LOGINบ่าวที่วิ่งมาตามคือท่านพ่อบ้านประจำจวน พระชายาเอกของเสียนอ๋องมาเจ็บท้องคลอดในวันนี้พอดีในระหว่างที่กำลังรับรองแขกสำหรับงานเลี้ยงหลอกๆ ครั้งนี้
การเข้าป่าจนโดนตามฆ่าในครั้งนั้นของเสียนอ๋องก็เพื่อตามหาสมุนไพรชนิดหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กพลิกตัวกลับได้ง่าย เพราะหญิงในสกุลหลี่ของพระชายาผู้นี้ ครึ่งหนึ่งคลอดลูกตายด้วยสาเหตุเดียวกัน คือเด็กไม่พลิกตัว
เสิ่นลี่อิงเองก็ไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดเขาจึงไม่บอกนางตั้งแต่คืนวันนั้น แต่หากจะให้นางคาดเดาก็คงเหมือนดังเช่นนางที่มิรู้ว่าผู้ใดสามารถไว้ใจเต็มสิบส่วนได้บ้าง
ชนชั้นสูงล้วนแต่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงแม้กระทั่งกับครอบครัว ทั้งวันนั้นยังมีนักฆ่าตามมาจัดการญาติผู้พี่คนละสกุลผู้นี้ พร้อมๆ กับที่เจอนางเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี จะระแวงใจบ้างคงไม่แปลกประหลาดอันใด
“ญาติผู้พี่หากสมุนไพรนี้ไม่ได้ผลท่านจะทำเช่นไรต่อไป” ตอนนี้นางรออยู่ด้านนอกข้างกายตู้เสียนเฉิง ส่วนตู้เปาหลงนั้น แม่นมที่เตรียมสำหรับมาดูแลทารกคนใหม่ได้เป็นผู้นำไปดูแลให้แทนก่อน
“ข้า..” เสียนเฉิงไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา เขาเองคิดเพียงแค่สมุนไพรที่เข้าป่าลึกเพื่อไปตามหา จนประสบกับนักฆ่ามากมาย จะต้องสามารถรักษาชีวิตของนางในดวงใจไว้ได้
“กรี๊ด ออกมาเสียทีเถิดลูก!!” เสียงกรีดร้องของพระชายาเสียนอ๋องดังออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ฟังแล้วรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่นางกำลังได้รับเป็นอย่างมาก
การคลอดลูกแม้จะเป็นในโลกเดิมก็ยังมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นในโลกโบราณเช่นนี้แล้ว การคลอดลูกได้หลายครั้งโดยยังรักษาชีวิตตนไว้ได้คงถือเป็นปาฏิหาริย์
เสิ่นลี่อิงเดาเหตุการณ์ต่อไปไว้ในใจ อย่างไรสมุนไพรนี้ก็ต้องไม่ได้ผลกับพี่สะใภ้หลี่เจียอี เพราะในเนื้อหาตามนิยายเสียนอ๋องที่ผงาดขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในกระดานการเมือง ไร้ซึ่งพระชายาเอกข้างกาย จนเป็นที่จับตาว่าหญิงจากสกุลฝั่งใดจะสามารถคว้าชิ้นปลามันทางอำนาจนี้ไปให้ฝ่ายตนเองได้
หากข้าสามารถ..!?
