แพรพิไลสังเกตว่าทุกครั้งเวลาที่ชายหนุ่มคุยกับเธอ มุมปากของเขามักยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอยู่เสมอ ดูมีเสน่ห์เสียจนไม่อยากถอนสายตากลับ
แต่ถ้าเธอไม่ถอนออกมาเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าคงไม่ต้องทำงานทำการกันแล้วกระมัง ผู้ชายอะไร แรงดึงดูดมากเสียจนน่าหวาดหวั่น!
แพรพิไลผินหน้าไปมองครองขวัญซึ่งขณะนี้กำลังนั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะโดยมีชาคริตนั่งอยู่ด้วย หญิงสาวแบ่งสมาธิของตนไปที่คู่นั้นทันที เพราะมือของสองหนุ่มสาวเกาะกุมกันอยู่ สักพักชาคริตก็ถอนมือกลับ ขณะที่ครองขวัญเอามือลากโต๊ะมาจนกระทั่งถึงกระเป๋าถือใบเล็กของตัวเอง
มองผิวเผินเหมือนว่าหนุ่มสาวสองคนนี้แค่จับมือกันแล้วปล่อย แต่สำหรับแพรพิไลที่ลอบมองตาแทบไม่กะพริบนั้นรู้สึกได้ว่าการจับมือกันของทั้งคู่ช่างไม่ธรรมดา ชาคริตส่งอะไรบางอย่างให้ครองขวัญ และครองขวัญเก็บสิ่งนั้นใส่กระเป๋าอีกด้วย!
“โอ๊ย!” เสียงร้องเบา ๆ ของรชตเรียกสายตาของแพรพิไลกลับมาที่เขาทันที
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ เจ็บไหมคะคุณอาร์ต ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวก้มลงมองรองเท้ามันปลาบของเขาซึ่งมีรอยรองเท้าของเธอเข้าไปเต็ม ๆ รองเท้าคู่นี้มองดูก็รู้ว่าราคาไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้กลับยับเยินเพราะเธอคนเดียว
“ดูเหมือนคุณแพรไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไรเลย ไปนั่งพักกันดีกว่าไหมครับ” ชายหนุ่มออกความเห็น
แพรพิไลจึงรีบพยักหน้าทันที เพราะวันนี้โต๊ะนั่งของเธอสะดวกต่อการแอบมองครองขวัญเป็นอย่างยิ่ง
“สาว ๆ คนอื่นจะไม่ว่าเอาหรือคะที่ฉันกักตัวคุณไว้คนเดียว”
หญิงสาวทำเสียงกระเง้ากระงอดทั้งที่ความหมายจริง ๆ ในใจคือต้องการไล่ให้เขาไปดูแลโต๊ะอื่น เพื่อที่เธอจะได้ทำงานตรงนี้ได้อย่างเต็มที่
“คืนนี้ผมมีเวลาให้คุณทั้งคืน” เขาพูดประโยคสื่อความนัย ซึ่งเธอฟังแล้วคิดว่าเขาคงทวงคำตอบที่เธอเคยถามเอาไว้เป็นแน่...
