Masukปาลินทร์ธิดามั่นใจว่าความทรมานแปดปีกว่าที่เธอประสบไม่ใช่ความฝัน ทางที่เป็นไปได้มากที่สุดคือเธอย้อนกลับมาในอดีต
ย้อนกลับมา...
หากนี่คือชีวิตที่สองที่เธอมีโอกาสได้แก้ไขมัน เธอจะไม่ยอมให้ชีวิตตนเองเดินตามรอยเดิมอย่างแน่นอน
เมื่อดูวันที่จากไอโฟนเจ็ดพลัสเครื่องเก่าที่เธอได้เป็นของขวัญวันเรียนจบจากพี่โปรด พี่ชายต่างแม่ ทำให้รู้ว่าเธอย้อนกลับมาตอนอายุยี่สิบสาม กันยายน ปี 2559 ก่อนงานแต่งงานสามเดือน
สามเดือนที่เธอมีโอกาสได้แก้ไขมัน เพื่อชีวิตที่ต่างไปจากความน่าอดสูที่เธอเคยเผชิญ...
หลักจากหมกตัวอยู่ในห้องหลายวัน ปาลินทร์ธิดาจำต้องร่วมโต๊ะอาหารกับ ‘ครอบครัว’ เพราะปฏิพัทธ์ผู้เป็นบิดากลับมาจากไปดูฟุตบอลแมตซ์ปิดฤดูกาลที่อังกฤษ
การเลือกตั้งครั้งสำคัญกำลังจะมาถึง ปฏิพัทธ์ ปรีชาภักดีผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของ ‘พรรครักษ์ชาติไทย’ จึงค่อนข้างยุ่งมากเป็นพิเศษ แม้ว่าพรรคของเขาจะไม่ใช่พรรคการเมืองใหญ่โต แต่เนื่องจากความเป็นบ้านใหญ่ของจังหวัดที่มีจำนวนเขตเลือกตั้งมาก และทุกครั้งก็กวาดเก้าอี้ส.ส.มาได้ทุกเขต ทำให้เนื้อหอมมากจนพรรคใหญ่ต่างพากันรุมจีบ รวมถึง ‘พรรคเป็นไทย’ พรรคใหญ่ที่ครองฝ่ายบริหารมาหลายสมัย
‘ปรีชาภักดี’ เป็นครอบครัวผู้มีอิทธิพลเก่าแก่ของจังหวัด ก่อนจะตั้งพรรคการเมืองก็ผูกขาดการเมืองท้องถิ่นมานาน นั่งตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดรวมไปถึงนายกเทศบาลก็ไม่มีหลุดกระเด็นไปเป็นของใครอื่น ที่ไม่ใช่คนจากปรีชาภักดี
ปฏิพัทธ์ จึงถือเป็นผู้มีอิทธิพลที่สุดของจังหวัดนี้ ผู้ชายวัยกลางคนผู้มีใบหน้าคมเข้ม ผิวสีน้ำผึ้งอันเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัว ที่ส่งต่อไปยังลูกชายคนโตอย่างโปรด และลูกสาวคนรองอย่างเปมิกา ทว่าส่งไปไม่ถึงปาลินทร์ธิดาที่ได้ผิวขาวเนียนเหมือนน้ำนมบริสุทธิ์มาจากแม่
แม่... ที่เธอไม่เคยมีโอกาสได้พบหน้า แต่หาดูได้จากภาพยนตร์และนิตยสารเก่า เพราะแม่ของเธอเป็นนางเอกภาพยนตร์ ทว่าไม่ได้ดังมากมายอะไร เล่นภาพยนตร์ได้เพียงเรื่องเดียวก็ออกจากวงการมามีครอบครัว
ปาลินทร์ธิดารู้เรื่องแม่ของตนเองน้อยมาก พ่อไม่อนุญาตให้เธอถามถึงหรือตามหา ส่วนเมทินีผู้เป็นภรรยาคนแรกของพ่อและถือทะเบียนสมรสเคยบอกเธอเมื่อตอนเด็กด้วยประโยคที่ฟังดูใจร้ายว่า ‘หนีตามผู้ชายไปเสวยสุขกันถึงสวรรค์ชั้นฟ้า’ หลังจากนั้นเธอจึงไม่คิดจะตามหาหรือถามถึงแม่ของตัวเองอีกเลย
ใช่แล้วล่ะ เธอเป็นลูกนอกสมรส ไม่ใช่คนสลักสำคัญอะไร เป็นแค่ลูกคนหนึ่งที่พ่อเลี้ยงเอาไว้ เพื่อรอวันได้ใช้สอยเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
“วันศุกร์นี้มีงานการกุศลที่สโมสร คุณช่วยดูแลเรื่องการแต่งตัวให้ลินด้วยนะ” ปฏิพัทธ์หันไปบอกเมทินี ภรรยาคู่คิดที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปี
เริ่มแล้วสินะ...