“ญาติผู้พี่ หากท้ายที่สุดแล้วไม่เหลือหนทางอื่น ท่านจะยอมให้ข้าช่วยนางได้หรือไม่”
เสียนอ๋องนั่งขบคิดครู่หนึ่งก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตพอดีกับจังหวะที่หมอตำแย รวมถึงท่านหมอจ้านและลูกศิษย์เดินออกมา
“หมอจ้านหรือ” นางขมวดคิ้วคล้ายไม่เข้าใจ แต่เมื่อคิดว่าหมอจ้านคงต้องการชื่อเสียงและกลายเป็นผู้มีบุญคุณของเสียนอ๋องจึงเข้าใจ
“หมอหญิงลี่” เขาหันมาทักทายเพียงเล็กน้อยแล้วหันกลับไปแจ้งต่อเสียนอ๋องว่าสมุนไพรที่นำมาใช้ไม่ได้ผล เสิ่นลี่อิงหน้าเสียเมื่อรู้ว่ากลุ่มหมอที่มาได้พยายามนวดท้องเพื่อพลิกตัวเด็กแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ผล
นางมีสีหน้าตึงเครียดขึ้นทันที เพราะในคราแรกก็คิดว่าจะนวดกระตุ้นกลับหัวเด็กเช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางเหลือเพียงทางเลือกเดียวหรอกหรือ
นางหันกลับไปฟังหมอจ้านที่กำลังอธิบายต่อ “เมื่อไม่มีทางเลือกเช่นนี้ หากไม่นำเด็กออกมาจะต้องตายทั้งอ๋องน้อยและพระชายา แต่หากเลือกที่จะกรีดผ่านำเด็กออกมาอย่างน้อยก็ยังสามารถรักษาไว้ได้หนึ่งชีวิต”
“ให้พวกเขาออกไปก่อน” เสิ่นลี่อิงหันไปพูดกับญาติผู้พี่ของตน
“หมอหญิงลี่ทำเช่นนี้จะได้อย่างไร เรื่องเช่นนี้ต้องแข่งกับเวลา” หมอจ้านเริ่มมีอาการโอหังอย่างในคราแรกที่เจอกันกลับมาเสียแล้ว
“ข้ารู้ จึงให้พวกท่านกลับไปอย่างไรเล่า เสียนอ๋องเพคะ รบกวนให้คนไปตามหมอชิงเสวียนให้ที เขาเป็นผู้มีความสามารถ เรื่องนี้หม่อมฉันทำเองผู้เดียวไม่ได้เพคะ” เมื่อมีผู้อื่นอยู่ด้วยจากคำพูดสนิทสนมก็กลับกลายเป็นคำพูดที่เป็นทางการตามยศศักดิ์ของญาติผู้พี่ทันที
พอไม่ใกล้ตายก็นิสัยแย่เหมือนเดิม ช่างไม่เรียนรู้
“ทำตามที่นางบอก และเชิญแขกเหรื่อกลับไปก่อน ท่านพ่อบ้านรบกวนจัดการส่งของขวัญขออภัยให้ครบด้วย”
“ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันขออนุญาตไปเตรียมของ”
เสิ่นลี่อิงเดินเข้ามาในห้องที่มีหญิงท้องแปดเดือนกำลังนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ส่วนภายนอกเสียนอ๋องที่กำลังสับสนก็สั่งให้คนไปตรวจสอบตามคำของญาติผู้น้องตน
“ยาไม่ได้ผล ลูกข้า ลูกข้า ฮือ ฮืออๆ” หลี่เจียอีน้ำตาไหลรินท่าทางน่าสงสาร เมื่อลี่อิงเห็นเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีตรงหน้ากำลังทุกข์ทรมานใจ ดวงจิตวัยสี่สิบกว่าอย่างนางก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปปลอบใจอีกฝ่าย
“ข้าจะพยายามช่วยเจ้าเอง อาจมีหลายสิ่งที่เจ้าไม่เข้าใจ แต่ข้าขอให้เจ้าสาบานว่าตราบจนชีวิตเจ้าหาไม่ก็จะไม่แพร่งพรายสิ่งใดที่อาจทำลายข้าได้ในอนาคต”
“ข้าสัญญาเจ้าค่ะ” นางให้สัญญาณบ่าวของตนให้ออกจากห้องไป
