ตอนที่ 1: คุณลุงกับแมวของเขา
เสียงแมวร้องเบาๆ ดังลอดรั้วเข้ามาในสวนหน้าบ้านของแคททุกเช้า มันกลายเป็นเสียงที่เธอเฝ้ารอ...ไม่ใช่แค่เพราะเธอหลงใหลในความนุ่มนิ่มขี้อ้อนของเจ้าพวกขนฟูเหล่านี้ แต่เพราะเธออยากเห็นเขา "อีธาน" เขาคือชายหนุ่มข้างบ้านที่เพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่กี่เดือน อายุราวๆ พ่อของเธอ แต่กลับหล่อเข้มแบบคนอายุสามสิบต้นๆ มากกว่า สูงใหญ่ ผิวสีเข้มแบบคนที่ชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง บางวันเขาสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงวอร์มเดินเล่นกับแมวในสวน...และนั่นก็คือภาพที่แคทชอบแอบมองอยู่จากหลังผ้าม่าน แคทเธออายุยี่สิบปี เป็นสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน รูปร่างเล็ก ผิวขาวจัด ดวงตากลมโตเหมือนตุ๊กตา และที่สำคัญเธอคลั่งแมวขั้นสุด แต่แมวพันธุ์ที่เธออยากได้นั้นแพงเกินงบของเด็กมหาลัยอย่างเธอจะซื้อได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอแวะไปบ้านอีธานแทบทุกวัน... “วันนี้แคทจะไปเล่นกับใครดีน้า” เสียงเธอพึมพำเบาๆ ขณะเดินเลาะรั้วเข้าไปหลังบ้านเขา ก่อนจะถูกทักด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “วันนี้เบลล่าขี้อ้อนนะ น่าจะอยากให้แคทอุ้ม” เธอหันไปมองก็เจอกับอีธานที่ยืนพิงต้นไม้ใหญ่ มือข้างหนึ่งถือแก้วกาแฟ อีกข้างลูบหัวแมวเปอร์เซียสีขาวฟู เขายิ้มให้เธออย่างใจเย็น และนั่นก็ทำให้เธอต้องรีบหลบสายตา กลัวว่าเขาจะจับได้ว่า เธอไม่ได้แวะมาหาแมวอย่างเดียว เธอแวะมาเพราะหัวใจมันเรียกร้องหาเขาต่างหาก เสียงฟู่ของแมวตัวหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน เมื่อเจ้าโซระ แมวสีส้มพันธุ์แร็กดอลล์ได้ยินเสียงเครื่องตัดหญ้าจากบ้านข้าง ๆ ตกใจและกระโจนพรวดหนีไป แต่เล็บของมันกลับเกี่ยวกับข้อมือเล็กของแคทก่อนจะหนีหาย “โอ๊ย…!” เธอร้องออกมาเบาๆ ก่อนจะเห็นเลือดซึมเป็นทางบาง ๆ จากรอยข่วนบนผิวขาวเนียน “แคท” เสียงทุ้มต่ำเรียกเธอจากข้างหลัง อีธานเดินตรงเข้ามา สีหน้าเปลี่ยนทันทีเมื่อเห็นเลือดไหล “ไม่เป็นไร ค่ะเจ้าโซระตกใจเสียงเครื่องตัดหญ้า” เธอพยายามยิ้มกลบความเจ็บ “ตามมา เดี๋ยวฉันทำแผลให้” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วเดินนำเธอเข้าไปในบ้าน แคทเดินตามไปเงียบ ๆ ด้วยใจที่เต้นแรง ในครัว บ้านของอีธานดูอบอุ่น เรียบหรู และกลิ่นสะอาดแบบผู้ชายโสดรักสบาย เขาเปิดตู้หยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา จัดการเช็ดแอลกอฮอล์บนสำลีแล้วนั่งลงหน้าตู้ เตรียมทำแผล “มานี่ ยื่นมือมา” เขาสั่งเบา ๆ เธอยื่นมือข้างที่มีแผลให้เขาอย่างว่าง่าย ปลายนิ้วของอีธานสัมผัสผิวเธอเบา ๆ แค่นั้นแคทก็รู้สึกได้ถึงไฟฟ้าแล่นปราดผ่านหลังคอ เขากำลังจ้องแผล แต่เธอกลับจ้องหน้าเขา หน้าคม ๆ ที่ใกล้จนเห็นไรเครา เส้นผมที่ปรกหน้าผากเล็กน้อย กลิ่นโคโลญจน์อ่อน ๆ ทำให้เธอเผลอกลืนน้ำลาย “เจ็บไหม” เขาถามขณะใช้ปลายสำลีเช็ดเลือดเบาๆ “นิดหน่อยค่ะ... แต่ตอนนี้หัวใจหนูเต้นแรงกว่าแผลอีก” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ สายตาแปลก ๆ ค้างไว้ชั่วครู่ “อย่าแกล้งฉันเลยแคท…” “แคทไม่ได้แกล้งนะคะ คุณลุงก็หล่อ น่ากินแบบนี้ ใครจะอดใจไหว” เธอพูดพลางโน้มตัวเข้าใกล้ สายตาท้าทาย ไร้ความกลัว เขานิ่งงัน ไม่ถอยแต่ก็ยังไม่ขยับเข้ามา เธอจึงถือโอกาสยื่นหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูกเกือบแตะกัน “แคท…” เขาเรียกชื่อเธอเบาๆ เหมือนจะเตือน “หนูโตแล้วนะคะ… คุณลุงไม่ต้องห่วง” มืออีกข้างของเธอยกขึ้นแตะไหล่กว้างแน่นอย่างเบามือ จงใจลูบวนช้าๆ ราวกับสำรวจ อีธานหลับตาแน่นเพียงชั่วครู่ เหมือนกำลังพยายามกลั้นบางอย่างไว้ แต่แคทไม่ให้โอกาสเขาหนี เธอโน้มตัวเข้าไปอีก ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอแนบเข้ากับมุมปากเขาอย่างแนบแน่นแต่แผ่วเบา เขาไม่ถอย เธอรับรู้ได้..บทที่ 2 “ทำเรื่องที่ผัวเมียเขาทำกันไงดาว” จ๊วบ ๆ จ๊วบ ๆปากสวยอ้าค้าง ใบหน้าของเธอเริ่มแดงก่ำ เมื่อถูกจู่โจมพร้อมทั้งบนและล่างอย่างนี้ใครมันจะไปทนไว้ ร่างบางถึงกับสั่นระริก เพราะนิ้วหยาบกร้านของเขามันขยี้ติ่งเสียวของเธอไม่หยุด สัมผัสของเขามันทำให้เธอเคลิบเคลิ้มอยากจะร้องห้าม แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับเป็นเสียงครวญครางไม่ได้ศัพท์ จนช่องทางรักของเธอฉ่ำแฉะ นับดาวเป็นผู้หญิงที่จุดติดง่าย แค่โดนสัมผัสวาบหวิวนิดหน่อยเธอก็มีอารมณ์ร่วมแล้ว แต่เพราะเธอไม่ค่อยมีเวลางานพริตตี้ของเธอกำลังรุ่ง เธอจึงไม่ค่อยได้ทำเรื่องอย่างว่ากับแฟน…“อ๊ะ…อ๊าาา” นับดาวเสียวกายสั่นสะท้าน เมื่อนิ้วใหญ่ของเขาค่อย ๆ สอดเขามาในรูรักของเธอ เสียงครางของนับดาวช่างหวานกระเส่า จนชายหนุ่มต้องผละหน้าออกจากเต้าสวย มองใบหน้าแดงก่ำทั้งสองสบตากันใต้แสงไฟสลัดสีส้มอ่อน แววตาหยาดเยิ้มเป็นประกายดึงคนทั้งสองจมดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ปรารถนานับดาวยกแขนขึ้นไปคล้องต้นคอรั้งคนตัวใหญ่ให้ลงมาจูบ ลิ้นเล็กของเล็กจงใจสอดแทรกเข้าโพรงปากใหญ่ให้เขาดูดเลียความหวาน ส่วนนิ้วร้ายยังคงขยับเข้าออกแรงขึ้น ขาเรียวแยกออกจนกว้าง เนินสวาทฉ่ำแฉะติ่งเสียวของเธอ
บทที่ 1“นับดาว มึงรีบหนีไปก่อนเดี๋ยวกูรับหน้าเสี่ยเอง”“มึงจะให้กูหนีไปไหน กูไม่ผิดกูไม่ได้เป็นคนเอาเงินเสี่ยไป” นับดาว พริตตี้สาวสวยหุ่นดี กำลังเครียดอย่างหนัก เพราะแฟนหนุ่มของเธอรับเงินจากเสี่ยมาก้อนใหญ่ เพื่อทำงานบางอย่าง แต่มันกลับไม่ทำงานให้เสี่ย แล้วหอบเงินหนีหายไป และเธอก็ติดต่อไม่ได้มันทำให้เธอพลอยซ่วยไปด้วยเพราะเสี่ยกำลังส่งคนตามมาเล่นงานเธอ “แต่แฟนมึงเอาเงินเสี่ยแล้วหายไปแบบนี้ เสี่ยเขาต้องสงสัยมึงอยู่แล้ว มึงก็รู้ว่าเสี่ยโหดไหน” แก้วตาเพื่อนสนิทของเธอพูด นับดาวคิดไตร่ตรองดูถึงความโหดของเสี่ยที่เธอเคยเห็นไม่ว่าจะเป็นจับไปขังแล้วซ่อม หรือถ้าเป็นผู้หญิงคงโดนจับให้พวกลูกน้องรุมโทรมแน่ ๆ นับดาวยิ่งคิดก็เสียวสันหลังวาบทันที“แล้วกูจะหนีไปไหนรอด เสี่ยมีอิทธพลขนาดนี้”“เสี่ยมีพวกอยู่แค่ภาคกลางและใต้ มึงขึ้นเหนือไปหรือไม่ก็อีสาน หาที่หลบก่อน” “เออ ๆ” นับดาวเชื่อตามที่เพื่อนบอกเธอรีบเก็บเสื้อผ้าและของของที่จำเป็นยัดใส่รถแล้วขับออกไปทันที หลังจากเธอขับรถออกไปได้ไม่นาน เสี่ยและพวกก็ขับรถเข้ามา พร้อมกลับลากร่างของ กาย แฟนของนับดาวที่สภาพยับเยินมาด้วย แก้วตารีบปรี่เข้าไปประคองกายท
บทที่ 4สองร่างนอนกอดก่ายกันเกือบจะฟ้าสาง ร่างบอกบางของกะรัตซุกเข้าหาไออุ่นจากร่างใหญ่ที่โอบกอดเธอไว้แนบอก“เธอจะกลับแล้วเหรอเขต”“ครับ ผมมีเรียนเช้า”“แล้วเธอจะหายไปอีกไหม” ใบหน้าสวยแหงนมองชายหนุ่ม จากนั้นร่างใหญ่จึงได้ก้มมาจุมพิตที่หน้าผากสวย “ถ้าพี่กะรัตเจอผมทุกวันจะเบื่อไหม” “ไม่ ทำไมเหรอ”“เปล่า ผมกลัวพี่จะเบื่อหมาเด็กอย่างผม”“พี่กลัวเธอจะเบื่อ ผู้หญิงที่อายุเยอะกว่าอย่างพี่มากกว่า”“ใครบอก ผมชอบพี่ขนาดนี้”ไม่นานชายหนุ่มร่ำลาหญิงสาวแล้วออกมาจากบ้านของเธอตอนใกล้รุ่งสาง พี่กะรัตวันนี้ดูสดใสอารมณ์ดีจังนะคะ สาว ๆ แผนกต้อนรับของบริษัทเอ่ยทักทายทันทีที่เธอเดินเข้าบริษัทมา “จริงเหรอ” กะรัตลูบที่แก้มตนเองอย่างเขินอาย “พี่กะรัตดูแลตัวเองยังไงคะ ถึงได้สวยเหมือนสาวยี่สิบต้น ๆ แบบนี้” หนึ่งในกลุ่มสาว ๆ ถามเธอกะรัตยิ้มก่อนจะโน้มตัวแล้วป้องปากพูด“กินเด็กนะ” จากนั้นเธอก็เดินจากไป สร้างเสียงหวีดร้องจากกลุ่มสาว ๆ พวกนั้นพากันอิจฉาและชื่นชมเธอเป็นไอดอลเลยก็ว่าได้ภายในห้องทำงานของceoสาว “คุณกะรัตคะ นี้แฟ้มประวัติเด็กฝึกงานที่จะมาเริ่มฝึกวันนี้” เจ้าหน้าที่แผนกบุคคลวางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงาน
บทที่ 3หลังจากคืนนั้น ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว กะรัตเอาแต่คิดถึงเด็กหนุ่มขับแท็กซี่วันนั้น ที่อยู่ต่อกับเธอทั้งคืน เธอเอาแต่คิดถึงใบหน้าที่หล่อเหลา และลีลาที่ถึงอกถึงใจทำให้เธออดคิดถึงเขาไม่ได้เลย แต่ความสัมพันธ์คืนนั่น ต่างคนต่างเต็มใจทั้งสองฝ่าย จะผิดไหมถ้าเธอจะเรียกร้องหรือติดต่ออยากเจอชายหนุ่มอีก กะรัตคิดไม่ตก จนเวลาล่วงเลยไปเกือบจะสามทุ่มแล้ว เธอจึงได้เดินเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน แต่ความคิดถึงทำให้เธอเหม่อลอย จากที่ตั้งใจจะไปที่จอดรถ เธอกลับเดินมาหน้าบริษัท จู่ ๆ ก็มีรถแท็กซี่มาจอดเทียบ ทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์“ให้ผมไปส่งไหมครับ” กระจกรถถูกลดลงพร้อมกลับใบหน้าหล่อเหลาที่เธอคุ้นตา “เขต..” กะรัตมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอดีใจมากกว่า“คิดว่าจะจำผมไม่ได้แล้ว”“.......” กะรัตนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็เปิดประตูด้านหลังแล้วขึ้นรถแท็กซี่ตามที่หัวใจเธอสั่งเขตต์มองเธอผ่านกระจกหลัง จากนั้นก็ขับรถออกมา ชายหนุ่มยังคงมองเธอที่เอาแต่เฉยชา ทำให้รู้สึกน้อยใจขึ้นมา เพราะตลอดหลายวันมานี้ เขตต์รัฐขอพ่อออกมาขับแท็กซี่ทุกคืน และจะมาจอดรอที่หน้าบริษัทเวลานี้ทุกวัน จนในที่สุดวันนี้เขาก็ได้เจอเธอค
