หลังจากที่องค์รัชทายาทหลี่หยางได้ป้อนอาหารและยาบำรุงให้ พระชายาด้วยความใส่ใจ พระชายาของเขาก็เริ่มมีอาการดีขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ถึงกระนั้น หลี่หยางยังคงกังวลในสุขภาพของหวังหยู่ เขาตัดสินใจจะไม่ละสายตาจากพระชายาของเขาแม้เพียงสักวินาทีเดียว และตัดสินใจที่จะเฝ้าไข้หวังหยู่ด้วยตนเอง ค่ำคืนนั้น หลังจากที่หวังหยู่ทานยาและอาหารบำรุงเรียบร้อยแล้ว ร่างกายของเขายังอ่อนแรงอยู่มาก หลี่หยางจึงจัดเตรียมที่นอนข้างเตียงของพระชายาเพื่อคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะสามารถช่วยเหลือได้ทันที หวังหยู่ที่นอนอยู่บนเตียงมองดูการกระทำของพระสวามีด้วยความรู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นใจ เขารู้ดีว่าหลี่หยางมีภาระหน้าที่มากมายในฐานะองค์รัชทายาท แต่การที่หลี่หยางเลือกจะอยู่ข้างกายเขาในเวลานี้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความรักที่เขาไม่เคยคาดหวังมาก่อน “ท่านไม่ต้องอยู่ที่นี่ก็ได้ ข้าจะพักผ่อนและคงดีขึ้นในไม่ช้า” หวังหยู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงแต่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เขาไม่อยากให้หลี่หยางต้องเหนื่อยล้าจากการเฝ้าดูแลเขาทั้งวัน “ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวแน่” หลี่หยางตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อเป็นการ
เมื่อพระชายาเริ่มฟื้นตัวจากไข้ที่ทำให้เขาอ่อนแรง หลี่หยางยังคงไม่หยุดที่จะใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้พระชายาของตนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วที่สุด หลังจากดูแลหวังหยู่ทั้งคืน หลี่หยางตัดสินใจลงไปที่ห้องเครื่องด้วยตนเอง เพื่อดูแลเรื่องอาหารบำรุงสำหรับหวังหยู่ องค์รัชทายาทหลี่หยางไม่เคยทำสิ่งเช่นนี้มาก่อน การที่องค์รัชทายาทผู้สง่างามและทรงอำนาจจะเดินลงมาถึงห้องเครื่องเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้องครัว เหล่าแม่ครัวพ่อครัวและนางกำนัลต่างตกใจและรีบก้มศีรษะคำนับด้วยความเคารพ “องค์รัชทายาท ท่านมีสิ่งใดให้พวกข้ารับใช้” พ่อครัวใหญ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย หลี่หยางมองไปยังพ่อครัวด้วยสายตาเฉียบคม น้ำเสียงทุ้มก็แจ้งกับแม่ครัว “เจ้าเป็นซั่งซู ใช่หรือไม่ ข้าต้องการให้พวกเจ้าทำอาหารบำรุงร่างกายที่ดีที่สุดสำหรับพระชายา เขาเพิ่งฟื้นตัวจากไข้และต้องการสารอาหารที่เหมาะสม ข้าต้องการให้ทุกจานที่ออกไปมีคุณค่าทางอาหารและช่วยให้พระชายาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว” ซั่งซูหรือพ่อครัวใหญ่พยักหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับตอบกลับอย่างสุภาพ “พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ข้าจะจัดเตรียมอาหารบำรุ
เมื่อรุ่งเช้ามาถึง องค์รัชทายาทหลี่หยาง ตื่นขึ้นมาก่อน ดวงตาคมของเขาหันมองไปที่ร่างของหวังหยู่ที่นอนอยู่ข้าง ๆ ภายใต้แสงแดดยามเช้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความอ่อนโยน เขายังไม่เชื่อว่าค่ำคืนที่ผ่านมาจะเกิดขึ้นจริง ทุกสิ่งดูเหมือนเป็นความฝัน พระชายาของเขาบอบบางแต่ก็ร้อนแรงและอดทนมากไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านบทรักอันร้อนแรงกับเขามาได้ทั้งคืนหวังหยู่ ที่ตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นก็มองเห็นหลี่หยางที่นอนอยู่ข้างเตียง ทั้งสองสบตากันอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกระหว่างพวกเขาเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ทั้งคู่จะไม่พูดอะไรมาก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ชัดเจนขึ้นอย่างมากหลี่หยางเอื้อมมือไปจับมือของหวังหยู่เบา ๆ แล้วกล่าวเสียงนุ่ม “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนไหม เมื่อคืน ข้ารุนแรงกับเจ้า แต่ข้าก็ไม่เสียใจที่ทุกอย่างเกิดขึ้น ข้าคิดว่าคืนนี้เราได้เข้าใจกันมากขึ้น”หวังหยู่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ใบหน้าสวยเขินอาย ก่อนจะก้มหน้าหลบเล็กน้อย “ข้าเองก็ ก็ไม่เสียใจ ท่าน ท่านสำคัญกับข้ามากกว่าที่ข้าเคยคิด ข้าเจ็บเล็กน้อยแค่นั้น”“เจ็บตรงไหน ขอข้าดูหน่อย” หลี่หยางถามอย่างร้อนรนด้วยความห่วงใย“ไ
