"แม่มีอะไรหรือคะ ที่นี่บ้านฉินไม่ใช่บ้านเถียนกรุณาเบาเสียงด้วยค่ะ"
"แกกล้าสอนฉันหรือ ฉันเป็นแม่ของแกนะเถียนเมิ่ง!" "ฉันรู้" เถียนเมิ่งตอบกลับด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา เธอแทบอยากกรอกตามองฟ้าแต่พยายามอดกลั้นเอาไว้ เธอมองจางเป้ยเป่ยที่หัวเราะก็รู้ว่าต้องไปใส่ไฟเรื่องของเธอแน่นอน "สะใภ้ใหญ่บอกกับฉันว่าแกไม่ยอมให้ของในตะกร้า แค่นี้ก็ให้น้องสะใภ้ไม่ได้เลยหรือ สะใภ้ใหญ่กำลังตั้งครรภ์หล่อนอยากกินแค่นี้ก็ให้ไม่ได้" แม่เถียนว่าด้วยความไม่พอใจ ลูกสาวไม่เคยต่อต้านแบบนี้มาก่อน "ฉันเข้าไปเก็บของในป่าเหนื่อย ๆ ต้องเอาให้คนอื่น? น่าตลกเกินไปแล้ว อยากกินก็ต้องเข้าไปเก็บเองตอนนี้ท้องเธอยังไม่ใหญ่หรือไม่ก็ให้น้องชายไปขุดให้ ฉันแยกบ้านแล้วมีลูกชายต้องเลี้ยงดูตั้งสามคน ทำไมต้องแบ่งให้คนอื่นด้วย" แม้แต่พ่อแม่สามีเธอของป่าที่หามาได้พวกเขาไม่เคยเข้ามายุ่งมีเพียงช่วยทำเท่านั้น แต่นี้เป็นคนนอกแต่จะเข้ามาเอาทำไมเธอต้องให้ด้วย "ฉงซู เถียนเมิ่งเป็นสะใภ้บ้านฉินแล้วไม่ใช่ลูกสาวบ้านเถียน ถ้าจะให้หล่อนเอาของให้บ้านพวกเธอเอาให้บ้านฉินจะไม่ดีกว่าหรือ" แม่ฉินลุกขึ้นยืนต่อว่าแม่ของลูกสะใภ้ ถ้าสะใภ้สามเอาของให้บ้านเดิมต้องเป็นบ้านฉินที่มีปัญหา แต่นี่อะไร "อย่าเข้ามายุ่ง" "ฉันว่าแม่พาน้องสะใภ้กลับบ้านเถอะค่ะ ต่อจากนี้เราไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก แม่บอกฉันเองไม่ใช่หรือว่าของดี ๆ ต้องเอาให้คนที่บ้าน บ้านของฉันคือบ้านฉินไม่ใช่บ้านเถียน" "เถียนเมิ่ง!" "นี่แม่แท้ ๆ ของพี่นะคะ! พี่เห็นคนอื่นดีกว่าแม่ของพี่ได้อย่างไร ลืมบุญคุณคนเลี้ยงดูแล้วใช่ไหม" จางเป้ยเป่ยต่อว่า “สะใภ้ใหญ่" เถียนเมิ่งกดเสียงต่ำ "เธอก็คงรักแม่ของเธอมากงั้นสิ ทำไมไม่ไปให้แม่ของเธอหาให้ล่ะ แม่สามีไม่ใช่แม่ของเธอสักหน่อย!" "เถียนเมิ่ง!" สะใภ้ใหญ่ตะโกนเรียกด้วยความโมโห หล่อนไม่เคยทำตัวนิสัยร้ายกาจจแบบนี้มาก่อนคนบ้านฉินต้องเป่าหูเถียนเมิ่งแน่ ๆ "ฉันรู้จักชื่อค่ะ ต้องการอะไรจากฉันอีกสินสอดสามร้อยหยวน จักรยานแม่ก็เอาไปแล้วฉันยังทดแทนไม่พออีกหรือ" เถียนเมิ่งสบตาแม่ของเธอนิ่งก่อนยื่นเผือกให้แม่สามี "แม่คะ พ่อสามีบ่นว่าอยากกินแม่เผาให้พ่อสามีนะคะ" "แม่คะ!" แม่เถียนกำมือแน่นมองเผือกที่ลูกสะใภ้อยากกินด้วยความโมโห แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะถ้าทุกคนรู้มันจะเกิดเรื่องใหญ่ สินสอดของลูกสาวสามร้อยหยวนทุกคนในหมู่บ้านคิดว่าบ้านเถียนคืนให้ลูกสาวแล้วเอาจักรยาน แต่จริง ๆ ไม่ใช่ เถียนเมิ่งแต่งงานไม่ได้อะไรสักอย่าง เถียนเมิ่งไม่ได้มองหน้าแม่ของเธอและยังคงเลือกของต่อไป บางส่วนยกให้แม่สามีต่อหน้าแม่แท้ ๆ และบางส่วนจะนำไปทำความสะอาดเก็บไว้ต่อไปใช้ชีวิตกับลูกชายทั้งสามมาสองเดือนแล้ว เถียนเมิ่งยังคงหาอะไรมาบำรุงลูก ๆ เสมอ จากร่างกายที่ไม่ผอมแต่ไม่อ้วนตอนนี้เริ่มมีเนื้อมีหนังบ้างแล้ว ไม่ต่างจากคนอื่นในบ้านที่ได้อนิสงค์จากเถียนเมิ่งในการหาอาหาร ยิ่งพ่อแม่ของสามีบอกได้เลยว่ายิ้มหน้าบานที่ลูกสะใภ้ทำอาหารให้ในแต่ละวัน เพราะมื้อเย็นเถียนเมิ่งจะแบ่งอาหารให้ตลอด เถียนเมิ่งรดน้ำแปลงผักที่จ้างหลานสาวปลูกในทุก ๆ วันก่อนออกจากบ้านเพื่อไปหาปลา การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหมดลงแล้วผู้หญิงบ้านฉินต่างว่างงาน สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รองอายุยังไม่เยอะจะเข้าไปช่วยตากธัญพืชกับคนอื่นในหมู่บ้านที่กองกลางหน่วยคอมมูน แต่ว่าแม่ฉินปีนี้อายุห้าสิบห้าแล้วทำงานหนักไม่ได้จึงพักที่บ้านดูแลหลาน ๆ ให้ แน่นอนว่าเถียนเมิ่งต้องพาหลานสาวเข้าป่าหาของกินอยู่แล้ว ฝากลูกชายไว้กับแม่สามีเข้าป่าพร้อมฉินหลัน ฉินเจียหนิง แต่ช่วงหลัง ๆ มานี้จะมีฉินเหม่ยหยู่หลานสาวสามจากบ้านใหญ่ไปด้วย และมีฉินเจียหนานหลานสาวสี่จากบ้านรองเข้าป่าไปด้วยบางครั้ง "อาสะใภ้สามคะ วันนี้ไม่ได้เข้าป่าหรือคะ ฉันจะได้เอาตะกร้าผ้าไปซัก" ฉินหลันถาม สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ผู้เป็นอาสะใภ้พาเข้าป่าทุกวัน เสื้อผ้าของคนที่บ้านจึงเป็นแม่ของเธอที่ซักให้ และบอกว่าหน้าที่ของเธอคือตามผู้เป็นอาสะใภ้เข้าป่า “ใช่ พักผ่อนเถอะ" เถียนเมิ่งไม่ได้ใจร้ายกับหลานสาวจนเกินไป เข้าสู่เดือนธันวาคมอากาศเริ่มหนาวแล้วในตอนเช้า ถ้าจะไปจับปลาต้องไปตอนเช้าและวันนี้ควรพักผ่อนสักวัน "ค่ะ" บ้านที่สร้างใหม่คงเสร็จไม่ทันหิมะตก แต่เถียนเมิ่งดูแล้วบ้านจะไม่เป็นอะไรแน่นอน เพียงแค่ช่วงหิมะตกต้องเข้าไปดูบ่อย ๆ แต่ถ้าหิมะตกคนงานก็หยุดงานเหมือนกันจะให้ทรมานสร้างบ้านก็ใช่เรื่อง
