หน้าหลัก / แฟนตาซี / รอยสวาทข้ามภพ / ตอนที่ 1 รัตติกาลแห่งเงาเลือด

แชร์

รอยสวาทข้ามภพ
รอยสวาทข้ามภพ
ผู้แต่ง: เฮียกังฟู

ตอนที่ 1 รัตติกาลแห่งเงาเลือด

ผู้เขียน: เฮียกังฟู
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:26:03

ตอนที่ 1 รัตติกาลแห่งเงาเลือด

 “ยามเมื่อดวงตะวันทอแสงแรก... มิอาจงามเท่าประกายจากดวงเนตรพระธิดา... ข้ากระหม่อมเพียงหวังว่า... ความคะนึงหาในหทัยของข้ากระหม่อม... จะส่งถึงดวงใจพระองค์บ้างมิมากก็น้อย... ถึงได้มาเยือน ณ ที่นี้... เพื่อยลพระพักตร์ให้ชื่นอุรา”

มนทิราณีเทวีทรงแย้มพระสรวลน้อยๆ ราวกับกลีบผกาต้องลม พระเนตรคมกริบดุจดวงดาราจับจ้องกลับมายังองค์รักอย่างพิจารณา

“คำกล่าวของท่านหมื่นช่างหวานล้ำ...”

“หากความคะนึงหาของข้ากระหม่อมเป็นดั่งสายฝน... พระธิดาก็คือผืนดินที่ข้ากระหม่อมปรารถนาจะหยาดรดแต่เพียงผู้เดียว... หาได้เผื่อแผ่ไปยังผืนดินอื่นไม่”

พระพักตร์งามของมนทิราณีเทวีแดงปลั่งขึ้นเล็กน้อย นางทรงหลุบพระเนตรลงต่ำเล็กน้อยอย่างเขินอาย ก่อนจะเงยพระพักตร์ขึ้นสบพระเนตรของหมื่นสุนทรเทวาอีกครั้ง

“หากเป็นเช่นนั้น... ความคะนึงหาของข้าที่มีต่อท่าน... ก็คงมิได้น้อยไปกว่าท่านเช่นกัน”

“ท่านหมื่นมาฝึกซ้อมแต่เช้า... มีกิจสำคัญอื่นใดให้ต้องรีบไปกระทำฤา?”

“ข้ากระหม่อมเพียงต้องการให้ร่างกายพร้อมเสมอ หากมีกิจใดที่ต้องรับใช้พระองค์และแผ่นดินจักได้ทันการ”

“ท่านหมื่นช่างจงรักภักดีเสียนี่กระไร”

“ฝีมือการใช้ดาบของท่านก็เก่งกาจมิมีใครเทียบเทียมได้ จักกลัวไปใยกันเล่า”

“เช่นนั้นแล้ว ข้ากระหม่อมขออนุญาตติดตามพระธิดาไปได้หรือไม่? เพียงเพื่อได้ถวายการดูแล... และคอยห่วงใยพระองค์อยู่ใกล้ๆ”

“ด้วยความงามของพระธิดานั้น... เปรียบประดุจแสงจันทร์ที่ส่องสว่างในยามรัตติกาล ข้ากระหม่อมมิอาจละสายตาได้เลย”

“คารมท่านหมื่นช่างหวานล้ำเยี่ยงนี้ ประสงค์จะเกี้ยวข้ากระนั้นรึ?”