ปาลินทร์ธิดากดมุมปากยิ้มขื่น ชะตาชีวิตของคนเรามันเคยถูกขีดเอาไว้อย่างไร มันก็ดำเนินไปตามเส้นทางเดิมของมันจริงๆ
แต่เธอไม่ยอมหรอก เธอจะเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเอง!
“คุณจะให้ลินออกงานด้วยเหรอคะ?” เมทินีถามย้ำอย่างไม่เชื่อหู เนื่องจากปกติสามีไม่เคยพาลูกสาวนอกสมรสออกไปเปิดตัวที่ไหน ใครต่อใครก็คิดว่าปฏิพัทธ์มีลูกแค่สองคน ซึ่งเธอก็พอใจกับการกระทำของสามีมาตลอด ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบที่ลูกซึ่งเกิดจากผู้หญิงคนอื่นได้เชิดหน้าชูตาทัดเทียมลูกของตัวเอง
“ใช่ ฝากดูด้วย” สายตาคมตวัดมองไปทางลูกสาวคนเล็ก ที่คล้ายจะมีกิริยาเปลี่ยนไป ไม่ได้ก้มหน้าก้มตาเป็นกระต่ายหวาดกลัวอย่างทุกที แต่กำลังนั่งอกผายไหล่ผึ่งอย่างสำรวม ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเป็นกอง
แปลกตา
“วันศุกร์นี้ลินไม่ว่างค่ะคุณพ่อ” สิ้นประโยคของปาลินทร์ธิดา โปรดหันมาทางน้องสาวซึ่งนั่งข้างกันอย่างไม่เชื่อสายตาว่าคนไม่มีปากมีเสียงจะกล้าออกปากปฏิเสธพ่อ ส่วนเปมิกากดปากคว่ำและเหลือกตามองเพดาน ปฏิพัทธ์เองก็ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ค่อยพอใจ เพราะเขาเคยชินที่ลูกคนนี้ทำทุกอย่างตามคำสั่งของเขาเสมอ
“มีธุระอะไรถึงไม่ว่าง?” เป็นเมทินีที่ปากไวเอ่ยถาม นึกแปลกใจกับท่าทางของลูกเลี้ยงอยู่ในที ดูไม่เจียมเนื้อเจียมตัวและไม่มีแววหวาดหวั่นเหมือนที่ผ่านมา ไม่รู้ไปโดนยาตัวไหนเข้า ถึงได้ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนขนาดนี้
“ลินมีนัดสัมภาษณ์งานค่ะ” หลายวันมานี้เธอสมัครงานไปหลายที่ เตรียมตัวมาดิบดีเพราะรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง
“ถ้าจะทำงานก็มาทำที่พรรค ไม่ต้องออกไปทำข้างนอก” ปฏิพัทธ์ปัดทางรอดของปาลินทร์ธิดาอย่างไม่แยแส จะปล่อยให้ลูกสาวที่มีนามสกุลปรีชาภักดีออกไปทำงานนอกบ้าน คนจะมองว่าเขาไม่มีปัญญาเลี้ยงดูครอบครัวให้อยู่สบาย คนที่ห่วงหน้าตาตนเองอย่างปฏิพัทธ์ไม่มีวันยอม
