ในวันต่อมา หลังจากที่หลินฉางหยูและหลินฉิงอันส่งปลาให้กับลูกค้าเสร็จ พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะไปพบผู้ใหญ่บ้านหลี่ เพื่อเสนอความคิดที่จะช่วยเหลือชาวบ้านในการเก็บเกาลัดและนำไปขายที่อำเภอในช่วงหน้าหนาว
พวกเขาเดินทางไปยังบ้านของผู้ใหญ่บ้านหลี่ และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
“ท่านผู้ใหญ่บ้าน พวกเรามีเรื่องที่จะขอหารือกับท่าน” หลินฉางหยูกล่าว
“เชิญว่ามาเถิด ฉางหยู มีเรื่องอันใดหรือ?” ผู้ใหญ่บ้านหลี่ถามด้วยความสนใจ
หลินฉางหยูจึงเล่าเรื่องการค้นพบสวนเกาลัดบนเขา และความคิดของหลินอ้ายที่จะช่วยเหลือชาวบ้านให้ผู้ใหญ่บ้านหลี่ฟัง
“ภรรยาของข้าคิดว่าเราควรจะชวนชาวบ้านขึ้นไปเก็บเกาลัดมารวมกัน แล้วหาตัวแทนนำไปขายที่อำเภอในช่วงหน้าหนาว เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้เสริม” หลินฉางหยูอธิบาย
ผู้ใหญ่บ้านหลี่ฟังเรื่องราวด้วยความตั้งใจ เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ตระกูลหลินมีน้
หลังการสอนคั่วเกาลัดแล้ว เหล่าชาวบ้านกับลูกหลานลองชิมเกาลัดที่เพิ่งทำเสร็จร้อน ๆ พวกเขาพบว่ารสชาติของมันอร่อยยิ่งนัก“โอ้ อร่อยมากจริง ๆ”“ใช่ ๆ ข้าคิดว่าหน้าหนาวนี้เราไม่ต้องอดอยากกันแล้วล่ะ”“ถ้าเอาไปขายในอำเภอเราน่าจะได้กำไรมากมายเลยนะ”“อ่า… เช่นนั้นพวกเราแบ่งหน้าที่กันก่อนเถอะ”ชาวบ้านตื่นเต้นมากที่ผลเกาลัดจะทำเงินให้กับคนในหมู่บ้านได้แน่นอน ผู้ใหญ่บ้านกับครอบครัวหลินต่างยิ้มพอใจที่เห็นชาวบ้านเริ่มแบ่งกลุ่มกันทำงาน“ฉางหยู เจ้าไม่เสียดายรายได้นี้แน่นะ?”“พวกเราไม่เสียดายขอรับ ผู้ใหญ่บ้านโปรดวางใจ”“เฮ้อ หมู่บ้านเราโชคดีจริง ๆ ที่มีพวกเจ้าอยู่ ไม่เช่นนั้นคงยากที่ชาวบ้านจะลืมตาอ้าปากได้ ยิ่งหน้าหนาวที่จะถึงนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหนาวมากเพียงใด”
เมื่อก่อนรุ่งเช้ามาถึง เสียงไก่ขันในหมู่บ้านดังขึ้น หลินฉิงอันตื่นขึ้นมาด้วยความกระปรี้กระเปร่า นางเตรียมตัวอย่างรวดเร็วเพื่อออกไปช่วยพ่อส่งปลาตามปกติ ก่อนที่จะออกเดินทาง นางได้ขอเงินจากหลินอ้ายเพิ่มอีกห้าตำลึง“ท่านแม่ วันนี้ข้าขอเงินเพิ่มอีกห้าตำลึงได้หรือไม่เจ้าคะ” หลินฉิงอันเอ่ยขอด้วยความนอบน้อม ขณะจัดแต่งเสื้อผ้าหลินอ้ายมองบุตรีด้วยสายตาเอ็นดู นางสังเกตเห็นแววตาที่มุ่งมั่นและแฝงไปด้วยความห่วงใยของหลินฉิงอัน นางจึงเข้าใจถึงเจตนาของลูกสาว“เจ้าต้องการนำเงินไปทำสิ่งใดหรือ ฉิงเออร์?” หลินอ้ายถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ข้าอยากจะซื้อที่นอนและผ้าห่มใหม่ให้กับทุกคนในบ้านเจ้าค่ะ ก่อนที่อากาศจะหนาวเย็นไปมากกว่านี้ ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงมากแล้ว ข้าเป็นห่วงว่าทุกคนจะหนาว” หลินฉิงอันตอบด้วยความเป็นห่วงหลินอ้ายได้ฟังดังนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา นางไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่เดินเข้าไปในห้องนอนและหย
เมื่อรุ่งเช้าของวันต่อมา แสงตะวันเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า หลินฉิงอันก็ตื่นขึ้นมาด้วยความกระปรี้กระเปร่า นางตั้งใจที่จะขึ้นเขาไปหาของป่าด้วยตนเอง เพื่อนำไปขายในวันที่ต้องไปส่งปลาอีกครั้งในวันมะรืนนี้ นางหวังว่าภายในสองวันนี้ นางจะสามารถหาของป่าได้มากพอที่จะนำเงินไปซื้อเกวียนลาให้ท่านพ่อก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึงหลินฉิงอันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ทะมัดทะแมง สวมรองเท้าผ้าที่แข็งแรง และเตรียมตะกร้าสานขนาดใหญ่สำหรับใส่ของป่า นางสำรวจอุปกรณ์ต่างๆ อย่างละเอียด ทั้งมีดเล็กสำหรับตัดเก็บสมุนไพร เชือกป่าน และผ้าเช็ดหน้าหลินอ้ายเห็นว่าลูกสาวของตนตั้งใจที่จะไปเป็นเวลานาน จึงได้เตรียมอาหารกลางวันใส่ตะกร้า พร้อมกับกระบอกน้ำเย็นให้นางไปด้วย“อันเออร์ เจ้าจะไปทั้งวันเช่นนั้นหรือ? ระวังตัวด้วยนะลูก” หลินอ้ายถามด้วยความเป็นห่วง“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะระวังตัวเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะกลับมาก่อนตะวันตกดิน” หลินฉิงอันตอบด้วยรอยยิ้ม และรับตะกร้าอาหารจากมาร
เมื่อถึงวันส่งปลา หลินฉิงอันและหลินฉางหยูได้นำปลาที่จับมาได้ไปขายที่โรงเตี๊ยมไห่ถังเช่นเคย หลังจากขายปลาจนหมด หลินฉิงอันจึงแยกตัวออกมาพร้อมกับตะกร้าที่เต็มไปด้วยของป่ามีค่า นางตั้งใจที่จะนำโสมป่าไปขายที่ร้านขายยา เนื่องจากนางรู้ว่าร้านขายยาจะให้ราคาสูงกว่าขายในตลาดทั่วไปหลินฉิงอันเดินไปยังร้านขายยาที่มีชื่อเสียงที่สุดในตลาด ร้านนั้นตกแต่งอย่างสวยงาม มีป้ายชื่อร้านเขียนด้วยตัวอักษรสีทองอร่าม ภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นสมุนไพรนานาชนิดหลินฉิงอันเข้าไปในร้านและแสดงโสมป่าต้นใหญ่ให้เจ้าของร้านดู เจ้าของร้านเป็นชายชราที่มีท่าทางใจดี เมื่อเห็นโสมป่าต้นนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ“โอ้โฮ! โสมป่าต้นนี้มีอายุหลายปีทีเดียว หาได้ยากยิ่งนัก” เจ้าของร้านกล่าวด้วยความตื่นเต้นเขาตรวจสอบโสมป่าอย่างละเอียด ทั้งราก ลำต้น และใบ ก่อนที่จะบอกราคาให้หลินฉิงอัน“ข้าให้ราคาเจ้าสองร้อยตำลึงสำหรับโสมป่าต้นนี้” เจ
