ตอนที่
[5] แผนการชั่วร้าย เสี่ยวจวนก็คือเสี่ยวจวนสงสัยแต่ก็ไม่ได้สอบถามอันใด ทั้งยังว่าง่าย บอกให้พาไปที่ใดก็ไป ที่นางอยากไปบ้านของผู้นำหมู่บ้าน นางเพียงมีลางสังหรณ์ว่านางจะได้รู้อะไรบางอย่างที่นั่น เมื่อไปถึงจูกุ้ยหยวนก็ลอบมองอยู่ด้านนอกอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเห็นว่าสวีต้าต่านและสวีอ้ายเหมยอยู่ที่นั่น นางจึงพาเสี่ยวจวน ลอบไปแอบฟังอยู่บริเวณที่ใกล้กับสองคนนั้นให้มากที่สุด เมื่อได้ที่เหมาะ ๆ แล้ว นางจึงเอานิ้วมาจุ๊ที่ปาก เป็นสัญญาณบอกเสี่ยวจวนว่าให้เงียบที่สุด อย่าพูดอันใด อีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย ดูเหมือนว่าในห้องนี้จะไม่ได้มีแค่สองแม่ลูก ยังมีผู้นำหมู่บ้านเช่นผู้เฒ่าสวี และนางกัวซื่อ บิดามารดาของสวีต้าต่าน “ข้าคงห้ามปรามเรื่องเจ้ากับบุรุษไม่เอาไหนผู้นั้นไม่ได้แล้ว ได้ข่าวว่าเมื่อคืน เจ้าไม่ได้นอนที่บ้านหลังนั้นหรือ” เสียงผู้เฒ่าสวีเอ่ยขึ้น “ไม่ได้นอน ข้าวก็ไม่ได้กิน ต้องไปกินข้าวที่อื่น” “เพราะเหตุใดกัน” ครานี้นางกัวซื่อเอ่ยถามบุตรสาว “จะอย่างไร ก็เพราะนังเด็กเวรนั่นน่ะสิ ร้ายนัก ทำอาหารหมูมาให้ข้ากับเหมยเออร์กิน” “เจ้าหมายถึงบุตรสาวคนเล็กของจูหมิงยู่น่ะหรือ เด็กคนนั้น มิใช่ว่าซื่อบื้อทั้งยังไม่มีปากเสียงมิใช่หรือ เหตุใดจากที่เจ้าเล่าจึงไม่เป็นเช่นนั้น” “ไม่มีปากเสียงอันใดหรือ เถียงบิดาฉอด ๆ ๆ ๆ ไม่ยอมลงแม้แต่น้อย กับข้าก็ไม่มีมารยาทให้เลยสักนิด ทั้งสายตาเช่นนั้น ข้าเกลียดมันนักท่านแม่” สวีต้าต่านกล่าวด้วยน้ำเสียงชิงชัง ในขณะที่ผู้รับฟังอยู่ด้านนอกกลับยกยิ้มขึ้น นี่น่ะหรือสตรีอ่อนหวานที่แสดงเมื่อวานนี้ ปากคอเราะร้ายไม่น้อย “ข้าก็ไม่ชอบมันเจ้าค่ะท่านยาย เป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านต่ำต้อย กล้าดีอย่างไรมาทำกับหลานเช่นนั้น ต่ำช้านัก” นี่ก็ปากคอเราะรายไม่แพ้มารดา นางคิดแล้วเชียวว่าสวีอ้ายเหมยต้องมีความร้ายกาจไม่น้อย ดูจากสายตาของอีกฝ่ายยามที่มองมาแล้ว “ท่านแม่ ข้าอยากจะไล่พวกมันสามแม่ลูกออกจากบ้านนัก ขวางหูขวางตาเหลือเกิน” สวีต้าต่านนั้นอยากอยู่กันเพียงสามคนพ่อแม่ลูกเท่านั้น ในอนาคตก็จะมีบุตรของตนกับจูหมิงยู่เพิ่มขึ้นมาอีก เพียงเท่านี้ครอบครัวก็สมบูรณ์แล้ว แต่ยามนี้คล้ายมีก้างขวางคอชิ้นใหญ่อยู่ ภรรยาคนแรกของสามีแม้ว่าเจ็บป่วยแต่ก็ยังมีเค้าความงาม เห็นแล้วช่างหงุดหงิดนัก ไหนจะบุตรสาวและบุตรชายของอีกฝ่ายอีก โดยเฉพาะบุตรสาวที่นางได้พบเมื่อวาน ยิ่งทำให้นางเกลียดยิ่งนัก หากถามว่าตนชื่นชอบอันใดจูหมิงยู่ ทั้งที่ผู้ใดก็กล่าวว่าเขาไม่เอาไหน ทั้งยังขี้เกียจ เหตุผลง่าย ๆ ที่นางชอบเขานั่นก็เพราะเขามีใบหน้าที่หล่อเหลา หล่อเหลายิ่งเสียกว่าสามีเก่าของนางเสียอีก อีกอย่างที่นางชื่นชอบมากที่สุด นั่นก็คือลีลาบนเตียงอันเร่าร้อนของอีกฝ่าย ยากที่จะปล่อยให้หลุดมือไปได้ ส่วนเรื่องเงินทอง ยามนี้นางยังไม่ได้ขัดสนเท่าใด ตอนที่ออกจากตระกูลนั้นก็พอได้ติดตัวมา ไหนจะบิดามารดานางก็พอมีเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นหากไม่มีสิ่งใดทั้งหมดข้างต้น จูหมิงยู่ก็ยังมีบางสิ่งที่สามารถทำให้นางและครอบครัวสบายได้อยู่ ยามนี้สิ่งที่นางต้องการคือกำจัดสามแม่ลูกออกจากชีวิตของพวกนางก่อนเท่านั้น “พวกเจ้าสองแม่ลูกใจเย็น ๆ ข้ามีวิธีจัดการให้อยู่” ฟังจากน้ำเสียงของนางกัวซื่อช่างดูเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก “อันใดหรือท่านแม่” สวีต้าต่านเมื่อเห็นสายตามารดาก็เริ่มอยากรู้วิธีการเสียแล้ว “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเก็บเกี่ยวผลผลิตของบ้านเจ้าแล้ว เด็กสองคนนั้นคือกำลังหลัก ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้นก่อน ปล่อยให้ทำงานกันไป พวกเจ้าก็จะได้มีข้าวกิน ไม่ต้องไปหาซื้อข้างนอก หลังจากฤดูเก็บเกี่ยว ก็จะเข้าหน้าหนาว ยามนี้แหละที่เด็กคนนั้นจะได้พ้นจากสายตาของพวกเจ้า” “อย่างไรกัน” “ระหว่างนี้ที่เด็กสองคนนั้นไปทำงาน เจ้าก็ไปหาบุรุษมาสักคนเตรียมเอาไว้ หลังการเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้น เจ้าก็ตบแต่งนังเด็กนั่นออกไปกับบุรุษผู้นั้นเสีย นอกจากพวกเจ้าจะได้กำจัดคน ทั้งยังจะได้เงินค่าสินสอดอีกด้วย ส่วนบุรุษผู้นั้นจะดีหรือเลว.... พวกเจ้าก็เลือกเอาแล้วกัน” กล่าวแล้วนางกัวซื่อก็ยิ้มให้ทั้งคู่อย่างมีเลศนัย สองแม่ลูกเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มกลับไปเช่นเดียวกัน “ส่วนบุตรชายคนโตนั้น ยังถือว่ามีประโยชน์ เห็นว่าเป็นคนเอาการเอางานทั้งยังไม่มีปากเสียง เจ้าก็จัดการหาสตรีซื่อ ๆ มาสักคนแล้วตบแต่งเข้าบ้านเสีย สินสอดก็ไม่ต้องมากมาย จากนั้น ก็สร้างกระท่อมสักหลัง ให้พวกมันไปอยู่ด้วยกัน แต่อย่าทำสัญญาแยกบ้านเด็ดขาด จากนั้นเจ้าก็ปล่อยให้พวกมันทำไร่ทำนาเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วยกันไปแล้วก็ส่งผลผลิตมาให้พวกเจ้า อย่างไรก็ถือว่าเป็นบ้านใหญ่ ส่วนเจ้ากับเหมยเออร์ ไหนจะจู หมิงยู่ก็จะได้อยู่สบายไปตลอด ไม่ต้องไปทำงานหนักแต่ก็มีกินตลอดทั้งปี” “ส่วนเรื่องบ้านใหญ่ตระกูลจูที่มักเอาเปรียบเรื่องผลผลิต ไหนจะที่นานั้น เดี๋ยวข้าจะจัดการเอง” ครานี้ผู้เฒ่าสวีกล่าวขึ้น ด้านจูกุ้ยหยวนได้แต่กำหมัดแน่นอยู่ด้านนอก ครอบครัวนี้คิดจะขายนางทั้งยังจะใช้แรงงานพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ในอนาคตของนางอย่างหนักอีก ชั่วช้านัก!! “แล้วฉินกุ้ยหลินเล่า จะจัดการอย่างไร” สวีต้าต่านหมายถึงนางฉินซื่อ “สตรีนอนเป็นผักใกล้ตายเช่นนั้นเจ้าจะกลัวอันใด ข้าไปถามหมอในหมู่บ้านที่ไปรักษาแล้ว สตรีผู้นั้นอยู่มาได้ถึงหกเดือนขนาดนี้ถือว่าเบื้องบนเมตตามากแล้ว ด้วยตกเลือดมากเพียงนั้น ทั้งร่างกายยังไม่ค่อยดี หมอถงกล่าวว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน หลังจากที่เจ้าขายนังเด็กนั่นออกไป ทั้งจัดการบุตรชายคนโตแล้ว ก็ให้นางฉินซื่อไปอยู่กระท่อมกับบุตรชาย เจ้าก็อยู่บ้านใหญ่ไป ด้วยสภาพร่างกายเช่นนั้น ทั้งจิตใจยังย่ำแย่ที่บุตรสาวถูกขายออกไป ไหนจะหน้าหนาวที่คอยเสียดแทงเข้าไปในกระดูก สภาพเช่นนั้นคงอยู่ได้ไม่นานแน่ เพียงเท่านี้เจ้าก็ไม่มีขวากหนามอันใดแล้ว ระหว่างนี้พวกเจ้าก็ทน ๆ ไปก่อน” นางกัวซื่อกล่าวยืดยาวก่อนจะลงด้วยท้ายบทสรุป “ท่านยายฉลาดนักเจ้าค่ะ” สวีอ้ายเหมยเอ่ยขึ้นเสียงใส “หลานรักของยาย จากนั้นเจ้าก็จะไม่มีผู้ใดคอยอยู่ให้รกสายตาแล้ว” นางกัวซื่อกอดหลานสาวด้วยความรักใคร่ หากแต่สวีอ้ายเหมยเบือนหน้าหนีอย่างเป็นธรรมชาติ นางไม่ชอบกลิ่นกายท่านยาย เหม็นยิ่งนัก จูกุ้ยหยวนกำหมัดแน่นไปตลอดทาง แม้แต่เสี่ยวจวนคนซื่อเมื่อได้ยินครอบครัวสวีกล่าวเช่นนั้น ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย แผนการเช่นนี้ คนดี ๆ ที่ใดจะทำกันตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