ฉินชุนชุนเป็นหลานสาวคนเล็กของบ้านเธอมีใบหน้าที่ไม่ได้สวยมากแต่คนอื่นมองว่าเธอเป็นเด็กสาวที่น่ารัก ทำให้พี่ ๆ และผู้ชายในบ้านฉินต่างหวง ผู้ชายแทบไม่เคยได้เดินเฉียดใกล้ และยังเป็นเด็กสาวที่ติดพ่อกับพี่ชายมากนี่จึงทำให้ทั้งสี่คนต่างชอบ ฉินซ่งหลงยิ้มให้ลูกสาว "แน่นอนว่าเสร็จแล้ว พ่อขอเก็บของพวกนี้อีกหน่อยพวกเราจะออกไปแล้ว" เพราะเอกสารพวกนี้ตรงส่งตอนเช้าและคาดว่าพรุ่งนี้คงตื่นสาย หากไม่ทำวันนี้คงทำเสร็จไม่ทัน "คนงานกินเลี้ยงกันหรือยัง บอกพวกเขาว่ากินให้อิ่มไม่อิ่มสั่งอาหารเพิ่มได้ ค่าใช้จ่ายแม่ออกเองทั้งหมด" เถียนเมิ่งบอกลูกสาว ด้วยจำนวนคนงานและพนักงานที่เกินสามร้อยคน ทำให้เธอจ้างร้านอาหารอื่นมาทำอาหารให้ "บอกแล้วค่ะ" "ปะ พวกเราไปกันเถอะ" หน้าบ้านฉินมีสมาชิกของบ้านฉินนั่งเล่นกันอยู่ ถึงแม้ว่าทุกบ้านจะแยกบ้านกันแล้วแต่ว่ายังเป็นครอบครัวเดียวกัน มีบ่อยครั้งที่จะมาร่วมรับประทานอาหารที่บ้าน หรือไม่ก็จะไปรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพราะพ่อฉินนั้นอายุเข้าเลขเจ็ดแล้วไม่อยากให้เดินไปไหนบ่อย แต่วันนี้มันต่างออกไปตรงที่มีการเลี้ยงคนงานด้วย เ
"ใช่ครับ เนื่องจากในตอนนี้ราคาของดอกไม้สูงเพราะมีการเพาะปลูกที่ยาก หากปล่อยสินค้ามากเกินไปจะทำให้ราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง" ฉินซ่งหลงพูดเสริม เขาอธิบายเฒ่าแก่หวังไปแล้วแต่ก็ยังเรียกภรรยาเข้ามาช่วย "นั่นมันก็จริง ทำสัญญากันเถอะ!" ในเวลานี้เฒ่าแก่หวังนึกขอบคุณตนเองที่นำเมล็ดพันธุ์ดอกไม้มาให้ไร่เมิ่งชุน เพราะเวลาผ่านไปเพียงสองปีผลผลิตที่ได้ออกมานับว่าเกินคาดมาก เนื่องจากดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ที่นักวิทยาศาสตร์ต่างใช้ทดลองยา แต่หลายปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครปลูกได้ ถึงรับมาในราคาที่สูงเขาก็ขายออกในราคราที่สูงได้เช่นเดียวกัน ในเมื่อทั้งสองฝ่ายรู้สัญญาแล้วจึงเซ็นสัญญาและจ่ายเงินสินค้าทั้งหมดหนึ่งปี นั่นทำให้เถียนเมิ่งยิ้มแก้มปริเนื่องจากดอกไม้ชุดแรกขายออกไปได้มหาศาล มากแค่ไหนก็คงสามารถจ่ายเงินเดือนให้คนในไร่ได้เป็นปีฉินซ่งหลงเป็นคนจัดการเรื่องสัญญาเพราะเขาเป็นผู้บริหารถึงแม้ว่าภรรยาจะเป็นคนที่ควรมีสิทธิ์มากกว่าก็ตาม แต่เถียนเมิ่งต้องการดูแลเบื้องหลังและดูแลลูก ๆ หลังทำการซื้อขายเรียบร้อยแล้ว เถียนเมิ่งประกาศขึ้นเงินเดือนให้กับทุกคนภายใต้ธุรกิจของไร่เมิ่งชุนคน
