บทที่ 1 ตัวจุ้น
เฮดเตอร์ขมวดคิ้วมองเด็กสาวในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ตรงมุมห้องซ่อม ใบหน้าเล็กๆ ที่เขาจำได้แม่นแทบไม่ต้องนึกซ้ำ เธอคือเด็กนักเรียนบนทางม้าลายนั่นแน่นอน
“เธอว่าไงนะ?” เสียงเข้มเอ่ยถาม พร้อมขยับเข้ามาใกล้
นาเนียร์หน้าเจื่อนไปในทันที ถึงจะยังไม่ชอบหน้าเขานัก แต่ก็รู้ดีว่าเหตุการณ์วันนั้นถึงจะไม่ใช่ความผิดเธอเต็มร้อย แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่มีส่วน เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน สะพายกระเป๋าเล็กข้างตัวไว้แน่นก่อนจะโค้งให้เขา
“ขอโทษค่ะ…”
เฮดเตอร์เลิกคิ้ว ไม่คิดว่าเด็กจะยอมลดศักดิ์ศรีลงง่ายขนาดนี้
“ขอโทษเรื่องอะไร?”
“ขอโทษที่เถียงลุงเสียงดังกลางถนนวันนั้น…ถึงหนูจะยังคิดว่าลุงผิดอยู่ก็เถอะ” เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตยังคงแฝงความดื้ออยู่จางๆ
เฮดเตอร์หัวเราะหึในลำคอ สายตามองไปทางณคุณที่ยืนพิงโต๊ะอยู่ด้านข้างเหมือนรอดูสถานการณ์ เขาหันกลับมาหาเด็กสาวตรงหน้าอีกครั้ง
“จำไว้ ครั้งหน้าอย่าพูดก่อนคิด และอย่าข้ามถนนโดยไม่ดูรถ ถึงจะไฟเขียวก็เถอะ ขับพลาดขึ้นมา คนเจ็บมันไม่ใช่ฉัน” เสียงของเขาไม่ได้ดุดันเหมือนวันนั้น แต่ก็ยังคงหนักแน่นและจริงจัง
นาเนียร์พยักหน้า
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
“แล้วนี่อะไร เธอมาที่นี่ได้ยังไง?”
“เฮียครับ นี่นาเนียร์ น้องสาวผม”
“น้องมึง?”
“ครับ คือว่า…” ณคุณยังไม่ได้ทันพูดต่อให้จบประโยค เฮดเตอร์ก็เอ่ยขึ้นแทรกทันที
“มาตามพี่กลับบ้านหรือไง”
“เปล่าค่ะ แค่อยากหารายได้ช่วงปิดเทอม ก็เลย…” เธอรีบพูดสวน ดวงตาฉายแววดื้อดึงทันควัน
“ผมเลยพาน้องมาสมัครงานกับเฮียครับ”
“สมัครงานกับกู?”
“ครับ”
เฮดเตอร์มองเธออย่างพิจารณา ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะปรายตามองไปทางณคุณ
“น้องมึงนี่…ไหวเหรอ?”
“น่าจะไหวนะครับ น้องดื้อแค่ปาก แต่ขยันนะเฮีย” ณคุณยิ้มเจื่อนๆ พลางตบบ่าน้องสาวเบาๆ “ถ้านาเนียร์ไม่ทำปัญหาอะไรก็ให้ลองสักวันสองวันก่อนได้ไหมครับ งานเล็กๆ น้อยๆ ในศูนย์ก็ได้”
เฮดเตอร์ขมวดคิ้วยุ่ง มองหน้านาเนียร์อีกครั้ง คราวนี้เธอก้มหน้าหลบสายตาเขาทันที ก่อนที่ณคุณจะพูดขึ้นอีก
“แค่ช่วยดูออเดอร์ของที่มาส่ง หรือช่วยเช็กของก็พอครับ ไม่ให้ยุ่งงานหลักแน่นอน”
เฮดเตอร์ยังคงนิ่ง ราวกับกำลังชั่งใจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
“ก็ได้ ลองดูวันสองวัน ถ้ามีปัญหาไล่ออกทันที เข้าใจไหม?”
