หน้าหลัก / แฟนตาซี / รอยสวาทข้ามภพ / ตอนที่ 8 ราชินีผู้ทรงอำนาจ

แชร์

ตอนที่ 8 ราชินีผู้ทรงอำนาจ

ผู้เขียน: เฮียกังฟู
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:29:13

ตอนที่ 8 ราชินีผู้ทรงอำนาจ

“ราชินีผู้ทรงอำนาจและเป็นอมตะ...” สิงขรทวนคำนั้นช้าๆ ความรู้สึกเย็นเยียบแล่นปราดไปทั่วสันหลัง ราวกับมีเงาของอดีตกำลังทาบทับปัจจุบัน

“แล้วอาจารย์ฌอง..บอกรายละเอียดอื่นจากรูปศิลาอีกไหม?”

“อาจารย์บอกว่ายังมีส่วนที่อ่านไม่ออก เพราะศิลาจารึกสึกกร่อนไปตามกาลเวลา แต่ใจความสำคัญที่อ่านได้ก็เชื่อมโยงไปถึงพิธีกรรมบางอย่าง และการบูชายัญ” คมกฤชตอบ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นระคนหวาดหวั่น

“บูชายัญงั้นเหรอ...” สิงขรพึมพำ และนึกไปถึงทางเข้าประตูห้องใต้ดินที่อยู่ภายในคฤหาสน์ ภาพของเหยื่อที่ถูกควักหัวใจอย่างโหดเหี้ยมผุดขึ้นในความคิดของเขา ความเชื่อมโยงระหว่างตำนานโบราณ พิธีกรรม และคดีฆาตกรรมเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

“เราต้องไปดูศิลาจารึกแผ่นนั้นด้วยตาตัวเอง” สิงขรตัดสินใจ

“บางทีเราอาจจะเห็นรายละเอียดที่ในรูปถ่ายมองไม่เห็น”

“ครั้งนี้เอากูไปด้วยนะไอ้สิงห์” คมกฤชรีบลุกขึ้นยืน

“อืม ไปด้วยกัน” สิงขรพยักหน้า ทั้งสองรีบออกจากห้องทำงานของคมกฤชทันที มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์เทวาลัย เมื่อไปถึงคฤหาสน์ แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงมายังตัวอาคารโบราณ ทำให้ดูขรึมขลังและเงียบสงัด เกตุศิรินทร์ออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

“สวัสดีค่ะคุณตำรวจ คุณคมกฤช” เธอทักทายเสียงเบา

“สวัสดีครับคุณเกตุศิรินทร์” สิงขรตอบ

“วันนี้คุณสุริยาวดีอยู่ไหมครับ?”

“เธอยังไม่กลับมาจากต่างจังหวัดค่ะ มีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ?”

“พอดีเราสองคนอยากจะขอดูศิลาจารึกโบราณในห้องนั้นอีกครั้ง” สิงขรกล่าวตรงประเด็น เกตุศิรินทร์ลังเลเล็กน้อย

“คือว่า ก่อนหน้าเธอกำชับเอาไว้ว่า อนุญาตให้แค่คุณสิงขรคนเดียวเท่านั้นค่ะ” เกตุศิรินทร์รีบบอกตามคำสั่งของเจ้านาย

“คือผมแปลไม่ได้ แล้วมันสำคัญจริง ๆ คุณช่วยหน่อยได้มั้ยครับ”

“ไหน ๆ คุณสุริยาวดีเธอก็ไม่อยู่แล้ว พวกเราสัญญาว่าจะไม่รบกวนเวลานานครับ”

“งั้นก็ได้ค่ะ แต่พวกคุณห้ามถ่ายรูป แล้วดิฉันขอยึดโทรศัพท์เอาไว้ก่อน” ทั้งสองมองหน้ากัน

“โอเคครับ” ทั้งสองยื่นโทรศัพท์ให้เกตุศิรินทร์เธอเอาไว้

 “เชิญทางนี้ค่ะ” เธอพาพวกเขาไปยังห้องโถง สิงขรและคมกฤชตรงไปยังตู้กระจกที่บรรจุศิลาจารึกทันที ทั้งสองจ้องมองแผ่นหินโบราณอย่างละเอียด พยายามอ่านและทำความเข้าใจตัวอักษรที่สลักอยู่บนนั้น