หลังจากที่หลินฉิงอันและหลินฉางหยูได้เกวียนลาและเสบียงอาหารมาแล้ว พวกเขาก็ยังคงมุ่งมั่นกับการจับปลาต่อไป แต่เปลี่ยนจากการขึ้นเขาไปวันเว้นวัน เป็นขึ้นเขาทุกวัน พวกเขารู้ว่าช่วงเวลาก่อนที่หิมะจะตกนั้นมีค่ามาก พวกเขาต้องใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่า“อันเออร์ เราต้องขึ้นไปจับปลาทุกวันแล้ว หากปล่อยไว้นานกว่านี้ หิมะอาจจะตกลงมาก่อนที่เราจะเตรียมตัวเสร็จ” หลินฉางหยูกล่าวด้วยความกังวล“ข้าเห็นด้วยเจ้าค่ะท่านพ่อ เราต้องเก็บปลาในบ่อพักให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้มีปลาส่งเถ้าแก่หลิวที่โรงเตี๊ยมไห่ถังในช่วงหน้าหนาวต่อเนื่องอีกหลายรอบ” หลินฉิงอันตอบสองพ่อลูกจึงทำงานกันอย่างหนัก พวกเขาขึ้นเขาไปแต่เช้าตรู่ และกลับลงมาเมื่อตะวันคล้อยต่ำ พวกเขาใช้ความชำนาญในการจับปลา พวกเขานำปลาที่จับได้ลงมาพักไว้ในบ่อที่บ้านอย่างระมัดระวังทั้งสองทำเช่นนี้อยู่หลายวัน จนกระทั่งบ่อพักปลาเต็มไปด้วยปลามากกว่าพันตัว พวกเขาจึงตัดสินใจหยุดการขึ้นเขาจับปลาชั่วคราว เ
หลังจากที่หลินฉางหยูได้รับคำยืนยันจากผู้ใหญ่บ้านหลี่ว่าจะช่วยเหลือเรื่องการสร้างโรงเรือน เขาก็รีบกลับมาที่บ้านเพื่อบอกข่าวดีนี้ให้กับคนในครอบครัวฟัง หลินอ้ายและลูกชายทั้งสองต่างดีใจที่รู้ว่าพวกเขาจะได้มีผักสดไว้รับประทานในช่วงฤดูหนาว“ฮูหยิน ฉิงเฉิง ฉิงหยาง ฉิงอัน พ่อมีข่าวดีจะบอก พวกเราจะได้สร้างโรงเรือนปลูกผักแล้ว!” หลินฉางหยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม“จริงหรือเจ้าคะท่านพ่อ!” หลินฉิงอันถามด้วยความตื่นเต้น“จริงสิ ผู้ใหญ่บ้านหลี่รับปากว่าจะช่วยหาคนมาช่วยสร้างโรงเรือนให้เรา” หลินฉางหยูตอบเช้าวันต่อมา ผู้ใหญ่บ้านหลี่ก็ได้นำชาวบ้านที่อาสามาช่วยเหลือจำนวนสิบคนมาที่บ้านของหลินฉางหยูแต่เช้าตรู่ ก่อนที่หลินฉางหยูจะนำชาวบ้านขึ้นเขาไปหาไม้ไผ่และฟางสำหรับสร้างโรงเรือน ผู้ใหญ่บ้านหลี่ได้กำชับกับหลินฉางหยู“ฉางหยู ข้าจะกลับไปดูแลความเรียบร้อยในหมู่บ้านก่อน แล้วเย็นวันนี้ข้าจะมาดูความคืบหน้าการสร้างโรงเร