นาเนียร์เบิกตากว้าง ก่อนจะรีบพยักหน้าแรงๆ
“เข้าใจค่ะ! ขอบคุณนะคะคุณลุง เอ๊ย! เฮียเตอร์!”
“ถ้าเรียกลุงอีก เธอ…” เขาขมวดคิ้ว ไม่ชอบใจเลยสักนิดที่ถูกเรียกว่า ‘ลุง’ ซ้ำสอง
นาเนียร์กลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว แต่ก็พยักหน้ารับอย่างตั้งใจ “ค่ะ เฮีย~” น้ำเสียงเธอช่างยียวนจนน่าหมั่นไส้
ณคุณยิ้มแห้ง อยากปาดเหงื่อออกจากหน้าเหลือเกิน ขณะที่เฮดเตอร์กรอกตาใส่เด็กสาวแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง
นาเนียร์หันมาหาพี่ชาย กวักมือดีใจจนดูเหมือนเด็กประถม
“เย้~ เนียร์ได้งานแล้ว! ขอบคุณพี่ณนะคะ”
“อย่าเพิ่งดีใจไป…ถ้าเราทำลุง เอ้ย เฮียเตอร์ไม่พอใจ วันเดียวก็โดนไล่กลับบ้านได้ เข้าใจไหม?” ณคุณตีปากตัวเองเบาๆ เมื่อเผลอเรียกตามน้องสาว
“เข้าใจค่าาาา~” เธอลากเสียงยาว
ลูกน้องคยอื่นๆ ก็พลอยดีใจกับเธอด้วย บ้างก็ชูสองนิ้วให้ บ้างก็มาหยอดคำหวานแต่ก็ถูกสกัดดาวรุ่นโดยณคุณ
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำงานในรังเสือ ที่นาเนียร์ยังไม่รู้เลยว่า…เธอกำลังจะเข้าไปป่วนโลกที่ ‘ลุงหัวร้อน’ อย่างเฮดเตอร์สงบไว้ด้วยน้ำแข็งบางๆ มานานแค่ไหนแล้ว
ห้านาทีต่อมา…
เสียงเคาะโต๊ะเบาๆ ดังขึ้นหลังจากเฮดเตอร์เดินกลับเข้าห้องทำงานของเขาไม่นาน
“ไอ้ณ มึงเข้ามาคุยกับกูหน่อย”
น้ำเสียงเรียบเย็นของเขาดังลอดออกมาจากบานประตูแง้ม
ณคุณชะงักกลางคันระหว่างที่กำลังจะยื่นแก้วน้ำให้เพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง เขาหันไปมองประตูนั้นเล็กน้อยก่อนถอนหายใจอย่างรู้ชะตา แล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ
“แป๊บ เดี๋ยวมา” เขาบอกกับเพื่อน ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนั้นด้วยสีหน้าครึ่งจริงจังครึ่งระแวง
“ปิดประตูด้วย”
เฮดเตอร์ยังคงนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ตาเหลือบมองณคุณผ่านขอบแว่นตาดำที่เขาเพิ่งถอดออก
ณคุณปิดประตูอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเจ้านาย
“มีอะไรหรือเปล่าครับเฮีย”
เฮดเตอร์ไม่ตอบทันที เขาใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เป็นจังหวะเหมือนคนครุ่นคิดอยู่ แล้วจึงเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ
“เด็กคนนั้น…น้องสาวมึง”
“ครับ นาเนียร์” ณคุณพยักหน้าทันที “เธอเป็นน้องสาวแท้ๆ ผมเลย”
เฮดเตอร์นิ่ง
“นิสัยเป็นยังไง”
“ซน ดื้อมาก หัวรั้น แต่ไม่เคยสร้างปัญหาให้ใครครับ แถมยังรับผิดชอบดีด้วย น้องอยากทำงานช่วงปิดเทอม จะได้รู้จักการหาเงิน ไม่ได้อยากมาเที่ยวเล่น”
เฮดเตอร์ยังไม่พูดอะไร เขาหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ ก่อนพูดเสียงต่ำแต่ชัดเจน
“กูไม่ชอบเอาคนนอกเข้ามาในทีม รู้ใช่ไหม?”
