Share

บบที่5 ข่าวใหญ่

last update Huling Na-update: 2025-03-06 12:52:38

ภายในคฤหาสน์ตระกูลเชาฮาน ที่ตกแต่งด้วยผ้าไหมสีทองและแดงเข้ม ประดับด้วยดอกไม้หลากสีเรียงรายตลอดแนวระเบียง กลิ่นกำยานอ่อนๆ หอมอบอวลทั่วงานโถงใหญ่ แสงไฟจากโคมระย้ากระทบกับเครื่องประดับอันหรูหรา สร้างบรรยากาศอันโอ่อ่า

ศิวะปรากฏตัวในชุดโจฎปุรีประดับลวดลายทองอันวิจิตร บ่งบอกถึงความสง่างามและฐานะที่น่าเกรงขาม เสื้อคลุมของเขาถักทอด้วยผ้าชั้นดีตัดเย็บอย่างประณีต มีลวดลายราชสีห์อันทรงอำนาจ เขาก้าวเข้ามาในงานอย่างสง่าผ่าเผย ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา

ที่หน้าทางเข้างาน อัมมาวดีและอัมพิกา ลูกสาวทั้งสองของตระกูลเชาฮาน ยืนต้อนรับแขกด้วยรอยยิ้ม

อัมมาวดีอยู่ในชุดส่าหรีสีแดงเข้มปักลายทองละเอียดอ่อน ผ้าอาภรณ์สะท้อนแสงไฟระยิบระยับ ทรงผมเกล้ามวยสูง ตกแต่งด้วยดอกมะลิสดและจิวเวลรีที่ทำจากเพชรน้ำงาม ดูงดงามราวกับนางพญา

อัมพิกาแต่งกายในชุดเลเฮนกาสีชมพูพีชประดับด้วยงานปักสีเงิน เสื้อครอปเข้ารูปเผยให้เห็นความอ่อนหวานของวัยสาว เธอประดับสร้อยคอพลอยสีชมพูเข้ากับต่างหูระย้าเข้ากับดวงตาสีน้ำผึ้งประกายสดใสของเธอ สองพี่น้องยืนเคียงกันเป็นภาพที่งดงามประหนึ่งนางเทพีแห่งความงามประจำค่ำคืน สร้างความประทับใจให้แขกเหรื่อที่เดินผ่านไปมา ทันทีที่ชายหนุ่มปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า อัมมาวดีถึงกับชะงักไปเพราะไม่คิดว่าอดีตคนรักจะมางานนี้

" ศิวะ ไม่คิดว่าคุณจะมานะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ" น้ำเสียงจืดชืดถูกมอบให้กับอดีตคนรัก รอยยิ้มที่ฝืดเคืองปรากฏขึ้นบนใบหน้า ตรงข้ามกับอดีตคนรักอย่างศิวะที่กำลังยิ้มบางๆให้พวกเธอ

" พวกเรารู้จักกันมานาน ทำไมผมจะมาไม่ได้ล่ะครับ อีกอย่างพ่อของทุกคนเป็นคนเชิญผมเอง ผมก็ต้องให้เกียรติมางานนี้" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ติดขัด พลางต้องมองใบหน้าสละสวยของอดีตคนรัก ดวงตาคมวูบไหวชั่วขณะหนึ่ง ในใจของเขาก็รู้สึกคะนึงหา เจ็บปวดและเคียดแค้น ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยซ่อนความรู้สึกมากมายไว้ข้างใน

สายตาของแขกในงานต่างจ้องมองมายังทั้งสองพลางซุบซิบกันอย่างออกรถ

" นี่ ได้ข่าวว่าลูกสาวคนโตบ้านนี้หักอกคุณศิวะ แล้วไม่มีคนอื่นนะเธอ "

" จริงหรอ คบกันมาตั้ง 5 ปี คิดว่าจะมีข่าวดีกันแล้วนะเนี่ย "

" จริงเธอ " เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบด้านของทั้งสามคน แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้สนใจเสียงรอบข้างเลยสักนิด

" คุณดูเปลี่ยนไปมากนะคะ ศิวะ " เสียงของอัมมาวดีกล่าวขึ้นอย่างเคร่งเครียด เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นข้างของเธอจนหญิงสาวแทบมุดดินหนี

" เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน การจมอยู่กับอดีตมันไม่ได้ช่วยอะไร เธอไม่คิดแบบนั้นหรออามู " ชายหนุ่มต้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ คำพูดและรอยยิ้มของชายหนุ่มกรีดลึกเข้าไปในใจ หญิงสาวพยายามรักษาท่าทีเรียบเฉยเอาไว้ ทว่าในใจกลับร้อนรุ่ม ท่าทางของอดีตคนรักผิดแปลกไปทำให้เธอรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ

" อ้าว...คุณศิวะ " เสียงของราฟี เชค ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ชายหนุ่มเดินเข้ามาจากทางด้านหลังของสองสาว พลางใช้มือโอบไหล่ของคนรักเอาไว้อย่างอ่อนโยน

"ยินดีต้อนรับเข้าสู่งานครับ ไม่คิดว่าคุณจะมานะ" ศิวะแสยะยิ้มออกมา แววตาคมกริบจ้องมองการกระทำนั้นด้วยสายตาดุดัน ยิ่งเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าเขาก็ยิ่งรู้สึกแค้นเคืองมากขึ้น ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไร เขาเดินผ่านสองคู่รักไปอย่างไม่แยแสทว่าในใจของเขากลับเดือดพล่านด้วยเพลิงแค้นที่สุมอยู่ในใจ

อัมพิกาหันมองตามร่างสูงของศิวะไปด้วยความไม่สบายใจ ดวงตาคู่สวยฉายแววความกังวล เธอมองพี่สาวสลับกับแผ่นหลังของร่างสูง ก่อนที่จะตัดสินใจเดินตามคนพี่ไปด้วยความเป็นห่วงคนที่เธอเคารพดุจดั่งพี่ชาย

" อามิ! จะไปไหนน่ะ! " เสียงร้องเรียกของพี่สาวไล่ตามหลังเธอ ทว่าอัมพิกากลับไม่สนใจเลยสักนิด เธอเป็นห่วงชายหนุ่มตรงหน้ามากกว่า

ศิวะเดินออกมาไกลถึงระเบียงด้านนอก เขายืนมองวิวทะเลนิ่ง ภาพทั้งสองโอบกอดกันทำเอาหัวใจเขาบีบรัดด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน พวกเขาดูมีความสุขกันมากขณะที่เขาต้องอยู่กับความเจ็บปวดทุกวี่ทุกวัน

ยิ่งคิด...ก็ยิ่งแค้นเคือง..

"พี่คะ! " หญิงสาววิ่งตามหลังชายหนุ่มมายังระเบียงด้านนอก ร่างสูงใหญ่ยืนมองวิวทะเล สายลมอ่อนๆพัดผ่านร่างกายทว่าหัวใจเธอกลับร้อนรนราวกับโดนเผา อัมพิกาเดินเข้ามาหาชายหนุ่มจากทางด้านหลัง แผ่นหลังกว้างดูทระนง อ้างว้าง โดดเดี่ยวจนเธอรู้สึกเจ็บที่เขาต้องเจ็บปวดเพราะการกระทำของพี่สาวเธอ

" พี่คะ เป็นอะไรไหมคะ" หญิงสาวถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงพลางเอามือแตะแขนอีกฝ่ายเบาๆ ทว่าฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มกลับรวบข้อมือเธอเอาไว้ สายตาดุดันมองหญิงสาวด้วยความเดือดดาล ใบหน้าสวยที่ละม้ายคล้ายคลึงพี่สาว ยกเว้นดวงตาสีน้ำผึ้งสวยกำลังมองเขาด้วยความเป็นห่วง

" เป็นอะไรไหมหรอ หึ!.. " ชายหนุ่มหัวเราะเย้ยหยันในลำคอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทว่า...แววตาสีนิลกลับสั่นไหวราวกับซ่อนอะไรไว้ ศิวะปล่อยมือเธออย่างแรง

" กลับไปซะ ฉันอยากอยู่คนเดียว" ข้อมือบางขึ้นรอยแดงจากการบีบ แต่เธอกลับเจ็บปวดในใจมากกว่า เพราะท่าทาง คำพูด และน้ำเสียงของชายหนุ่มช่างดูห่างเหิน เขาเปลี่ยนไปราวกับคนละคน

" แต่ฉันเป็นห่วงพี่นะคะ "