“มิได้บังอาจหมายเกี้ยว เพียงแต่ดวงใจข้ากระหม่อมมันโหยหาที่จะได้ชื่นชมพระพัตร์ใกล้ชิดเท่านั้น”

“หากความงามของพระธิดาเปรียบดั่งแสงจันทร์นำทางในความมืดมิด คำคารมของข้ากระหม่อมก็คงเป็นเพียงหิ่งห้อยน้อยที่ปรารถนาจะส่องแสงเคียงข้างเท่านั้น”

“ข้ากระหม่อมมิอาจปฏิเสธ..ว่ามิได้รู้สึกยินดีต่อพระธิดาเลย”

“หากท่านหมื่นประสงค์เช่นนั้น... ข้าก็มิอาจขัดข้อง”

“เพราะความงามของพระธิดา มิใช่เพียงแสงจันทร์... หากแต่เป็นดั่งดวงอาทิตย์ที่แผดเผาหัวใจข้ากระหม่อมให้ลุ่มหลง จนข้ากระหม่อมมิอาจหักห้ามมิให้ใจปรารถนาที่จะอยู่ใกล้ชิด... ปรารถนาที่จะได้ถวายความภักดีมิเพียงแต่ด้วยดาบ หากแต่ด้วยชีวิตทั้งชีวิต”

พระพักตร์งามของมนทิราณีเทวีแดงปลั่งมิได้หยุดหย่อน นางทรงหลุบพระเนตรลงต่ำเล็กน้อยอย่างเขินอาย

“ท่านหมื่นกล่าวเกินไปแล้ว... ข้าเป็นเพียงสตรีธรรมดา”

“มิได้เลย พระธิดา”

“ความงามของพระองค์นั้นเหนือกว่าเทพธิดาใดๆ ในสรวงสวรรค์ เพียงได้ยลพระพักตร์... โลกทั้งใบของข้ากระหม่อมก็สว่างไสว”

“หากคำของท่านหมื่นเป็นความจริง... ท่านจะพิสูจน์ให้ข้าเห็นได้หรือไม่?” หมื่นสุนทรเทวาคลี่ยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง

“เพียงพระธิดามีบัญชา... ข้ากระหม่อมพร้อมจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต”

“เช่นนั้น...โปรดจงตามข้ามา”

“ท่านหมื่นเห็นสายน้ำนี้หรือไม่? มันไหลเรื่อยไป... ไม่เคยหยุดนิ่ง ความรู้สึกของข้าก็เช่นกัน... หากใครสักคนทำให้มันหยุดนิ่งได้... ผู้นั้นคงมีความหมายต่อข้าอย่างยิ่งนัก”

“กระหม่อมปรารถนาที่จะเป็นดั่งสายน้ำนั้น... ที่จะไหลเคียงข้างพระองค์ตลอดไป... และหากพระองค์ทรงประสงค์... กระหม่อมจะหยุดนิ่งอยู่เคียงข้างพระองค์แต่เพียงผู้เดียว”

ความมืดมิดปกคลุมนครราวกับผ้ากำมะหยี่สีดำสนิท มีเพียงแสงจันทร์นวลผ่องที่สาดส่องลงมากระทบผืนถนนเปียกชื้นหลังสายฝนโปรยปราย ราตรีอันเงียบสงัดกลับถูกฉีกกระชากด้วยเสียงหวีดร้องโหยหวนที่ดังแว่วมาจากตรอกเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ก่อนจะเงียบหายไปในความมืดมิด ราวกับไม่เคยมีอยู่

ร้อยตำรวจโทสิงขร ยืนตระหง่านอยู่เหนือร่างไร้วิญญาณของชายหนุ่มในชุดลำลอง เลือดสีแดงฉานไหลนองพื้นคอนกรีต แสงไฟฉายในมือสั่นเล็กน้อยเมื่อเขาไล่สายตาสำรวจบาดแผลอันน่าสยดสยอง หัวใจของผู้ตายถูกคว้านหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียงรอยแหว่งวิหวาที่กลางอก

“อีกรายแล้วสินะครับ สารวัตร” จ่าเดช ลูกน้องคนสนิทเอ่ยเสียงเครียด พลางก้มมองศพด้วยความสะอิดสะเอียน

“รายที่สามแล้วในรอบเดือนนี้ ทุกรายถูกควักหัวใจเหมือนกันเป๊ะ” สิงขรขมวดคิ้ว ดวงตาคมกริบจับจ้องรายละเอียดรอบข้างอย่างถี่ถ้วน ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ไม่มีพยาน ไม่มีอะไรเลย ราวกับฆาตกรเป็นเพียงเงาที่มาแล้วก็จากไปอย่างไร้ร่องรอย