เมื่อวันใหม่มาเยือน หลินฉางหยูและหลินฉิงอันก็เตรียมตัวนำปลาที่เลี้ยงไว้ในบ่อไปส่งให้กับเถ้าแก่หลิวที่โรงเตี๊ยมไห่ถัง พวกเขารู้ดีว่าปลาสามารถส่งได้อีกไม่กี่รอบก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึงอย่างเต็มตัวสองพ่อลูกช่วยกันตักปลาจากบ่ออย่างระมัดระวัง ใส่ลงในถังไม้ที่บรรจุน้ำสะอาด เพื่อให้ปลาสดและมีชีวิตอยู่จนถึงโรงเตี๊ยม พวกเขาใช้เกวียนลาที่เพิ่งซื้อมาใหม่บรรทุกถังปลา ทำให้การขนส่งสะดวกสบายและรวดเร็วยิ่งขึ้นเมื่อเดินทางถึงโรงเตี๊ยมไห่ถัง เถ้าแก่หลิวก็ออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้มเช่นเคย เขาตรวจสอบปลาที่นำมาส่งและกล่าวชมเชยในคุณภาพของปลา“ปลาของพวกท่านยังคงสดและมีคุณภาพดีเช่นเคย ข้าต้องขอขอบคุณพวกท่านที่ส่งปลาให้ข้าอย่างสม่ำเสมอ” เถ้าแก่หลิวก ล่าวหลังจากรับเงินค่าปลาแล้ว หลินฉางหยูจึงถือโอกาสแจ้งให้เถ้าแก่หลิวทราบว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถส่งปลาได้ในช่วงหน้าหนาวที่กำลังจะถึงนี้ เนื่องจากสภาพอากาศบนภูเขาที่อันตรายและเดินทางลำบาก&l
ก่อนที่หลินฉิงอันจะเริ่มสอนน้องชายทั้งสองเพาะถั่วงอก หลินฉางหยูตระหนักว่าพวกเขาต้องการภาชนะจำนวนมากสำหรับเพาะถั่วงอก เขาจึงตัดสินใจที่จะไปขอซื้อถังไม้เก่าๆ จากชาวบ้านในหมู่บ้านต้าไห่ในเช้าวันหนึ่ง หลินฉางหยูได้นำเกวียนลาไปยังบ้านแต่ละหลังในหมู่บ้าน เพื่อสอบถามว่าใครมีถังไม้เก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้แล้วบ้างเมื่อชาวบ้านเห็นหลินฉางหยูมาพร้อมกับเกวียนลา พวกเขาต่างก็ออกมาทักทายด้วยความสงสัย“ฉางหยู เจ้ามาที่บ้านข้าแต่เช้า มีธุระอันใดหรือ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม“ข้ามาขอซื้อถังไม้เก่าๆ จากพวกท่าน หากท่านใดมีถังไม้ที่ไม่ได้ใช้แล้ว ข้าขอซื้อต่อในราคาเล็กน้อย” หลินฉางหยูตอบด้วยความเกรงใจชาวบ้านต่างพากันแปลกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาไม่เข้าใจว่าหลินฉางหยูจะนำถังไม้เก่าๆ ไปทำอะไร เพราะถังเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ผุพังและไม่สามารถใช้งานได้แล้ว“ฉางหยู เจ้าจะนำถังเก่าๆ เหล่านี้ไปทำอะไรกัน? ถัง
หลังผ่านงานหมั้นของหลินฉิงอันไป ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เข้าไปในเมืองก็กระจายข่าวดีนี้ให้ญาติมิตรที่เข้ามาซื้อสิ่งของกันในช่วงหน้าหนาวฟังกัน กระทั่งข่าวแพร่ไปถึงเจ้าเมืองเติ้ง เขายังไม่ได้นำของขวัญไปอวยพรปีใหม่เหิงอันโหวเลย พอได้ยินข่าวว่าหลินฉิงอันขุนนางขั้นสี่ได้หมั้นหมายกับแม่ทัพเหิงซึ่งเป็นหลานชายคนเดียวของเหิงอันโหวก็ยิ่งอยากไปเยี่ยมเยียนพวกเขาที่บ้านฮูหยินของเจ้าเมืองเติ้งเองก็อยากสร้างสัมพันธ์กับครอบครัวหลินเช่นกัน