“ฉัน…ลลิตาค่ะ” ลลิตาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ แม้จะไม่พอใจแต่คริสก็ไม่ค้านอะไรแต่เลือกที่จะเอ่ยทักทายเธอแกมประชดประชันกลับมา
“สวัสดีครับคุณลลิตา โทรหาผมแบบนี้แสดงว่าคุณตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม” “ค่ะ ฉันจะทำตามที่คุณบอก” คำตอบของลลิตาทำให้คริสยิ้มออกมาตรงมุมปากเล็กน้อย เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ “ดีแล้วครับที่เชื่อฟังผม เย็นวันศุกร์ผมจะไปรับที่บ้าน” “ฉันไม่สะดวกให้คุณมารับที่บ้าน เอาเป็นว่าคุณอยู่ที่ไหนเดี๋ยวฉันจะไปหาเอง” “โอเค แบบนั้นก็ได้ครับ” คริสรับคำอย่างหัวเสียนิดหน่อย เพราะพึ่งชมลลิตาไปหยกๆ เรื่องที่เธอเชื่อฟังเขา ก่อนจะบอกที่อยู่และเวลานัดหมายให้อีกฝ่ายรับรู้ซึ่งมันคือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองเพราะต้องไปอยู่กับคริสเป็นเวลาสามวัน ทำให้ ลลิตาต้องหาทางโกหกปราณแม้จะไม่อยากทำแบบนั้นเลยก็ตาม โดยเธอบอกกับเขาว่ามีงานสัมนาด่วนที่ต่างจังหวัดโดยการสัมนาครั้งนี้มีนักลงทุนจากทุกมุมโลกเข้าร่วม เธอจำเป็นต้องไปจริงๆ นั่นก็เพื่อความเติบโตของบริษัทที่เธอคาดหวังว่าต้องขยายฐานการส่งออกไปอีกหลายๆ ทวีป
ลลิตานั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกสิ่งทอ โดยสานต่อจากผู้เป็นพ่อที่เวลานี้วางมือแล้วไปใช้ชีวิตวัยเกษียณอยู่กับบรรดาเพื่อนๆ วัยเดียวกันที่ภาคใต้ เหตุผลที่เลือกที่นั่นเพราะท่านชอบทะเล “ไม่ไปไม่ได้จริงๆ เหรอครับ” “ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ถ้าฉันไม่รับงานนี้เองก็จะกระทบลูกน้องไปด้วย” “แต่เรากำลังจะแต่งงานกัน ผมไม่อยากให้คุณต้องเดินทางไกล” นั่นคือสิ่งที่ปราณกังวลเพราะกลัวเกิดเรื่องที่ไม่คิดคิดขึ้นกับลลิตา “ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี” “สัญญาแล้วนะครับ” “สัญญาค่ะ” “เดินทางปลอดภัย กลับมาเราจะไปถ่ายพรีเวดดิ้งกัน” “ค่ะ” ลลิตาพยักหน้ารับจากนั้นทั้งคู่ก็นั่งกินข้าวด้วยกัน แต่แล้วความบังเอิญกลับทำให้คริสเข้ามาเห็นภาพเหล่านั้น โดยเฉพาะรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของ ลลิตา ทำไมเธอถึงยังยิ้มและหัวเราะได้ทั้งๆ ที่เขานั้นเจ็บปวดปางตาย ส่วนปราณเองก็คงไม่ได้โศกเศร้ากับการตายของน้องสาวเขาอีกต่อไปแล้วสินะ ไม่เช่นนั้นจะประกาศแต่งงานได้แบบนี้เหรอ คริสนั่งจ้องมองคนทั้งคู่กระทั่งพอใจโดยไม่แตะอาหารที่สั่งมาแม้แต่คำเดียว อีกไม่กี่วันการแก้แค้นที่แท้จริงของเขากำลังจะเกิดขึ้นและทุกอย่างต้องพังทลาย ใครก็ตามที่ทำร้ายปลายรุ้งน้องสาวเขาจนตายคนพวกนั้นต้องได้รับกรรมที่เขาจะเป็นคนมอบให้ก่อนไปพบคริสลลิตาก็พยายามเตรียมทุกอย่างให้พร้อม แต่เพราะยุ่งมากเธอจึงลืมเรื่องสำคัญบางอย่างไปเสียสนิท ในขณะที่ชายหนุ่มก็ตั้งตารอที่จะได้พบเธอเช่นกันกระทั่งวันที่ทั้งคู่นัดเจอกันก็มาถึง