เมทินีมองดูสงครามระหว่างพ่อลูกพลางชั่งใจ ไม่รู้ว่าควรจะสนับสนุนฝ่ายไหนดี สามีของเธอรักหน้าตาตัวเองยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เธอรู้ในข้อนี้ดีกว่าใครทั้งหมด แต่ใจเธออยากจะดันหลังให้ลูกเลี้ยงออกไปทำงานนอกบ้านอยู่เหมือนกัน นานวันเข้าปาลินทร์ธิดายิ่งมีใบหน้าเหมือนแม่เข้าไปทุกที เธอยอมรับตรงๆเลยว่าเหม็นขี้หน้าไม่อยากจะมอง อยากส่งอีกฝ่ายออกไปให้พ้นหูพ้นตา
“ลินก็อยากทำงานที่พรรคคุณพ่อค่ะ แต่ลินอยากออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกดูก่อน ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเอาความรู้ที่ได้กลับมาช่วยงานคุณพ่อที่พรรค ไม่อยากไปเป็นภาระให้คนอื่นๆในพรรค” หญิงสาวอธิบายอย่างใจเย็น ประโยคของเธอทั้งเว้าวอนและปฏิเสธคำสั่งของบิดาชนิดที่บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ทีนี้ปฏิพัทธ์จะเอ่ยปากปฏิเสธความตั้งใจของเธอก็ทำได้ยาก เพราะลูกสาวยกเอาเหตุผลที่ฟังเข้าหูมาอ้างเสียดิบดี
“หนูลินพูดเหมือนที่พรรคไม่มีศักยภาพพอจะสอนงานใครอย่างนั้นแหละค่ะ น้าว่าที่คุณพ่อพูดก็มีเหตุผลนะคะ สมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน ออกไปทำงานข้างนอกมีแต่จะต้องไปเสี่ยงอันตราย ถ้าลูกสาวออกไปทำงานไกลตา คุณพ่อก็คงพะวงเป็นห่วงแย่เลยค่ะ น้าเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน” เมทินีเป็นพวกปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ คำพูดยืดยาวฟังรื่นหู ทว่าแทรกถ้อยคำจิกกัดเอาไว้อย่างแยบยล แค่หล่อนเปิดปากพูด ลูกเลี้ยงก็กลายเป็นเด็กสาวหัวรั้น ที่ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่
หากเธอยังดึงดันที่จะออกไปทำงานนอกบ้านตามเดิม ก็ได้กลายเป็นลูกอกตัญญูที่ไม่สนใจต่อความเป็นห่วงของพ่อ
“นั่นน่ะสิ จะไปทำข้างนอกทำไม เงินก็ไม่ใช่จะได้กี่มากน้อย ถ้าจะทำก็ไปทำที่พรรคพ่อนั่นแหละ” ปฏิพัทธ์คล้อยตามคำของภรรยาเพราะใจก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ลูกหลานปรีชาภักดีจะออกไปเป็นลูกจ้างคนอื่น เขารวบรัดตัดตอน ปัดตกความต้องการของลูกสาวอย่างไม่เปิดช่องให้อุทรณ์
เมื่อเห็นบิดาตักไก่ผัดเม็ดมะม่วงเข้าปาก ปาลินทร์ธิดารู้ในทันทีว่าแมตซ์นี้เธอแพ้ให้แม่เลี้ยงเป็นที่เรียบร้อย
