หลังจากหวางกงกงพักอยู่ที่หมู่บ้านต้าไห่ครบสองวัน ขบวนเดินทางของเขาก็กลับไปยังเมืองหลวงเพื่อถวายรายงานตามที่รับทราบข้อมูลจากฮูหยินน้อยของเหิงซื่อจื่อ ก่อนจะถึงระยะเวลาปลอดภัยสำหรับการตั้งครรภ์ยังเหลือเวลาอีกกว่าครึ่งเดือน ตอนนี้ทุกคนจึงยิ่งไม่ยอมให้หยูฉิงอันขยับเขยื้อนมากมายนัก ด้วยกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดได้ ทำเอาหยูฉิงอันแทบจะเป็นง่อยอยู่แล้ว
“ทุกคนอย่าทำเช่นนี้ได้หรือไม่เจ้าค่ะ ข้าแค่ท้อง ไม่ได้ป่วยนะเจ้าคะ เฮ้อ”
“ไม่ได้ ๆ เหลนคนแรกของปู่ต้องปลอดภัยสุด ๆ นะ หลานสะใภ้อย่าได้เคร่งเครียดจนเกิดผลกระทบกับเหลนของปู่เล่า” เหิงกั๋วกงผู้แสนจะเห่อเหลนรีบเอ่ยเตือน
“นั่นสิ ปู่กับย่าเจ้าก็เป็นห่วงเหลนเช่นกันนะ ประเดี๋ยวเกิดเดินพลาดแล้วล้มลงจะทำอย่างไร เจ้าอยากได้สิ่งใดเพียงแค่เอ่ยปากบอกบ่าวนำมาให้ก็พอแล้ว” หยูจิ่นเซิงรีบสนับสนุนคำพูดของเหิงกั๋วกงทันที ส่วนเฉียนหลานก็พยักหน้ารับคำสามีเช่นกัน
หยูฉิงอันจึงต้องหลับตาลงอย่างเ
ฮ่องเต้ที่ทราบข่าวการมาถึงของเหิงกั๋วกงก็รีบออกคำสั่งให้หมอหลวงและหมอตำแยในวังรีบเข้าไปยังจวนกั๋วกงทันที พระองค์ได้รับสารมานับเดือนแล้วจึงได้ตระเตรียมคนให้พร้อมเอาไว้ เพราะตัวพระองค์เองก็เป็นกังวลเกี่ยวกับการคลอดบุตรแฝดของฮูหยินน้อยซึ่งเป็นถึงที่ปรึกษาพิเศษของแคว้นคนสำคัญด้วยมหาเสนาบดีได้รับรายงานก็รีบเดินทางมายังจวนกั๋วกงเช่นกัน เขาส่งคนไปรายงานฝ่าบาทเบื้องต้นถึงเรื่องเมล็ดพันธุ์แล้ว รอเพียงได้รับฎีการายละเอียดที่ฮูหยินน้อยซื่อจื่อจะส่งให้เสียก่อน เขาจึงจะนำเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดเข้าไปยังวังหลวงและขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทต่อไปเหิงกั๋วกงกับเหิงจิ้งกั๋วนั่งรอมหาเสนาบดีเซี่ยที่เพิ่งมาถึง หลังจากที่ทำความเคารพทักทายกันเล็กน้อยแล้ว เหิงกั๋วกงก็พูดถึงเรื่องเมล็ดพันธุ์ทั้งสามชนิดให้กับมหาเสนาบดีเซี่ยฟังทันที โดยมีเหิงจิ้งกั๋วคอยเสริมหากมีสิ่งใดที่ท่านปู่ของเขาตกหล่นรายละเอียดไปบ้างมหาเสนาบดีเซี่ยตั้งใจฟังทุกอย่างกระทั่งจบสิ้นกระบวนการเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ขุนนางที่ปรึกษาพิเศษเขียนเอาไว้
