ตอนที่
[4] สอบถามข้อมูล ผู้ใดกัน เป็นเด็กสาวที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับร่างนี้ รูปร่างผอมบางออกไปทางผอมมาก เช่นเดียวกับจูกุ้ยหยวนในยามนี้เช่นกัน สวมอาภรณ์ซีดเซียว ผิวพรรณไม่เกลี้ยงเกลาเท่าใดนัก หน้าตาท่าทางดูใสซื่อออกไปทางซื่อบื้อชวนน่ารังแกมาก กล่าวคือเป็นเด็กสาวชาวบ้าน ระหว่างที่นางกำลังคิดว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด ในสมองก็คล้ายก็มีภาพบางอย่างเกิดขึ้นทันที เสี่ยวจวน ที่แท้เด็กสาวผู้นี้ก็คือสหายเพียงผู้เดียวของจูกุ้ยหยวน คู่หูซื่อบื้อที่ไม่สู้คน เก่งแต่เรื่องทำงานหนักทั้งยังถูกคนเอาเปรียบอยู่ร่ำไป เสี่ยวจวนอยู่กับมารดาเพียงสองคนเพราะบิดานั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว ชีวิตแม่หม้ายลูกติดนั้นไม่ง่าย ยิ่งแม่หม้ายผัวตายยิ่งถูกชาวบ้านว่าร้ายไปต่าง ๆ นานา มารดาของเสี่ยวจวนหรือนางเจิงซื่อ ซึ่งจูกุ้ยหยวนมักจะเรียกอีกฝ่ายว่าท่านน้าเจิงซื่อ แท้จริงแล้วท่านน้าเจิงซื่อก็เป็นสหายของมารดาของนาง ทั้งคู่ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ แต่เพราะว่าบิดานางกล่าวว่าไม่อยากให้อีกฝ่ายมาที่บ้านเท่าใดนัก เพราะฉายาของอีกฝ่ายที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเป็นสตรีกินผัวหากมาบ่อยเกรงว่าจะเป็นกาลกิณีต่อครอบครัว ซึ่งนางคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก ที่สามีของท่านน้าเสียชีวิตนั่นก็เพราะออกไปทำงานที่ต่างเมืองแล้วเป็นโรคระบาดต่างหาก หาได้เกี่ยวอันใดกับอีกฝ่ายแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่นางคิดได้คือ ‘บิดาของนางกลัวว่าตนเองจะตาย’ “อาหยวน ที่ข้ามา เพราะท่านแม่ให้มาถามว่ากำหนดวันเกี่ยวข้าวแล้วหรือยัง ข้ากับท่านแม่จะได้เตรียมตัวไว้” นี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่นางคิดว่าสองแม่ลูกนี้ดีกว่าบิดาของนางเป็นไหน ๆ เพราะในยามลงการเกษตรหรือแม้กระทั่งเก็บเกี่ยว สองแม่ลูกมักจะมาช่วยนางและพี่ใหญ่เสมอหากว่างเว้นจากการรับจ้างที่อื่น หรือบางทีหากที่อื่นสามารถบอกปัดได้ก็เลือกที่จะมาช่วยพวกนางสองพี่น้องก่อน แม้จะได้รับผลตอบแทนเป็นผลผลิตเพียงน้อยนิด เพราะมักจะถูกแย่งชิงจากบ้านบ้านใหญ่ก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็ยังมาด้วยความเต็มใจ ในขณะที่บิดาไม่เคยมาช่วยเหลืออันใดแม้แต่น้อย “พี่ใหญ่บอกว่าอีกห้าวันข้างหน้า ก็พร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว ขอบคุณเจ้าและท่านน้ามากนะเสี่ยวจวน ที่มาช่วยครอบครัวข้าเสมอ” “เจ้าพูดเหมือนว่าเราเป็นคนอื่นคนไกล เราเป็นสหายกัน สหายย่อมต้องช่วยกัน” เสี่ยวจวนกล่าวแล้วก็เผยรอยยิ้มที่จริงใจให้นาง ที่จริงหากอีกฝ่ายได้บำรุงดูแลตนเองให้ดีอีกฝ่ายก็คงจะเป็นเด็กสาวที่หน้าตาน่ารักไม่น้อย “อ่า จริงสิ เสี่ยวจวน วันนี้เจ้าว่างหรือไม่” “วันนี้หรือ ข้าว่าง เจ้ามีอันใดหรือ อาหยวน” “พอดีว่าข้าอยากให้เจ้าพาข้าไปเดินเล่นทั่วหมู่บ้านเสียหน่อย ไม่ได้ไปเดินนานแล้ว” เสี่ยวจวนแม้จะแปลกใจเล็กน้อย ที่ปกติสหายมักจะไม่ไปที่ใด รวมถึงตัวนางเองเช่นกัน เกิดอยากจะเดินเที่ยวในหมู่บ้าน แต่ด้วยความที่เสี่ยวจวนเป็นเด็กสาวที่ไม่ได้มีความคิดที่ซับซ้อน จึงได้แต่พยักหน้าให้กับสหายไป “เดี๋ยวรอพี่ใหญ่ข้ากลับมาก่อน” นางไม่อยากทิ้งมารดาไว้เพียงคนเดียว จึงต้องรอให้พี่ใหญ่กลับมาเสียก่อน และเมื่อเขากลับมาแล้ว