เมื่อแสงแรกของวันใหม่สาดส่องลอดหน้าต่างเข้ามาในบ้าน หลินฉางหยูและหลินฉิงอันก็ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปอำเภอ พวกเขาต้องพาเหิงจิ้งกั๋วไปตรวจอาการที่โรงหมอตามที่ท่านหมอกำชับไว้
หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว หลินฉิงอันก็เข้าไปในห้องพักของเหิงจิ้งกั๋วพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล นางทำความสะอาดบาดแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาอย่างเบามือ
“อาการของท่านดูดีขึ้นมากแล้ว บาดแผลไม่บวมแดงเหมือนเมื่อวาน” หลินฉิงอันกล่าวขณะที่ทำแผล
เหิงจิ้งกั๋วพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย เขารู้สึกขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของครอบครัวหลินเป็นอย่างมาก เมื่อทำแผลเสร็จ หลินฉางหยูก็เตรียมเกวียนลาสำหรับการเดินทาง เขาช่วยพยุงเหิงจิ้งกั๋วขึ้นเกวียนอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนบาดแผล
“เดินทางดีๆ นะเจ้าคะท่านพี่ ดูแลตัวเองด้วย” หลินอ้ายกล่าวลาสองพ่อลูกด้วยความเป็นห่วง
หลินฉางหยูและหลินฉิงอันพยักหน้าและกล่าวลาหลินอ้ายและเด
หลังจากที่หลินอ้ายและหลินฉิงอันได้เตรียมวัตถุดิบต่างๆ สำหรับหม้อไฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ช่วยกันยกถ้วยชาม จาน และวัตถุดิบต่างๆ ไปวางบนโต๊ะอาหารอย่างเป็นระเบียบหลินอ้ายนำผักสดต่างๆ ที่ล้างสะอาดแล้วใส่จาน วางเรียงรายอย่างสวยงาม ส่วนหลินฉิงอันก็นำเนื้อหมู เนื้อวัวและเนื้อปลาที่หั่นเตรียมไว้ใส่จานเช่นกันในขณะเดียวกัน หลินฉางหยูก็ได้ไปเตรียมเตาถ่านขนาดเล็กและหม้อดินสำหรับทำหม้อไฟ เขาจุดไฟในเตาถ่านจนไฟลุกโชนดีแล้ว จึงนำหม้อดินที่ใส่น้ำซุปปรุงรสแล้ววางลงบนเตาเมื่อทุกอย่างพร้อม หลินฉิงอันก็เชิญทุกคนมานั่งล้อมโต๊ะอาหาร เหิงจิ้งกั๋วได้รับการประคองมานั่งที่เก้าอี้อย่างระมัดระวัง ส่วนหลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางนั่งอยู่ข้างๆ เขาด้วยความตื่นเต้น“เอาล่ะ ทุกคน มาลองทานหม้อไฟกัน” หลินฉิงอันกล่าวด้วยรอยยิ้มทุกคนมองดูหม้อดินที่กำลังเดือดปุดๆ ด้วยความสงสัย แต่ก็เต็มใจที่จะลองอาหารใหม่นี้ หลินฉิงอันเริ่มต้นด้วยการแนะนำวิธีการร
พวกเขาล้างมือล้างไม้ที่เปื้อนดินเปื้อนถ่านจนสะอาด ก่อนที่จะเข้าไปในบ้าน ขณะที่หลินฉางหยูกำลังเดินเข้าไปในบ้าน เขาก็สังเกตเห็นถังเพาะถั่วงอกที่วางเรียงรายอยู่ด้านข้างของครัว ถังเหล่านั้นวางอยู่กลางแจ้ง โดนแดดโดนน้ำค้าง ทำให้คุณภาพของถั่วงอกอาจไม่ดีเท่าที่ควรหลินฉางหยูขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่าหากมีห้องเก็บของก็จะสามารถเก็บถังถั่วงอกเหล่านี้ได้อย่างมิดชิด ป้องกันแดดฝน และรักษาคุณภาพของถั่วงอกได้เป็นอย่างดี เขาจึงหันไปพูดกับหลินฉิงอันถึงเรื่องนี้“ฉิงเออร์ พรุ่งนี้หลังจากที่เราส่งปลาและถั่วงอกเสร็จแล้ว พ่อจะขอให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยเรียกชาวบ้านมาช่วยกันสร้างห้องเก็บของให้เราสักหน่อย” หลินฉางหยูกล่าวหลินฉิงอันพยักหน้าเห็นด้วย นางก็คิดเช่นเดียวกันว่าการมีห้องเก็บของจะเป็นประโยชน์อย่างมาก“ข้าก็เห็นด้วยเจ้าค่ะท่านพ่อ ถ้ามีห้องเก็บของ เราก็จะสามารถเก็บถั่วงอกและสิ่งของอื่นๆ ได้อย่างเป็นระเบียบ และป้องกันแดดฝนรวมถึงหิมะได้” หลินฉิงอันกล่าว
