LOGINติ๊ง...
เสียงแจ้งเตือนจากแชทดังขึ้น “มีนาเลิกเรียนแล้วนะคะ ” พี่ต่อเหลือบมองจอ มือใหญ่ยังถือกุญแจรถอยู่ ริมฝีปากกระตุกยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว เขาไม่เสียเวลาแม้เสี้ยววินาที แค่คว้ากระเป๋าสตางค์แล้วก้าวลงลิฟต์ทันที เพราะสำหรับเขา...การที่เธอเลิกเรียน มันก็เหมือนหัวใจของเขา “ได้กลับบ้าน” แล้ว ยี่สิบนาทีต่อมา เสียงเคาะประตูห้องพักก็ดังขึ้นเบา ๆ ประตูเปิดออก... มีนาเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า ผมเปียกยุ่งเล็กน้อยจากสายลม เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมบน เผยผิวเนื้ออุ่น ๆ ที่ยังหอมกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ มืออีกข้างถือถุงขนมกับน้ำเย็น “หิวยังคนเก่ง... เลิกเรียนแล้วต้องกินข้าวกับพี่สิ” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “หรือว่าจะกินพี่แทนดีล่ะคะ” เสียงทุ้มพร่าละลายใจ เธอแทบทรุดลงไปตรงนั้น ไม่นาน ห้องน้ำเล็ก ๆ ก็เต็มไปด้วยไอร้อน เสียงน้ำจากฝักบัวหลอมรวมกับลมหายใจหอบกระชั้น มีนาพิงหลังเย็นเฉียบกับผนัง สั่นไหวทั้งจากสายน้ำและสายตาคมเข้มของเขาที่มองมาเหมือนจะกลืนกิน “เธอสั่น...เพราะหนาว หรือเพราะพี่?” เขาเอ่ยเสียงพร่า มือใหญ่ลูบผมเปียก ๆ ของเธอเบามือ ก่อนใช้นิ้วเชยคางขึ้น แล้วบดจูบลงมาลึก หนักหน่วงและเร่าร้อนเกินกว่าหัวใจจะตามทัน กล้ามอกเปียกน้ำแนบกระแทกเข้ากับทรวงอกนุ่ม มือเขาสอดใต้เสื้อเปียกชื้น ปลดกระดุมออกอย่างไม่ละสายตา เสียงผ้าหลุดร่าง ตามมาด้วยเสียงครางแผ่วในลำคอ เมื่อปลายนิ้วกดบีบยอดอกของเธอแน่นแต่ละมุน ริมฝีปากเขาเลื่อนไปครอบดูด ย้ำแรง ๆ พร้อมกระซิบหอบพร่า “ตรงนี้...ตอบพี่แรงเกินไปแล้วนะ หืม” “อยากให้พี่ลงก่อนตรงนี้...หรือจะไปข้างล่างก่อนดี” เธอยังไม่ได้ตอบ แต่เขาก็ไม่รอ พี่ต่อช้อนร่างเล็กขึ้นแนบผนัง ขาสองข้างเกี่ยวเอวแน่น ก่อนกดแท่งเนื้อใหญ่เสียบเข้าไปทั้งลำในคราวเดียว เสียงครางดังสะท้านทันที เนื้อกระแทกเนื้อชัดเจน “พั่บ พั่บ พั่บ” สอดคล้องกับเสียงน้ำฝักบัวที่รินไหล “แน่นไม่ไหวเลย คนเก่ง...” เขากัดกรามต่ำ เสียงพร่าติดคำราม “อย่าร้องแบบนี้... เดี๋ยวพี่จะเอาแรงกว่าเดิมอีกนะ” สะโพกเขาซอยถี่ขึ้น แรงขึ้น ทุกครั้งที่ชนลึก มีนาแทบไม่รู้แล้วว่าความร้อนในห้องมาจากไอน้ำหรือร่างของเขา แต่เธอรู้เพียงว่าแท่งเนื้อที่กำลังวิ่งลึกอยู่ในตัวนั้น ทั้งใหญ่ ทั้งร้อน และทำให้เธอสั่นระริกจนแทบขาดใจ ริมฝีปากเขากดจูบซ้ำกลืนเสียงคราง ขณะสะโพกยังเร่งแรงไม่หยุด จนกระทั่ง...เขาก้มกระซิบเสียงพร่าเคล้าไอหอบ “อยากให้พี่ปล่อยข้างในไหม...” “คืนนี้พี่ยังไม่อิ่ม... อย่าเพิ่งหมดแรงนะ มีนา” ทะเลยามเย็น แสงสีส้มอาบขอบฟ้า มีนานั่งเหยียดขาบนผ้าปูชายหาด ผมปลิวสะบัดตามลมเค็มกรุ่น กลิ่นเกลือกระทบจมูก ส่วนพี่ต่อเดินขึ้นมาจากน้ำช้า ๆ ตัวเปียก เสื้อไม่ใส่ กล้ามอกเปียกชื้นสะท้อนแดดราวกับภาพฝัน “มองพี่แบบนั้น... จะให้พี่ลากลงทรายเลยไหม” เขาเอ่ยแหบต่ำ ก่อนทิ้งตัวลงข้างเธอ มืออุ่นวางบนต้นขา ลูบเบา ๆ ไล่ไปกุมมือเล็กของเธอแล้วดึงแนบอก ค่ำแล้ว... ในห้องพักริมชายหาด โคมไฟสลัว สายลมพัดกลิ่นทะเลเข้ามาเป็นจังหวะเดียวกับคลื่น มีนานอนซุกบนอกแกร่งในชุดนอนบางเฉียบ พี่ต่อก้มลงลูบผมแล้วกระซิบที่ข้างหู “คืนนี้...