"เป็นห่วง ? เธอนะหรอ? อยากปลอบใจฉันงั้นสิ" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามก่อนจะใช้สายตากวาดมองทั่วเรือนร่างของหญิงสาวอย่างหยาบโลน ฝ่ามือปัดปอยผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายออก ก่อนจะเลื่อนมือไปโอบเอวบางแล้วดึงเข้าหาตัวเองอย่างแรง รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าแล้วโน้มหน้าเข้าใกล้เธอ ใบหน้าของเขาห่างกับใบหน้าของเธอเพียงคืบเดียว

"พี่จะทำอะไรคะ.?" อัมพิกาในเวลานี้หวาดกลัวชายหนุ่มเป็นอย่างมาก ฝ่ามือบางพยายามดันหน้าอกของอีกฝ่ายออก แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะร่างกายสูงใหญ่ของศิวะต่างจากร่างกายของเธอมาก

" ปล่อยนะคะ " หญิงสาวพยายามดันร่างกายของอีกฝ่ายออกไปอย่างสุดแรง แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลย

" ทำไม อยากปลอบไม่ใช้หรอ" น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบลงข้างหู ฝ่ามือบีบเอวบางอย่างหยอกล้อ แต่เธอไม่สนุกด้วย!

" พี่เป็นอะไรไปคะ " คนตรงหน้าเธอเปลี่ยนไปเยอะมาก จากคนที่อ่อนโยนแสนดีเป็นคนหยาบคาย แข็งกระด้าง พี่เขาไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยรู้จัก

" ปล่อยนะคะ " หญิงสาวดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของคนตรงหน้า จนเขาต้องกระชับอ้อมกอดแน่น

" อย่าเข้าใกล้ฉันอีก ถ้าเธอไม่อยากเจ็บปวดไปชั่วชีวิต " ชายหนุ่มกล่าวเตือน ตามแผนเดิมเขาจะต้องทำให้อัมมาวดีเจ็บปวดโดยไม่สนว่าใครจะเดือดร้อน แต่หญิงสาวตรงหน้าคือคนที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องสาวแท้ๆ ฝ่ามือร้อนไล้ใบหน้าสวยมาหยุดอยู่ตรงริมฝีปากอวบอิ่ม ดวงตาสีนิลสว่างวาบก่อนจะผลักคนตัวเล็กออกเล็กน้อย ผมที่ถูกเซตมาอย่างดีถูกเสยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

ภาพของอดีตคนรักซ้อนทับอัมพิกาจนเขาเสียการควบคุม แววตาเย็นชาแฝงไปด้วยความเจ็บปวดบาดลึกลงในใจ ความรู้สึกปวดหน่วงคอยบีบรัดหัวใจจนแทบจะบ้าเมื่อได้เห็นน้ำตาที่คลออยู่บนดวงตาคู่สวย

" ทำไหมพี่ถึงเป็นแบบนี้ " ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา เขาเคยเป็นคนที่อ่อนโยน ใส่ใจ คอยดูแลเธอเหมือนเธอเป็นน้องสาวของเขา ตอนนี้เขาเหมือนคนแปลกหน้าที่เธอไม่เคยรู้จัก น้ำตาเอ่อล้นออกมาเป็นสายด้วยความเสียใจที่เขาเปลี่ยนไป

ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้หรือพี่สาวของเธอทำให้เขาเจ็บปวดจนต้องสร้างกำแพงขึ้นแบบนี้ขิ้นมา

"กลับไปซะ ! ฉันอยากอยู่คนเดียว " ชายหนุ่มหันหลังให้เธอ ยิ่งเขาเห็นเธอ ก็ยิ่งลังเล ไม่ได้อยากทำร้ายเธอ แต่ก็ไม่อาจปล่อยวางความแค้นในใจลงได้ จนกว่าอัมมาวดีและราฟีจะเจ็บปวดเหมือนที่เขาเคยเจ็บ ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ในใจเขารู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก

อีกมุมนึงของงาน ภายในห้องนอนที่ประดับด้วยผ้าม่านสีทอง และเครื่องไม้สักสีเข้ม แสงจากโคมไฟระย้ากระทบบนพื้นกระเบื้องหินอ่อน ศิลปะรูปปั้นโบราณถูกวางไว้บนพื้นห้องทั้งสามชิ้น ริมหน้าต่างถูกเปิดออกเผยให้เห็นสวนดอกไม้อยู่ด้านนอก กลิ่นหอมจากดอกกุหลาบและดอกมะลิส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ ปราโมทย์ เชาฮาน นั่งอยู่คนโซฟาตรงปลายเตียงด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ตรงหน้าเขามีร่างของคุณหมอหนุ่มยืนอยู่

" ไหนลองบอกเหตุผลดีๆสักข้อได้ไหม ว่าทำไมนายถึงต้องทำร้ายเธอ" ศานนท์พูดเสียงเย็น ปรายตามองเจ้าของห้องอย่างโกรธเคือง

" ผู้ชายไม่ว่าจะโกรธสักแค่ไหน ต่อให้โกรธจะไม่มีสติก็ไม่ควรไปทำร้ายผู้หญิง โดยเฉพาะภรรยาของตัวเอง " คุณหมอหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก พลางมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาเชือดเฉือน ปราโมทย์ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เขาถูกเพื่อนสนิทอบรมบ่มนิสัยมาเกือบชั่วโมงแล้ว จนขี้หูออกมาเต้นระบำได้

" ฉันแค่โกรธ แค่..."

" แค่? เหอะ!" ศานนท์พูดแทรกเสียงแข็ง

" นายก็แค่โกรธจนขาดสติ จนทำร้ายเธอ...และความเจ็บปวดของกาญจีล่ะ ต้องให้เธอแบบรับคำว่า 'แค่โกรธ' ของนายไปจนถึงเมื่อไหร่นายถึงจะพอ ปราโมทย์" คุณหมอหนุ่มแทบจะพ่นไฟใส่เพื่อนสนิทได้อยู่แล้ว ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโมโห

" ฉันรู้ว่าฉันผิด แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขมันยังไง" หนุ่มใหญ่พูดเสียงแผ่ว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ดวงตาสีสวยหม่นหมองด้วยความรู้สึกผิดและโกรธตัวเอง

" ไม่รู้จะแก้ไขยังไง อยู่มาจนเกือบจะ 60 อยู่แล้ว นายยังไม่รู้อีกหรอว่าจะต้องทำยังไง แต่ก็เอาเถอะ นายมันเย็นชา เฉยชาอยู่แล้ว ปราโมทย์ ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ ถึงนายจะไม่ได้รักเธอ แต่ก็ไม่ควรไปทำร้ายเธอแบบนั้น เธอเป็นภรรยา เป็นคู่ชีวิต แล้วก็เป็นแม่ของลูกนาย ได้โปรดให้เกียรติร่างกายและหัวใจของเธอ เข้าใจไหม "

บรรยากาศในห้องหนักอึ้ง ความตึงเครียดถาโถมใส่เจ้าของห้อง ปราโมทย์นิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา กดไปที่หมายเลขโทรศัพท์ที่คุ้นเคย ใช้เวลารอสายไม่นานเสียงจากปลายสายกระดังขึ้น

( ฮัลโหล)

(ทัช ช่วยมารับศานนท์หน่อย) หนุ่มใหญ่บอกปลายสายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า

( เขาจะฆ่าฉันอยู่แล้ว) เสียงหัวเราะดังขึ้นจากปลายสายอย่างขบขัน

( เขาคงด่าคุณมากกว่าที่จะฆ่าคุณอีกนะ เอาเป็นว่าผมจะรีบไปก็แล้วกัน) เมื่ออีกฝ่ายตอบตกลงปราโมทย์ก็วางสายไป สายตาเหลือบมองเพื่อนสนิทที่ยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาอาฆาต

" เอาเป็นนายสอนฉันแค่นี้ก็แล้วกัน ทัชกำลังจะมารับนาย หวังว่านายคงไม่ด่าฉันจนเขามาถึงหรอกนะ"

" นายนี่มัน..." ศานนท์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยใจ ไม่รู้ว่าเขาตาบอด หรือว่าถูกมนต์สะกดถึงได้มาเป็นเพื่อนกับคนเย็นชาเหมือนน้ำแข็งพันปีอย่างปราโมทย์ แต่ก็เอาเถอะ อุตส่าห์คบกันมาตั้ง 40 ปีแล้ว จะเลิกคบตอนนี้ก็คงไม่ได้