ณคุณพยักหน้า
“รู้ครับ แต่เนียร์ไม่ใช่คนนอกสำหรับผมหรอกครับ และผมรับรองได้ว่าเธอจะไม่สร้างปัญหาให้เฮียแน่นอน”
เฮดเตอร์หรี่ตาลงเล็กน้อย
“วันก่อนกูเกือบขับรถชนน้องมึง รู้ไหม”
ณคุณส่ายหน้าเบาๆ นาเนียร์ไม่ยอมเล่าอะไรเลย และเขาสำรวจร่างกายน้องดีแล้ว ไม่มีตรงไหนบาดเจ็บจึงไม่ได้เอะใจหรือเอ่ยถามใดๆ
“เฮียเกือบขับรถชนน้องผม”
“เออ น้องมึงแม่งข้ามถนนไม่ดูรถ ดีไม่ชน ไม่งั้นมึงได้ร้องไห้สามวันเจ็ดวันแน่ แม่ง แถมยังมาด่ากูอีก เรียกกูลุงๆ เหมือนคนแก่!”
“นาเนียร์รักความถูกต้อง ผมขอโทษแทนน้องด้วยครับ”
“กูก็หัวร้อนจริงๆ” เฮดเตอร์พูดพลางยักไหล่ ก่อนจะทิ้งตัวพิงเก้าอี้อีกครั้ง สีหน้าครุ่นคิดขึ้นมาใหม่ “กูไม่ติดเรื่องที่เธอเป็นน้องมึงหรอก แต่ที่กูจะไม่ทนคือ ถ้าเธอเอาความวุ่นวายมาให้กู กับให้ที่นี่”
“ผมเข้าใจครับ ผมจะดูแลเธอเอง ถ้าเธอทำอะไรไม่เข้าท่า ผมเป็นคนรับผิดชอบเอง”
เฮดเตอร์พยักหน้าเบาๆ ดวงตาคมยังไม่ละไปจากณคุณ
“ถ้าน้องมึงจุ้นจ้านไม่เข้าตากูเมื่อไร ทุกอย่างจบทันที และถ้าน้องมึงทำให้ลูกน้องกูเสียผู้เสียคนนะ”
“เฮีย!” ณคุณอ้าปากค้าง “นี่คิดว่าน้องผมจะมาป่วนถึงขั้นนั้นเลยเหรอครับ”
“กับสายตาแบบนั้น…กูไม่ไว้ใจ” เฮดเตอร์ยกมุมปากขึ้นน้อยๆ อย่างคล้ายเย้ย เขาไม่ได้พูดเล่น แต่ก็ไม่ได้เอาจริงแบบเจ้านายเคร่งขรึมทั่วไป
“สายตาแบบไหนครับ?”
“สายตาแบบ…เด็กที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ ไง” เฮดเตอร์ยกคิ้วเล็กน้อย “แล้วก็ดูเหมือนจะหมั่นไส้กูเข้าไส้ด้วย”
“ฮ่าๆ ผมคิดว่าน้องจำเฮียได้แม่นเลยครับ ตั้งแต่แรกเห็นก็ปะทะกันเลยทีเดียว”
“งั้นก็ฝากไว้ในความดูแลมึง ถ้าเธอล้ำเส้นเมื่อไร…อย่าหาว่ากูไม่เตือน”
“ครับเฮีย” ณคุณรับคำเรียบๆ แม้จะรู้ว่าต่อจากนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่น้องสาวเขาก็ต้องผ่านบททดสอบนี้ไปให้ได้
เพราะที่นี่…คือโลกของเฮดเตอร์ เจ้านายขี้หงุดหงิดและหัวร้อน ที่ไม่ง่ายสำหรับใครหน้าไหนทั้งนั้น
————————————
ลุงระวังหลงน้องนัวเนียร์นะ 🤭
บทที่ 15 เป็นพาร์ทเนอร์กันไหม?นาเนียร์ก้าวลงจากรถ ขาทั้งสองข้างสั่นพั่บๆ จนต้องหาที่ยึดเหนี่ยวไม่ให้ตัวเองล้มพับลงกับพื้น“ไหวไหมเนี่ยน้องนาเนียร์”“ไหวค่ะ”“เฮียเตอร์พาไปลองรถมาเหรอ”“ค่ะ”เธอพยักหน้าให้รุ่นพี่เบาๆ แล้วถอดหมวกกันน็อกออก“โห หน้าซีดมาก ไหวแน่นะน้อง”“ไหวค่ะไหว” เธอตอบกลับโดยไม่เงยหน้ามองรุ่นพี่ จากนั้นจึงเดินเข้าไปด้านใน เจอแอร์และพัดลมเย็นๆ ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง และในจังหวะนั้น ณคุณก็เดินถือกล่องเครื่องมือเดินผ่านพอดี“ไปทำไรมาเนี่ย ไหนพี่ดูสิ” เขาไม่ได้เดินผ่านไป แต่กลับรีบปนี่เข้ามาหาน้องสาวเพราะเห็นว่านาเนียร์หน้าซีดมาก“เฮียเตอร์พาไปลองรถ เกือบตายแน่ะ”“หืม? พาน้องไปลองรถมาเหรอ”“ค่ะ”ณคุณขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำตอบ น้ำเสียงก็เปลี่ยนจากความเป็นห่วงเป็นแข็งขึ้นเล็กน้อย“แล้วทำไมหน้าซีดขนาดนี้” เขาหันไปมองรอบๆ ราวกับกำลังหาเป้าหมายที่ชื่อเฮดเตอร์นาเนียร์รีบโบกไม้โบกมือ“ไม่ใช่แบบนั้นพี่ณ…ก็แค่…เฮียเขาขับเร็วมากน่ะ น้องยังไม่ชิน”แต่คำอธิบายนั้นไม่ได้ช่วยให้ณคุณคลายสีหน้าขุ่นเคืองลง เขาวางกล่องเครื่องมือลงบนโต๊ะใกล้ๆ แล้วใช้มือจับแขนน้องสาวให้หมุนตัวไปมาเบาๆ“ไ
บทที่ 14 สนใจเสียงเครื่องยนต์คำรามแข่งกับลมที่กระแทกกระจกอย่างต่อเนื่อง รถพุ่งทะยานไปตามโค้งของสนามด้วยความเร็วที่ทำให้ท้องไส้ของนาเนียร์เหมือนถูกดึงรั้งไว้ด้านหลัง เธอกำเข็มขัดตัวเองแน่น เท้าก็เหยียบพื้นแน่นคล้ายจะช่วยเขาเบรกรถ แม้รู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยให้รถช้าลงเลยสักนิดเฮดเตอร์เหลือบตามองเธอจากมุมสายตา เห็นใบหน้าใต้หมวกกันน็อกที่ซีดนิดๆ กับริมฝีปากที่เม้มแน่นเหมือนพยายามเก็บอาการ เขายกยิ้มบาง ไม่ใช่ยิ้มเอ็นดู แต่เป็นยิ้มของคนที่กำลังพอใจที่ได้เห็นอีกฝ่ายตกอยู่ในอาณาเขตของตัวเอง“กลัวเหรอ” เสียงของเขาทุ้มต่ำ แทรกผ่านเสียงเครื่องยนต์เข้ามาในหูเธอ“มะ…ไม่กลัวค่ะ” นาเนียร์ตอบสั้นๆ แต่สายตายังจ้องถนนข้างหน้า“ไม่กลัวก็หันมามองสิ”เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหน้ามองเขาตามที่บอก แล้วก็ต้องเผลอกลืนน้ำลาย เพราะระยะห่างระหว่างใบหน้าของเขากับเธอตอนนี้ใกล้จนเห็นประกายแววตาคมชัดทุกเส้นสาย ราวกับเขาตั้งใจจะให้เธอสบตาแล้วจมอยู่ในนั้นเฮดเตอร์กระตุกพวงมาลัยเข้าโค้งแรง จังหวะนั้นแรงเหวี่ยงทำให้ร่างของนาเนียร์เอียงเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติ มือหนาของเขายกขึ้นมารับไว้ที่เอวอย่างรวดเร็ว“จับไว้ดีๆ” เขากร
บทที่ 13 ลองเครื่องนิ้วเรียวยาวของเฮดเตอร์วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะลูบหน้าผากตัวเองแรงๆ ทีหนึ่งด้วยความหงุดหงิด คราวนี้ไม่ใช่เพราะเอกสารตรงหน้า ไม่ใช่เพราะเสียงครางจากปลายสายก่อนหน้า…แต่เพราะความเงียบที่วนกลับมาอีกครั้ง มันเหมือนหลอกให้เขาต้องกลับมานั่งอยู่กับความรู้สึกที่ตัวเองก็ยังไม่อยากยอมรับเขาก้มมองโทรศัพท์อีกครั้ง นิ้วไถรายชื่ออย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดที่ชื่อสุดท้ายในกลุ่มที่พอไว้ใจได้“ลีออง” ตัวเลือกสุดท้ายติ๊ด…เสียงรอสายดังเพียงแค่สองครั้ง(ว่าไงมึง วันนี้เงียบเหงาเหรอ ถึงได้โทร.