พี่จะไม่รีบ จะใช้แท่งเนื้อของพี่ทำให้หนูอ่อนแรง...จนหลับไปพร้อมกัน” เขาเริ่มไล้จูบอ้อยอิ่งจากต้นคอลงสู่ทรวงอก ปลายลิ้นแตะยอดอกอย่างจงใจ สายตายังตรึงมองเธอแนบแน่น “คืนนี้พี่จะรัก...แบบไม่มีเสียงเตียงกระทบ ไม่มีใครได้ยิน...นอกจากหัวใจของหนู” ทุกสัมผัสเชื่องช้า แต่ซ่านเสียว ราวกับกำลังบรรเลงเพลงที่มีแต่สองคนได้ยิน ปลายลิ้นเขาลากวนตรงกลีบกลางอย่างละเมียดละไม จนร่างเล็กสั่นสะท้าน จิกผ้าปูแน่น เขายังไม่สอดใส่...แค่เลีย ซ้ำ ๆ ดูดเม็ดเสียวแรงขึ้นทีละนิด เสียงครางของเธอสั่นสะท้อนกับเสียงคลื่นด้านนอก “เสร็จแค่จากปากพี่...ได้ไหมคืนนี้” เขากระซิบแผ่วติดปลายลิ้น “ไม่...ซี๊ด...พี่ต่อ...รีบเสียบเข้ามาเลยค่ะ...อูยยยย” เธอแอ่นสะโพกร้องขอ ทั้งน้ำ ทั้งเสียง ทั้งหัวใจ...ถูกเขาครอบครองหมดแล้วในค่ำคืนนั้นเสียงดนตรีแนว EDM ดังกระหึ่มจนอกสั่นสะเทือน แสงไฟเลเซอร์หลากสีสาดส่องไปทั่วฟลอร์เต้นรำที่เนืองแน่นไปด้วยหนุ่มสาวซึ่งกำลังปลดปล่อยตัวตนไปตามจังหวะเพลง กลิ่นแอลกอฮอล์คละเคล้ากับกลิ่นน้ำหอมลอยอบอวลอยู่ในอากาศ สร้างบรรยากาศมึนเมาและเร่าร้อนให้กับค่ำคืนวันศุกร์ ธาม ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เอนหลังพิงโซฟาหนังราคาแพงในโซน VIP ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปทั่วบริเวณอย่างเบื่อหน่าย ในมือถือแก้ววิสกี้ชั้นดีที่พร่องไปเพียงเล็กน้อย บทสนทนาเรื่องธุรกิจและเรื่องไร้สาระของเพื่อนฝูงในกลุ่มไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเลยแม้แต่น้อย "มึงมองหาเหยื่ออยู่เหรอวะไอ้ธาม" เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยแซวเมื่อเห็นสายตาของเขา ธามเพียงแค่กระตุกยิ้มมุมปาก ไม่ได้ตอบอะไร เขายกแก้วขึ้นจิบ ปล่อยให้ของเหลวสีอำพันรสชาติร้อนแรงไหลผ่านลำคอ ในขณะที่สายตายังคงสอดส่ายไปเรื่อยเปื่อย... และแล้ว...สายตาของเขาก็หยุดนิ่ง...ราวกับถูกแม่เหล็กดึงดูด กลางฟลอร์เต้นรำที่เบียดเสียด ร่างระหงในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีแดงเพลิงกำลังเคลื่อนไหวอย่างโดดเด่น เรือนร่างอรชรนั้นขยับไปตามจังหวะเพลงอย่างพอดิบพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป ทุกการเคลื่อน
เสียงล้อลากของกระเป๋าเดินทางบดไปกับพื้นถนนคอนกรีตของหมู่บ้าน ท่ามกลางความเงียบยามเย็น พราวเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วยฝีเท้าที่มั่นคงแต่หัวใจกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง เธอไม่ได้หันหลังกลับไปมอง...เธอรู้ดีว่าหากหันกลับไป ความเข้มแข็งที่พยายามสร้างขึ้นมาทั้งหมดอาจพังทลายลงเมื่อเธอเดินพ้นป้อมยามของหมู่บ้านออกมา ก็เห็นรถสปอร์ตสีดำของคินจอดรออยู่ข้างทางอย่างสงบ แสงไฟจากหน้ารถสาดส่องมาที่เธอ เหมือนเป็นแสงสว่างเดียวที่รอเธออยู่อย่างอดทนทันทีที่เห็นหน้าเขา...