“อักษรพวกนี้เก่าแก่จริงๆ ว่ะ” คมกฤชพึมพำ พลางใช้นิ้วลูบไปตามร่องรอยที่สึกกร่อน

“อาจารย์ฌองบอกว่ามันเป็นอักษรขอมโบราณเมื่อหลายร้อยปีก่อน” สิงขรอธิบาย ทั้งสองใช้เวลาอยู่กับศิลาจารึกนานพอสมควร พยายามถอดรหัสและเชื่อมโยงกับข้อมูลที่พวกเขาได้มา

“ดูนี่ไอ้สิงห์” คมกฤชชี้ไปยังสัญลักษณ์วงกลมซ้อนกันที่มีเปลวไฟตรงกลางที่สลักอยู่บนศิลาจารึก

สิงขรพยักหน้า เขาสังเกตเห็นสัญลักษณ์นั้นเช่นกัน มันปรากฏอยู่หลายแห่งบนศิลาจารึก ราวกับเป็นสัญลักษณ์สำคัญ

“แล้วตรงนี้...” สิงขรชี้ไปยังส่วนหนึ่งของศิลาจารึกที่มีร่องรอยการถูกทำลาย

“ดูเหมือนจะมีข้อความบางส่วนหายไป”

“ใช่ น่าเสียดายจริงๆ ถ้าเราอ่านส่วนนั้นได้หมด อาจจะไขความลับทั้งหมดก็ได้” คมกฤชกล่าวด้วยความเสียดาย ในขณะที่ทั้งสองกำลังจดจ้องอยู่ที่ศิลาจารึกนั้นเอง เกตุศิรินทร์ก็เดินเข้ามาใกล้

“ใกล้เสร็จหรือยังคะ?” เธอถามด้วยความกลัวที่ต้องละเมิดคำสั่งเจ้านาย

“เรากำลังพยายามแปลศิลาจารึกแผ่นนี้อยู่ครับ” สิงขรตอบ เกตุศิรินทร์มองตามสายตาของพวกเขาไปยังแผ่นหินโบราณ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย มีความกังวลฉายออกมาในดวงตา

“มันมีความสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” เธอถามเสียงแผ่ว

“เราเชื่อว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมที่กำลังสืบสวนอยู่” สิงขรตอบอย่างตรงไปตรงมา เกตุศิรินทร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

“ฉันหวังว่าพวกคุณจะพบความจริงนะคะ” ทันใดนั้นเอง แสงสว่างภายในห้องก็ดับวูบลง ความมืดมิดเข้าปกคลุมทุกสิ่งอย่างกะทันหัน

“เกิดอะไรขึ้น?” สิงขรอุทานด้วยความตกใจ

“ไฟดับค่ะ ที่นี่เป็นแบบนี้บ่อยๆ” เสียงของเกตุศิรินทร์ดังมาจากความมืด ในความมืด สิงขรรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ราวกับมีใครบางคนกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ ความเงียบที่ปกคลุมนั้นน่าอึดอัดและแฝงไปด้วยอันตราย

“คม!!! มึงอยู่ไหน?” สิงขรกระซิบ

“กูอยู่นี่” เสียงของคมกฤชตอบกลับมาไม่ไกล ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นเบาๆ ราวกับมีใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในความมืด สิงขรรู้สึกถึงภัยคุกคามที่กำลังเข้ามาใกล้

ในความมืดมิดที่ปกคลุมห้องโถง สิงขรรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างที่เข้ามาใกล้ ราวกับมีใครบางคนกำลังซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืด

“ใครน่ะ?” เขากระซิบเสียงต่ำ พลางเตรียมพร้อม

“ฉันเองค่ะคุณตำรวจ” เสียงของเกตุศิรินทร์ดังขึ้นข้างๆ เขา

“ฉันกำลังหาไฟฉาย” ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดัง

“ครืน!” ราวกับมีอะไรบางอย่างล้มลง สิงขรรู้สึกถึงแรงกระแทกที่ตู้กระจกที่บรรจุศิลาจารึก

“คม! มึงโอเคไหม?” สิงขรรีบถามเพื่อน

“กู... กูไม่เป็นไร” เสียงของคมกฤชตอบกลับมาด้วยความตกใจ

“เมื่อกี้เหมือนมีอะไรพุ่งเข้ามาชนตู้” ในความมืด สิงขรรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน ไฟดับไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และสิ่งที่พุ่งชนตู้กระจกก็ไม่ใช่ลมแน่นอน