“เหยื่อรายนี้เป็นใคร?” สิงขรถามเสียงต่ำ

“ชื่อนายธนาครับ เป็นโปรแกรมเมอร์ ทำงานอยู่แถวนี้ เพิ่งออกจากผับแล้วกำลังจะกลับคอนโด”

ความเงียบปกคลุมสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง มีเพียงเสียงหอบหายใจเบาๆ ของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่กำลังทำงานอย่างขมักเขม้น สิงขรรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างในคดีนี้ มันไม่ใช่การฆาตกรรมธรรมดา ความโหดเหี้ยมและรูปแบบการลงมือที่ซ้ำเดิม บ่งบอกถึงความผิดปกติในจิตใจของคนร้าย หรือบางที...อาจไม่ใช่แค่คน

เช้าวันต่อมา

ในห้องทำงานของสิงขร โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้นขัดจังหวะความคิด

“สวัสดีครับ” ปลายสายคือเสียงของจ่าเดชที่ฟังดูตื่นเต้น

“สารวัตรครับ ผมมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับเหยื่อรายล่าสุดครับ เราพบว่าก่อนที่นายธนาจะเสียชีวิต เขาไปร่วมงานเลี้ยงที่คฤหาสน์เทวาลัยมาครับ”

'คฤหาสน์เทวาลัย'... ชื่อนี้ทำให้สิงขรชะงัก คฤหาสน์โบราณอายุนับร้อยปี ตั้งอยู่แถวๆ ชานเมือง เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนร่ำรวย เพราะเจ้าของคือ สุริยาวดี อธิสร สาวสังคมผู้ลึกลับและงดงามราวกับภาพวาดโบราณ

“สุริยาวดี อธิสร...” สิงขรทวนชื่อนั้นช้าๆ ราวกับกำลังลิ้มรสคำพูด

“เธอเกี่ยวข้องอะไรกับคดีนี้?”

“ยังไม่แน่ใจครับสารวัตร แต่ดูเหมือนเหยื่อรายก่อนๆ ก็เคยไปร่วมงานที่คฤหาสน์นั้นเหมือนกันครับ”

ความสงสัยเริ่มก่อตัวในใจสิงขร คฤหาสน์โบราณ ความงามลึกลับ และเหยื่อที่เชื่อมโยงกัน... มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่

บ่ายวันเดียวกัน สิงขรขับรถไปยังคฤหาสน์เทวาลัย ประตูเหล็กขนาดใหญ่เปิดออกโดยอัตโนมัติเมื่อรถของเขาแล่นเข้าไป ภายในบริเวณคฤหาสน์เงียบสงบ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปี ตัวคฤหาสน์เองดูโอ่อ่าและขรึมขลัง ราวกับเก็บซ่อนความลับมากมายไว้ภายใต้ผนังอิฐเก่าแก่

“สวัสดีค่ะคุณตำรวจ ดิฉันเกตุศิรินทร์ เป็นเลขาฯ ของคุณสุริยาวดีค่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทว่าแววตาคู่กลมโตกลับฉายประกายเศร้าสร้อยอย่างปกปิดไม่มิด

ทันทีที่สิงขรสบตากับเธอ ความรู้สึกประหลาดก็แล่นริ้วไปทั่วร่าง เขาจ้องมองใบหน้าหวานนั้นอย่างพิจารณา ราวกับกำลังพยายามรื้อฟื้นความทรงจำที่เลือนราง ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างลึกซึ้งก่อตัวขึ้นในใจ ราวกับเขาและเธอเคยรู้จักกันมาก่อน...