เถียนเมิ่งยังสร้างสำนักงานเพื่อการติดต่อที่สะดวกมากขึ้น คนที่เข้ามาทำงานในนี้ล้วนเคยเรียนในโรงเรียนมาก่อนยกเว้นสะใภ้บ้านฉินที่มีตำแหน่งสูงกว่าคนอื่น มีเจ้าหน้าที่ถึงสิบสามคนที่จัดการให้ ทั้งเรื่องบัญชี ภาษี ความขัดข้องต่าง ๆ และทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงปีกว่า ๆ เท่านั้น พอขยายไร่มากขึ้นรายได้ก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ฉินซ่งหลงปรึกษาที่จะซื้อรถหกล้อเข้ามาช่วยขนผักและอื่น ๆ เพื่อความสะดวก เถียนเมิ่งเห็นด้วย เงินสำรองของไร่ที่เก็บเอาไว้จึงใช้จ่ายไปครึ่งหนึ่งเพื่อให้ได้รถหกล้อหนึ่งคันกับรถยนต์อีกหนึ่งคัน ทั้งสองเป็นสินค้ามือสองที่สภาพยังดีอยู่เพราะทำงานหนักมาหลายปีจึงมีเส้นสายในการซื้อรถได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่หาซื้อยากมากจึงได้ใช้แค่จักรยานมาหลายปี ต่อให้ไร่และร้านอาหารเมิ่งชุนขยายใหญ่จนมีคนงานจำนวนมากแต่คุณภาพไม่น้อยลงเลย เถียนเมิ่งให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้มากถ้าเกิดผิดพลาดเพียงจุดเดียวทุกอย่างต้องหยุดชะงักเพื่อหาสาเหตุ นี่จึงทำให้ลูกค้าเก่าเชื่อใจสินค้าของไร่เมิ่งชุนเป็นจำนวนมาก มีการสั่งซื้อสินค้าวันละไม่ต่ำกว่าห้ารถหกล้อ ที่ยังไม่รวมกับลูกค้าที่เข้ามารับเองอีก
"มีครับ คุณครูบอกว่าวันนี้เป็นการบ้านวันสุดท้ายแล้ว เพราะอีกสองวันเป็นวันปิดภาคเรียนแล้วครับ" เถียนเมิ่งยิ้มเธอวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะก่อนจะขอดูการบ้านของลูกชาย "อืม เป็นการบ้านที่ลูกทำเมื่อวานนี้เอง ยังจำกันได้ไหมหรือจะให้พ่อสอน" "พ่อสอน!" ฉินชุนหลง ฉินชุนหยางรีบบอก “ได้" ฉินซ่งหลงมีความรู้เรื่องหนังสือมากเนื่องจากเขาเป็นทหารจึงได้เรียน เถียนเมิ่งก็มีสอนลูกชายบ้างแต่ส่วนมากจะเป็นสามีที่ได้สอน เพราะชุนชุนน้อยติดแม่มากเวลานี้ "พ่อเก่งมาก!" ใช้เวลาเพียงไม่นานการบ้านของเด็ก ๆ ก็เสร็จแล้ว อีกไม่กี่วันจะปิดภาคเรียนไม่แปลกที่มันจะน้อย "ไหน ๆ แล้ว ทำขนมกันหรือไม่ พรุ่งนี้ลูกเอาไปแจกเพื่อนที่โรงเรียน" "ทำขนม!" ฉินชุนชุนพยักหน้า "ฮ่า ๆ ไปกันเถอะ" ขนมที่เถียนเมิ่งพาลาลูกชายทำคือเค้กกล้วยที่ดัดแปลงให้เข้ากับวัตถุดิบที่มี และที่บ้านมีเตาอบดินเล็ก ๆ เอาไว้ทำขนมด้วย แต่ว่าวันนี้เค้กกล้วยที่ทำไม่ต้องใช้อุปกรณ์มาก ฉินชุนหลง ฉินชุนหยาง ฉินชุนซาง แต่ละคนเคยเข้าครัวมาช่วยแม่ทำขนมกันหลายครั้งและทำครัวเละทุกครั้งอย่างเช่นในวันนี้