เมื่อได้คำตอบเช่นนั้นเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็นก็ทยอยออกมาจากในมิติ นางวางสิ่งที่อาจทำให้หมอชิงเสวียนตกใจเกินไปไว้หลังม่านกั้น และฉีดฆ่าเชื้อไปรอบบริเวณและบนสิ่งของทั้งหมดมากเท่าที่จะทำได้
เสิ่นลี่อิงสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด แม้จะเคยอ่านมาบ่อยครั้งเพราะความสนใจส่วนตัว และเคยเห็นหมอในภพเก่าทำมาจนชินตา เมื่อต้องลงไปช่วยเหลือในพื้นที่ภัยพิบัติที่ไม่อาจรอมาจนถึงโรงพยาบาลได้ แต่อย่างไรนางก็ไม่ใช่หมอ แต่หากไม่ทำก็ไม่ได้อีกเช่นกัน
เมื่อทำใจให้สงบนิ่งได้แล้ว นางเปลี่ยนจากชุดโบราณที่ไม่ถนัดเป็นเสื้อกางเกงธรรมดา และเตรียมอีกชุดไว้ให้หมอชิงเสวียนด้วย เมื่อเขาเข้ามาก็ตกตะลึงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นความจริงจังในแววตาของนางก็ยอมทำตามแต่โดยดี รวมถึงการรัดผมใส่หมวกคลุมไว้ และการสวมใส่หน้ากากอนามัยด้วย
นางให้คนต้มน้ำร้อนเข้ามาใช้ขัดล้างทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมก่อนใส่ถุงมือในตอนสุดท้าย “สิ่งที่ข้าจะทำในวันนี้ นอกจากจะช่วยเด็กแล้วเราจะต้องพยายามช่วยแม่ของเด็กให้ได้ด้วย”
นอกจากนางสองคนในห้องนี้ ก็ได้มีเปาหลงเป็นสมาชิกเพิ่มอีกคนที่ต้องคอยดูมอนิเตอร์และแจ้งลี่อิง เมื่อถึงสัญลักษณ์ตัวเลขที่บอกให้ท่องจำไว้ เปาหลงเป็นผู้เดียวที่นางไว้ใจให้เห็นสิ่งเหล่านี้
“ข้าเคยกรีดท้องนำเด็กออก แต่จะรักษาชีวิตแม่เด็กไว้ได้ด้วยเช่นนี้ไม่เคยทำ”
“ข้าจึงบอกว่าพยายาม” เมื่อฉีดยาชาเข้าบริเวณไขสันหลังของเสียนหวางเฟยเรียบร้อยแล้ว นางเริ่มจรดใบมีดลงไปอย่างมีสมาธิทันที
“เหตุใดนางจึงไม่รู้สึกเจ็บปวด” หมอชิงเสวียนที่ถืออุปกรณ์ต่างๆ ในตำแหน่งที่เสิ่นลี่อิงบอกมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า อีกฝ่ายถูกกรีดผ่านชั้นผิวลงมาแล้ว แต่กลับไม่มีเสียงโหยหวน หรืออาการดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดเกิดขึ้นเลย
“ยาที่ข้าฉีดเข้าไขสันหลังของนางมีฤทธิ์ที่ทำให้ชาไม่รู้สึกเจ็บปวด”
ในที่สุดหลังจากกรีดผ่านชั้นผิว และกล้ามเนื้อก็มาถึงการกรีดเปิดผนังมดลูกออก นางเห็นทารกน้อยอยู่ในถุงน้ำคร่ำ เสิ่นลี่อิงอุ้มเด็กออกมาใช้ลูกยางดูดน้ำเมือกในปากและจมูกออกตัดสายสะดือ แล้วเรียกให้หมอตำแยเข้ามานำเด็กไปดูแล
“เป็นท่านหญิงน้อย!” เสียงหมอตำแยที่ล้างด้วยเด็กกล่าวออกมาดังลั่น
หลังจากนั้นนางก็ให้หมอชิงเสวียนทำคลอดรก และตรวจดูว่ามีส่วนใดหลงเหลือหรือไม่ จากนั้นก็สอนให้หมอชิงเสวียนเย็บปิดผนังมดลูกและชั้นผิวหนังทั้งหมดจนครบ นางไม่ได้ใส่สายสวนปัสสาวะให้หลี่เจียอี เพราะกลัวจะทำให้บ่าวไพร่ที่ต้องมาดูแลนางตกใจจนเกินไป และความลับอาจรั่วไหลได้อีกด้วย