หลังจากที่หลินฉางหยูและหลินฉิงอันกลับถึงบ้านได้ไม่นานนัก ก็มีเสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้น เมื่อหลินฉางหยูเปิดประตูออกดูก็พบว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านหลี่ พร้อมกับชาวบ้านอีกสิบคน“สวัสดีท่านผู้ใหญ่บ้าน เข้ามาก่อนขอรับ” หลินฉางหยูกล่าวต้อนรับผู้ใหญ่บ้านหลี่และชาวบ้านเดินเข้ามาในบ้าน หลินฉางหยูเชิญทุกคนนั่งลงในห้องโถง“ขอบคุณท่านมากที่มาช่วยเหลือ” หลินฉางหยูกล่าวด้วยความซาบซึ้ง“ไม่เป็นไรๆ พวกเรายินดีที่จะช่วยเหลือท่านอยู่แล้ว” ผู้ใหญ่บ้านหลี่ตอบจากนั้นหลินฉางหยูก็ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างห้องเก็บของให้ผู้ใหญ่บ้านหลี่และชาวบ้านฟัง เขาบอกขนาดของห้อง วัสดุที่ต้องการ และตำแหน่งที่จะสร้างผู้ใหญ่บ้านหลี่และชาวบ้านฟังอย่างตั้งใจ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อมีข้อสงสัย“ข้าคิดว่าเราควรจะเริ่มสร้างจากตรงนี้ก่อน แล้วค่อยๆ ขยายไปทา
ชาวบ้านรับเงินด้วยรอยยิ้มและกล่าวขอบคุณหลินฉางหยู พวกเขาดีใจที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนบ้านและได้รับค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมหลินฉางหยูมองดูชาวบ้านที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ เขาขอบคุณทุกคนที่มาช่วยเหลือเขาจนงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เขารู้สึกโชคดีที่มีเพื่อนบ้านที่ดีเช่นนี้ในขณะที่หลินฉางหยูและชาวบ้านกำลังสร้างห้องเก็บของอย่างขะมักเขม้น อีกด้านหนึ่ง กลุ่มองครักษ์ส่วนตัวของเหิงจิ้งกั๋วนับสิบคน กำลังเดินทางอย่างเร่งรีบเพื่อตามหาแม่ทัพของพวกเขาหลังจากที่เหิงจิ้งกั๋วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย องครักษ์กลุ่มนี้ก็ไม่ลดละความพยายามในการตามหา พวกเขาออกเดินทางไปยังเมืองต่างๆ สอบถามผู้คน และตรวจสอบทุกหนทุกแห่งที่พวกเขาคิดว่าเหิงจิ้งกั๋วอาจจะไปในที่สุด พวกเขาก็ได้รับเบาะแสที่เมืองไห่ตง มีคนบอกว่าเห็นชายผู้มีลักษณะคล้ายกับเหิงจิ้งกั๋วได้รับการช่วยเหลือจากสองพ่อลูกจากหมู่บ้านต้าไห่เมื่อได้ยินเช่นนั้น องครักษ์ทั้งสิบก็ไม่รอช้า พวกเขารีบควบม้