“ค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวยอมรับโดยดุษดี ในชีวิตก่อนเธอได้เรียนรู้อย่างท่องแท้ว่าคนนั่งคุยกัน ไม่มีทางที่น้ำหนักของคำพูดจะมีค่ากว่าคนที่นอนคุยกันทุกวัน และเธอรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะหยุด
“ภูหมอกไปไหนล่ะเปรม?” เมื่อจบเรื่องลูกสาวคนเล็ก ปฏิพัทธ์ก็วนมาถามเรื่องลูกสาวคนรอง ที่เบะปากมองบนเสียจนตะคริวแทบจะจับกล้ามเนื้อใบหน้า
“ติดธุระค่ะพ่อ” เปมิกาตอบเพียงเท่านั้น ไม่อยากจะอธิบายต่อว่าเขาไม่ยอมรับสายหรือตอบข้อความหลังจากตนไปแหวใส่ เรื่องที่ภูหมอกออกหน้าปกป้องน้องสาวต่อหน้าเพื่อนๆของเธอ
“ไปมาหาสู่กันก็นาน ถ้าเขาไม่คิดจะตกแต่งก็เลิกไปเถอะ” คนเป็นพ่อพูดอย่างมองขาด เพราะเขาเป็นผู้ชายเหมือนกัน ย่อมรู้ดีว่าผู้ชายที่คิดจะจริงจัง ย่อมไม่ปล่อยเวลาให้เลื่อนเลยมานานขนาดนี้
เมทินีเหล่ตามาทางลูกเลี้ยงอย่างไม่ชอบใจ เธอพอจะรู้ว่าอะไรที่ทำให้ภูหมอกลังเล
“เปรมก็ไม่ได้คิดจะจริงจังหรอกค่ะพ่อ คบไปอย่างนั้นเอง” เปมิกาตอบอย่างคนที่อยู่เหนือกว่าในความสัมพันธ์ ทั้งๆที่ความจริงนั้นเธอเองต่างหากที่ตามติดภูหมอกเสียยิ่งกว่ากะละแม
ปฏิพัทธ์ชะงักไปครู่หนึ่ง เหมือนติดอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง
“วันศุกร์นี้เปรมก็ไปด้วยกันสิ ว่างไหมล่ะ?” คนเป็นพ่อเอ่ยถาม
“ไม่เอาอะค่ะ เปรมมีนัดแล้ว” ลูกสาวคนรองตอบห้วนๆ ไม่คิดสรรหาคำมาถนอมน้ำใจคนเป็นพ่อ เพราะเธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่ต้องกังวลอะไร ตั้งแต่เด็กก็มีแต่คนตามใจเสมอ
ปาลินทร์ธิดารวบช้อนในจานอย่างเงียบเชียบ นึกอิจฉาพี่สาวต่างมารดาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอเป็นมนุษย์ที่ยังไม่บรรลุธรรม เมื่อพบเจอกับความไม่เท่าเทียมในใจย่อมรู้สึกอิจฉาเป็นธรรมดา
กลายเป็นว่าวันศุกร์เธอต้องไปออกงานกับพ่อและพี่โปรด แม่เลี้ยงอ้างว่าไม่ว่างอีกคน ซึ่งพ่อก็ไม่ได้คะยั้นคะยออะไร
น่าขำที่เมื่อก่อนเธอคิดว่าพ่อรักและหวังดีจึงจัดแจงเรื่องการแต่งงานให้กับเธอ สำหรับคนที่อยู่ในเงามาตลอดอย่างปาลินทร์ธิดา การได้แต่งงานกับผู้ชายอย่างทินกรนับเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เธอคิดว่าพ่ออยากให้เธอมีชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่น่ารัก
ช่างไร้เดียงสา...