ระหว่างที่รอดูอาการของหลี่เจียอีนางก็อธิบายข้อคำถามเพิ่มเติมที่หมอชิงเสวียนผู้นี้มี พร้อมกับอธิบายวิธีการดูแลตนเองกับหลี่เจียอีไปด้วย “ท่านต้องดูอาการของผู้ป่วยอย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของท่านเองด้วย ภายในสามวันนางต้องลุกเดินให้ได้ แต่หลังจากนี้อย่างน้อยสองวัน ไม่ควรทานอาหารหนัก ควรเน้นเป็นอาหารอ่อน จิบน้ำบ่อยๆ”
“อย่ากลัวหากต้องขับถ่ายในช่วยที่ยังลุกไม่ได้ ให้บ่าวไพร่ช่วยเหลือไป และแผลนี้ต้องดูแลรักษาให้สะอาด ห้ามโดนน้ำ หากเจ็บบวมมีเลือดซึมให้ไปตามข้าทันที”
“ยาชา กระบอกฉีด และเส้นด้ายที่ใช้ขอนำไปเป็นตัวอย่างได้หรือไม่”
“ย่อมได้” นางยื่นของเหล่านั้นให้กับชิงเสวียนที่เก็บมันลงย่ามไปไม่ต่างอะไรกับของมีค่า
ผ่านไปเค่อหนึ่งญาติผู้พี่ก็อุ้มท่านหญิงน้อยเข้ามาภายในห้อง เมื่อสายตาเห็นว่าฮูหยินของตน แม้จะมีสีหน้าซีดเซียวแต่ก็มิได้สิ้นลมหายใจไปดังที่หมอจากโรงหมอเฟยฉีกล่าวกัน
“ท่านพี่เพคะ” หญิงงามตรงหน้าหลั่งน้ำตาออกมาทันทีที่เห็นสามีและลูกน้อย
“เจียเออร์ เป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้ามิรู้สึกเจ็บปวดเลยเพคะ ท่านหมอลี่บอกว่าอีกสักพักจะรู้สึกเจ็บ นางให้ยาไว้กับหม่อมฉันแล้ว”
“พวกท่านจะเรียกนางว่าอย่างไรหรือ” นางระบายยิ้มออกมาเด็กคนนี้อย่างไรก็นับว่าเป็นหลานนางผู้หนึ่ง ทั้งเสิ่นลี่อิงยังเป็นผู้ทำคลอดจึงต้องอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา
“เรื่องนี้.. ท่านพี่ให้ท่านหมอหญิงตั้งชื่อให้ท่านหญิงน้อยได้หรือไม่เพคะ”
เสียนอ๋องไม่ได้ตอบออกมาเป็นคำพูดเขาเพียงพยักหน้า และส่งทารกหญิงตัวน้อยวางในอ้อมแขนเสียนหวางเฟย
เสิ่นลี่อิงที่ได้รับเกียรติให้เป็นผู้มอบนามให้กับท่านหญิงน้อยก็เริ่มคิดชื่อที่เหมาะสมทันที “นางเกิดในคืนงานเลี้ยงชมจันทร์ ทั้งยังคลอดออกมายากเย็น ดังว่ามีราคาค่าตัวแสนแพงเช่นนี้ เจ้าชื่อเยว่กุ้ยดีหรือไม่”
เด็กทารกน้อยคล้ายว่ารับรู้คำพูดของนางระบายยิ้มกริ่มออกมา ทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม ส่วนเปาหลงย้ายมาจดจ้องลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของตนด้วย “เยว่กุ้ย น้องข้า”
“ตู้เยว่กุ้ย สมตัวนางดีจริง” เสียนอ๋องกล่าวออกมาอย่างพึงพอใจ หลี่เจียอีก็ยกยิ้มเช่นเดียวกัน
แววตาเลื่อมใสและขอบคุณจากพ่อแม่มือใหม่ตรงหน้านางก็ทำให้เสิ่นลี่อิงมั่นใจว่าสิ่งที่นางจะขอให้ญาติผู้พี่ช่วยเหลือเขาจะต้องไม่ปฏิเสธ และนางก็ยังขอเผื่อแผ่ไปถึงชิงเสวียนด้วย นั่นทำให้เขาได้รับทุนสนับสนุนจากอ๋องผู้นี้ และเริ่มมีชื่อเสียงที่ดีขึ้นมาเรื่อยๆ กลายเป็นบุญคุณผูกโยงกันระหว่างตัวลี่อิงและชิงเสวียน เรื่องนี้ทำให้อนาคตของหมอจ้านและโรงหมอเฟยฉีเสื่อมถอยลงจนกระทั่งหายไปจากความทรงจำผู้ของคนในเวลาเพียงสองถึงสามปี