ทันทีที่ลลิตาก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ที่จอดส่งเธอหน้าคอนโดมิเนียมของคริส ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วก็เข้ามาคว้ากระเป๋าเดินทางของเธอไว้แล้วเดินตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวที่จอดอยู่ไม่ไกลกันนัก ลลิตาจึงรีบสาวเท้าเดินตามมา “ขึ้นรถ” คริสเอ่ยสั่งเสียงห้วน เวลานี้เขาไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนกับเธอ “คุณจะพาฉันไปไหน” ลลิตาเอ่ยถามด้วยความหวั่นใจ นั่นเพราะเข้าใจมาตลอดว่าเธอต้องอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้กับเขา “เดี๋ยวก็รู้ อ้อ..แล้วนี่ไม่ทราบว่าได้บอกว่าที่เจ้าบ่าวของคุณหรือยังว่ามาหาผัวเก่าอย่างผม” คำพูดไม่ให้เกียรติของคริสทำให้ลลิตาโกรธแต่ก็ควบคุมอารมณ์เอาไว้ “ไม่ได้บอก” “แบบนี้เขาก็เป็นห่วงแย่สิ” “คุณจะลบคลิปนั่นเมื่อไหร่” “ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่คุณต่างหากไม่ใช่ผม ถ้าคุณยังหน้าบึ้งหรือทำตัวไม่น่ารักอยู่แบบนี้เวลาสามวันมันอาจไม่พอ” คำพูดของคริสทำให้ลลิตาลอบถอนหายใจออกมาหนักๆ อยากให้เธอทำตัวน่ารักๆ อย่างนั้นเหรอ คาดหวังมากเกินไปหรือเปล่า ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจเข้าหาเธอเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ให้โกรธเคืองและหวาดระแวงเขาด้วยคลิปนั่น คริสสตาร์ทรถแล้วขับออกไป ชายหนุ่มมีเป้าหมายว่าจะไปที่ไหนทว่าคนที่นั่งมาด้วยกลับไม่รู้อะไรเลย ทำได้เพียงแค่อ่านป้ายบอกทางกระทั่งมั่นใจว่าเขากำลังขับออกนอกกรุงเทพฯ ไปทางทิศตะวันออก “เราจะไปที่ไหนกัน” “ทำไม” “ฉันคิดว่าตัวเองควรรู้ว่าคุณจะพาไปที่ไหน” “จะได้บอกว่าที่เจ้าบ่าวคุณนะเหรอ” “ใช่” ลลิตาเอ่ยรับเพียงสั้นๆ เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคริสสักเท่าไหร่นะ แต่ยิ่งเธอตอบรับสั้นเท่าไหร่แถมยังเกี่ยวข้องกับปราณ ชายหนุ่มกลับคิดไปไกลแล้วพานโมโหใส่เสียด้วยซ้ำ “ระยองพอใจหรือยัง” “ส่วนไหนของระยอง” ขณะถามหัวใจของลลิตาก็เต้นตึกๆ ตัก ๆ ภาวนาขออย่าให้เป็นที่นั่น “เกาะเสม็ด