นางคิดว่าหากทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันแล้ว สามีของนางคงได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย“ท่านพี่ หรือเราจะเตรียมของขวัญไปมอบให้ท่านโหวกับครอบครัวหลินดีเจ้าคะ”“ความคิดเจ้าไม่เลว เช่นนั้นก็สั่งพ่อบ้านหาสิ่งของมีค่าไปมอบให้พวกเขาวันพรุ่งนี้กันดีหรือไม่ เจ้าเองก็ช่วยสานสัมพันธ์กับฮูหยินหลินแทนข้าด้วยก็แล้วกันนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากรู้จักนางเช่นกัน ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดลูก ๆ ของนางจึงต่างมีความสามารถกันมากตั้งแต่
ชาวบ้านที่ให้ผู้อาวุโสของตนมาทาบทามหลินฉิงอันเป็นต้องหน้าเสียไปตาม ๆ กัน เมื่อเหิงอันโหวเอ่ยปากขอหมั้นด้วยตัวเอง พวกเขามีหรือจะกล้าต่อกรกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ ถึงแม้จะเสียดายการหมั้นหมายครั้งนี้มากก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังต้องเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างที่เหิงอันโหวบอกก่อนหน้านี้ว่าหลินฉิงอันเป็นถึงขุนนางขั้นสี่ พวกเขาที่เป็นชาวบ้านคงไม่อาจเอื้อมหมายเด็ดดอกฟ้ากันได้อีกไม่นานนักรถม้าทั้งสิบคันของจวนโหวก็มาจอดเรียงรายกันที่ด้านข้างลานหน้าเรือนหลัก จากนั้นองครักษ์และบ่าวของจวนโหวทยอยยกหีบใบใหญ่หลายหีบลงมาจากรถม้า ชาวบ้านต่างมองหีบทั้งหลายตาโต พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเหิงอันโหวจะเตรียมการเกี่ยวกับของหมั้นมามากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งละอายใจที่หาญกล้าไปขอหลินฉิงอันหมั้นหมายก่อนหน้านี้พ่อบ้านใหญ่เห็นพวกเขาวางหีบเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เขาก็สั่งให้คนเปิดหีบทีละใบเพื่ออ่านรายการของหมั้นที่ยาวเป็นหางว่าวเพราะมีหีบทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดใบตามเลขมงคลครอบครัวหลินตอนนี้อ้าปากค้างกันไปหมดเมื่
พ่อบ้านใหญ่เห็นว่าทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับเริ่มพิธีการปักปิ่นแล้ว เขาเริ่มเอ่ยลำดับขั้นตอนการทำพิธีตั้งแต่เริ่มต้นทันที“ขอเชิญขุนนางขั้นสี่หลินฉิงอัน เข้าประจำตำแหน่งเพื่อเริ่มพิธีการขอรับ”หลินฉิงอันพยักหน้ายิ้มรับคำพ่อบ้านใหญ่ ก่อนที่นางจะเดินไปยังตำแหน่งประธานของงานในวันนี้ซึ่งอยู่หน้าห้องโถงเรือนหลัก