เมื่อครบชั่วยามหลี่เจียอีไร้อาการแทรกซ้อนหมอชิงเสวียนจึงกลับไปก่อน เขาต้องการนำตัวยาและเส้นด้ายไปศึกษา ทั้งยังต้องหาช่างฝีมือมาทำกระบอกอีกด้วย
ส่วนตัวเสิ่นลี่อิงยังอยู่เฝ้านางต่ออีกระยะเพื่อให้แน่ใจว่าหลี่เจียอีจะไม่มีอาการอื่นใดพร้อมกับอบรมบ่าวไพร่ที่ต้องดูแลเสียนหวางเฟย ว่าต้องรับใช้พระชายาหลังผ่าคลอดอย่างไร เสิ่นลี่อิงและเปาหลงนอนเฝ้าหลี่เจียอีในคืนนี้ ยามเช้าจึงค่อยนั่งรถม้าจากจวนเสียนอ๋องกลับไปส่งที่หมู่บ้านหยาง
รถม้าคันหรูที่พานางและเปาหลงกลับมาต้องจอดชะงักที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน มีชาวบ้านมากมายมายืนออเหมือนว่ารอบางสิ่งบางอย่างอยู่
คนเบื้องล่างเมื่อเห็นตราจวนอ๋องก็หันมองกันอย่างไม่แน่ใจนักว่าสถานการณ์ตรงหน้าตนคือสิ่งใด ผิดกับนางผู่จานที่รีบวิ่งมาคุกเข่าด้านหน้าทันที “ท่านอ๋องช่วยทวงความยุติธรรมให้พวกข้าด้วย ฮือๆๆ”
เสิ่นลี่อิงส่ายหัวเมื่อได้ยินเสียงสตรีนางนี้
เห้อ เจอตัวฉินเปาแล้วสินะ น่ารำคาญจริงๆ
บทที่ 28 ดาวนำโชคทำงานอีกครั้งบรรยากาศไม่เย็นไม่ร้อนทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ลำบากนัก รถม้าที่ภายในตกแต่งมาอย่างดี ทำให้การเดินทางครั้งนี้สะดวกสบาย และช่วงเวลาพักม้าก็เป็นช่วงเวลาทองให้นางได้เก็บของป่าติดตัวไปด้วย แม้จะยังไม่พบอะไรที่รู้สึกว่าล้ำค่า แต่นางก็คิดว่าก่อนถึงจวนหนิงอ๋องรถม้าคงเต็มไปด้วยของให้นางและเปาเปาได้ใช้เล่นสนุกมากมายตู้เปาหลงแม้จะยังเล็กนักแต่เพราะการอบรมที่เข้มงวดให้เหมาะสมกับฐานะของเจ้าตัวที่ได้รับมาตั้งแต่ก่อนพบกับนาง ทำให้เปาเปาน้อยไม่งอแงเท่าที่นางคาดไว้ ทั้งยังดูเพลิดเพลินกับการเล่นแป้งนวดแบบที่เด็กๆ ในภพเดิมของนางเล่นกัน“นี่ๆ ดูเปาเปาปั้น” เด็กน้อยนำสัตว์ประหลาดสีเขียวมายื่นไว้ตรงหน้านาง
บทที่ 27 เตรียมตัวเดินทาง“ก็ปล่อยไว้เช่นนี้ ไม่เห็นต้องทำสิ่งใด”เหตุที่เสียนอ๋องเอ่ยถามกับนางเช่นนั้นเป็นเพราะก่อนหน้านี้เสิ่นลี่อิงได้ขอให้ญาติผู้พี่ของตนคุ้มกันตัวนาง และตู้เปาหลงไปส่งที่จวนหนิงอ๋อง และขอให้เขาสร้างสถานะใหม่ให้ตนเอง นางจะเข้าไปในวังหนิงอ๋องในฐานะหมอหญิงลี่อิง ผู้ช่วยชีวิตอ๋องน้อยแห่งจวนหนิงอ๋องเอาไว้แผนการนี้ถูกเสียนอ๋องคัดค้านในคราแรกเกรงว่าการกระทำของนางอาจดูไม่เหมาะสม แต่เมื่อเสิ่นลี่อิงยกเหตุผลว่าคนที่วางยาได้ทั้งหนิงอ๋องและลูกในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งยังเป็นยาพิษชนิดเดียวกันย่อมต้องเป็นฝีมือของคนภายในเป็นแน่ หากนางเทียวไปเทียวมาเพื่อทำการรักษา ตัวผู้บงการก็จะสามารถสั่งให้คนของตนวางยาซ้ำได้อยู่ดี จะดีกว่าหากนางอยู่ในเรือนเพื่อให้