" ฉันต้องไปแล้ว ส่วนนายก็นั่งทบทวนความผิดของตัวเองอยู่ในห้อง ฉันจะไปรอด้านนอก" พูดจบคุณหมอหนุ่มก็เดินออกไปพร้อมกับชายคนรัก เหลือเพียงเจ้าของห้องนั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว

ปราโมทย์ เชาฮาน เกิดมาในตระกูลชนชั้นราชปุตที่เก่าแก่ที่สุดในอินเดีย เป็นตระกูลชนชั้นสูง ต้นตระกูลเป็นถึงนักรบเคียงบ่าเคียงไหล่พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ มีทั้งเกียรติยศและประวัติอันยาวนาน เขาจึงทระนงตน เย่อหยิ่ง เย็นชา งั้นก็พอชายหนุ่มเกิดมาเป็นความหวังของพ่อแม่ ตั้งแต่เล็กจนโตปราโมทย์ไม่เคยได้เที่ยวเล่นสนุกเหมือนคนอื่นๆ ตั้งแต่จำความได้เขาก็ต้องฝึกมารยาทของชนชั้นสูง ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัว ไม่มีโอกาสได้ไปใช้ชีวิตอิสระ เมื่อพ่อยกทุกอย่างให้เขา เขาก็เลยต้องรับผิดชอบงานมากขึ้น ชีวิตหลายชีวิตอยู่ในกำมือของเขาเพียงแค่จรดปลายปากกาลงบนแผ่นกระดาษ ส่วนกาญจีในตอนนั้นเธอเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลาย ที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับเขายังไม่มีทางเลือก ชีวิตคู่เริ่มขึ้นปราศจากความรัก พวกเขาใช้เวลาปรับตัวเข้าหากันอยู่นับปี ก็มีลูกสาวคนแรกออกมา อัมมาวดี ที่หมายถึงแผ่นดินของแม่ ลูกสาวคนนี้พวกเขาคอยรักคอยทะนุถนอมเธอ แล้วค่อยประคับประคองดูแลภรรยา เวลาเธอเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก และเหนื่อยจากการทำงานบ้าน ปราโมทย์ก็เลยสละเวลาจากการทำงานมาดูแลลูกสาวคนโตในช่วงเวลาที่ภรรยาพักผ่อน จนกระทั่งล่วงเลยเวลาไปหกปี ลูกสาวคนที่สองก็ถือกำเนิด อัมพิกา ชื่อนี้ปราโมทย์เป็นคนตั้งให้ หมายถึง หญิงแห่งสายน้ำ และ ผู้เป็นมารดา พวกเขาคอยประคับประคองลูกสาวทั้งสองจนเติบโตมาอย่างสวยงาม ในบางครั้งพวกเขาก็ขึ้นไปขอพรที่วิหารของมหาเทพเพื่อจะขอลูกชายสักคนให้มาสืบทอดธุรกิจของตระกูล แต่นานวันเข้าความหวังเขาก็เริ่มริบหรี่พร้อมทั้งอายุของภรรยาที่เพิ่มขึ้น จะล่วงเลยมายี่สิบแปดปี ปราโมทย์ก็เริ่มทำใจได้แล้วว่าธุรกิจของครอบครัวเขาจะเป็นคนบริหารมันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ส่วนลูกสาวทั้งสองเขาอยากให้ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่ต้องแบกรับภาระอะไรมากมาย ชายหนุ่มจึงเก็บทุกอย่างไว้เพียงคนเดียว ทั้งปัญหาเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เขาไม่เคยบอกใคร มีก็เพียงแต่ภรรยาที่คอยสังเกต ใครนั่งอยู่ข้างๆให้กำลังใจ คอยทำอาหารแสนอร่อย ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ได้คุยกันมากนักทว่าพวกเขากลับเข้าใจกันมากกว่าที่คิด ชีวิตคู่ที่แสนเรียบง่ายมาตลอดยี่สิบเก้าปี ไม่อาจเรียกว่ารักดั่งคนรักทั่วไป หากแต่ผูกพันกันดั่งเช่นคนในครอบครัว

