ้น คนที่เข้ามาทำงานในนี้ล้วนเคยเรียนในโรงเรียนมาก่อนยกเว้นสะใภ้บ้านฉินที่มีตำแหน่งสูงกว่าคนอื่น มีเจ้าหน้าที่ถึงสิบสามคนที่จัดการให้ ทั้งเรื่องบัญชี ภาษี ความขัดข้องต่าง ๆ และทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงปีกว่า ๆ เท่านั้น พอขยายไร่มากขึ้นรายได้ก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ฉินซ่งหลงปรึกษาที่จะซื้อรถหกล้อเข้ามาช่วยขนผักและอื่น ๆ เพื่อความสะดวก เถียนเมิ่งเห็นด้วย เงินสำรองของไร่ที่เก็บเอาไว้จึงใช้จ่ายไปครึ่งหนึ่งเพื่อให้ได้รถหกล้อหนึ่งคันกับรถยนต์อีกหนึ่งคัน ทั้งสองเป็นสินค้ามือสองที่สภาพยังดีอยู่เพราะทำงานหนักมาหลายปีจึงมีเส้นสายในการซื้อรถได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่หาซื้อยากมากจึงได้ใช้แค่จักรยานมาหลายปี ต่อให้ไร่และร้านอาหารเมิ่งชุนขยายใหญ่จนมีคนงานจำนวนมากแต่คุณภาพไม่น้อยลงเลย เถียนเมิ่งให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้มากถ้าเกิดผิดพลาดเพียงจุดเดียวทุกอย่างต้องหยุดชะงักเพื่อหาสาเหตุ นี่จึงทำให้ลูกค้าเก่าเชื่อใจสินค้าของไร่เมิ่งชุนเป็นจำนวนมาก มีการสั่งซื้อสินค้าวันละไม่ต่ำกว่าห้ารถหกล้อ ที่ยังไม่รวมกับลูกค้าที่เข้ามารับเองอีก
"มีครับ คุณครูบอกว่าวันนี้เป็นการบ้านวันสุดท้ายแล้ว เพราะอีกสองวันเป็นวันปิดภาคเรียนแล้วครับ" เถียนเมิ่งยิ้มเธอวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะก่อนจะขอดูการบ้านของลูกชาย "อืม เป็นการบ้านที่ลูกทำเมื่อวานนี้เอง ยังจำกันได้ไหมหรือจะให้พ่อสอน" "พ่อสอน!" ฉินชุนหลง ฉินชุนหยางรีบบอก “ได้" ฉินซ่งหลงมีความรู้เรื่องหนังสือมากเนื่องจากเขาเป็นทหารจึงได้เรียน เถียนเมิ่งก็มีสอนลูกชายบ้างแต่ส่วนมากจะเป็นสามีที่ได้สอน เพราะชุนชุนน้อยติดแม่มากเวลานี้ "พ่อเก่งมาก!" ใช้เวลาเพียงไม่นานการบ้านของเด็ก ๆ ก็เสร็จแล้ว อีกไม่กี่วันจะปิดภาคเรียนไม่แปลกที่มันจะน้อย "ไหน ๆ แล้ว ทำขนมกันหรือไม่ พรุ่งนี้ลูกเอาไปแจกเพื่อนที่โรงเรียน" "ทำขนม!" ฉินชุนชุนพยักหน้า "ฮ่า ๆ ไปกันเถอะ" ขนมที่เถียนเมิ่งพาลาลูกชายทำคือเค้กกล้วยที่ดัดแปลงให้เข้ากับวัตถุดิบที่มี และที่บ้านมีเตาอบดินเล็ก ๆ เอาไว้ทำขนมด้วย แต่ว่าวันนี้เค้กกล้วยที่ทำไม่ต้องใช้อุปกรณ์มาก ฉินชุนหลง ฉินชุนหยาง ฉินชุนซาง แต่ละคนเคยเข้าครัวมาช่วยแม่ทำขนมกันหลายครั้งและทำครัวเละทุกครั้งอย่างเช่นในวันนี้