นางกับเสี่ยวจวนจึงออกจากบ้านของนางพร้อมกันทันที ที่จริงนางมีหลายอย่างที่ต้องการสอบถามเสี่ยวจวน ทั้งเรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้านแห่งนี้ แคว้นนี้ ผู้คน เพื่อจะได้คิดหาช่องทางวางแผนการเพื่ออนาคต แต่ในยามนี้เรื่องของภรรยาใหม่ของบิดาก็สำคัญนางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร แม้ภาพในหัวของจูกุ้ยหยวนจะแวบหลายอย่างเข้ามา แต่บางอย่างก็ไม่ชัดเจน “แคว้นที่เราอยู่นี้ชื่อว่าแคว้นเซี่ย เมืองที่เราอยู่คือเมืองอันหนิง อำเภอเสิ่งซี หมู่บ้านเถียนเกา” ด้วยความที่เสี่ยวจวนเป็นคนซื่อ ไม่ว่าสหายถามสิ่งใดก็ตอบหมด แม้ว่าเกือบทุกคำถามจะเป็นสิ่งที่ควรรู้อยู่แล้วก็ตาม เมื่อฟังมาเกือบทั้งหมด นางจึงได้คำตอบว่า ที่ที่นางอยู่นี้เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากเมืองหลวง ห่างไกลความเจริญ ตัวอำเภอยังห่างไปอีกมากหากนั่งเกวียนก็ใช้เวลาเดินทางราวสองชั่วยาม ไปกลับก็สี่ชั่วยาม เรียกได้ว่าหากจะเข้าอำเภอต้องสละเวลาในวันนั้นไปเลย อาชีพของชาวบ้านที่ยึดเป็นอาชีพหลักก็จะเป็นการทำเกษตรและเลี้ยงสัตว์เป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้มีนอกเหนือหรือแตกต่างจากนี้เท่าใดนัก และสิ่งที่นางได้ฟังและยิ่งไม่อยากอยู่ที่นี่คือ ชาวบ้านที่นี่ไม่เป็นมิตรเท่าใดนัก รวมหัวนินทาและเห็นแก่ตัวเป็นที่หนึ่ง เสี่ยวจวนที่อยู่กับมารดาสองคนยังโดนไปไม่น้อย ครานี้มาถึงอีกเรื่องที่สำคัญ “เสี่ยวจวน เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับสวีต้าต่านและบุตรของนางหรือไม่” เสี่ยวจวนก้มหน้าลงครู่หนึ่งคล้ายกำลังทบทวนสิ่งที่ตนเองรู้ “นางเป็นบุตรสาวของผู้นำหมู่บ้าน....” สวีต้าต่านเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของผู้นำหมู่บ้าน ผู้เฒ่าสวี เป็นสตรีที่เคยเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของหมู่บ้านเถียนเกาแห่งนี้ ว่ากันว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วได้ตบแต่งกับคนมีเงินที่อยู่ในเมืองอันหนิง กลายเป็นฮูหยินเอกมีบุตรสาวหนึ่งคนคือสวีอ้ายเหมย ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นปี สองแม่ลูกก็กลับมาที่หมู่บ้าน เห็นว่าสามีตายและไม่อยากอยู่ที่เมืองอันหนิงจึงกลับมาที่หมู่บ้านเถียนเกาแห่งนี้ และสุดท้ายก็ได้มาพบรักกับบิดาของนางเมื่อไม่นานนี้เอง แต่ยิ่งฟังนางยิ่งรู้สึกว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังยิ่งกว่านั้น แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาไปสืบเสาะอันใด และอีกอย่างที่นางไม่ชอบหมู่บ้านแห่งนี้มากขึ้นนั่นก็คือความหลายมาตรฐานของที่นี่ สวีต้าต่านก็เป็นแม่หม้าย แต่กลับไม่โดนชาวบ้านว่าร้ายอันใดต่างกันกับท่านน้าเจิงซื่อ มารดาของเสี่ยวจวนที่โดนต่าง ๆ นานา เหตุผลนั่นก็เพียงเพราะว่าสวีต้าต่านเป็นบุตรสาวของผู้นำหมู่บ้าน…. เหอะ! ระหว่างที่นางกำลังยืนพูดคุยกับเสี่ยวจวนอยู่นั้นสายตาก็หันไปเห็นบิดากำลังเดินมาเพียงผู้เดียว ดูจากทิศทางน่าจะกลับบ้าน นางจึงดึงให้เสี่ยวจวนไปหลบอยู่หลังต้นไม้ แม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องหลบ แต่คงเพราะยังไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาให้อารมณ์ขึ้นในตอนนี้ “เสี่ยวจวน เจ้าพาข้าไปบ้านของผู้นำหมู่บ้านหน่อยสิ”ตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