ให้ตายสิผู้ชายคนนี้ เขาไม่คิดจะปล่อยผ่านไปบ้างเลยหรือไร อยากรู้จริง ๆ ว่าตอนนี้เขามีผู้หญิงเลี้ยงดูกี่คนกันแน่ และมีรายได้ต่อเดือนเท่าไรกัน
“ฉันต้องตบตีกับผู้หญิงคนอื่นด้วยรึเปล่าถ้าอยากแย่งคุณมาเป็นสมบัติส่วนตัว”
รชตหัวเราะขลุกขลักในลำคอ สายตาวาววามจนเห็นแล้วอดใจเต้นแรงไม่ได้
“ไม่ต้องไปตบตีกับใครเลยครับคุณแพร ถ้าคุณอยากให้ผมเป็นสมบัติส่วนตัวของคุณจริง ๆ ผมก็ยินดีจะเป็น”
แพรพิไลผินหน้ามองไปทางอื่นพลางยกแก้วขึ้นดื่มแก้เขิน รู้อยู่ว่าผู้ชายขายบริการส่วนใหญ่มักปากหวานช่างเอาอกเอาใจแบบนี้กันทุกคน แต่แม้ว่าเธอมีภูมิต้านทานคำหวานเหล่านี้ค่อนข้างเข้มแข็งก็ยังอดหน้าร้อนไปกับคำพูดและสายตาหวานเชื่อมของเขาไม่ได้...ร้ายกาจจริงๆ
หญิงสาวมองไปที่โต๊ะของครองขวัญอีกครั้ง แต่ไม่เห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้วจึงคิดว่าเจ้าหล่อนคงลุกไปเข้าห้องน้ำ เพื่อไม่ปล่อยให้เสียโอกาสทองนี้ไป แพรพิไลจึงรีบลุกตามไปทันที
“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
เขาพยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ เธอจึงรีบก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังสุขาที่อยู่มุมสุดนั่นทันที ในใจได้แต่ภาวนาให้ครองขวัญยังอยู่ในนั้น และคำภาวนาของเธอก็สัมฤทธิผล
ครองขวัญยืนค้นอะไรบางอย่างอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ดูสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแพรพิไลเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วหยิบลิปสติกขึ้นมาเติมเรียวปาก เธอลอบสังเกตจากด้านข้างก็เห็นครองขวัญหยุดการค้นหา ‘สิ่งนั้น’ ทันที พร้อมกับการชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจเหมือนเธอไปขัดจังหวะ แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามปกปิดอาการแค่ไหน แต่สำหรับแพรพิไลที่ช่างสงสัยช่างสังเกตย่อมจับกิริยานั้นได้ไม่ยาก
ครองขวัญเดินลงส้นเท้าเสียงดังกว่าปกติทำให้แพรพิไลรู้ตัวว่าคงทำให้อีกฝ่ายไม่ชอบหน้าเสียแล้ว หญิงสาวได้แต่ยักไหล่อย่างไม่สนใจ ก่อนจะเริ่มประมวลผลความเป็นไปได้เกี่ยวกับเรื่องของครองขวัญ
สิ่งของอะไรกันที่ทำให้ทั้งคนให้และคนรับต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ และเมื่อคิดรวมเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่วันแรกที่เธอตามติดครองขวัญมา คำสามคำก็ผุดขึ้นในหัวของเธอทันที
ยาเสพติด!
แพรพิไลตัวชาวาบเมื่อความเป็นไปได้ข้อนี้เด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะหากเทียบกันตามหลักความเป็นจริงแล้ว ผู้หญิงวัยอย่างครองขวัญไม่น่าจะมาเที่ยวคลับเฮราได้เกือบทุกวันแบบนี้แน่นอน แต่นี่ครองขวัญถึงกับเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ของที่นี่ มาแทบทุกวันแม้จะมาคนเดียวก็ยังมา และเหตุผลนี้กระมังถึงทำให้สุกำพลสงสัยว่าภรรยากำลังนอกใจ
“อย่างนี้นี่เอง” แพรพิไลพยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ เมื่อจิกซอว์ทั้งหลายเริ่มต่อกันได้จนเกือบสมบูรณ์ และเธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่นำยาเหล่านั้นมาก็คือบรรดาครูสอนลีลาศรูปหล่อทั้งหลายนี่ละ
หน็อย! คิดจะใช้ความหล่อมาหลอกล่อขายยานี่เอง
จู่ ๆ ความผิดหวังก็ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในความรู้สึกเมื่อนึกถึงใบหน้าของรชต น่าแปลกที่เจอกันแค่สองครั้ง แต่เธอกลับรู้สึกราวกับว่าคุ้นเคยกับเขามานานแสนนานอย่างไรอย่างนั้น อาจเพราะความเป็นกันเองและความช่างเอาใจใส่ของเขากระมัง เธอจึงเสียดายและเสียความรู้สึกขึ้นมาทันทีหากเรื่องที่คาดการณ์ไว้เป็นความจริงขึ้นมา
แพรพิไลเดินกลับมานั่งที่โต๊ะแต่ไม่เห็นรชตอยู่ที่เดิมแล้ว ครั้นพอมองไปรอบ ๆ ก็เห็นเขากำลังยืนคุยกับหญิงสาวคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นดูนอบน้อมกับเขาอย่างเห็นได้ชัด ศีรษะผงกลงเพื่อรับคำสั่งตลอดเวลาก่อนเดินจากไป
เมื่อเห็นเขากำลังจะหันมาทางนี้ แพรพิไลจึงรีบถอนสายตากลับมาแล้วหลุบตาลงมองแก้วเครื่องดื่มตรงหน้า จากนั้นก็เบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบกวักมือเรียกพนักงานทันที
“น้องคะ แก้วนี้เก็บไปเลยค่ะ และขอแก้วใหม่ให้พี่ด้วย เอาแบบเดิมนี่แหละ”
เพราะเรื่องยาเสพติดกับเรื่องของครองขวัญ เธอจึงไม่ไว้ใจรชต เมื่อครู่ตอนที่ไปเข้าห้องน้ำไม่รู้เขาจะแอบเอาอะไรใส่ลงในเครื่องดื่มของเธอบ้างรึเปล่า ฉะนั้นป้องกันไว้ก่อนเป็นดี จากที่ดูความอ่อนน้อมที่พนักงานมีให้รชต เธอคิดว่าเขาน่าจะเป็นเจ้าพ่อตัวเอ้เลยทีเดียว...คนเรานี่ดูแต่หน้าตาไม่ได้จริงๆ
รชตลอบยิ้มเมื่อเห็นแพรพิไลขอเปลี่ยนแก้ว เขาไม่โกรธที่เธอไม่ไว้ใจเขา กลับรู้สึกชื่นชมไหวพริบของเธอด้วยซ้ำไป เป็นแบบนี้ละดีแล้ว จะได้เอาตัวรอดจากปากเหยี่ยวปากกาได้
ชายหนุ่มยังเดินไปไม่ถึงโต๊ะของหญิงสาว ทว่าปารุส ลูกน้องคนสนิทก็มากระซิบบอกอะไรบางอย่าง เขาจึงต้องเดินออกจากตรงนี้ไปทำเรื่องสำคัญเสียก่อน
ขณะที่รชตกำลังจะเดินเข้าไปด้านหลัง เขาก็หันมองไปที่แพรพิไลอีกครั้ง ในหัวเริ่มชั่งใจว่าจะเดินเข้าไปบอกลาเธอก่อนดีหรือไม่ เพราะงานด่วนที่เข้ามาก็สำคัญอย่างยิ่งยวด...แต่สุดท้ายเขาก็เลือกทำตามหัวใจของตัวเอง
“พรุ่งนี้คุณแพรจะมาไหมครับ” เขาถามเธอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นหญิงสาวทำหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้แทนคำตอบ รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งกว้างขึ้นไปอีก
“ดีครับ มาให้ได้นะ ผมจะรอ” เขาเดินถอยหลังไปอย่างอ้อยอิ่งเพราะไม่อยากแยกจากเธอตอนนี้ ยิ่งเห็นเธอโบกมือลาอย่างน่ารักน่าชังพร้อมกับกะพริบตาปริบ ๆ เขาก็ยิ่งรู้สึกมันเขี้ยวจนอยากเดินเข้าไปคว้ามาหอมแก้มหนัก ๆ สักทีสองที แต่เขาก็ได้แค่คิด เพราะขืนเขาทำอย่างนั้นเธอคงมองเขาในแง่ลบแน่นอน
แต่จะว่าไปแล้ว จะมีอะไรแย่ไปกว่าการที่ถูกเธอมองเป็นผู้ชายขายตัวได้อีกเล่า แม่คุณก็ช่างคิดได้นะ ท่าทางของเขาดูเหมาะกับอาชีพนั้นมากเลยหรือ
รชตเดินเข้ามาด้านหลังสำหรับพนักงานซึ่งมีกริชกับปารุส มือขวาของเขายืนรออยู่ก่อนแล้ว
“ไปกันเถอะ” จากนั้นเขาก็เดินนำทั้งสองคนออกไปจากคลับทันที
คล้อยหลังของรชต แพรพิไลก็หันมาให้ความสนใจครองขวัญต่อ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหา ‘สิ่งนั้น’ เจอแล้ว เพราะเมื่อครู่เห็นรื้อค้นกระเป๋าด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน เมื่อเจอแล้วก็เอาเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ในช่องใส่เหรียญ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วหันไปมองชาคริตครู่หนึ่งเหมือนส่งสัญญาณอะไรสักอย่างแล้วเดินออกจากคลับไป
แพรพิไลรอประมาณหนึ่งนาทีจึงเดินตามออกไปบ้าง โดยเดินอ้อยอิ่งจนกระทั่งเห็นรถของครองขวัญขับพ้นประตูไปแล้วจึงรีบสาวเท้าจนเกือบวิ่งไปที่รถของตัวเอง แล้วขับตามรถของครองขวัญไปห่าง ๆ อย่างไม่ให้คลาดสายตา
หญิงสาวขับรถตามครองขวัญมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงคอนโดมิเนียมกลางเก่ากลางใหม่ย่านชานเมือง ความคิดที่ว่าครองขวัญแอบนัดคู่ขาไว้เริ่มตีกลับเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง เธอเห็นครองขวัญจอดรถไว้ที่ด้านหลังอาคารซึ่งเป็นมุมมืด ไม่มีไฟส่องสว่างจึงรีบขับไปจอดอีกด้านเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย
แพรพิไลแอบมองครองขวัญจากทางกระจกหลังแล้วหัวคิ้วก็ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันเรื่อย ๆ เมื่อมีปริศนาให้ต้องขบคิดอีกแล้ว
“นี่มันที่ไหนกันเนี่ยดูลับ ๆ ล่อ ๆ แล้วทำไมต้องมีคนยืนเฝ้าหน้าประตูตั้งสองคน”
เด็กชายวัชร์ส่งเสียงทักทายผู้เป็นอาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างพลางกางแขนจะให้อุ้ม รชตจึงยื่นมือไปรับร่างป้อมของหลานชายมาอุ้มไว้“แพร นี่พี่โอม พี่ชายพี่เอง...นี่แพร ที่เคยเล่าให้ฟังน่ะ” รชตหันไปแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแพรพิไลยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อได้ยินที่เขาพูดว่าเคยเล่าเรื่องของเธอให้พี่ชายฟังด้วยพชรรับไหว้พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร นัยน์ตาคมกริบลอบประเมินว่าที่น้องสะใภ้แล้วรู้สึกว่าแพรพิไลคนนี้มีบุคลิกเหมือนช่อมาลี ภรรยาของเขาอยู่มากเลยทีเดียวเหมือนที่ความมั่นใจ เหมือนที่ความกระตือรือร้นในแววตา และเหมือนที่ดูเป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยได้จากนั้นทั้งหมดก็พากันเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งมีเพียงช่อมาลีนั่งอ่านนิตยสารรถยนต์อยู่เพียงลำพัง ครั้นพอเห็นว่ารชตพาคนรักมาถึงแล้วจึงปิดหนังสือแล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิมรชตแนะนำให้สองสาวรู้จักกัน ซึ่งทั้งแพรพิไลและช่อมาลีต่างรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นช่อมาลีก็เดินไปเรียกบิดามารดาของทั้งสองหนุ่มที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่อีกห้องหนึ่งการทำคว
“ว่าแต่เป้าหมายเป็นใครล่ะ” รชตถามพลางมองไปรอบฟลอร์ ครั้นพอเห็นสายตาของแพรพิไลเขาก็เลิกคิ้วขึ้น“อย่าบอกนะว่าคือผู้หญิงที่เต้นรำกับพี่เมื่อกี้”“ใช่เลย คนนั้นนั่นแหละ” แพรพิไลยิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเขาซึ่งทำเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา“อยากรู้ล่ะสิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ชายหนุ่มกะพริบตาให้เธอข้างหนึ่ง ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มจนคนมองเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากเอามือไปปิดตาคู่นั้นไว้เสีย“อยากรู้สิ แต่พี่น่ะจะบอกแพรรึเปล่า”“บอกสิ แต่แพรน่ะยอมเอาตัวเข้าแลกรึเปล่า”แพรพิไลสะดุ้งเฮือกเมื่อแผ่นหลังเปล่าเปลือยสัมผัสกับที่นอนเย็นเฉียบ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้หญิงสาวกับรชตยังเต้นรำกันอยู่บนฟลอร์ที่คลับเฮรา ทว่าเวลานี้ร่างไร้อาภรณ์ของเธอกลับมานอนอยู่ใต้ร่างกำยำบนเตียงในห้องนอนของตัวเองเสียแล้วทุกอณูเนื้อกำลังถูกลมหายใจและริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ประทับตีตราไปทั่วราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มือทั้งสองข้างของเขาลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่ว
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสแขนกุดสีม่วงอเมทิสต์เยื้องย่างราวกับนางพญาเข้ามาในคลับเฮรา คลับลีลาศอันโด่งดังที่สุดในกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเต้นรำ เรือนร่างเย้ายวนและความสวยนั้นสะกดสายตาทุกคู่ไว้ได้อย่างง่ายดาย เธออมยิ้มเล็กน้อยระหว่างที่เดินไปยังโต๊ะวีไอพีที่อยู่ด้านในสุด นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบด้านด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผีเสื้อราตรีหลายคู่กำลังเริงระบำกันท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมาชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งตกเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวผู้มาใหม่ทันที ปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังมองมาทางตนอย่างสนใจหญิงสาวหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรที่มารอรับออร์เดอร์ จากนั้นก็ทำทีเป็นไม่สนใจคนคู่นั้นอีก นิ้วมือเคาะโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะตามเสียงเพลงที่กำลังเปิดอยู่ พลางหลับตาแล้วฮัมไปด้วยอย่างอารมณ์ดี“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณผู้หญิง”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นตรงหน้าปลุกให้หญิงสาวต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ครั้นพอเห็นรอยยิ้มมุมปากของเขากับสายตาเชิญชวนคู่นั้น เธอก็ตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
“เลว! อย่างน้อยก็เคยใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา เขาน่าจะนึกถึงเรื่องนี้บ้าง นี่อะไร...เหยียบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาจมดินแบบนี้เลยน่ะหรือ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง พี่อาร์ตรู้ไหมคะ”“คุณพ่อคุณแม่ของคุณขวัญพาไปบำบัดน่ะ เพราะผลข้างเคียงของยาเสพติดพวกนี้ทำให้คนที่ไม่ได้เสพจะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง...คุณขวัญเคยพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว แต่คนในบ้านช่วยไว้ได้ทันเวลา”“แปลกนะคะ ถ้าไปรักษาตัวตอนที่พยายามฆ่าตัวตาย ทำไมไม่เห็นมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างเลย”เธอจำได้ว่าตอนนั้นพยายามหาข่าวของครองขวัญจากหลาย ๆ ที่ว่าหายไปไหน เนื่องจากไม่เห็นอีกฝ่ายไปที่คลับเฮราติดกันหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง ข่าวที่ได้มาจึงค่อนข้างหลากหลายจนดูไม่น่าเชื่อถือ“ตระกูลของคุณขวัญเป็นตระกูลผู้ดีเก่ามีหน้ามีตาในสังคม เรื่องที่จะส่งลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่ะลืมไปได้เลย เขาเรียกหมอไปรักษาที่บ้าน จ้างพยาบาลส่วนตัวมาเฝ้า เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็จะทำร้ายตัวเองอีก”“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าชีวิตพังเพราะผู้ชายคน
“แพรขอโทษ แพรไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่พี่อาร์ตนะ แต่แพรเป็นอะไรไม่รู้ แพรหงุดหงิดไปหมด มันรู้สึกอึดอัดในอกเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้ แพรอยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาจนอยากทำลายทิ้งให้หมด...แพรไม่อยากเป็นแบบนี้เลยพี่อาร์ต ทำยังไงดี ฮือ...”“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น มันเป็นผลข้างเคียงจากยาที่แพรดื่มเข้าไปน่ะ ไม่กี่วันก็หายแล้วแพร ทนหน่อยนะ ถ้าแพรอยากทำลายข้าวของ แพรมาทึ้งเสื้อผ้าพี่แทนก็ได้พี่ไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำตอนที่หมอกับพยาบาลอยู่ก็พอ เดี๋ยวเป็นข่าว” รชตพูดหน้าตาเฉย ขณะที่คนฟังหัวเราะทั้งน้ำตาแพรพิไลพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่จนกระทั่งเริ่มผ่อนคลายลงจึงเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของศักดิ์อีกครั้ง“ตกลงแล้วพี่ศักดิ์ถูกบีบบังคับยังไงกันคะ”“สุกำพลจับตัวลูก ๆ ของพี่ศักดิ์ไว้เป็นตัวประกันน่ะ พี่ศักดิ์มีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคนใช่ไหมล่ะ มันจับเด็ก ๆ ไปอยู่ในความดูแลของสุกำพล เขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรเด็กจนกว่าพี่ศักดิ์จะหาหลักฐานที่เหลือมาได้ จนครั้งสุดท้ายที่เขาเรียกใช้งานพี่ศักดิ์ก็คือตอนที่เขาพาตัวแพรไปให้
“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตามรชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