สถานที่ในความทรงจำของเราสองคน” คริสหันมายิ้มให้คนข้างๆ ที่เวลานี้นั่งนิ่งอยู่ ทำไมถึงต้องเป็นที่นั่น “แค่พูดชื่อเกาะมันก็ทำให้เราร้อนวูบวาบได้ว่าไหม” “คุณอยากจะพูดอยากจะคิดอะไรก็เชิญ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร” ต่อให้ที่นั่นจะเต็มไปด้วยความทรงจำแต่ลลิตาก็พยายามที่จะไม่คิดถึงมันแต่ยิ่งใช้ความพยายามปกปิดมากแค่ไหนความทรงจำที่เธออยากลืมกลับแจ่มชัด จูบแรกของเธอกับคริสก็เกิดขึ้นในคืนพระจันทน์เต็มดวงบนเกาะนั่น เซ็กซ์ครั้งแรกก็ที่นั่นรวมไปถึงสถานที่ถ่ายคลิปเซ็กซ์ก็ยังเป็นรีสอร์ตบนเกาะนั่นเช่นกัน ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาล้วนเกิดขึ้นที่นั่นเกือบทั้งหมด “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปีแต่คุณดูเก่งขึ้นหรือที่ผ่านมาประสบการณ์โชกโชนแล้ว” “หยูดพูดแบบนี้กับฉันได้ไหม ที่ฉันยอมมากับคุณเพราะคุณรับปากว่าจะลบคลิปบ้าๆ นั่น ไม่ใช่มาเพราะอยากฟังคำพูดแบบนี้” น้ำเสียงของลลิตาสั่นเครือเล็กน้อย เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องทำนองนี้มากนัก คริสคือรักแรกของเธอ เธอกับเขาเจอกันครั้งแรกที่งานสัมมนาธุรกิจ ชายหนุ่มอยู่ที่นั่นในฐานะหนึ่งในผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่มาเพื่อพูดให้กำลังใจนักธุรกิจหน้าใหม่เช่นเธอ หลังจบการสัมมนาเธอกับเขาก็สานสัมพันธ์กัน ความรักในตอนนั้นราบรื่นไม่มีอะไรสะดุดกระทั่งคริสแนะนำน้องสาวให้เธอได้รู้จัก เธอรู้ได้ทันทีว่าคริสรักน้องมากและน้องสาวก็มองว่าพี่ชายเพียงคนเดียวคือฮีโร่คือโลกทั้งใบ ทุกอย่างยังคงราบรื่นกระทั่งคริสถูกซื้อตัวจากบริษัทข้ามชาติรวมถึงการไปพบปลายรุ้งวันนั้นเมื่อทานข้าวกันเสร็จทั้งสามก็กลับเข้าบ้าน ลลิตาจ้องมองคริสคล้ายจะมีอะไรจะพูดกับเขากระทั่งสบโอกาสจึงเอ่ยขึ้น “คุณยังไม่บอกโอบหรือคะว่าเป็นพ่อของแก” “ยังครับ” “ทำไมคะ” นั่นเพราะลลิตาคิดว่าช่วงที่เธอไม่อยู่ คริสอาจคุยกับโอบรักแล้วเสียอีก “ผมอยากให้คุณเป็นคนบอกลูกมากกว่า” “ขอบคุณ” ลลิตาส่งยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ “ผมรอได้ รอจนกว่าอิงจะมั่นใจในตัวผม ถึงตอนนั้นค่อยบอกลูกก็ไม่เป็นไร” คริสส่งยิ้มอบอุ่นให้เธอ ลลิตาจึงเดินเข้าไปหาแล้วโอบกอดเขา ตั้งแต่ปรับความเข้าใจกันนี่คือครั้งแรกที่ลลิตาสวมกอดชายหนุ่มก่อน ในคืนนั้นเธออาศัยจังหวะพาลูกชายเข้านอนเอ่ยเรื่องสำคัญขึ้น “โอบครับ จำได้ไหมว่าลูกเคยถามแม่ว่าพ่อของหนูเป็นใครหน้าตาเป็นแบบไหน” “จำได้” “พ่อของโอบคือคนนี้ครับลูก” ลลิตาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมายื่นให้ลูกชาย ซึ่งเธอได้เปิดรูปของคริสค้างไว้บนหน้าจอ