"เจ้าใหญ่ เจ้ารอง เจ้าสาม" "แม่!" เจ้าแฝดประสานเสียงแต่ละคนล้วนทำตัวไม่ถูก "มีอะไรโวยวายกันทำไม แม่กับคนอื่นทำอาหารอยู่ได้ยินเสียงนานแล้ว" เถียนเมิ่งหรี่ตามองลูกชายทั้งสามอย่างจับผิดฉินชุนหลงถูกน้องชายดันหลังก็โมโหแต่ต่อหน้าแม่ถ้าเขาว่าน้องต้องถูกลงโทษแน่ ๆ "คะ...คือว่า ผม ผมอยากนอนกับคุณย่าครับ ให้พวกผม นอนที่นี่ได้ไหม" "ผมด้วย" "ผมด้วย" "ถามคุณย่าหรือยัง" "ถามแล้วครับ คุณย่าบอกให้ถามแม่" "เอาสิ" "เย้!" เถียนเมิ่งส่ายหน้าเมื่อเห็นท่าทีของลูกชายที่กระโดดอย่างดีใจ ตั้งแต่ย้ายบ้านไปอยู่บ้านใหม่เด็ก ๆ ไม่ค่อยได้มานอนที่บ้านฉินมากนัก เพราะเธอเกรงใจพี่ชายพี่สะใภ้ของสามี แต่เมื่อเห็นเด็ก ๆ รักปู่กับย่ากำให้เธออมยิ้มบางเบา ผู้ใหญ่บางคนก็สมควรได้รับความกตัญญู...ร้านอาหารเมิ่งชุนถูกขยายใหญ่เพื่อให้รองรับลูกค้า เพราะเถียนเมิ่งยังไม่คิดที่จะเปิดร้านสาขาใหม่เร็ว ๆ นี้ ในเมื่องานยังล้นมืออยู่นั่นหมายความว่าหากเธอขยายสาขาก็แทบไม่ได้พัก ในตอนนี้รอเพียงสองสาวโตขึ้นมากกว่านี้ และรับพนักงานเพิ่มอีกหลายคน
"ฉันได้ใช้ชีวิตใหม่และเมื่อโตขึ้นจึงคิดได้ว่าสิ่งที่ฉันทำในอดีตนั้นเป็นเรื่องที่ผิด ใช้ชีวิตด้วยความโดดเดี่ยว" น้ำตาที่้กลั้นเอาไว้ไหลออกมา "และได้รับโอกาสให้ย้อนกลับมาก่อนจะแยกบ้านเพื่อเริ่มต้นใหม่" เสียงสะอื้นของภรรยาทำให้ฉินซ่งหลงที่กำลังอึ้งต้องดึงภรรยาเข้ามากอด "ช่างมันเถอะครับในเมื่อคุณกลับมาแล้วเรื่องอื่นผมไม่ได้สนใจ ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนผมก็รักเพียงคุณเท่านั้น" "ค่ะ" เถียนเมิ่งพยักหน้าแต่ว่า "ดูเหมือนคุณจะไม่ได้ตกใจเท่าไร" "ตั้งแต่ที่บ้านติดต่อเรื่องแยกบ้านผมก็สงสัยแล้ว ยิ่งกลับมาที่บ้านคุณเปลี่ยนไปรวมถึงสถานการณ์ต่าง ๆ แต่ที่ไม่พูดเพราะคิดว่าเมื่อไหร่คุณอยากพูดคุณจะพูดเอง" "ขอบคุณค่ะ" ที่เถียนเมิ่งไม่พูดเพราะเธอไม่ต้องการให้สามีมองเธอไม่เหมือนเดิม หากในวันนี้เขาไม่บังเอิญเดินเข้ามาเธอก็คงจะปิดบังเขาเอาไว้ตลอด แต่วันนี้เขารับได้เถียนเมิ่งจึงโล่งอกไม่น้อย "เข้าไปดูร้านอาหารกันไหมครับ เมื่อวานหลานสาวบอกลูกค้าเยอะเผื่อต้องการพนักงานเพิ่ม" "ไปค่ะ" เถียนเมิ่งอยากเข้าไปดูร้านพอดีจึงตกลงที่จะไป ให้สามีไปบอกแม่