“คุณเกตุศิรินทร์ ขอโทรศัพท์หน่อยครับ ผมจะเปิดไฟฉาย” สิงขรบอกอีกครั้ง

“ค่ะ นี่ค่ะ” เกตุศิรินทร์ยืนโทรศัพท์คืนให้สิงขร พอไฟแสงสว่างก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ตู้กระจกที่บรรจุศิลาจารึกแตกร้าวเป็นทางยาว ราวกับถูกกระแทกด้วยของแข็งบางอย่าง และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ... มีเงาดำทะมึนรูปร่างคล้ายคนกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหายเข้าไปในความมืดของอีกด้านหนึ่งของห้องโถง

“เมื่อกี้... นั่นมันตัวอะไรคะ?” เกตุศิรินทร์อุทานด้วยความหวาดกลัว

“กูเห็นเหมือนกัน!” คมกฤชเสริมด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก สิงขรรีบสาวเท้าตามเงาดำนั้นไปอย่างรวดเร็ว ไฟฉายในมือส่องนำทางไปในความมืด เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาจากเงามืดนั้น มันไม่ใช่พลังงานของสิ่งมีชีวิตธรรมดา

“ตามมา!” สิงขรบอกเพื่อนและเกตุศิรินทร์ พลางวิ่งตรงไปยังทิศทางที่เงาดำนั้นหายไป พวกเขาไล่ตามเงาดำนั้นไปทั่วห้องโถงที่มืดมิด เงาดำนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและว่องไว ราวกับไม่ใช่คน สิงขรรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากมัน

“มันเร็วมาก!” คมกฤชหอบหายใจ ในที่สุด เงาดำนั้นก็หายเข้าไปในประตูบานหนึ่งที่อยู่สุดห้องโถง สิงขรรีบตามเข้าไปทันที เมื่อผ่านประตูเข้าไป พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องอีกห้องหนึ่งที่มืดสนิท แต่มีกลิ่นอับชื้นและกลิ่นดินแปลกๆ โชยมา

“ที่นี่มันที่ไหน?” เกตุศิรินทร์กระซิบด้วยความหวาดกลัว สิงขรกวาดไฟฉายบนมือถือไปรอบๆ ห้อง พวกเขาอยู่ในห้องใต้ดินขนาดใหญ่ ผนังเป็นอิฐเก่าแก่ มีร่องรอยของความชื้นและเชื้อรา มีข้าวของเก่าแก่และฝุ่นจับวางระเกะระกะอยู่ทั่ว

“เหมือนห้องใต้ดิน” คมกฤชพึมพำ ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดัง

“โครม!” มาจากอีกด้านหนึ่งของห้อง สิงขรรีบหันไฟฉายไปยังทิศทางนั้น พวกเขาเห็นเงาดำนั้นกำลังพยายามทุบทำลายอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนแท่นหิน

“มันกำลังทำลายอะไรน่ะ?” สิงขรถาม เมื่อแสงไฟฉายส่องไปชัดๆ พวกเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น บนแท่นหินนั้นมีแผ่นศิลาจารึกอีกแผ่นหนึ่งวางอยู่ และเงาดำนั้นกำลังพยายามทุบทำลายมันอย่างบ้าคลั่ง

“นั่นมันศิลาจารึกอีกแผ่น!” คมกฤชอุทาน สิงขรรู้ทันทีว่าเงาดำนั้นต้องการทำลายหลักฐานบางอย่างที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องราวทั้งหมด เขาพุ่งตัวเข้าไปขวางทันที

“หยุดนะ!” สิงขรตะโกน เงาดำนั้นหันมาเผชิญหน้ากับสิงขร ดวงตาของมันเรืองแสงสีแดงก่ำในความมืด รูปร่างของมันดูบิดเบี้ยวและน่ากลัวอย่างประหลาด

“นี่มัน... อะไรกัน?” เกตุศิรินทร์อุทานด้วยความหวาดผวา เงาดำนั้นไม่ตอบ มันพุ่งเข้าโจมตีสิงขรอย่างรวดเร็ว สิงขรรีบหลบหลีกและต่อสู้กลับ การต่อสู้ในความมืดเป็นไปอย่างยากลำบาก เงาดำนั้นแข็งแกร่งและว่องไวอย่างไม่น่าเชื่อ