__________

เกร็ดน่าอ่าน

ราชปุต (จากสันสกฤต ราชบุตร) เป็นกลุ่มขนาดใหญ่ หลายองค์ประกอบ ที่ประกอบด้วยชนชั้นวรรณะ, เครือสายคณาญาติ และกลุ่มท้องถิ่น ที่มีจุดร่วมคือสถานะทางสังคมและการเป็นผู้สืบเชื้อสายทางวงศ์วานมาจากอนุทวีปอินเดีย คำว่าราชปุตรวมถึงเผ่าวงศ์ตระกูลทางบิดา ที่ซึ่งในอดีตมีความเกี่ยวโยงกับความเป็นนักรบ

แหล่งข้อมูล : G****e

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • รอยรัก...ของซาตาน   บทที่ 35 คำถาม

    บ้านเชาฮาน, เมืองอุทัยปุระสายลมเย็นพัดผ่านร่างของหญิงสาวที่ออกมารับลมเล่นที่ระเบียงห้อง ดวงตาสีน้ำผึ้งทอดมองไปยังพื้นผิวของน้ำทะเลสาบที่เป็นประกายระยิบระยับใต้แสงแดด เสียงคลื่นกระทบชายฝั่งเป็นจังหวะ บรรยากาศดูสงบร่มเย็น ทว่า...หัวใจของเธอกลับไม่ได้สงบเช่นบรรยากาศ นี่ก็ผ่านมาห้าวันแล้วนับแต่วันที่เธอออกจากโรงพยาบาล ศิวะไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย จะมีเพียงแค่ส่งข้อความมากวนประสาทเป็นบางวัน เธอละสายตาจากวิวทะเลมาที่โทรศัพท์เครื่องหรูในมือ ปลายนิ้วเลื่อนปลดล็อคหน้าจอ เธอเปิดค้างอยู่ที่รายชื่อติดต่อ เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเปิดหน้านี้ค้างไว้ แต่... อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานหมั้นของพี่สาวของเธอ และปราโมทย์พ่อของเธอก็เชิญเขามางานนี้ด้วย ซึ่งเธอไม่มั่นใจเลยว่าชายหนุ่มจะทำอะไรที่เหนือความคาดหมายหรือเปล่า"เลิกคิดเถอะ..." เสียงหวานพึมพำกับตัวเอง ปลายนิ้วของเธอลูบคลำบนหน้าจอโทรศัพท์ไปมา ก่อนจะปิดหน้าจอลง หญิงสาวพยายามทำให้ใจสงบ ทว่า... ยิ่งพยายามสงบใจมากขึ้นเท่าไหร่ ความรุ่มร้อนภายในจิตใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น...ความคิดมากมายทะลักเข้ามาในหัว มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ถ้าเกิดว่า...

  • รอยรัก...ของซาตาน   บทที่ 34 ความรู้สึกที่ซ่อนเร้น

    เมื่อชายหนุ่มออกไปแล้ว ปราโมทย์ก็อยู่เป็นเพื่อนลูกสาวอย่างเงียบๆ เขานั่งปอกผลไม้อย่างชำนาญ เก็บแอปเปิ้ลที่ถูกหั่นชิ้นอย่างสวยงามยื่นไปที่ปากของอัมพิกาอัมพิกาอ้าปากรับผลไม้ที่คนเป็นพ่อส่งให้ด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวปิดปากเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย การที่พ่อของเธอมานั่งปอกผลไม้และป้อนเธอนั้นเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก เพราะปกติแล้วปราโมทย์จะนั่งอยู่ในห้องทำงานทั้งวัน ยกเว้นเวลาทานอาหาร "ขอบคุณนะคะพ่อ" "ขอบคุณอะไร?" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบเฉย มือที่กำลังปอกผลไม้อยู่ถึงกับชะงัก "ก็... ขอบคุณที่ดูแลหนู แล้วก็เข้าไปช่วยหนูไงคะ" หญิงสาวเอนตัวไปซบที่แขนแกร่งอย่างออดอ้อน รู้สึกถึงฝ่ามือที่กำลังลูบผมเธออย่างอ่อนโยน ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มรับรู้ถึงความรักของพ่อที่มีต่อเธอ "ลูกสาวตกอยู่ในอันตรายทั้งที พ่อจะอยู่เฉยได้ยังไง" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พลางดันตัวลูกสาวออกมาเบาๆ "ค่า...แล้วแม่เป็นยังไงบ้างคะ?" "ก็เรื่อยๆ... ปกติดี ไม่ได้แพ้อะไร" อัมพิกาพยักหน้า มารดาของเธออายุก็มากแล้ว แต่ดันมาตั้งครรภ์อีก ไม่รู้ว่า... น้องในครรภ์จะเป็นผู้หญิงหรือ ผู้ชายกันนะ หญิงสาวคิดขึ้นมาด้วยความสงสัย มือบางหยิบแอป