พรวดดด“อ๊าาาาาาา เจ็บ อูยยยย ซี๊ดดดด หลี่หยางหยูดดด ก่อนนน อูยยย ข้าเจ็บ”“ข้าพักสักประเดี๋ยวก็ได้ ดอกรักของเจ้าจะได้ขยายตัว ข้าเขี่ยยอดถันเจ้าแบบนี้ เจ้าดีขึ้นไหม อูยยย ดอกรักเจ้าตอนนี้ขยายเป็นโพรงรักแล้วนะ ดูแท่งหยกของเจ้าซิหวังหยู่มันแข็งสู้มือข้ามากตอนนี้ เดี๋ยวข้าจะชักมันไปด้วย พร้อมกับที่ข้าจะขยับดาบเล่มใหญ่ของข้าไปด้วย เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม โพรงรักเจ้าตอดข้ามากเลยตอนนี้ ข้าทนไม่ไหวต้องขยับแล้ว”“อ๊ะ อ๊ะ หลี่หยาง ท่านเป็นพระสวามีของข้าจริงๆ แล้ว อ๊ะ ดาบของท่านอยู่ในตัวข้าแล้ว ซี๊ดดดด ท่านช่วยชักดาบของท่านเร็วกว่านี้หน่อยได้หรือไม่ ข้าอึดอัด อ๊ะ อ๊ะ อย่างนั้นแหละ พระสวามีของข้า อ๊าาาา” ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่ว ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่ว ผั่บ เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั้งห้องหอ หลี่หยางกระแทกเอวขยับดาบเข้าๆ ออกๆ อย่างเร็ว มือหนากุมแท่งหยกของพระชายาไว้พร้อมชักตามจังหวะการชักดาบของตัวเอง ส่วนมือนิ่มของพระยาชาหวังหยู่ตอนนี้ลูบไล้ตามกายแกร่งพระสวามีด้วยความชื่นชมและปรารถนา ก่อนที่จะเอื้อมมือมาสะกิดเข
หลังจากงานเฉลิมฉลองที่จบลงด้วยความประทับใจ สิ่งที่ฮองเฮาเฝ้าคาดหวังมากที่สุดยังไม่เป็นจริงนั่นคือการมีทายาทจากองค์รัชทายาทและพระชายาหวังหยู่ด้วยเหตุนี้ ฮองเฮาจึงวางแผนบางอย่างเพื่อกระตุ้นให้ทั้งคู่มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น ในช่วงท้ายของงานเฉลิมฉลอง ฮองเฮาได้เรียกองค์รัชทายาทหลี่หยางและพระชายามานั่งพูดคุยพร้อมกับยกสุรามาให้ดื่ม และนางได้รับสั่งอย่างอ่อนโยนให้กับลูกชายและลูกสะใภ้ “งานวันนี้ช่างน่าประทับใจ ข้าเห็นว่าเจ้าทั้งสองทำหน้าที่ได้ดีมาก ข้าพอใจอย่างยิ่ง” ฮองเฮาตรัสพร้อมรอยยิ้ม แต่สิ่งที่ฮองเฮาพูดต่อมากลับทำให้ทั้งหลี่หยางและหวังหยู่ต้องชะงัก “แต่สิ่งที่ข้าเฝ้ารอมานานแล้ว คือการที่ข้าจะได้เห็นทายาทจากพวกเจ้า เพื่อสืบต่อบัลลังก์และความรุ่งเรืองของราชสำนักนี้” หลี่หยางกับหวังหยู่สบตากัน ทั้งสองรู้สึกถึงความกดดันที่แฝงมาในคำพูดของฮองเฮา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธอะไรได้ นางเป็นผู้ที่ทรงอำนาจที่สุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ และความปรารถนาของนางก็คือการเห็นทายาทเกิดขึ้นจากสายเลือดของพวกเขาทั้งสอง แต่ยังไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองยังไม่ได้ร่วมหอกันฉันท์สามีภรรยาพึงมี “ทายาทอย่างนั้นหรือเสด็จแม่” องค์
ในงานเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยความสนุกจากสีสันในการท้าประลอง ความสามารถของพระชายาหวังหยู่ได้รับการยอมรับจากทุกคน ทั้งด้านบทกวีและการวางกลยุทธ์ แต่ท่ามกลางความสำเร็จที่เกิดขึ้นท่านอ๋องแห่งแคว้นหนิงคู่กัดเก่าแก่ของแคว้นเจียงนี้และคู่แข่งขององค์รัชทายาทเจียงหลี่หยางยังไม่หมดความพยายามในการท้าทายท่านอ๋องหนิงเป็นผู้มีความทะเยอทะยานและไม่เคยยอมแพ้ต่อการท้าประลองใด ๆ เมื่อเห็นว่าพระชายาหวังหยู่ได้รับการยอมรับในหลายด้าน เขาจึงต้องการแสดงให้เห็นว่าแคว้นของตนก็มีสิ่งที่เหนือกว่า ในที่สุดท่านอ๋องก็ลุกขึ้นและประกาศต่อหน้าฮ่องเต้และแขกในงาน“ข้าหนิงหลงหยวน เห็นว่าพระชายาหวังหยู่มีความสามารถรอบด้าน แต่ข้ายังอยากเห็นอีกสิ่งหนึ่ง สิ่งที่แคว้นหนิงของข้าภาคภูมิใจ นั่นคือบทเพลงที่งดงามและไพเราะ ข้าขอส่งหนิงหลันซือพระชายาของข้ามาบรรเลงเพลงถวายแด่ฮองเฮา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่เหนือกว่าในด้านศิลปะดนตรี ถ้าพระชายาหวังหยู่สามารถบรรเลงเพลงได้ประทับใจแขกทุกท่าน ข้าอ๋องหนิงขอจะมอบเงินรางวัลให้ท่านสี่หมื่นตำลึง แต่ถ้าความสามารถในด้านดนตรีของพระชายาไม่ถึงข้าก็จะเป็นคนขอรับเงินสี่หมื่นจากท่านมาให้พระชายาของ