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเกตุศิรินทร์ ผมร้อยตำรวจโทสิงขร” เขากล่าวตอบ พลางพยายามสะกดความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นไว้

“ผมมาขอพบคุณสุริยาวดีครับ” เกตุศิรินทร์คลี่ยิ้มบางๆ ที่ไม่ได้ทำให้ความเศร้าในดวงตาจางหายไป

“คุณสุริยาวดียังไม่สะดวกพบคุณในตอนนี้ค่ะ แต่ดิฉันจะแจ้งให้ท่านทราบวันหลัง กรุณาทิ้งเบอร์ติดต่อเอาไว้นะคะ”

“ไม่เป็นไรครับคุณเกตุศิรินทร์ รบกวนแจ้งคุณสุริยาวดีด้วยว่าผมมาสืบสวนคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น และอยากจะขอข้อมูลบางอย่างจากเธอ” สิงขรกล่าว พลางหยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้กับเกตุศิรินทร์

“นี่นามบัตรของผมครับ ถ้าคุณสุริยาวดีสะดวกเมื่อไหร่ รบกวนติดต่อกลับด้วยนะครับ”

เกตุศิรินทร์รับนามบัตรนั้นมา มองชื่อและตำแหน่งบนแผ่นกระดาษสีขาวด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก

“ค่ะ” สิงขรพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินสำรวจห้องโถงอีกครั้ง ความรู้สึกผูกพันกับหญิงสาวเมื่อครู่ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเขา มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกประทับใจธรรมดา แต่มันลึกซึ้งและแปลกประหลาดเกินกว่าจะอธิบายได้

สิงขรพยายามชวนเกตุศิรินทร์คุยและใช้โอกาสนี้สำรวจภายในคฤหาสน์ บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของอดีต ภาพวาดโบราณ เฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลัก และของสะสมล้ำค่ามากมาย ในห้องโถงใหญ่ สิงขรสังเกตเห็นตู้กระจกขนาดใหญ่ ภายในบรรจุวัตถุโบราณหลากหลายชิ้น หนึ่งในนั้นคือแผ่นศิลาจารึกเก่าแก่ ที่มีลวดลายและตัวอักษรโบราณ

“นั่นคือศิลาจารึกโบราณค่ะ คุณสุริยาวดีเธอสะสมเอาไว้” เสียงของเกตุศิรินทร์ดังขึ้นข้างหลัง สิงขรหันไปมองเธอ

“ผมขอเข้าไปดูได้มั้ยครับ?” เกตุศิรินทร์ส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่ได้ค่ะ คุณสุริยาวดีเธอไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ของพวกนี้”

ความสงสัยในใจสิงขรยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ คฤหาสน์โบราณ ศิลาจารึกปริศนา เจ้าของบ้านผู้ลึกลับ และการตายอย่างน่าสยดสยองของหนุ่มโสดหลายราย... ทุกอย่างดูเหมือนจะเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน

ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของสิงขรก็สั่นขึ้น ปลายสายคือเสียงของคมกฤช เพื่อนสนิทที่เป็นนักโบราณคดี

“ไอ้สิงห์ กูเจออะไรแปลกๆ ว่ะ” คมกฤชพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ตำราโบราณที่กูเพิ่งได้มา มันเขียนถึงราชินีอมตะในตำนาน ที่ชื่อมนทิราณีเทวี... และรูปวาดที่อยู่ในตำรา แม่งหน้าเหมือนสุริยาวดีไม่มีผิด!”

คำพูดของคมกฤชราวกับจุดประกายบางอย่างในความคิดของสิงขร ราชินีอมตะ ตำนานโบราณ และใบหน้าที่เหมือนกันอย่างน่าประหลาด... หรือว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ มันไม่ใช่แค่คดีฆาตกรรมธรรมดา?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 25 เพลิงแค้น