บรรดาชาวบ้านที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะตรงลานหน้าบ้านล้วนมองเห็นพิธีการกันอย่างทั่วถึง“ขอเชิญท่านเหิงอันโหวสวมเสื้อคลุมให้คุณหนูหลินขอรับ”เมื่อประโยคนี้สิ้นสุดลง เหล่าชาวบ้านต่างฮือฮากันขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าตำแหน่งโหวนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่จากเสื้อผ้าอาภรณ์ของเหิงอันโหวแล้ว พวกเขาก็คิดว่าจะต้องไม่ใช่ขุนนางธรรมดาเป็นแน่หลินฉางหยู หลินอ้าย หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางเองก็ตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าอาจารย์ปู่จะเป็นถึงท่านโหวของแคว้นเลยทีเดียว ส่วนหลินฉิงอันนั้นนางเดาได้มานานแล้วว่าท่านปู่ผู้นี้จะต
งานเลี้ยงปีใหม่ผ่านไปอย่างสนุกสนาน ยิ่งกับการกินหมูกระทะในครั้งนี้นั้นทำให้ทุกคนต่างติดอกติดใจ หลินฉิงอันจึงมอบเตาและกระทะให้กับบ่าวและครอบครัวท่านลุงของนางเป็นของขวัญด้วยก่อนงานเลี้ยงจะสิ้นสุดลง หลินฉิงอันก็นำหยกพกมอบให้กับบ่าวทั้งหมดรวมทั้งคนในครอบครัวของนางเอง ส่วนของบ้านท่านลุงนั้นนางไม่ได้ทำให้ เพราะนางอยากให้พวกเขาออกแบบลวดลายบนหยกด้วยตนเอง หลินฉิงอันยังมอบเงินให้ครอบครัวท่านลุง 500 ตำลึงเพื่อนำไปทำหยกพกเช่นกัน คราแรกท่านลุงของนางไม่ยอมรับเงินจำนวนนี้ แต่ด้วยเหตุผลและการคะยั้นคะยอของคนในครอบครัวทำให้เขาต้องยิ้มรับมาอย่างจนใจ เขายังสัญญากับครอบครัวน้องสาวด้วยว่าจะนำเงินนี้ไปใช้จ่ายตามที่หลานสาวของเขาต้องการเหิงอันโหวกับคนในจวนโหวที่มาต่างยอมรับนับถือในความใจกว้างของครอบครัวหลินฉิงอัน น้อยนักที่พวกเขาจะเห็นครอบครัวชาวบ้านยอมจ่ายเงินจำนวนมากออกไปอย่างไม่เสียดายเช่นนี้ ยิ่งพ่อบ้านคนสนิทของเหิงอันโหวที่มาเพราะอยากเห็นหน้าว่าที่หลานสะใภ้ของท่านโหวด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งยอมรับในความมีน้ำใจของครอบครัวว่าที่นายหญิ
ก่อนเที่ยงวัน หวังไห่ หลี่หมิง เหมยลี่และอิงฮวาก็เดินทางมาถึงเรือนหลัก พวกเขารีบเข้าไปคารวะเหล่านายท่านที่กำลังรออยู่“คาราวะนายท่าน นายหญิง คุณหนูใหญ่ขอรับ/เจ้าค่ะ”“พวกเจ้าตามสบายเถอะ ก่อนมาที่นี่ พวกเจ้าปิดร้านกันดีแล้วหรือยัง”“เรียบร้อยดีขอรับคุณหนูใหญ่ นี่เป็นสมุดบัญชีทั้งสองเล่ม ข้าน้อยนำมาให้ท่านตรวจสอบด้วยขอรับ”หลินฉิงอันยื่นมือไปรับสมุดบัญชีทั้งสองเล่มมาวางเอาไว้ที่โต๊ะด้านข้าง ก่อนจะบอกให้พวกเขานำสัมภาระไปเก็บที่เรือนพักในที่ดินอีกฝั่งหนึ่ง