  • รอยรัก...ของซาตาน   บทที่33 บาดเจ็บ

    อีกด้านหนึ่งของป่า ราฟีและปราโมทย์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เดินแกะรอยทั้งสามคนเข้ามาในป่า ที่นี่เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ทำให้ป่าที่นี่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ และมีสัตว์ร้ายชุกชุม พวกเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง จนกระทั่ง...ปัง! ปัง! มีเสียงปืนดังขึ้นในอีกด้านหนึ่งของป่า ทำให้พวกเขาหยุดชะงัก หัวใจของคนเป็นพ่ออย่างปราโมทย์เต้นรัวด้วยความหวาดกลัวและเป็นห่วงลูกสาวคนเล็กอย่างสุดซึ้ง เขาภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้าให้พระองค์คุ้มครองลูกสาวของเขาด้วย "เร็วเข้า!" ปราโมทย์คำรามใส่เจ้าหน้าที่เสียงดังลั่น คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน เขาเดินไปทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ราฟีและเจ้าหน้าที่เร่งเดิมตามหลังชายหนุ่มใหญ่อย่างเร่งรีบ นักการเมืองหนุ่มรับรู้ถึงความเป็นห่วงพี่มีต่อลูกสาวคนเล็กของปราโมทย์ได้เป็นอย่างดี ทว่า...เสียงปืนที่ดังใกล้ขนาดนี้ บางทีพวกเขาอาจจะอยู่ใกล้ๆแถวนี้ก็ได้ "เดี๋ยวก่อน" ชายหนุ่มหยุดว่าที่พ่อตาเอาไว้ ใบหน้าเคร่งเครียดของเขาทำให้ปราโมทย์ถึงกับหยุดชะงัก"มีอะไร?" "เสียงปืนดังใกล้ขนาดนี้ พวกคุณคิดว่าจะเป็นพวกไหน?" น้ำเสียงเรียกเฉยของเขาเอ่ยขึ้นมาอย่างเนิบนาบ ราฟีประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าเอาไว้ หากว

  • รอยรัก...ของซาตาน   บทที่32 บาดเจ็บ

    "บ้าเอ๊ย!" อาร์มันสบถในลำคอ ก่อนจะพุ่งเข้าเข้าไปตวัดขาใส่คนพูดเป็นแรก ท่ามกลางกลุ่มคนที่มีอาวุธครบมือ ปัง! ปัง! เสียงปืนดังก้องไปทั่วป่า กระสุนวิ่งผ่านหูในระยะประชิดจนทำให้อาร์มันเบี่ยงตัวหลบหลังต้นไม้แทบไม่ทัน เปลือกไม้แตกตามแรงปะทะ ท่อนไม้ในมือศิวะถูกเหวี่ยงออกไปผัวะ! กระทบกับร่างกายของกลุ่มชายในเครื่องแบบอย่างรุนแรง จนเซถอยไปหลายก้าว ฮาร์มันสบโอกาสก็พุ่งเข้าไปตวัดเท้ากระแทกปืนในมือศัตรูจนมันหลุดกระเด็นไป ด้านศิวะก็ไม่น้อยหนาใช้เท้าเตะเสยคางหนึ่งในนั้นจนสลบเหมือดอึก! อาร์มันรีบเข้าเตะซ้ำจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหมดสภาพแล้ว ก่อนจะหันหลังเข้าหากันเมื่อคนที่เหลือกระจายตัวมาล้อมพวกเขาเอาไว้ "คุณเคยแสดงละครไหม?" อาร์มันหอบหายใจหนัก พลางพูดหยอกเย้าอีกฝ่ายอย่างขี้เล่น"หึ!" ใบหน้าคมเข้มกระตุกรอยยิ้มมุมปากก่อนจะพุ่งเข้าหักแขนศัตรูไปด้านหลัง พร้อมกับรับปืนมาอยู่ในมือ ปัง! เสียงลั่นไกกระทบไหล่ของชายอีกคนดังลั่น แล้วเอี้ยวตัวไปยิงเข้าที่ลำตัวของเขาทันทีโดยใช้ร่างของเพื่อนศัตรูเป็นเกราะกำบัง "เวรเอ๊ย!... ฉันไม่ใช่นักแสดงหนังบู๊นะ" อาร์มันพึมพำเสียงเบาๆ ในใจนึกถึงหน้าลูกเมียเอาไว้เพื่อเป