ก่อนออกเดินทางกลับเมืองหลวงสองวัน ข่าวที่เรือของเอล็กซ์มาถึงก็ทำให้หยูฉิงอันต้องเดินทางไปดูว่ามีสิ่งใดที่นางจะสามารถซื้อกลับไปทำประโยชน์ให้กับชาวบ้านได้บ้าง โดยการเดินทางไปดูสิ่งของบนเรือของนางก็เป็นไปอย่างเอิกเกริก ด้วยเพราะทุกคนเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับนางเวลาเดินเหินขึ้นไปบนเรือสินค้า อีกทั้งคนอื่น ๆ ยังอยากรู้ด้วยว่าเรือสินค้าของพ่อค้าคนนี้มีสิ่งใดดีจนทำให้หยูฉิงอันต้องการมาดูด้วยตัวเองเหิงจิ้งกั๋วที่มาด้วยคอยประคองภรรยาตัวน้อยให้เดินช้า ๆ กว่าจะขึ้นไปถึงด้านในเรือที่เอล็กซ์กับล่ามของเขายืนรออยู่ เพราะเจ้าเมืองกวนส่งคนมาแจ้งก่อนแล้วว่าหยูฉิงอันต้องการมาดูสินค้าที่เรือของเขาซึ่งเพิ่งจะเทียบท่า“สวัสดีคุณเอล็กซ์ ไม่ได้พบกันนาน วันนี้คุณมีอะไรดี ๆ มาขายบ้างหรือ”“โอ้ สวัสดีคุณนายน้อย ไม่ได้พบกันนาน ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะแต่งงานและกำลังจะมีลูกเสียแล้ว ยินดีด้วยนะครับ” เอล็กซ์ยื่นมือออกไปตามความเคยชินแต่กลับถูกเหิงจิ้งกั๋วถลึงตาใส่ และล่ามยังกระซิบบอกด้ว
หลังกินเลี้ยงในเย็นวันนั้นเสร็จสิ้น วันต่อมา หยูฉิงอันที่กำลังจะออกไปตรวจดูที่ดินทั้งหมดที่ซื้อมาก็ถูกเหิงจิ้งกั๋วสั่งห้ามเอาไว้เสียก่อน“น้องหญิง ตอนนี้ท้องของเจ้าไม่สะดวกกับการเดินในพื้นที่ขรุขระนะ เรื่องการก่อสร้างต่าง ๆ ให้ข้า เฉียนซื่อและเฉินกังจัดการแทนเจ้าเถอะ เจ้าเพียงแต่รอดูหลังจากการสร้างทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็พอแล้ว”“พ่อเองก็จะไปช่วยลูกเขยด้วยเหมือนกัน เจ้าอยู่ที่จวนก็พอนะฉิงอัน”“ปู่ก็จะไปช่วยควบคุมคนงานด้วยอีกแรงหนึ่งนะ เจ้าอยู่กับท่านย่าและท่านแม่เจ้าที่นี่ก็พอแล้ว หากอยากให้พวกเราทำสิ่งใดเพิ่มเติม เจ้าก็ให้พ่อบ้านส่งคนไปแจ้งเราที่นั่นก็ได้ ตกลงไหม” เหิงกั๋วกงรีบขันอาสา แน่นอนว่าหยูจิ่นเซิงเองก็จะไปด้วยเช่นกัน เพื่อให้งานของหลานสาวเสร็จสิ้นโดยเร็ว พวกเขาจะร่วมมือกันทำงานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้“เฮ้อ ในเมื่อพวกท่านตั้งใจเช่นนั้นแล้ว ข้าจะว่าสิ่งใดได้เล่าเจ้าคะ ท่านพี่อย่าลืมให้พี่ชายเฉียนกับพี
“ท่านที่ปรึกษาต้องการที่ดินมากถึง 100 หมู่เลยหรือขอรับ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ เพราะเตาอบแห้งนั้นมีขนาดใหญ่ ข้าจึงต้องการพื้นที่สร้างโรงงานที่กว้างขวางและลดกลิ่นที่จะออกมาจากการอบแห้งไม่ให้กระทบกับชาวบ้าน”“เช่นนั้นขอท่านที่ปรึกษาพักผ่อนสักหน่อยก่อนนะขอรับ ประเดี๋ยวข้าจะกลับไปนำแผนที่เมืองมาให้ท่านเลือกดูว่าบริเวณใดน่าจะใช้สร้างโรงงานที่ท่านว่า”“ขอบคุณท่านเจ้าเมืองมากเจ้าค่ะ ข้าจะรอท่านที่จวนนะเจ้าคะ”“ขอรับท่านที่ปรึกษา” เจ้าเมืองกวนขอตัวลากลับไปนำเอกสารมาในทันทีเหิงกั๋วกง หยูจิ่นเซิงและเฉียนหลานที่คอยดูแลหยูฉิงอันอยู่ต่างก็แปลกใจไม่น้อยที่นางต้องการที่ดินเป็นบริเวณกว้างมากถึงเพียงนี้“ฉิงอัน เหตุใดหลานจึงต้องการที่ดินกว้างใหญ่ถึงเพียงนั้นเล่า”“ท่านปู่ ข้าเพียงต้องการแยกโรงงานเป็นสามส่วนเจ้าค่ะ ที