เพราะที่นั่นยังมีเรือนพักว่างอีกมากนักหวังไห่กับคนอื่น ๆ ขอตัวลาเหล่านายท่านก่อนจะออกไปขับรถม้าไปยังที่ดินอีกฝั่งหนึ่งเพื่อเก็บข้าวของที่นำมาด้วย โดยมีโจวซานทำหน้าที่พ่อบ้านเดินตามรถม้าของพวกเขาไปยังเรือนพักตั้งแต่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัว บ้านหลินก็หยุดการรับซื้อผลไม้ทั้งหมดและให้บ่าวช่วยกันแช่อิ่มผลไม้ที่เหลื
หลังจากองครักษ์ทั้งแปดนำสิ่งของต่าง ๆ ที่หลินฉิงอันสั่งคนจัดเตรียมเอาไว้ขึ้นเกวียนครบแล้ว พวกเขาก็ใช้ม้าหกตัวในการลากเกวียน ส่วนม้าอีกสองตัวนั้นวิ่งขนาบข้างคอยคุ้มกันสิ่งของบนเกวียนใหญ่ก่อนที่ขบวนขององครักษ์จิงหยานจะออกเดินทาง เหิงอันโหวได้ฝากจดหมายให้พวกเขานำไปส่งหลานชายด้วย หลินฉิงอันเองก็ฝากจดหมายไปเช่นกัน นางยังแนบแบบเกือกม้าและอานทั้งหมดให้ไปด้วย เพราะนางเห็นว่าสิ่งของพวกนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพของเหิงจิ้งกั๋ว“พวกเจ้าออกเดินทางได้แล้ว ประเดี๋ยวหิมะจะตกลงมาเสียก่อน”“ขอรับนายท่านผู้เฒ่า” องครักษ์ทั้งแปดรีบรับคำเหิงอันโหว“ขอให้พวกพี่ชายเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ อย่าลืมว่าถ้าหิมะตกให้เปลี่ยนล้อเป็นแบบลากเลื่อนด้วยนะเจ้าคะ จะได้เดินทางสะดวก”“ขอรับคุณหนูหลิน ขอบคุณสำหรับเสบียงระหว่างเดินทางด้วยขอรับ”เหิงอันโหวกลัวว่าพวกเขาจะออกเดินทางสายไปมากกว่
อีกสองสัปดาห์จะเข้าหน้าหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว หลินฉิงอันนึกถึงอากาศที่หนาวเย็นในปีที่แล้วขึ้นมา นางจึงคิดที่จะสร้างเกือกม้าและอานม้า รวมทั้งชุดม้า ลา สำหรับให้พวกมันใส่เพื่อป้องกันความหนาวเย็นด้วยหลินฉิงอันใช้เวลาว่างถึงสามวันวาดแบบออกมาเท่าที่นางจำได้ จากนั้นจึงนำแบบไปปรึกษากับเฉียนซื่อและเฉินกังก่อนให้พวกเขานำเงินไปสั่งทำที่ร้านตีเหล็กในเมือง นางไม่รู้ว่าราคาจะแพงมากหรือไม่จึงให้เงินพวกเขาไป 100 ตำลึงเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนหนังสัตว์ที่นางต้องการนำมาให้ท่านแม่กับพี่สาวหลิงฟางเย็บให้นั้นก็สั่งให้พวกเขาซื้อมาด้วยจำนวนมาก นางให้เงินพวกเขาไปอีก 100 ตำลึงเช่นกันจะได้ไม่เสียเวลากลับมานำเงินไปซื้อของหลายครั้งหลินอ้ายไม่ได้ทักท้วงอะไรที่เห็นหลินฉิงอันใช้เงินจำนวนมากในครั้งนี้ นางรู้ดีว่าบุตรสาวทำสิ่งใดก็ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของคนในบ้านทั้งนั้น เรื่องชุดในบ้านที่นางเองจะมอบให้บ่าวรับใช้ก็เสร็จครบทั้งหมดแล้ว หลินอ้ายนึกถึงเสื้อคลุมกันหนาวขึ้นมาได้ นางจึงคิดจะส่งโจวซานไปสอบถามราคาที่ร้านค้าดูก่อน หากราคาแพงเกินไป นางค