  • รอยรัก...ของซาตาน   บทที่ 31 รู้สึก

    หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกถึงความฟกช้ำตามร่างกาย ดวงตาคู่สวยค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น สายตากวาดไปรอบๆด้วยความมึนงง ร่างเล็กยันตัวลุกขึ้นช้าๆ การกระทำของเธออยู่ในสายตาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล"ตื่นแล้วสินะ" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างเนิบนาบ อัมพิกาหันไปมองทางต้นเสียง ศิวะกำลังยืนกอดอกมองหน้าเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก "..." เธอไม่ได้ตอบเขา หญิงสาวเคลื่อนตัวออกมาจากเพิง ก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืน ทว่า... ขาทั้งสองกลับอ่อนแรงจนเธอเกือบจะล้มลง "อ๊ะ!" แต่...วงแขนแกร่งเข้ามาโอบร่างของเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะล้มลงกับพื้น "ระวังหน่อย" ร่างสูงเอ่ยขึ้นมาเสียงดุ ใบหน้าเคร่งขรึมของเขามองเธออย่างคาดโทษ หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น พยายามดันตัวออกมาจากอ้อมกอดของเขา แต่เรี่ยวแรงของเธอก็ช่างมีน้อยเหลือเกิน "อยู่เฉยๆ " เสียงทุ้มดุของเขาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะช้อนตัวเธอขึ้นมาแนบอก ซึ่งบุคคลที่สามอย่างอาร์มันก็มองภาพตรงหน้าด้วยสายตายิ้มๆ พลางส่ายหน้าเบาๆ "ไหนบอกเป็นแค่เครื่องมือไง" ผู้ช่วยหนุ่มพึมพำเสียงเบา ก่อนจะเดินเข้าหาทั้งสองคน " ให้ผมช่วยไหมครับ?" ศิวะปรายตามองอาร์มันอย่าง

  • รอยรัก...ของซาตาน   บทที่30 มุมมืด

    "หนูผิดเอง...หนูผิดเองค่ะ" เสียงสั่นเครือของเธอเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอย่างแผ่วเบา หญิงสาวกล่าวโทษตัวเองที่เธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวตกอยู่ในอันตราย ถ้าเธอ...ไม่เข้าไปช่วยแม่ค้าคนนั้น น้องสาวของเธอคงจะยืนอยู่ตรงนี้"มันไม่ใช่ความผิดของคุณ อามู" ราฟีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่า...คำอธิบายของชายหนุ่มกลับทำให้อีกคนเดือดดาล และรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเมื่อเรื่องที่ทำให้ลูกสาวของเขาถูกตามล่ามันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง"เพราะแค่เรื่องหยุมหยิมพวกนี้ พวกมันถึงกับตามล่าลูกสาวฉันเลยหรอ" ปราโมทย์แทบสบถออกมา เสียงเย็นเยียบของเขากล่าวออกมาจนราฟีเองก็สัมผัสได้ถึงแรงโทสะที่กำลังปะทุอยู่ในใจของชายสูงวัย "ใช่ครับ" ชายหนุ่มตอบสั้นๆ "พวกมันไม่ใช่แค่เป็นพ่อค้าคนกลางธรรมดา แต่ว่าพวกมันมีเบื้องลึกมากกว่านั้น พวกมันมีเส้นสายกับนักการเมืองท้องถิ่นบางคนและจ่ายส่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เลยไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เท่าไหร่" "แล้วไอ้คนที่ถูกคุมตัวอยู่มันพูดว่าอะไรบ้าง?" เขาถามกลับ "ตอนแรกก็ไม่ยอมพูดอะไรครับ แต่ว่าพอใช้วิธีนิดหน่อย พวกมันก็เลยยอมพูด" ราฟีหรี่ตามองบิดาของคนรัก พลางยิ้มมุมปากเล็

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status