    ตอนที่ 25 เพลิงแค้นการแข็งเมืองขององค์หญิงมนทิราณีเทวี และกองทัพผีดิบที่นางสร้างขึ้น ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด ในที่สุดพระเจ้าธรณินทร์ก็ทรงมีราชโองการให้หมื่นสุนทรเทวานำทัพไปยังนครสิงหปุระบรรพต เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แม้ในใจของหมื่นสุนทรเทวาจะอาวรณ์พระนางยโสธราเทวีเพียงใด แต่ด้วยหน้าที่และความจงรักภักดี เขาก็มิอาจปฏิเสธพระราชโองการได้เสียงก้องกังวานในท้องพระโรงยังคงดังก้องในหูของหมื่นสุนทรเทวา ถ้อยคำประกาศก้องถึงการแข็งเมืองขององค์หญิงมนทิราณีเทวีแห่งสิงหปุระบรรพต ราวกับสายฟ้าฟาดกลางใจ พระพักตร์ของพระเจ้าธรณินทร์มืดครึ้มดุจเมฆฝน มิเพียงแต่ทรงขัดขืนพระราชโองการ หากแต่ยังใช้อำนาจแห่งเวทมนตร์ดำ ปลุกเหล่าทหารที่ล้มตายให้ลุกขึ้นเป็นกองทัพแห่งความมืด ปกป้องนครของตนมิให้ผู้ใดกล้ำกรายพระเจ้าธรณินทร์ทรงกริ้วโกรธดั่งพายุคลั่ง ตรัสบัญชาเสียงก้องกังวาน ให้หมื่นสุนทรเทวา นำทัพกล้าไปยังสิงหปุระบรรพตโดยพลัน เพื่อปราบปรามความอหังการของพระธิดา และนำความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดินหมื่นสุนทรเทวาน้อมรับพระราชโองการด้วยความหนักอึ้งในใจ ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ทับถมบนบ่ากว้าง ในขณะที่หัวใจอีกดวงหนึ่งยังคงผูกพันอย

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 24 หัวใจและหน้าที่ NC

    ตอนที่ 24 หัวใจและหน้าที่ NCสติสัมปชัญญะของพระนางยโสธราในยามนั้น ราวกับล่องลอยในห้วงแห่งความฝัน สิ่งที่คงอยู่มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้า ที่โหยหาให้สัมผัสจากหมื่นสุนทรเทวาลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กาย และเมื่อทรงรับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่บดเบียดอยู่เบื้องล่าง พระองค์ก็ยิ่งเคลิบเคลิ้มโหยหาจนสุดจะทานทนสองกรเรียวงามโอบกอดรัดร่างของหมื่นสุนทรเทวาไว้แนบแน่น ราวกับต้องการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว อารมณ์ปรารถนาที่ร้อนระอุในอุระของพระนาง แผ่ซ่านไปทั่วพระวรกาย จนกลีบกุหลาบงามกลางหว่างพระเพลา เริ่มชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหวานแห่งความใคร่ ราวกับบุปผาแรกแย้มที่ต้องน้ำค้างยามเช้า“ท่านหมื่น... ได้โปรด...” พระนางกระซิบเสียงแผ่วพร่าองค์รักหนุ่มค่อยๆ เคลื่อนกายทาบทับร่างบางอย่างนุ่มนวล แท่งกายที่แข็งขันค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในความคับแน่นและอุ่นร้อนภายใน ราวกับดอกไม้ที่แย้มรับหยาดน้ำค้าง ความรู้สึกเสียดสีและบีบรัดนั้น ก่อให้เกิดความเสียวซ่านที่แล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กายของทั้งคู่“อืมม์...” พระนางยโสธราทรงครางแผ่วเบา พระพักตร์เหยเกด้วยความซาบซ่านหมื่นสุนทรเทวาเริ่มขยับกายช้าๆ ทว่าหนักแน่น สอดประสานจังหวะรักอย่างต่อเนื่อง