“มันไม่ใช่คน!” คมกฤชตะโกน พลางพยายามช่วยสิงขร ในที่สุด สิงขรก็สามารถผลักเงาดำนั้นจนกระเด็นไปชนกับผนัง เงาดำนั้นร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะสลายหายไปในความมืด ทิ้งไว้เพียงความเงียบและความหวาดกลัว สิงขรรีบหันไปดูศิลาจารึกแผ่นที่สอง มันถูกทุบทำลายไปบางส่วน แต่ยังคงมีข้อความที่อ่านได้เหลืออยู่

“มันต้องการทำลายศิลาจารึกแผ่นนี้” สิงขรพึมพำ

“ทำไม?” คมกฤชเดินเข้าไปดูศิลาจารึกแผ่นที่ถูกทำลาย

“เราต้องอ่านข้อความที่เหลือให้ได้” เกตุศิรินทร์ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ พวกเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“เมื่อกี้... มันคืออะไรกันแน่คะ?” สิงขรมองไปยังจุดที่เงาดำนั้นหายไป เขารู้สึกว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่เหนือธรรมชาติ และมันเกี่ยวข้องกับสุริยาวดีและตำนานโบราณอย่างแน่นอน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 25 เพลิงแค้น

    ตอนที่ 25 เพลิงแค้นการแข็งเมืองขององค์หญิงมนทิราณีเทวี และกองทัพผีดิบที่นางสร้างขึ้น ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด ในที่สุดพระเจ้าธรณินทร์ก็ทรงมีราชโองการให้หมื่นสุนทรเทวานำทัพไปยังนครสิงหปุระบรรพต เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แม้ในใจของหมื่นสุนทรเทวาจะอาวรณ์พระนางยโสธราเทวีเพียงใด แต่ด้วยหน้าที่และความจงรักภักดี เขาก็มิอาจปฏิเสธพระราชโองการได้เสียงก้องกังวานในท้องพระโรงยังคงดังก้องในหูของหมื่นสุนทรเทวา ถ้อยคำประกาศก้องถึงการแข็งเมืองขององค์หญิงมนทิราณีเทวีแห่งสิงหปุระบรรพต ราวกับสายฟ้าฟาดกลางใจ พระพักตร์ของพระเจ้าธรณินทร์มืดครึ้มดุจเมฆฝน มิเพียงแต่ทรงขัดขืนพระราชโองการ หากแต่ยังใช้อำนาจแห่งเวทมนตร์ดำ ปลุกเหล่าทหารที่ล้มตายให้ลุกขึ้นเป็นกองทัพแห่งความมืด ปกป้องนครของตนมิให้ผู้ใดกล้ำกรายพระเจ้าธรณินทร์ทรงกริ้วโกรธดั่งพายุคลั่ง ตรัสบัญชาเสียงก้องกังวาน ให้หมื่นสุนทรเทวา นำทัพกล้าไปยังสิงหปุระบรรพตโดยพลัน เพื่อปราบปรามความอหังการของพระธิดา และนำความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดินหมื่นสุนทรเทวาน้อมรับพระราชโองการด้วยความหนักอึ้งในใจ ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ทับถมบนบ่ากว้าง ในขณะที่หัวใจอีกดวงหนึ่งยังคงผูกพันอย

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 24 หัวใจและหน้าที่ NC

    ตอนที่ 24 หัวใจและหน้าที่ NCสติสัมปชัญญะของพระนางยโสธราในยามนั้น ราวกับล่องลอยในห้วงแห่งความฝัน สิ่งที่คงอยู่มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้า ที่โหยหาให้สัมผัสจากหมื่นสุนทรเทวาลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กาย และเมื่อทรงรับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่บดเบียดอยู่เบื้องล่าง พระองค์ก็ยิ่งเคลิบเคลิ้มโหยหาจนสุดจะทานทนสองกรเรียวงามโอบกอดรัดร่างของหมื่นสุนทรเทวาไว้แนบแน่น ราวกับต้องการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว อารมณ์ปรารถนาที่ร้อนระอุในอุระของพระนาง แผ่ซ่านไปทั่วพระวรกาย จนกลีบกุหลาบงามกลางหว่างพระเพลา เริ่มชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหวานแห่งความใคร่ ราวกับบุปผาแรกแย้มที่ต้องน้ำค้างยามเช้า“ท่านหมื่น... ได้โปรด...” พระนางกระซิบเสียงแผ่วพร่าองค์รักหนุ่มค่อยๆ เคลื่อนกายทาบทับร่างบางอย่างนุ่มนวล แท่งกายที่แข็งขันค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในความคับแน่นและอุ่นร้อนภายใน ราวกับดอกไม้ที่แย้มรับหยาดน้ำค้าง ความรู้สึกเสียดสีและบีบรัดนั้น ก่อให้เกิดความเสียวซ่านที่แล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กายของทั้งคู่“อืมม์...” พระนางยโสธราทรงครางแผ่วเบา พระพักตร์เหยเกด้วยความซาบซ่านหมื่นสุนทรเทวาเริ่มขยับกายช้าๆ ทว่าหนักแน่น สอดประสานจังหวะรักอย่างต่อเนื่อง