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เหิงจิ้งกั๋วก็หันไปสั่งองครักษ์ของเขา“พวกเจ้าจงไปหาเสื้อผ้าแบบชาวบ้านมาสวมใส่เสียก่อน แล้วค่อยกลับมาพบข้าอีกครั้ง” เหิงจิ้งกั๋วกล่าวองครักษ์พยักหน้าเข้าใจ พวกเขารู้ว่าการแต่งกายแบบชาวบ้านจะช่วยให้พวกเขาไม่เป็นที่สังเกต และไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้คน“แล้วท่านแม่ทัพจะไปที่ใดหรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถาม“ข้าจะไปขอร้องคนในตระกูลหลินเสียก่อน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมาพบพวกเจ้าที่นี่” เหิงจิ้งกั๋วตอบองครักษ์รับทราบคำสั่งและแยกย้ายกันไปหาเสื้อผ้าตามที่เหิงจิ้งกั๋วสั่ง ส่วนเหิงจิ้งกั๋วก็เดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกหนักใจ แต่ก็เต็มไปด้วยความหวังว่าตระกูลหลินจะให้ความช่วยเหลือ เขาตั้งใจที่จะอธิบายเหตุผลและความจำเป็นของเขาให้ตระกูลหลินฟังอย่างละเอียด และขอร้องพวกเขาด้วยความจริงใจเมื่อเหิงจิ้งก้าวเข้ามาในบ้าน เขาก็เห็นหลินอ้าย หลิน
หลังจากที่การขนย้ายสิ่งของเข้าห้องเก็บของเสร็จสิ้นลง หลินอ้ายก็สังเกตเห็นว่าภายในบ้านมีผู้คนอาศัยอยู่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งเหิงจิ้งกั๋วและองครักษ์ส่วนตัวของเขาอีกสิบคน ทำให้จำนวนคนในบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมากหลินอ้ายเริ่มกังวลว่าวัตถุดิบอาหารที่มีอยู่จะไม่เพียงพอต่อความต้องการของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง ซึ่งอาหารสดจะหายากขึ้นและมีราคาสูงขึ้น นางจึงตัดสินใจที่จะบอกหลินฉางหยูและหลินฉิงอันให้ไปซื้อวัตถุดิบอาหารเพิ่มเติมจากในตลาด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงฤดูหนาวและรองรับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นในบ้าน“ท่านพี่ อันเออร์ ข้าคิดว่าเราควรจะไปซื้อวัตถุดิบอาหารมาเพิ่มเสียหน่อย” หลินอ้ายกล่าวกับสองพ่อลูก“เพราะเหตุใดหรือเจ้าคะท่านแม่?” หลินฉิงอันถาม“ในบ้านของเรามีคนอยู่มากขึ้นกว่าเดิมมาก หากเราไม่เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ อาหารอาจจะไม่พอ และเมื่อถึงฤดูหนาว ราคาอาหารก็จะแพงขึ้น” หลินอ้ายอธิบายด้วยความเป็
เมื่อถึงยามอิ๋น แสงแรกแห่งวันใหม่ยังไม่ทันสาดส่อง แต่ภายในบ้านของตระกูลหลินกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว หลินฉางหยูและหลินฉิงอันตื่นขึ้นมาเตรียมปลาและถั่วงอกเพื่อนำไปส่งที่โรงเตี๊ยมไห่ถังตามปกติเหล่าองครักษ์ที่พักอยู่ในบ้านหลังเล็ก ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พวกเขารู้สึกตัวและรีบลุกขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าหลินฉางหยูและหลินฉิงอันกำลังเตรียมของ พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือองครักษ์ส่วนหนึ่งช่วยสองพ่อลูกขนปลาและถั่วงอกขึ้นเกวียนลาอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ ส่วนองครักษ์อีกส่วนหนึ่งก็ไปช่วยหลินอ้ายตักน้ำใส่โอ่งและช่วยเตรียมอาหารในครัว เพื่อแบ่งเบาภาระของนางเหิงจิ้งกั๋วที่พักอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวต่างๆ ก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขารู้สึกอบอุ่นใจที่เห็นคนของเขารู้จักช่วยเหลือและมีน้ำใจต่อผู้อื่นไม่นานนัก หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางก็เดินเข้ามาในห้องของเหิงจิ้งกั๋ว พวกเขาถืออุปกรณ์ทำแผลมาด้วย“อรุ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูหนาวได้มาเยือนอย่างเต็มตัว หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาปกคลุมทั่วผืนดิน บรรยากาศหนาวเย็นแผ่กระจายไปทุกหนทุกแห่ง แต่ชีวิตในหมู่บ้านต้าไห่ยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าจะเป็นช่วงหน้าหนาวแล้ว แต่ตระกูลหลินยังคงต้องเดินทางไปส่งปลาและถั่วงอกที่โรงเตี๊ยมไห่ถังตามปกติ พวกเขายังเหลือปลาที่ต้องส่งอีกเจ็ดรอบ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอที่จะทำให้พวกเขาตัดสินใจฝ่าความหนาวเย็นเดินทางไปส่งสินค้าและรับเงินจากเถ้าแก่หลิวหลินฉางหยูและหลินฉิงอันเตรียมตัวสำหรับการเดินทางอย่างรอบคอบ พวกเขาสวมเสื้อผ้าหนาๆ หลายชั้น เพื่อป้องกันความหนาวเย็น หลินฉิงอันมีความกังวลเกี่ยวกับลาของพวกเขาที่ต้องเดินทางในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ นางกลัวว่าลาจะหนาวสั่นและเจ็บเท้า นางจึงขอให้หลินอ้ายช่วยเย็บถุงเท้าหนาๆ ให้กับลา โดยใช้วัสดุจากหนังสัตว์เก่าๆ ที่เก็บไว้ในบ้าน“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าอยากจะขอให้ท่านแม่ช่วยเย็บถุงเท้าให้กับลาหน่อยเจ้าค่ะ อากาศหนาวเช่นนี้ ข้ากลัวว่ามันจะเจ็บเท้า” หลินฉิงอันกล่าว
หลังผ่านงานหมั้นของหลินฉิงอันไป ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เข้าไปในเมืองก็กระจายข่าวดีนี้ให้ญาติมิตรที่เข้ามาซื้อสิ่งของกันในช่วงหน้าหนาวฟังกัน กระทั่งข่าวแพร่ไปถึงเจ้าเมืองเติ้ง เขายังไม่ได้นำของขวัญไปอวยพรปีใหม่เหิงอันโหวเลย พอได้ยินข่าวว่าหลินฉิงอันขุนนางขั้นสี่ได้หมั้นหมายกับแม่ทัพเหิงซึ่งเป็นหลานชายคนเดียวของเหิงอันโหวก็ยิ่งอยากไปเยี่ยมเยียนพวกเขาที่บ้านฮูหยินของเจ้าเมืองเติ้งเองก็อยากสร้างสัมพันธ์กับครอบครัวหลินเช่นกัน นางคิดว่าหากทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันแล้ว สามีของนางคงได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย“ท่านพี่ หรือเราจะเตรียมของขวัญไปมอบให้ท่านโหวกับครอบครัวหลินดีเจ้าคะ”“ความคิดเจ้าไม่เลว เช่นนั้นก็สั่งพ่อบ้านหาสิ่งของมีค่าไปมอบให้พวกเขาวันพรุ่งนี้กันดีหรือไม่ เจ้าเองก็ช่วยสานสัมพันธ์กับฮูหยินหลินแทนข้าด้วยก็แล้วกันนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากรู้จักนางเช่นกัน ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดลูก ๆ ของนางจึงต่างมีความสามารถกันมากตั้งแต่