"เจ้าใหญ่ เจ้ารอง เจ้าสาม" "แม่!" เจ้าแฝดประสานเสียงแต่ละคนล้วนทำตัวไม่ถูก "มีอะไรโวยวายกันทำไม แม่กับคนอื่นทำอาหารอยู่ได้ยินเสียงนานแล้ว" เถียนเมิ่งหรี่ตามองลูกชายทั้งสามอย่างจับผิดฉินชุนหลงถูกน้องชายดันหลังก็โมโหแต่ต่อหน้าแม่ถ้าเขาว่าน้องต้องถูกลงโทษแน่ ๆ "คะ...คือว่า ผม ผมอยากนอนกับคุณย่าครับ ให้พวกผม นอนที่นี่ได้ไหม" "ผมด้วย" "ผมด้วย" "ถามคุณย่าหรือยัง" "ถามแล้วครับ คุณย่าบอกให้ถามแม่" "เอาสิ" "เย้!" เถียนเมิ่งส่ายหน้าเมื่อเห็นท่าทีของลูกชายที่กระโดดอย่างดีใจ ตั้งแต่ย้ายบ้านไปอยู่บ้านใหม่เด็ก ๆ ไม่ค่อยได้มานอนที่บ้านฉินมากนัก เพราะเธอเกรงใจพี่ชายพี่สะใภ้ของสามี แต่เมื่อเห็นเด็ก ๆ รักปู่กับย่ากำให้เธออมยิ้มบางเบา ผู้ใหญ่บางคนก็สมควรได้รับความกตัญญู...ร้านอาหารเมิ่งชุนถูกขยายใหญ่เพื่อให้รองรับลูกค้า เพราะเถียนเมิ่งยังไม่คิดที่จะเปิดร้านสาขาใหม่เร็ว ๆ นี้ ในเมื่องานยังล้นมืออยู่นั่นหมายความว่าหากเธอขยายสาขาก็แทบไม่ได้พัก ในตอนนี้รอเพียงสองสาวโตขึ้นมากกว่านี้ และรับพนักงานเพิ่มอีกหลายคน
"ฉันได้ใช้ชีวิตใหม่และเมื่อโตขึ้นจึงคิดได้ว่าสิ่งที่ฉันทำในอดีตนั้นเป็นเรื่องที่ผิด ใช้ชีวิตด้วยความโดดเดี่ยว" น้ำตาที่้กลั้นเอาไว้ไหลออกมา "และได้รับโอกาสให้ย้อนกลับมาก่อนจะแยกบ้านเพื่อเริ่มต้นใหม่" เสียงสะอื้นของภรรยาทำให้ฉินซ่งหลงที่กำลังอึ้งต้องดึงภรรยาเข้ามากอด "ช่างมันเถอะครับในเมื่อคุณกลับมาแล้วเรื่องอื่นผมไม่ได้สนใจ ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนผมก็รักเพียงคุณเท่านั้น" "ค่ะ" เถียนเมิ่งพยักหน้าแต่ว่า "ดูเหมือนคุณจะไม่ได้ตกใจเท่าไร" "ตั้งแต่ที่บ้านติดต่อเรื่องแยกบ้านผมก็สงสัยแล้ว ยิ่งกลับมาที่บ้านคุณเปลี่ยนไปรวมถึงสถานการณ์ต่าง ๆ แต่ที่ไม่พูดเพราะคิดว่าเมื่อไหร่คุณอยากพูดคุณจะพูดเอง" "ขอบคุณค่ะ" ที่เถียนเมิ่งไม่พูดเพราะเธอไม่ต้องการให้สามีมองเธอไม่เหมือนเดิม หากในวันนี้เขาไม่บังเอิญเดินเข้ามาเธอก็คงจะปิดบังเขาเอาไว้ตลอด แต่วันนี้เขารับได้เถียนเมิ่งจึงโล่งอกไม่น้อย "เข้าไปดูร้านอาหารกันไหมครับ เมื่อวานหลานสาวบอกลูกค้าเยอะเผื่อต้องการพนักงานเพิ่ม" "ไปค่ะ" เถียนเมิ่งอยากเข้าไปดูร้านพอดีจึงตกลงที่จะไป ให้สามีไปบอกแม่