กำแพงแห่งความเข้มแข็งที่เธอก่อขึ้นก็พังครืนลงมาในทันทีคินรีบลงจากรถเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาใกล้ เขาวิ่งมาช่วยถือกระเป๋าเดินทาง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร พราวก็โผเข้ากอดเขาแน่น ซบใบหน้าลงกับแผงอกกว้างแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น"ฮือ...ฮือ...คิน..."เสียงร้องไห้ของเธอไม่ใช่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เป็นเสียงสะอึกสะอื้นของคนที่แบกรับความรู้สึกมากมายเอาไว้จนแทบจะระเบิด ทั้งความรู้สึกผิด ความโล่งใจ ความเสียใจ และความสับสน มันปะปนกันจนแยกไม่ออกคินไม่ได้พูดอะไร เขาแค่กอดเธอไว้แน่นๆ...แน่นที่สุด...ใช้ร่างกายของเขาเป็นที่พักพิงให้เธอได้
...ติ๊ด...เสียงตัดสายที่ดังขึ้นในหูทำให้ธันยืนนิ่งงันราวกับถูกแช่แข็ง โทรศัพท์มือถือยังคงแนบอยู่ที่หู แต่สมองของเขากลับขาวโพลนไปชั่วขณะ‘เมียมึงอยู่กับกู...และจากนี้ไป...เธอจะเป็นเมียกูคนเดียว...มึงไม่ต้องตามหาเธออีก’ประโยคของคิน...เพื่อนสนิทที่สุดของเขา...ยังคงดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหัว มันเหมือนเสียงค้อนที่ทุบลงมาบนกำแพงโลกอันแสนสบายและน่าเบื่อของเขาจนพังทลายลงไม่เป็นท่า"เป็นไปได้ไงวะ..." ธันพึมพำกับตัวเองเสียงเบา ความรู้สึกแรกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็นความสับสนและไม่อยากจะเชื่อพราว...ภรรยาที่แสนเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย และดูจืดชืดในสายตาเขามาตลอด...จะไปอยู่กับคินได้ยังไง? แล้วทำไมต้องเป็นคิน ผู้ชายที่เป็นเหมือนน้องชายของเขา คนที่เขาสนิทใจและไว้ใจมากที่สุดเขานึกย้อนไปถึงเมื่อเช้า ตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบพราวอยู่บนเตียง เขาก็แค่คิดว่าเธอคงไปตลาดหรือไปทำธุระเหมือนทุกที เขาจึงพิมพ์ข้อความไปถามสั้นๆ อย่างเคยชิน `ไปไหน` แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ไม่ได้รู้สึกเอะใจหรือเป็นห่วงเลยสักนิดแต่ตอนนี้...ความไม่ใส่ใจของเขากำลังย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเองอย่างเจ็บปวด
หลังจากการปลดปล่อยออกมา ทั้งสองคนนอนกอดกันนิ่งอยู่บนเตียงที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อและของเหลวแห่งรัก คินกดจูบลงบนขมับชื้นเหงื่อของพราวอย่างรักใคร่ ก่อนจะกระซิบเสียงพร่า "ไปอาบน้ำกันนะ...เดี๋ยวผมอาบให้" คำพูดธรรมดาๆ แต่กลับทำให้หัวใจของพราวพองโต เขากำลังจะ "อาบน้ำให้เธอ" ไม่ใช่แค่ "ไปอาบน้ำด้วยกัน" มันคือการดูแลเอาใจใส่ที่เธอไม่เคยได้รับ คินอุ้มร่างเปลือยเปล่าที่อ่อนระทวยของเธอขึ้นมาอย่างง่ายดาย พาทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องน้ำขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เขาพาเธอเข้าไปในตู้กระจกสำหรับอาบน้ำ ที่กว้างขวาง ก่อนจะเปิดฝักบัวให้น้ำอุ่นๆ ไหลรินลงมาชะล้างร่างกายของพวกเขาทั้งคู่ แต่การอาบน้ำไม่ได้เป็นไปอย่างเรียบง่าย... ทันทีที่สายน้ำสัมผัสผิวกาย ความปรารถนารอบใหม่ก็ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง คินกดขวดสบู่เหลวใส่มือ ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียนของพราวอย่างเชื่องช้า แต่มือของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น มันเลื่อนต่ำลงมา...เคล้นคลึงบั้นท้ายกลมกลึงที่เขาหลงใหล ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในร่องสวาทของเธอที่ยังคงบวมเป่งและไวต่อสัมผัส "อ๊ะ...คิน...เรา...เรามาอาบน้ำนะ" พราวครางเสียงสั่น เธอพิงแผ่นหลังกับผนังกระเบื้องเย