นั่นจึงเป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่โอบรักได้กลับมานอนที่ห้องนอนตัวแอง หลังจากเอาลูกนอนเสร็จเธอก็ลงไปหาคริสที่ห้องแขก“ลูกนอนแล้วเหรอครับ”“ค่ะ”“คุณหมอกับคุณนาก็พึ่งจะกลับไปเมื่อกี้”“คุณก็ควรกลับได้แล้ว”“แต่ผมเผลอดื่มไปหลายแก้วตอนนี้เลยมึนๆ สงสัยจะเมา แบบนั้นขับรถจะยิ่งอันตราย” คนแกล้งเมากุเรื่องขึ้นเพื่อจะได้นอนค้างที่นี่แม้จะอยากไล่ให้ชายหนุ่มกลับแต่ก็ห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขา สุดท้ายลลิตาก็ยอมให้คริสนอนค้างด้วยแต่เขาต้องนอนในห้องรับแขกเท่านั้น พอรู้ว่าเธออนุญาตชายหนุ่มก็พยักหน้ารับทันทีลลิตานำเครื่องนอนออกมาปูให้เขา ทว่าคนเจ้าเล่ห์กลับใช้จังหวะนั้นรวบตัวเธอเข้ามากอดแล้วซุกไซ้ปากร้อนๆ รวมถึงจมูกโด่งลงไปสัมผัสพวงแก้มรวมถึงลำคอระหงของเธอ“จะทำอะไรคะ” รู้ทั้งรู้แต่ลลิตาก็เผลอถามออกไป“ทำรัก”“เดี๋ยวลูกตื่น”
“คุณลุง”“ครับ”“โอบคิดถึงแม่” น้ำเสียงของโอบรักสั่นเครือเพราะทนความคิดถึงที่มีต่อลลิตามาหลายวันแล้ว สุดท้ายก็ทนต่อไปไม่ไหว“ลุงก็คิดถึงครับ แต่ตอนนี้โทรหาแม่ไม่ได้เพราะดึกแล้ว ไว้รอพรุ่งนี้เช้าเราค่อยโทรหานะ”“แต่โอบอยากคุยกับแม่ตอนนี้ โอบคิดถึง”“ลุงรู้ครับ” คริสสวมกอดเด็กชายไว้ เขาเข้าใจความคิดถึงดีว่ามันมีพลังมากแค่ไหน “เดี๋ยวลุงเล่านิทานให้ฟังดีไหม”“ไม่ โอบจะคุยกับแม่” เด็กชายวัยยังไม่ครบสี่ขวบงอแงอย่างหนัก ซึ่งเป็นความงอแงที่คริสไม่เคยเจอมาก่อน นั่นทำให้เขาเริ่มลนลานแต่คนที่อยู่เมืองจีนเหมือนรู้ว่าคริสกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะจู่ๆ ลลิตาก็โทรมาเธอคุยกับลูกปลอบลูกจนโอบรักหายคิดถึง จากเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ นั่นทำให้คริสถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหนักๆลลิตาคุยกับลูกกระทั่งโอบรักหลับทั้งๆ ที่ยังไม่ได้วางสาย คริสจึงค่อยๆ ดึงโทรศัพท์ออกมามือเด็กชายจากนั้นก็คุยกับเธอต่อ“เป็นไงบ้างครับ&r
การทดเวลาบาดเจ็บที่ลักขณาขอให้คริสได้เกิดขึ้นเรื่อยๆ จากห้านาทีชายหนุ่มก็อยู่ได้ถึงสิบนาทีขยับไปเป็นครึ่งชั่วโมงหนึ่งชั่วโมงและหลักสุดคือขอนอนค้างด้วยแม้ ลลิตาจะไม่ยอมก็ตาม“เอาไงต่อ”“เอาไงเรื่องอะไร”“อย่ามาเฉไฉ รู้ๆ อยู่ว่าฉันพูดถึงใคร” ลักขณาจ้องตาลลิตาตรงๆ รายนี้โกหกไม่เก่งต้องหลุดบ้างแหละ ซึ่งมันก็จริงเพราะคนถูกจ้องอยู่ๆ ก็หันมองทางอื่นแทน“กำลังดูๆ อยู่”“อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่สนใจ”“เขาเข้ากับน้องโอบได้ดีกว่าที่ฉันคิด”“ถามตรงๆ เลยแล้วกัน แกยังรักคุณคริสอยู่ใช่ไหม”“ไม่รู้แต่ก็ยอมรับว่ามันมีเยื่อบางๆ ที่ฉันตัดไม่ขาดเสียที ยิ่งเห็นลูกก็ยิ่งนึกถึงเขา ทั้งโกรธทั้งแค้นทั้ง…นั่นแหละ” ลลิตาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไง แต่พอรู้ว่าทุกอย่างคือการปั้นน้ำให้เป็นตัวของปลายรุ้งที่เวลานี้เสียชีวิตไปแล้วใจเธอก็เบาขึ้น ตอนนั้นทั้งเธอทั้งคริสต่างก็มีค
“ผมรู้ คุณอยากตบอยากตีผมอีกสักกี่ครั้งก็ได้ เอาเลย” คริสคว้ามือของลลิตาขึ้นมาตบหน้าเขาหลายต่อหลายครั้ง แรงบ้างหนักบ้างก่อนที่เธอจะดึงมือตัวเองกลับ“เดี๋ยวฉันไปดูน้องโอบให้ ส่วนแกกับคุณคริสก็ปรับความเข้าใจกันไปก่อนนะ” ลักขณาเปิดโอกาสให้คริสและลลิตาได้ปรับความเข้าใจกันตามลำพัง หวังว่าเยื่อใยความรักของพวกเขาจะยังมีมากพอจนทำลายความรู้สึกที่ไม่ดีในอดีตได้“จะไปไหนอิง”“กลับไปหาลูก ส่วนคุณก็กลับไปได้แล้ว”“ก่อนกลับ ผมขอเข้าไปหาลูกด้วยได้ไหม” คริสร้องขออย่างน่าสงสาร“ไม่ได้”“ผมรู้ว่าคุณยังโกรธแต่อย่างที่บอกว่ามันคือการเข้าใจผิด ในเมื่อเข้าใจผิดเราเจ๊ากันไม่ได้เหรอ”“พูดง่ายไปหรือเปล่า” ลลิตาจ้องตาคริสด้วยความโมโห พูดออกมาได้ยังไงว่าให้เจ๊ากัน“ง่ายๆ แบบนี้แหละดีแล้ว ผมรักอิงนะเพราะรักถึงยังเจ็บปวด” ขณะเอ่ยนั้นคริสก็ขยับเข้ามาใกล้กับลลิตา จากนั้นก็รวบตัวเข้ามากอด“จะทำอะไร”“จูบ”
“คิดไว้แล้วเชียวว่าคุณต้องอยู่ที่นี่”“นา อิงอยู่ไหน ผมติดต่ออิงไม่ได้เลย” คริสปักหลักอยู่ที่หน้าบ้านของลลิตาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเช้าของอีกวัน ใบหน้าของชายหนุ่มดูหม่นหมองจากความเครียดและความสำนึกผิดลักขณาตัดสินใจเมื่อคืนว่าจะพูดทุกอย่างและมาหาเขาที่บ้านของลลิตาเพราะมั่นใจว่าคริสต้องอยู่ที่นี่ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่คิด“โรงพยาบาลค่ะ”“เด็กคนนั้นคือลูกของผมกับอิงใช่ไหม”“ค่ะ” แม้จะไม่รู้ว่าคริสรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรแต่ลักขณาก็ไม่คิดที่จะปิดบังเขาอีกแล้ว กลับรู้สึกผิดจนเจ็บไปทั้งใจ ลลิตาท้องแต่เธอกลับไม่ปริปากบอกเรื่องลูกกับเขา“ผู้หญิงผู้ชาย”“ผู้ชายค่ะ ชื่อน้องโอบอายุสามขวบเศษ”“แล้วแกเป็นอะไรถึงต้องอยู่โรงพยาบาล”“โรคหัวใจอ่อนแอตั้งแต่เกิด วันก่อนแกล้มหัวฟาดพื้นหมอเพิ่งผ่าตัดช่วยชีวิตได้สำเร็จ รวมทั้งการผ่าตัดหัวใจก็ลุล่ว