----------------------------------------------------------------
ฝากไว้ก่อนนะนังทัวดี รอบหน้าถ้ายังไม่เลิกวร้ายๆแบบนี้ เปลือกทุเรียนชะนีก็พร้อมเสิร์ฟให้เธอเลย แต่ก่อนอื่น มาเอาใจช่วยน้องลินของพวกเราก่อนค่ะ จะรอดบ่น้อออ
ปาลินทร์ธิดามั่นใจว่าความทรมานแปดปีกว่าที่เธอประสบไม่ใช่ความฝัน ทางที่เป็นไปได้มากที่สุดคือเธอย้อนกลับมาในอดีตย้อนกลับมา...หากนี่คือชีวิตที่สองที่เธอมีโอกาสได้แก้ไขมัน เธอจะไม่ยอมให้ชีวิตตนเองเดินตามรอยเดิมอย่างแน่นอนเมื่อดูวันที่จากไอโฟนเจ็ดพลัสเครื่องเก่าที่เธอได้เป็นของขวัญวันเรียนจบจากพี่โปรด พี่ชายต่างแม่ ทำให้รู้ว่าเธอย้อนกลับมาตอนอายุยี่สิบสาม กันยายน ปี 2559 ก่อนงานแต่งงานสามเดือนสามเดือนที่เธอมีโอกาสได้แก้ไขมัน เพื่อชีวิตที่ต่างไปจากความน่าอดสูที่เธอเคยเผชิญ...หลักจากหมกตัวอยู่ในห้องหลายวัน ปาลินทร์ธิดาจำต้องร่วมโต๊ะอาหารกับ ‘ครอบครัว’ เพราะปฏิพัทธ์ผู้เป็นบิดากลับมาจากไปดูฟุตบอลแมตซ์ปิดฤดูกาลที่อังกฤษการเลือกตั้งครั้งสำคัญกำลังจะมาถึง ปฏิพัทธ์ ปรีชาภักดีผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของ ‘พรรครักษ์ชาติไทย’ จึงค่อนข้างยุ่งมากเป็นพิเศษ แม้ว่าพรรคของเขาจะไม่ใช่พรรคการเมืองใหญ่โต แต่เนื่องจากความเป็นบ้านใหญ่ของจังหวัดที่มีจำนวนเขตเลือกตั้งมาก และทุกครั้งก็กวาดเก้าอี้ส.ส.มาได้ทุกเขต ทำให้เนื้อหอมมากจนพรรคใหญ่ต่างพากันรุมจีบ รวมถึง ‘พรรคเป็นไทย’ พรรคใหญ่ที่ครองฝ่ายบริหารมาหลายสมัย‘ปรีชาภ
ว่ากันว่าสายฝนช่วยกลบเสียงสะอื้นและเลือนหยาดน้ำตาปาลินทร์ธิดาถึงได้เลือกยืนกำคันร่มในมือท่ามกลางสายฝนทีโปรยปรายโดยไม่คิดจะเปิดใช้มัน เธอปล่อยให้เนื้อตัวเปียกปอน เดรสสีชมพูอ่อนลู่แนบกับเรือนร่างแบบบางที่ผ่ายผอมจนเกินพอดี เพราะหลายปีมานี้เธอต้องอกไหม้ไส้ขมเสียจนไม่เป็นอันกินอันนอนต้นเหตุของความทุกข์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าของร่มที่ตอนนี้ขับรถออกห่างจากเธอไปทุกขณะสามี... ไม่สิ อดีตสามี เพราะวันนี้เธอเซ็นใบหย่าให้เขาเป็นที่เรียบร้อยเธออยากจะบอกว่าไม่เจ็บ แต่แรงบีบรัดที่กลางอกมันรุนแรงจนหายใจยังรู้สึกเสียดสะท้านไปทั้งทรวง‘แต่งกับคนนี้น่ะดีแล้ว แกจะได้สบายไปทั้งชาติ’ คำของพ่อที่บอกกันในวันนั้นยังจำได้ขึ้นใจ แต่ตลอดชีวิตแต่งงานแปดปีเศษ ไม่มีวันไหนที่เธอได้อยู่อยากสุขใจสักวันเดียวจะไปโทษใครได้ เพราะเธอดันไปแต่งงานกับคนที่เขามีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว ทินกรเป็นคนหน้าตาดีและมีเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่ธรรมดา แค่เพียงได้เจอเขาในงานเลี้ยงเธอก็เผลอมองตามร่างสูงสง่าอย่างไม่อาจละสายตา อาจจะเพราะพ่อบอกก่อนจะไปงานแล้วว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นสามีในอนาคตของเธอ ทำให้ความรู้สึกของปาลินทร์ธิดามันอ่อนไหวต่อเขาเป็นพิเศษ