พราวค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นจากห้วงนิทราที่แสนยาวนานและแสนสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนสิ่งแรกที่เธอรู้สึกไม่ใช่ความว่างเปล่าข้างกาย แต่เป็นไออุ่นและน้ำหนักของแขนแกร่งที่โอบรอบเอวเธอไว้จากด้านหลัง ร่างสูงใหญ่ของคินนอนซ้อนอยู่ด้านหลังเธอ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดอยู่ที่ต้นคอ พราวขยับตัวเล็กน้อยเพื่อมองเขาให้ชัดขึ้น ในยามหลับ คินดูผ่อนคลายและไร้พิษสง แต่ถึงอย่างนั้นเค้าโครงใบหน้าที่คมคายและร่างกายที่กำยำใต้ผ้าห่มก็ยังคงฉายแววของความเป็นชายที่แข็งแกร่งและน่าหลงใหลความรู้สึกนี้...มันดีเหลือเกิน...ดีกว่าการตื่นขึ้นมาข้างๆ ธันมากมายนักกับธัน...ต่อให้คืนนั้นจะมีอะไรกันหรือไม่ก็ตาม...เช้ามาเธอก็มักจะตื่นขึ้นมาคนเดียวบนเตียงฝั่งของตัวเองเสมอ เขาคงตื่นไปทำงานหรือไปทำธุระของเขาโดยไม่เคยปลุก ไม่เคยบอกลา ไม่เคยมีแม้แต่สัมผัสเบาๆ เป็นการบอกว่าเขายังอยู่ตรงนั้นแต่กับคิน...เขากอดเธอไว้ตลอดทั้งคืน ราวกับว่าเธอคือสิ่งล้ำค่าที่เขาจะปล่อยให้ห่างกายไม่ได้เลยพราวนอนนิ่งๆ ซึมซับความรู้สึกดีๆ นี้อยู่นานหลายนาที ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงอย่างแผ่วเบาที่สุด เธอกล
จูบอันดูดดื่มนั้นเป็นเหมือนการปิดผนึกพันธะสัญญาบทใหม่ พราวถอนริมฝีปากออกมาอย่างเชื่องช้า แต่มือของเธอกลับเริ่มทำงาน เธอยันตัวขึ้น วางมือทั้งสองข้างลงบนแผงอกกำยำของคิน ก่อนจะเริ่มขยับสะโพกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จังหวะของเธอหนักหน่วงและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม"อ๊ะ...อ๊ะ...อืมม์...คิน...มันลึก...ลึกมาก" พราวซี๊ดปากด้วยความเสียวซ่าน เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่น แอ่นกายรับแรงกระแทกจากด้านล่างที่เธอเป็นคนสร้างขึ้นเอง ทุกครั้งที่เธอกดสะโพกลงมา มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดจากปลายเท้าขึ้นมาถึงกลางกระหม่อมคินทำได้เพียงนอนนิ่งๆ ปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายคุมเกมอย่างเต็มที่ สายตาของเขาจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของเธอไม่วางตา ภาพของผู้หญิงที่เขารักกำลังมอบความสุขให้เขาอย่างสุดฝีมือมันทั้งงดงามและกระตุ้นอารมณ์จนแทบบ้าแต่แล้ว...พราวก็ทำให้เขาต้องตกตะลึงอีกครั้งในจังหวะที่เธอยกตัวขึ้นจนเกือบสุด เธอกลับใช้ความแข็งแรงของแกนกลางลำตัวและกล้ามเนื้อต้นขา หมุนตัว 180 องศาอย่างชำนาญและลื่นไหล โดยที่แก่นกายของเขายังคงเชื่อมต่ออยู่ภายในร่างของเธอไม่หลุดออกไปแม้แต่นิดเดียว!"เชี่ย...พราว!" คินอุทานออกมาเสียงดัง เขารู้สึกได