หลังจากหวางกงกงพักอยู่ที่หมู่บ้านต้าไห่ครบสองวัน ขบวนเดินทางของเขาก็กลับไปยังเมืองหลวงเพื่อถวายรายงานตามที่รับทราบข้อมูลจากฮูหยินน้อยของเหิงซื่อจื่อ ก่อนจะถึงระยะเวลาปลอดภัยสำหรับการตั้งครรภ์ยังเหลือเวลาอีกกว่าครึ่งเดือน ตอนนี้ทุกคนจึงยิ่งไม่ยอมให้หยูฉิงอันขยับเขยื้อนมากมายนัก ด้วยกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดได้ ทำเอาหยูฉิงอันแทบจะเป็นง่อยอยู่แล้ว“ทุกคนอย่าทำเช่นนี้ได้หรือไม่เจ้าค่ะ ข้าแค่ท้อง ไม่ได้ป่วยนะเจ้าคะ เฮ้อ”“ไม่ได้ ๆ เหลนคนแรกของปู่ต้องปลอดภัยสุด ๆ นะ หลานสะใภ้อย่าได้เคร่งเครียดจนเกิดผลกระทบกับเหลนของปู่เล่า” เหิงกั๋วกงผู้แสนจะเห่อเหลนรีบเอ่ยเตือน“นั่นสิ ปู่กับย่าเจ้าก็เป็นห่วงเหลนเช่นกันนะ ประเดี๋ยวเกิดเดินพลาดแล้วล้มลงจะทำอย่างไร เจ้าอยากได้สิ่งใดเพียงแค่เอ่ยปากบอกบ่าวนำมาให้ก็พอแล้ว” หยูจิ่นเซิงรีบสนับสนุนคำพูดของเหิงกั๋วกงทันที ส่วนเฉียนหลานก็พยักหน้ารับคำสามีเช่นกันหยูฉิงอันจึงต้องหลับตาลงอย่างเ
เช้าวันต่อมา กว่าที่หยูฉิงอันที่ตอนนี้กลายเป็นฮูหยินน้อยของจวนกั๋วกงจะตื่นก็เกือบเที่ยงวันแล้ว นี่ต้องโทษว่าสามีตัวดีของนางที่ไม่ยอมปล่อยให้นางพักผ่อนแม้แต่น้อยนิด ทำให้เวลาที่ต้องออกไปยกน้ำชานั้นล่าช้าไปหลายชั่วยามเลยทีเดียว ซึ่งเหล่าญาติผู้ใหญ่ต่างเข้าใจเรื่องหนุ่มสาวพวกนี้ดี พวกเขาจึงไม่ได้คิดมากอันใด แต่กลับนั่งเล่นพูดคุยกันว่าจะได้เหลนเมื่อไหร่เสียอย่างนั้นแทนหลังจากพิธียกน้ำชาเสร็จสิ้น ครอบครัวหลิน ครอบครัวหยูและครอบครัวกั๋วกงต่างร่วมวงกันรับประทานอาหารบนโต๊ะใหญ่แทนที่จะแยกโต๊ะเด็ก ๆ ออกไป พวกเขาชอบที่จะร่วมกันทานอาหารพร้อมคนจำนวนมากเช่นนี้ดีกว่าที่จะนั่งแยกกันจนดูห่างเหินหลังจากที่ทั้งสามครอบครัวกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วทุกคืนเหิงจิ้งกั๋วจะทำหน้าที่สามีอย่างขยันขันแข็ง เพราะเขาพนันกับท่านปู่เอาไว้ว่าจะมีเหลนให้ท่านได้ภายในหนึ่งเดือน ทำให้คนที่ตกที่นั่งลำบากก็คือหยูฉิงอันนั่นเองที่ต้องรองรับความบ้าพลังของสามีตัวโตของนาง แต่ทำอย่างไรได้ นางเองก็อยากให้ท่านปู่กับท่านย่ามีความสุขหากนา