หาผมเนี่ย)เสียงกวนประสาทของลีอองดังขึ้นพร้อมกับเสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดคลออยู่ด้านหลัง ไม่ใช่เสียงหอบ ไม่ใช่เสียงหญิงสาว ไม่ใช่เสียงเตียงลั่นแอ๊ดแอ๊ดเฮดเตอร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกปนขบขันเล็กๆ เป็นครั้งแรกของคืน“อย่างน้อยก็มีมึงที่ว่าง…”(ไม่ว่างก็ต้องว่างแหละ โทรมาขนาดนี้ หายากนะที่มึงจะโทร.หากูก่อน ดึกแล้วด้วย มีไรว่ามา)“ไม่มีอะไรมาก แค่อยากเช็กว่ากูไม่ได้เหลือแค่เอกสารกับเสียงพัดลมในห้องทำงาน และที่สำคัญกูโทร.หามึงคนสุดท้าย”(หืมมมม~ ฟังดูเหงาแปลกๆ นะมึง หรือลูกน้องมึงแอบทิ้งไปเสพสุขกันหมดแล้ว?)เฮดเ
บทที่ 12 คนในอดีตณคุณทิ้งความงุนงงไว้ข้างหลัง ก่อนปั่นหน้ายิ้มแย้มเมื่อนาเนียร์เดินมาถึงรถพอดี“พี่ณ วันนี้ทำงานเหนื่อยมากๆ ขออ้อนได้ไหม”“ก๋วยจั๊บร้านประจำ?” ณคุณเอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจน้องสาว ทำเอาคนที่ตั้งใจมาอ้อนพี่ชายให้พาไปกินของอร่อยต้องหลุดยิ้มดีใจ“เก่งจัง รู้ใจน้องไปหมดเลย”“นี่พี่เรานะ เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ทำไมจะไม่รู้”“ขอบคุณนะพี่ณ ที่ไม่ทอดทิ้งน้องไปไหน”นาเนียร์จับชายเสื้ิพี่ชายเบาๆ แกว่งมือไปมาอย่างเขินอาย จากนั้นเธอก็เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มพี่ชายเบาๆ“อะไรเนี่ย หอมแก้มพี่ทำไม”“ขอบคุณ รู้สึกอยากขอบคุณและอยากขอโทษพี่ณที่ทำตัวให้ปวดหัว”“ไม่เอาน่า ไปหาอะไรกินกันเถอะ”“อืม”ขณะเดียวกันก็มีสายตาหนึ่งคู่ที่มองลงมาจากห้องทำงาน เฮดเตอร์มองสองพี่น้องที่เดินเคียงกันไปขึ้นรถ มุมปากเขาเหยียดยิ้มบางๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน22:00 บ้านของณคุณ“ตัวแสบ จะอ่านหนังสือถึงกี่โมงเนี่ย พรุ่งนี้ตื่นสายไม่รู้ด้วยนะ”“น้องไม่เคยตื่นสาย แต่ว่าอยากอ่านบทนี้ให้จบก่อนค่ะ”“เอางั้น?”“อืม แป๊บเดียว”“งั้นพี่อยู่เป็นเพื่อน”“โอเคค่ะ” นาเนียร์ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อณคุณหยิบหนั