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 23 ร้อยรัด...เสน่หา NC

    ตอนที่ 23 ร้อยรัด...เสน่หา NCภายหลังจากการลาดตระเวนที่ชายป่า หมื่นสุนทรเทวากลับมาพร้อมรอยแผลจากการปะทะกับสัตว์ร้าย องค์หญิงยโสธราเทวีทรงทราบเรื่องก็ทรงเป็นห่วงยิ่งนัก ทรงมีพระบัญชาให้หมื่นสุนทรเทวามาพักรักษาตัวในตำหนัก และทรงอาสาจะดูแลบาดแผลให้เขาด้วยพระองค์เองในห้องบรรทมเล็ก องค์หญิงยโสธราทรงนั่งอยู่ข้างเตียงที่หมื่นสุนทรเทวานอนพัก พระหัตถ์เรียวค่อยๆ เช็ดคราบโลหิตบริเวณบาดแผลที่แขนของเขาด้วยความเบามือ พระพักตร์ของนางเต็มไปด้วยความตั้งใจและกังวล“เจ็บมากหรือไม่ ท่านหมื่น?” พระนางตรัสด้วยสุรเสียงอ่อนโยนหมื่นสุนทรเทวาทอดสายตาไปยังพระพักตร์งดงามที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม“เพียงเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง ความเจ็บปวดทางกายหาได้สำคัญเท่าความห่วงใยที่พระองค์ทรงมีให้ไม่... ความเมตตาของพระองค์ต่างหากเล่า ที่ประหนึ่งทิพยโอสถ ชโลมใจให้กระหม่อมคลายจากทุกข์ตรมได้สิ้น” สิ้นคำนั้น พระพักตร์ขององค์หญิงยโสธราก็ปรากฏรอยแย้มสรวลน้อยๆ ราวกับบุปผาแรกแย้ม พระเนตรของนางทอดลงต่ำเล็กน้อย แต่ริมฝีปากบางนั้นกลับยกขึ้นอย่างปิดไม่มิด ความรู้สึกปลาบปลื้มเอ่อล้นในพระทัย จนมิอาจซ่อนเร้นได้มิด“ท่านนี่... ช่างมีวาทศิล

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 22 ร้อยคำรัก... สลักทรวง

    ตอนที่ 22 ร้อยคำรัก... สลักทรวงครั้นเมื่อเวลาล่วงเลยผ่าน...นครสิงหปุระบรรพตกลับคืนสู่ความสงบสุขดังเดิม องค์หญิงมนทิราณีเทวี ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข หมื่นสุนทรเทวาหาได้คลายจากการถวายอารักขาพระองค์ แม้เพียงเสี้ยวนาที ความผูกพันของทั้งสอง งอกงามดั่งบุปผาในอุทยานแห่งรัก ท่ามกลางภาระหน้าที่อันหนักอึ้งทว่า... คลื่นลมแห่งความสงบสุขนั้นมิได้ยืนยงนานนัก ข่าวการรุกรานจากแคว้นอุดรทิศ ดุจพายุโหมกระหน่ำ แผ่สะพัดไปทั่วแผ่นดิน พระเจ้าธรณินทร์ ทรงมีราชโองการเรียกคืน เหล่าขุนศึกกล้าหาญ และนักรบผู้มีฝีมือ กลับสู่พระนคร เพื่อร่วมกันป้องกันราชอาณาจักร หมื่นสุนทรเทวา ก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ต้องหวนคืนสู่เมืองหลวงในท้องพระโรงเล็กของปราสาทสิงหปุระบรรพต แสงทองยามเช้าสาดส่อง องค์หญิงมนทิราณีเทวี ทรงยืนประทับอยู่เบื้องหน้า หมื่นสุนทรเทวา ซึ่งกำลังคุกเข่าคำนับ พระพักตร์ของนางเต็มไปด้วยความกังวลและอาลัยอาวรณ์“ท่านหมื่น... จำเป็นฤๅ ที่ท่านต้องคืนสู่พระนคร เพื่อช่วยราชกิจแห่งเสด็จพ่อ?” องค์หญิงมนทิราณีเทวีตรัสด้วยสุรเสียงแผ่วเบา เจือด้วยความอาวรณ์หมื่นสุนทรเทวาเงยหน้าขึ้น สบพระเน