สองวันต่อมา หลินฉิงอันเข้าเมืองกับชุนจินเพื่อไปรับหยกพกที่นางสั่งทำไว้ก่อนหน้านี้ หลินฉิงอันจ่ายเงินที่เหลือก่อนจะรับหยกพกมาตรวจสอบดู รูปแบบหยกที่สลักออกมาทำได้อย่างสวยงามตามที่นางวาดภาพเอาไว้ให้ช่างแกะสลัก ซึ่งหลินฉิงอันให้ช่างแกะสลักเป็นรูปผลไม้ต่าง ๆ รอบตัวหยก ตรงกลางมีคำว่า “林” สลักเอาไว้อย่างสวยงาม หยกพกของบ่าวทั้งหมดเหมือนกัน ส่วนหยกพกอีกห้าอันสำหรับคนในครอบครัวนั้น หลินฉิงอันใช้รูปเมฆมงคลและศาลากลางน้ำหลังเล็กโดยตรงกลางสลักคำว่า “หลิน” เช่นกัน เพิ่มเติมเพียงด้านหลังจะมีชื่อเจ้าของหยกแต่ละอันสลักเอาไว้ สีของหยกยังเป็นหยกมันแพะสีขาวนวล แตกต่างจากสีหยกของบ่าวในเรือนที่เป็นหยกสีเขียวธรรมดาหลังจากรับของมาทั้งหมดแล้ว หลินฉิงอันนำถุงหยกทั้งสองถุงเก็บเอาไว้ในรถม้าอย่างดี ก่อนที่นางจะไปยังร้านขายของชำเพื่อซื้อเครื่องปรุงรสเพิ่มเติม รวมทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง ถั่วเขียว ถั่วเหลืองเพิ่มด้วย ถึงแม้เมื่อวานทางร้านจะนำไปส่งที่บ้านนางจำนวนมาก แต่หลินฉิงอันก็ยังคงเผื่อเหลือเอาไว้อีกนิดหน่อย นางรู้ดีว่าการเ
คืนนั้นหลินฉิงอันใช้เวลาครึ่งค่อนคืนเพื่อเขียนรายการสิ่งของจำเป็น เสบียงอาหารที่จะต้องซื้อในปีนี้ให้พอเพียงกับคนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นในครอบครัว นางคิดด้วยว่าปีที่แล้วนางชวนครอบครัวกินหม้อไฟไปแล้ว ปีนี้นางอยากให้พวกเขาได้ลองกินหมูกระทะดูบ้าง หลินฉิงอันจึงร่างแบบหม้อสำหรับทำหมูกระทะตามความทรงจำในภพก่อนออกมา ด้วยคนจำนวนมากในบ้าน หลินฉิงอันคิดจะสั่งทำหม้อสัก 50 ใบเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนเตานั้นนางก็จะต้องซื้อเพิ่มมาด้วยเพื่อให้พอเพียงสำหรับวางหม้อหมูกระทะที่นางต้องการหลังอาหารเช้าวันต่อมา หลินฉิงอันอ่านรายการสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ พร้อมกับเสบียงอาหารจำนวนมากให้หลินอ้ายและหลินฉางหยูฟังเป็นเวลานาน หลินอ้ายและหลินฉางหยูยังบอกรายการสิ่งของเพิ่มเติมสำหรับการนำมาเป็นเสบียงอาหารในปีนี้ด้วย พวกเขาคิดว่าคนจำนวนมากจะต้องได้กินอิ่มนอนหลับในขณะที่อยู่ร่วมกันกับพวกเขาที่หมู่บ้านหลินฉิงอันไม่ได้ปฏิเสธรายการต่าง ๆ ที่พ่อและแม่นางเสนอ หลินฉิงอันทำเพียงแค่เพิ่มรายการต่าง ๆ เข้าไปในกระดาษเท่านั้น“ลูกค