บทที่ 11 ไม่เข้าใจเหตุผล“เฮ! ทำไมหน้าซีดแบบนั้น ไม่สบายเหรอ”ณคุณตะโกนเรียกน้องสาว เมื่อนาเนียร์เดินเข้ามาใกล้ เขาก็รีบถอดถุงมือช่างออกแล้วยกขึ้นไปอังหน้าผากน้องสาวทันที “ก็ไม่ได้ตัวร้อน ทำไมทำหน้าเครียดมาแบบนั้น”“พี่ณ”“หืม?”“คนเราสามารถมีอะไรกับคนที่ไม่ใช่คนรักของตัวเองได้เหรอ”ณคุณแทบสำลักน้ำลายกับคำถามตรงๆ ของน้องสาว และรุ่นน้องที่กำลังก้มหน้าทำงานอยู่ข้างๆ ถึงกับอ้าปากค้าง มองหน้านาเนียร์พร้อมกัน“หุบปาก” ณคุณหันไปสั่ง เพราะรู้ว่ายังไงก็ถูกแซวแน่ๆ ก่อนจะหันไปมองหน้านาเนียร์ จากนั้นจึงดึงแขนเธอเดินไปยังมุมที่ไม่มีคนพลุกพล่านเท่าไร “อะไร ทำไมเราถามพี่แบบนี้”“ก็แค่อยากรู้ค่ะ แต่ว่าพี่ณก็เคยทำนี่นา”“พะ พอเลยๆ ไม่ต้องพูด”“ก็น้องอยากรู้นี่คะ”“พี่เชื่อว่าเรามีคำตอบในใจแล้ว”“แล้วพี่ณคิดว่าเนียร์จะตอบอะไร”“พี่รู้น่าตัวแสบ ไปทำงานได้แล้ว และอย่าลืมว่าอีกไท่กี่วันเขาจะเปิดสอบแล้ว ตั้งใจหน่อย”“ครับผม จะไม่ทำให้พี่ณผิดหวัง”นาเนียร์ตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง แม้แววตายังดูไม่สดใสเท่าปกตินัก ทว่าก็พยายามกลบเกลื่อนความสับสนในใจด้วยท่าทีร่าเริง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากมุมนั้น ทิ้งให้ณคุณยังย
บทที่ 10 อย่าเล่นกับไฟรถเคลื่อนตัวออกจากสนามแข่งอย่างช้าๆ ทิ้งเสียงวุ่นวายและกลิ่นน้ำมันไว้เบื้องหลัง เส้นทางที่ทอดยาวเบื้องหน้าเงียบงัน มีเพียงแสงไฟถนนที่สะท้อนเข้ามาในรถเป็นระยะ กับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังสม่ำเสมอ ราวกับปลอบโยนความคิดฟุ้งซ่านของหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่เบาะข้างคนขับณคุณเหลือบมองน้องเป็นระยะ นาเนียร์ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตานิ่งสงบ แต่ในความนิ่งนั้นกลับซ่อนบางอย่างไว้จนคนเป็นพี่รู้สึกได้ มันคือความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เขาไม่ค่อยสบายใจนัก“เขาไม่ใช่คนธรรมดาเนียร์” ณคุณพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงนิ่งจริงจัง “คนแบบนั้น ถ้าเข้าไปใกล้มากเกินไป มันจะเปลี่ยนเราโดยไม่รู้ตัว”นาเนียร์หันกลับมามองพี่ชาย ชั่ววินาทีนั้นเองที่แววตาเธอเผยความสับสนออกมาอย่างปิดไม่มิด“น้องแค่…แค่อยากรู้จักมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ไฟแผดเผาตัวเองจนตายขนาดนั้น” เธอสารภาพเสียงแผ่ว “เขาเหมือนมีอะไรบางอย่างที่น้องอยากเข้าใจ อยากมองให้ลึกลงไปกว่าสิ่งที่เขาแสดงออก”ณคุณถอนหายใจยาว เขาไม่ได้ต่อว่า ไม่ได้พูดห้ามเหมือนก่อนหน้านี้ แต่สีหน้าเขายังคงเคร่งเครียด“ตัวตนของเฮดเตอร์มันไม่สวยงามอย่างที่เราคิดนะเ