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 21 พันธรัก...ใต้แสงจันทร์

    ตอนที่ 21 พันธรัก...ใต้แสงจันทร์นครสิงหปุระบรรพต เมืองที่อยู่ภายใต้อำนาจแห่งพระเจ้าธรณินทร์ กษัตริย์ผู้ทรงแผ่อำนาจเหนือดินแดนกว้างใหญ่ ต่อมาพระเจ้าธรณินทร์ได้ส่งพระธิดาองค์โต พระนามว่า มนทิราณีเทวี ผู้ทรงมีพระสิริอันโฉมงดงามและพระทัยเมตตา ไปปกครองเมืองนี้ โดยมีนักรบหนุ่มผู้หาญกล้า นามว่า หมื่นสุนทรเทวา เชื้อสายขุนศึกผู้เกรียงไกร ติดตามเสด็จไปถวายการอารักขาอย่างใกล้ชิด ด้วยความจงรักภักดีและภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าธรณินทร์“มนทิราลูกรัก” พระเจ้าธรณินทร์ตรัสด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม พระหัตถ์ลูบศีรษะบุตรีอย่างอ่อนโยน“พ่อมอบหมายให้เจ้าไปปกครองนครสิงหปุระบรรพตแห่งนี้ จงนำความเจริญรุ่งเรืองและความสงบสุขไปสู่แผ่นดินแห่งนั้น” มนทิราณีเทวีเงยพระพักตร์ขึ้น สบพระเนตรพระบิดาด้วยความเคารพ“เพคะ เสด็จพ่อ หม่อมฉันจะจงรักภักดีและทำทุกวิถีทางเพื่อให้นครสิงหปุระบรรพตเจริญรุ่งเรืองสมดังพระประสงค์”ข้างๆ องค์หญิง มีร่างสูงสง่าของนักรบหนุ่มในชุดเกราะหนังสีดำสนิทยืนอยู่ เขาคือ หมื่นสุนทรเทวา บุตรแห่งขุนศึกผู้เกรียงไกร ใบหน้าคมสันของเขามีแววเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ“หมื่นสุนทรเทวา!!!” พระเจ้าธรณินทร์ตร

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 20 ปริศนาแห่งกาลเวลา

    ตอนที่ 20 ปริศนาแห่งกาลเวลาสิงขรจ้องใบหน้าสวยของสุริยาวดี ราวกับต้องการค้นหาความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้น ความสับสนในจิตใจค่อยๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงความรู้สึกผูกพันอันแน่นหนา ราวกับสายใยที่ถักทอมานานนับร้อยปี หัวใจของเขารับรู้ถึงความคุ้นเคยนั้น แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาเนิ่นนานเพียงใดก็ตามที“ผม...” สิงขรเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับกระซิบจากส่วนลึกของหัวใจ ก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “ผมจะอยู่กับคุณ... สุริยาวดี”ทันทีที่สิ้นคำ สุริยาวดีก็คลี่ยิ้มสดใส ราวกับบุปผาแรกแย้มต้องแสงอรุณ นางโผเข้ากอดสิงขรแน่น ซบใบหน้าลงบนอกแกร่งของเขา ความตื้นตันเอ่อล้นจนน้ำเสียงสั่นเครือ“ขอบคุณค่ะ... ท่านหมื่น... ขอบคุณที่ท่านกลับมาหาข้า...”สิงขรกอดตอบนางอย่างอบอุ่น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่เคยคุกรุ่นในใจค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดนาง ความปรารถนาที่จะโอบอุ้ม ปกป้อง และดูแลหญิงสาวในอ้อมแขนนี้ กลับทวีความรุนแรงขึ้นจนยากจะต้านทานในห้วงเวลาแห่งความเสน่หานั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของสิงขรก็ดังแทรกขึ้น ราวกับเสียงกระดิ่งที่ปลุกให้ตื่นจากความฝันอันแสนหวาน เขาจำต้องผละออกจากอ้อมกอดอุ่นของสุริยาวดีด้วยค

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status