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 23 ร้อยรัด...เสน่หา NC

    ตอนที่ 23 ร้อยรัด...เสน่หา NCภายหลังจากการลาดตระเวนที่ชายป่า หมื่นสุนทรเทวากลับมาพร้อมรอยแผลจากการปะทะกับสัตว์ร้าย องค์หญิงยโสธราเทวีทรงทราบเรื่องก็ทรงเป็นห่วงยิ่งนัก ทรงมีพระบัญชาให้หมื่นสุนทรเทวามาพักรักษาตัวในตำหนัก และทรงอาสาจะดูแลบาดแผลให้เขาด้วยพระองค์เองในห้องบรรทมเล็ก องค์หญิงยโสธราทรงนั่งอยู่ข้างเตียงที่หมื่นสุนทรเทวานอนพัก พระหัตถ์เรียวค่อยๆ เช็ดคราบโลหิตบริเวณบาดแผลที่แขนของเขาด้วยความเบามือ พระพักตร์ของนางเต็มไปด้วยความตั้งใจและกังวล“เจ็บมากหรือไม่ ท่านหมื่น?” พระนางตรัสด้วยสุรเสียงอ่อนโยนหมื่นสุนทรเทวาทอดสายตาไปยังพระพักตร์งดงามที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม“เพียงเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง ความเจ็บปวดทางกายหาได้สำคัญเท่าความห่วงใยที่พระองค์ทรงมีให้ไม่... ความเมตตาของพระองค์ต่างหากเล่า ที่ประหนึ่งทิพยโอสถ ชโลมใจให้กระหม่อมคลายจากทุกข์ตรมได้สิ้น” สิ้นคำนั้น พระพักตร์ขององค์หญิงยโสธราก็ปรากฏรอยแย้มสรวลน้อยๆ ราวกับบุปผาแรกแย้ม พระเนตรของนางทอดลงต่ำเล็กน้อย แต่ริมฝีปากบางนั้นกลับยกขึ้นอย่างปิดไม่มิด ความรู้สึกปลาบปลื้มเอ่อล้นในพระทัย จนมิอาจซ่อนเร้นได้มิด“ท่านนี่... ช่างมีวาทศิล

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 22 ร้อยคำรัก... สลักทรวง

    ตอนที่ 22 ร้อยคำรัก... สลักทรวงครั้นเมื่อเวลาล่วงเลยผ่าน...นครสิงหปุระบรรพตกลับคืนสู่ความสงบสุขดังเดิม องค์หญิงมนทิราณีเทวี ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข หมื่นสุนทรเทวาหาได้คลายจากการถวายอารักขาพระองค์ แม้เพียงเสี้ยวนาที ความผูกพันของทั้งสอง งอกงามดั่งบุปผาในอุทยานแห่งรัก ท่ามกลางภาระหน้าที่อันหนักอึ้งทว่า... คลื่นลมแห่งความสงบสุขนั้นมิได้ยืนยงนานนัก ข่าวการรุกรานจากแคว้นอุดรทิศ ดุจพายุโหมกระหน่ำ แผ่สะพัดไปทั่วแผ่นดิน พระเจ้าธรณินทร์ ทรงมีราชโองการเรียกคืน เหล่าขุนศึกกล้าหาญ และนักรบผู้มีฝีมือ กลับสู่พระนคร เพื่อร่วมกันป้องกันราชอาณาจักร หมื่นสุนทรเทวา ก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ต้องหวนคืนสู่เมืองหลวงในท้องพระโรงเล็กของปราสาทสิงหปุระบรรพต แสงทองยามเช้าสาดส่อง องค์หญิงมนทิราณีเทวี ทรงยืนประทับอยู่เบื้องหน้า หมื่นสุนทรเทวา ซึ่งกำลังคุกเข่าคำนับ พระพักตร์ของนางเต็มไปด้วยความกังวลและอาลัยอาวรณ์“ท่านหมื่น... จำเป็นฤๅ ที่ท่านต้องคืนสู่พระนคร เพื่อช่วยราชกิจแห่งเสด็จพ่อ?” องค์หญิงมนทิราณีเทวีตรัสด้วยสุรเสียงแผ่วเบา เจือด้วยความอาวรณ์หมื่นสุนทรเทวาเงยหน้าขึ้น สบพระเน