ชาวบ้านที่ให้ผู้อาวุโสของตนมาทาบทามหลินฉิงอันเป็นต้องหน้าเสียไปตาม ๆ กัน เมื่อเหิงอันโหวเอ่ยปากขอหมั้นด้วยตัวเอง พวกเขามีหรือจะกล้าต่อกรกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ ถึงแม้จะเสียดายการหมั้นหมายครั้งนี้มากก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังต้องเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างที่เหิงอันโหวบอกก่อนหน้านี้ว่าหลินฉิงอันเป็นถึงขุนนางขั้นสี่ พวกเขาที่เป็นชาวบ้านคงไม่อาจเอื้อมหมายเด็ดดอกฟ้ากันได้อีกไม่นานนักรถม้าทั้งสิบคันของจวนโหวก็มาจอดเรียงรายกันที่ด้านข้างลานหน้าเรือนหลัก จากนั้นองครักษ์และบ่าวของจวนโหวทยอยยกหีบใบใหญ่หลายหีบลงมาจากรถม้า ชาวบ้านต่างมองหีบทั้งหลายตาโต พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเหิงอันโหวจะเตรียมการเกี่ยวกับของหมั้นมามากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งละอายใจที่หาญกล้าไปขอหลินฉิงอันหมั้นหมายก่อนหน้านี้พ่อบ้านใหญ่เห็นพวกเขาวางหีบเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เขาก็สั่งให้คนเปิดหีบทีละใบเพื่ออ่านรายการของหมั้นที่ยาวเป็นหางว่าวเพราะมีหีบทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดใบตามเลขมงคลครอบครัวหลินตอนนี้อ้าปากค้างกันไปหมดเมื่
พ่อบ้านใหญ่เห็นว่าทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับเริ่มพิธีการปักปิ่นแล้ว เขาเริ่มเอ่ยลำดับขั้นตอนการทำพิธีตั้งแต่เริ่มต้นทันที“ขอเชิญขุนนางขั้นสี่หลินฉิงอัน เข้าประจำตำแหน่งเพื่อเริ่มพิธีการขอรับ”หลินฉิงอันพยักหน้ายิ้มรับคำพ่อบ้านใหญ่ ก่อนที่นางจะเดินไปยังตำแหน่งประธานของงานในวันนี้ซึ่งอยู่หน้าห้องโถงเรือนหลัก บรรดาชาวบ้านที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะตรงลานหน้าบ้านล้วนมองเห็นพิธีการกันอย่างทั่วถึง“ขอเชิญท่านเหิงอันโหวสวมเสื้อคลุมให้คุณหนูหลินขอรับ”เมื่อประโยคนี้สิ้นสุดลง เหล่าชาวบ้านต่างฮือฮากันขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าตำแหน่งโหวนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่จากเสื้อผ้าอาภรณ์ของเหิงอันโหวแล้ว พวกเขาก็คิดว่าจะต้องไม่ใช่ขุนนางธรรมดาเป็นแน่หลินฉางหยู หลินอ้าย หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางเองก็ตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าอาจารย์ปู่จะเป็นถึงท่านโหวของแคว้นเลยทีเดียว ส่วนหลินฉิงอันนั้นนางเดาได้มานานแล้วว่าท่านปู่ผู้นี้จะต
งานเลี้ยงปีใหม่ผ่านไปอย่างสนุกสนาน ยิ่งกับการกินหมูกระทะในครั้งนี้นั้นทำให้ทุกคนต่างติดอกติดใจ หลินฉิงอันจึงมอบเตาและกระทะให้กับบ่าวและครอบครัวท่านลุงของนางเป็นของขวัญด้วยก่อนงานเลี้ยงจะสิ้นสุดลง หลินฉิงอันก็นำหยกพกมอบให้กับบ่าวทั้งหมดรวมทั้งคนในครอบครัวของนางเอง ส่วนของบ้านท่านลุงนั้นนางไม่ได้ทำให้ เพราะนางอยากให้พวกเขาออกแบบลวดลายบนหยกด้วยตนเอง หลินฉิงอันยังมอบเงินให้ครอบครัวท่านลุง 500 ตำลึงเพื่อนำไปทำหยกพกเช่นกัน คราแรกท่านลุงของนางไม่ยอมรับเงินจำนวนนี้ แต่ด้วยเหตุผลและการคะยั้นคะยอของคนในครอบครัวทำให้เขาต้องยิ้มรับมาอย่างจนใจ เขายังสัญญากับครอบครัวน้องสาวด้วยว่าจะนำเงินนี้ไปใช้จ่ายตามที่หลานสาวของเขาต้องการเหิงอันโหวกับคนในจวนโหวที่มาต่างยอมรับนับถือในความใจกว้างของครอบครัวหลินฉิงอัน น้อยนักที่พวกเขาจะเห็นครอบครัวชาวบ้านยอมจ่ายเงินจำนวนมากออกไปอย่างไม่เสียดายเช่นนี้ ยิ่งพ่อบ้านคนสนิทของเหิงอันโหวที่มาเพราะอยากเห็นหน้าว่าที่หลานสะใภ้ของท่านโหวด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งยอมรับในความมีน้ำใจของครอบครัวว่าที่นายหญิ