บทที่ 26 รับผลกรรมที่ก่อเสิ่นลี่อิงเบื่อแสนเบื่อกับการทะเลาะกับคนในหมู่บ้านแห่งนี้เต็มที พวกเขาเห็นนางไม่เอาเรื่องจนเด็ดขาดก็เลยตามหาเรื่องไม่ยอมหยุดหย่อน พอครั้งนี้นางเลือกตีให้น่วมเป็นตัวอย่างก็ยังกล้าหาเรื่องลำบากใจมาให้นางอีก คงเป็นเพราะฉินเปาที่ไม่ยอมบอกสาเหตุที่ถูกลี่อิงตีจนเกือบตายอยากตายกันไปข้างก็จัดให้ได้!“มาคร่ำครวญเอาอะไรไม่ทราบ”“เจ้า!” ทันทีที่เสิ่นลี่อิงก้าวลงมาจากรถม้าผู่จานก็พุ่งเข้ามาหวังทำร้ายนางทันที แต่ก่อนจะได้ฟาดฝ่ามือลงมาก็ถูกสกัดไว้เสียก่อนจากองครักษ์ที่ติดตามมาด้วย“เจ้า ตีลูกข้าปางตาย นังปีศาจ เจ้ามันโหดร้ายเกินคน”
บทที่ 25 เสียนหวางเฟยจะคลอดบ่าวที่วิ่งมาตามคือท่านพ่อบ้านประจำจวน พระชายาเอกของเสียนอ๋องมาเจ็บท้องคลอดในวันนี้พอดีในระหว่างที่กำลังรับรองแขกสำหรับงานเลี้ยงหลอกๆ ครั้งนี้การเข้าป่าจนโดนตามฆ่าในครั้งนั้นของเสียนอ๋องก็เพื่อตามหาสมุนไพรชนิดหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กพลิกตัวกลับได้ง่าย เพราะหญิงในสกุลหลี่ของพระชายาผู้นี้ ครึ่งหนึ่งคลอดลูกตายด้วยสาเหตุเดียวกัน คือเด็กไม่พลิกตัวเสิ่นลี่อิงเองก็ไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดเขาจึงไม่บอกนางตั้งแต่คืนวันนั้น แต่หากจะให้นางคาดเดาก็คงเหมือนดังเช่นนางที่มิรู้ว่าผู้ใดสามารถไว้ใจเต็มสิบส่วนได้บ้าง&
บทที่ 24 ข่าวใหญ่จากจวนอ๋องคืนนั้นเสิ่นลี่อิงไปลอบดักฟังที่บ้านของฉินเปา ได้ยินแต่เสียงป้าผู่และสามีก่นด่ากัน“ลูกชายของท่านเข้าเมืองทีไรไม่ยอมกลับบ้าน ใช้การไม่ได้”“ผู่จานเจ้านั่นแหละอบรมฉินเปาอย่างไร”ลี่อิงที่ได้ยินว่าพวกเขาไม่ได้กำลังร้อนใจว่าลูกชายไม่กลับบ้าน แต่กลับทะเลาะกันเสมือนเป็นพฤติกรรมปกติของบุตรชาย นางก็กลับไปนอนเล่นอย่างสบายใจ ต่อให้พรุ่งนี้พบตัวแล้วมาโวยวายนางก็ไม่กลัว อย่างไรชาวบ้านที่ขายไข่ไก่ย่อมต้องเข้าข้างนางที่เป็นลูกค้าบ้างเมื่อสบายใจแล้วจึงนึกได้ว่าเห็ดป่าที่เพ
บทที่ 23 จัดการเด็ดขาดเสิ่นลี่อิงกำลังจับจ้องไปยังถังเห็ดที่เรียงรายอยู่ภายใน เห็ดทั้งหมดเติบโตแล้ว รวมถึงเห็ดหลินจือที่พึ่งนำลงถังไปท้ายสุดด้วย แต่เพราะน้ำกลิ่นจันทร์ในถังเห็ดหลินจือมีปริมาณมากกว่าถังอื่นๆ เห็ดหลินจือจึงโตทันเห็ดชนิดอื่นเป็นที่เรียบร้อย การเพาะเห็ดในถังของนางได้ผลนางนำมีดออกมาตัดเห็ดแยกตามสายพันธุ์และนางเก็บหลินจือส่วนหนึ่งไว้ในมิติสำหรับขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนถังต่อไปด้วย แต่นางก็ยังเหลือเห็ดป่าไว้จำนวนหนึ่งไม่ได้ตัดไปทั้งหมดโชคดีอะไรขนาดนี้เนี่ยเมื่อตัดเห็ดออกมาได้ตามต้องการแล้ว นางก็หัน