บทที่ 2“แบบนี้พี่ชอบไหม”“อื้ออ..อ่าส์..ชะ ชอบ” เขตต์รัฐมองดูร่างที่เย้ายวนของหญิงสาวที่กำลังดิ้นเร่า ยิ่งเธอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก เขายิ่งกลัดมันเร่งกระแทกข้อมือเข้าร่องของเธอรัว ๆ “ซี้ด…ดูร่านอะไรขนาดนี้” เขตต์รัฐสบถออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อเขามองท่าทียั่วยวนของเธอ“อ๊ะ…พี่จะถือว่าเป็นคำชมนะ” พูดจบมือเรียวก็กระชากชุดคลุมของชายหนุ่มเข้ามาจูบ เรียวลิ้นของทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันนัวเนีย ต่างฝ่ายต่างลูบไล้เรือนร่างของกันและกันอย่างลุ่มหลง “อืออ” เสียงจูบของทั้งสองดังจ๊วบ เมื่อเขตต์รัฐดูดปลายลิ้นเล็กของกะรัต จนร่างบางครางอืออ่าแทบขาดอากาศ“ยืนขึ้นหน่อย” กะรัตเอ่ยน้ำเสียงอ้อน ชายหนุ่มก็ทำตาม เขตต์รัฐยืนขึ้นเต็มความสูง พร้อมกับแอ่นดุ้นเอ็นแข็งจัด ที่กำลังชูชันดันชุดคลุมอยู่ กะรัตกระตุกปมที่มัดไว้ออกแหวกชุดคลุมไปด้านหลัง “อืม..ใหญ่จังเลยนะเขต” คำพูดที่แสดงถึงความร่าน ทำให้คนฟังหน้าแดงพร้อมเอ็นดุ้นใหญ่ก็ผงกหัวเชื้อเชิญ ให้เรียวปากสวยแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างทนไม่ไหว“ซี้ดด…” ใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นซี้ดปาก เมื่อมือเล็กของเธอจับลำโคนแล้วชักขึ้นลงจนหนังหุ้มปลายถอก หัวเอ็นสีชมพูอ่อนก็ปล่อย
บทที่ 1ในคืนที่ฟ้าฝนเม็ดใหญ่กระหน่ำตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ณ บริษัทยักษ์ใหญ่ใจกลางเมือง “กะรัต” ซีอีโอสาวใหญ่วัยสามสิบเจ็ด เธอเลิกงานดึกกว่าพนักงานคนอื่น ๆ ในบริษัทเป็นประจำทุกวัน และวันนี้ก็เช่นกันเวลายี่สิบเอ็ดนาฬิกา กะรัตเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ทว่าวันนี้รถยนต์ของเธอดันสตาร์ทไม่ติด “สงสัยแบตเตอรี่หมด” เธอพึมพำกับตนเอง และหยิบมือถือขึ้นมาเรียกแท็กซี่เพื่อจะได้กลับบ้าน หญิงสาวเดินลงมารอที่หน้าตึก ซึ่งตอนนี้ฝนก็กำลังกระหน่ำเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย ละอองฝนสาดมาโดนเนื้อตัวจนเธอรู้สึกได้ถึงความชื้นไม่นานก็มีแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดเทียบ คงเป็นคันที่เธอเรียกไว้ กะรัตขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง ก่อนจะยื่นหน้าไปแจ้งสถานที่ปลายทาง จึงได้สังเกตคนขับรถแท็กซี่คันนี้ เขายังดูอายุไม่เยอะเท่าไร แต่ป้ายประตัวที่ติดอยู่ที่รถกลับเป็นรูปชายสูงอายุซึ่งไม่ใช่ตัวเขา“ทำไมป้ายประจำตัวคันขับถึงไม่ใช่คุณคะ” กะรัตเอ่ยถามด้วยความสงสัย แท็กซี่หนุ่มมองเธอผ่านกระจกหลัง“นั่นพ่อผมเองครับ วันนี้แกไม่สบายผมเลยมาขับแทน” “อ๋อ..แล้วน้องมีใบขับขี่หรือเปล่าล่ะ”“มีสิครับ” ชายหนุ่มหยิบใบขับขี่หน้ารถส่งให้หญิงสาวดู “เขตต์รัฐ …” กะรัต