ก่อนเที่ยงวัน หวังไห่ หลี่หมิง เหมยลี่และอิงฮวาก็เดินทางมาถึงเรือนหลัก พวกเขารีบเข้าไปคารวะเหล่านายท่านที่กำลังรออยู่“คาราวะนายท่าน นายหญิง คุณหนูใหญ่ขอรับ/เจ้าค่ะ”“พวกเจ้าตามสบายเถอะ ก่อนมาที่นี่ พวกเจ้าปิดร้านกันดีแล้วหรือยัง”“เรียบร้อยดีขอรับคุณหนูใหญ่ นี่เป็นสมุดบัญชีทั้งสองเล่ม ข้าน้อยนำมาให้ท่านตรวจสอบด้วยขอรับ”หลินฉิงอันยื่นมือไปรับสมุดบัญชีทั้งสองเล่มมาวางเอาไว้ที่โต๊ะด้านข้าง ก่อนจะบอกให้พวกเขานำสัมภาระไปเก็บที่เรือนพักในที่ดินอีกฝั่งหนึ่ง เพราะที่นั่นยังมีเรือนพักว่างอีกมากนักหวังไห่กับคนอื่น ๆ ขอตัวลาเหล่านายท่านก่อนจะออกไปขับรถม้าไปยังที่ดินอีกฝั่งหนึ่งเพื่อเก็บข้าวของที่นำมาด้วย โดยมีโจวซานทำหน้าที่พ่อบ้านเดินตามรถม้าของพวกเขาไปยังเรือนพักตั้งแต่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัว บ้านหลินก็หยุดการรับซื้อผลไม้ทั้งหมดและให้บ่าวช่วยกันแช่อิ่มผลไม้ที่เหลื
หลังจากองครักษ์ทั้งแปดนำสิ่งของต่าง ๆ ที่หลินฉิงอันสั่งคนจัดเตรียมเอาไว้ขึ้นเกวียนครบแล้ว พวกเขาก็ใช้ม้าหกตัวในการลากเกวียน ส่วนม้าอีกสองตัวนั้นวิ่งขนาบข้างคอยคุ้มกันสิ่งของบนเกวียนใหญ่ก่อนที่ขบวนขององครักษ์จิงหยานจะออกเดินทาง เหิงอันโหวได้ฝากจดหมายให้พวกเขานำไปส่งหลานชายด้วย หลินฉิงอันเองก็ฝากจดหมายไปเช่นกัน นางยังแนบแบบเกือกม้าและอานทั้งหมดให้ไปด้วย เพราะนางเห็นว่าสิ่งของพวกนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพของเหิงจิ้งกั๋ว“พวกเจ้าออกเดินทางได้แล้ว ประเดี๋ยวหิมะจะตกลงมาเสียก่อน”“ขอรับนายท่านผู้เฒ่า” องครักษ์ทั้งแปดรีบรับคำเหิงอันโหว“ขอให้พวกพี่ชายเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ อย่าลืมว่าถ้าหิมะตกให้เปลี่ยนล้อเป็นแบบลากเลื่อนด้วยนะเจ้าคะ จะได้เดินทางสะดวก”“ขอรับคุณหนูหลิน ขอบคุณสำหรับเสบียงระหว่างเดินทางด้วยขอรับ”เหิงอันโหวกลัวว่าพวกเขาจะออกเดินทางสายไปมากกว่
อีกสองสัปดาห์จะเข้าหน้าหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว หลินฉิงอันนึกถึงอากาศที่หนาวเย็นในปีที่แล้วขึ้นมา นางจึงคิดที่จะสร้างเกือกม้าและอานม้า รวมทั้งชุดม้า ลา สำหรับให้พวกมันใส่เพื่อป้องกันความหนาวเย็นด้วยหลินฉิงอันใช้เวลาว่างถึงสามวันวาดแบบออกมาเท่าที่นางจำได้ จากนั้นจึงนำแบบไปปรึกษากับเฉียนซื่อและเฉินกังก่อนให้พวกเขานำเงินไปสั่งทำที่ร้านตีเหล็กในเมือง นางไม่รู้ว่าราคาจะแพงมากหรือไม่จึงให้เงินพวกเขาไป 100 ตำลึงเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนหนังสัตว์ที่นางต้องการนำมาให้ท่านแม่กับพี่สาวหลิงฟางเย็บให้นั้นก็สั่งให้พวกเขาซื้อมาด้วยจำนวนมาก นางให้เงินพวกเขาไปอีก 100 ตำลึงเช่นกันจะได้ไม่เสียเวลากลับมานำเงินไปซื้อของหลายครั้งหลินอ้ายไม่ได้ทักท้วงอะไรที่เห็นหลินฉิงอันใช้เงินจำนวนมากในครั้งนี้ นางรู้ดีว่าบุตรสาวทำสิ่งใดก็ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของคนในบ้านทั้งนั้น เรื่องชุดในบ้านที่นางเองจะมอบให้บ่าวรับใช้ก็เสร็จครบทั้งหมดแล้ว หลินอ้ายนึกถึงเสื้อคลุมกันหนาวขึ้นมาได้ นางจึงคิดจะส่งโจวซานไปสอบถามราคาที่ร้านค้าดูก่อน หากราคาแพงเกินไป นางค
สองวันต่อมา หลินฉิงอันเข้าเมืองกับชุนจินเพื่อไปรับหยกพกที่นางสั่งทำไว้ก่อนหน้านี้ หลินฉิงอันจ่ายเงินที่เหลือก่อนจะรับหยกพกมาตรวจสอบดู รูปแบบหยกที่สลักออกมาทำได้อย่างสวยงามตามที่นางวาดภาพเอาไว้ให้ช่างแกะสลัก ซึ่งหลินฉิงอันให้ช่างแกะสลักเป็นรูปผลไม้ต่าง ๆ รอบตัวหยก ตรงกลางมีคำว่า “林” สลักเอาไว้อย่างสวยงาม หยกพกของบ่าวทั้งหมดเหมือนกัน ส่วนหยกพกอีกห้าอันสำหรับคนในครอบครัวนั้น หลินฉิงอันใช้รูปเมฆมงคลและศาลากลางน้ำหลังเล็กโดยตรงกลางสลักคำว่า “หลิน” เช่นกัน เพิ่มเติมเพียงด้านหลังจะมีชื่อเจ้าของหยกแต่ละอันสลักเอาไว้ สีของหยกยังเป็นหยกมันแพะสีขาวนวล แตกต่างจากสีหยกของบ่าวในเรือนที่เป็นหยกสีเขียวธรรมดาหลังจากรับของมาทั้งหมดแล้ว หลินฉิงอันนำถุงหยกทั้งสองถุงเก็บเอาไว้ในรถม้าอย่างดี ก่อนที่นางจะไปยังร้านขายของชำเพื่อซื้อเครื่องปรุงรสเพิ่มเติม รวมทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง ถั่วเขียว ถั่วเหลืองเพิ่มด้วย ถึงแม้เมื่อวานทางร้านจะนำไปส่งที่บ้านนางจำนวนมาก แต่หลินฉิงอันก็ยังคงเผื่อเหลือเอาไว้อีกนิดหน่อย นางรู้ดีว่าการเ
คืนนั้นหลินฉิงอันใช้เวลาครึ่งค่อนคืนเพื่อเขียนรายการสิ่งของจำเป็น เสบียงอาหารที่จะต้องซื้อในปีนี้ให้พอเพียงกับคนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นในครอบครัว นางคิดด้วยว่าปีที่แล้วนางชวนครอบครัวกินหม้อไฟไปแล้ว ปีนี้นางอยากให้พวกเขาได้ลองกินหมูกระทะดูบ้าง หลินฉิงอันจึงร่างแบบหม้อสำหรับทำหมูกระทะตามความทรงจำในภพก่อนออกมา ด้วยคนจำนวนมากในบ้าน หลินฉิงอันคิดจะสั่งทำหม้อสัก 50 ใบเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนเตานั้นนางก็จะต้องซื้อเพิ่มมาด้วยเพื่อให้พอเพียงสำหรับวางหม้อหมูกระทะที่นางต้องการหลังอาหารเช้าวันต่อมา หลินฉิงอันอ่านรายการสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ พร้อมกับเสบียงอาหารจำนวนมากให้หลินอ้ายและหลินฉางหยูฟังเป็นเวลานาน หลินอ้ายและหลินฉางหยูยังบอกรายการสิ่งของเพิ่มเติมสำหรับการนำมาเป็นเสบียงอาหารในปีนี้ด้วย พวกเขาคิดว่าคนจำนวนมากจะต้องได้กินอิ่มนอนหลับในขณะที่อยู่ร่วมกันกับพวกเขาที่หมู่บ้านหลินฉิงอันไม่ได้ปฏิเสธรายการต่าง ๆ ที่พ่อและแม่นางเสนอ หลินฉิงอันทำเพียงแค่เพิ่มรายการต่าง ๆ เข้าไปในกระดาษเท่านั้น“ลูกค