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 21 พันธรัก...ใต้แสงจันทร์

    ตอนที่ 21 พันธรัก...ใต้แสงจันทร์นครสิงหปุระบรรพต เมืองที่อยู่ภายใต้อำนาจแห่งพระเจ้าธรณินทร์ กษัตริย์ผู้ทรงแผ่อำนาจเหนือดินแดนกว้างใหญ่ ต่อมาพระเจ้าธรณินทร์ได้ส่งพระธิดาองค์โต พระนามว่า มนทิราณีเทวี ผู้ทรงมีพระสิริอันโฉมงดงามและพระทัยเมตตา ไปปกครองเมืองนี้ โดยมีนักรบหนุ่มผู้หาญกล้า นามว่า หมื่นสุนทรเทวา เชื้อสายขุนศึกผู้เกรียงไกร ติดตามเสด็จไปถวายการอารักขาอย่างใกล้ชิด ด้วยความจงรักภักดีและภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าธรณินทร์“มนทิราลูกรัก” พระเจ้าธรณินทร์ตรัสด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม พระหัตถ์ลูบศีรษะบุตรีอย่างอ่อนโยน“พ่อมอบหมายให้เจ้าไปปกครองนครสิงหปุระบรรพตแห่งนี้ จงนำความเจริญรุ่งเรืองและความสงบสุขไปสู่แผ่นดินแห่งนั้น” มนทิราณีเทวีเงยพระพักตร์ขึ้น สบพระเนตรพระบิดาด้วยความเคารพ“เพคะ เสด็จพ่อ หม่อมฉันจะจงรักภักดีและทำทุกวิถีทางเพื่อให้นครสิงหปุระบรรพตเจริญรุ่งเรืองสมดังพระประสงค์”ข้างๆ องค์หญิง มีร่างสูงสง่าของนักรบหนุ่มในชุดเกราะหนังสีดำสนิทยืนอยู่ เขาคือ หมื่นสุนทรเทวา บุตรแห่งขุนศึกผู้เกรียงไกร ใบหน้าคมสันของเขามีแววเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ“หมื่นสุนทรเทวา!!!” พระเจ้าธรณินทร์ตร

  • รอยสวาทข้ามภพ   ตอนที่ 20 ปริศนาแห่งกาลเวลา

    ตอนที่ 20 ปริศนาแห่งกาลเวลาสิงขรจ้องใบหน้าสวยของสุริยาวดี ราวกับต้องการค้นหาความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้น ความสับสนในจิตใจค่อยๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงความรู้สึกผูกพันอันแน่นหนา ราวกับสายใยที่ถักทอมานานนับร้อยปี หัวใจของเขารับรู้ถึงความคุ้นเคยนั้น แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาเนิ่นนานเพียงใดก็ตามที“ผม...” สิงขรเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับกระซิบจากส่วนลึกของหัวใจ ก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “ผมจะอยู่กับคุณ... สุริยาวดี”ทันทีที่สิ้นคำ สุริยาวดีก็คลี่ยิ้มสดใส ราวกับบุปผาแรกแย้มต้องแสงอรุณ นางโผเข้ากอดสิงขรแน่น ซบใบหน้าลงบนอกแกร่งของเขา ความตื้นตันเอ่อล้นจนน้ำเสียงสั่นเครือ“ขอบคุณค่ะ... ท่านหมื่น... ขอบคุณที่ท่านกลับมาหาข้า...”สิงขรกอดตอบนางอย่างอบอุ่น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่เคยคุกรุ่นในใจค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดนาง ความปรารถนาที่จะโอบอุ้ม ปกป้อง และดูแลหญิงสาวในอ้อมแขนนี้ กลับทวีความรุนแรงขึ้นจนยากจะต้านทานในห้วงเวลาแห่งความเสน่หานั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของสิงขรก็ดังแทรกขึ้น ราวกับเสียงกระดิ่งที่ปลุกให้ตื่นจากความฝันอันแสนหวาน เขาจำต้องผละออกจากอ้อมกอดอุ่นของสุริยาวดีด้วยค

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status